กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-09-2023, 20:10
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,655 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-09-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,058 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังหอประชุมใหญ่พุทธมณฑล เพื่อร่วมโครงการอบรมสัมมนาเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ทั่วประเทศ

งานนี้องค์ประธานคณะกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลกลาง คือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสฤทธิ์ เขมงฺกโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้รับพระบัญชาจากพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในการประชุมพระธรรมทูตสายต่างประเทศที่ประเทศญี่ปุ่น หลวงพ่อสมเด็จฯ จึงได้มีสัมโมทนียกถาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ต้องบอกว่าเป็นคุณูปการของเทคโนโลยีสมัยนี้

อีกส่วนหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าสงสารกรุงเทพมหานครมาก เนื่องเพราะว่าหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลจะแต่งตั้งตามตำบลของบ้านเมือง แต่กรุงเทพมหานครไม่มีตำบล ไม่มีอำเภอ มีแต่แขวงกับเขต ก็เลยตกสำรวจ ตั้งอะไรไม่ได้สักหน่วยหนึ่ง..!

บางที ในเรื่องของการออกกฎ ระเบียบ หรือว่ามติมหาเถรสมาคม เพื่อรองรับงานต่าง ๆ ของคณะสงฆ์ ก็มักจะขาดความรอบคอบในส่วนที่ว่า
กรุงเทพมหานครไม่ใช่จังหวัด แต่เป็นเขตปกครองพิเศษ ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่แค่ ๒ แห่ง ก็คือกรุงเทพมหานครกับเมืองพัทยา

แล้วก็มาต่อเนื่องถึงที่กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดบางกระดี่ ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจประเมินยกชุมชนบางกระดี่ขึ้นเป็นชุมชนรักษาศีล ๕ ต้นแบบ วัดนี้ใหญ่โตมโหฬารมาก เพราะว่าเป็นชุมชนที่รวมเอาชาวมอญถึง ๓ หมู่บ้านเข้าด้วยกัน มีประชากร ๕,๐๐๐ กว่าคน ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นเอกสารในการตรวจประเมิน เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมาช่วยทำให้..!

เหตุที่ไม่มีก็เพราะว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่จังหวัด ไม่สามารถที่จะบรรจุข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลงไปตรงไหนได้เลย ก็มาจากสาเหตุเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เพราะไม่รู้ว่าจะประสานงานกับใคร ต่อให้มีแก่ใจอยากจะทำงานเกี่ยวกับหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลก็ทำไม่ได้

บางทีเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ฟังดูแล้วว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ก็มีจนได้ เพียงแต่ว่าในการตรวจประเมินที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัดเกิดการอุดมที่จังหวัดปทุมธานีก็ดี วัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม (ธ) ที่สมุทรสาครก็ดี หรือว่าทางด้านวัดบางกระดี่นี้ก็ตาม จะทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า
คนมอญมีความรักใคร่สามัคคีกันดีมาก และมีการส่งผ่านวัฒนธรรมมอญจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเข้มข้น เด็ก ๆ ที่มาร่วมงานสวดมนต์ไหว้พระเป็นบาลีมอญ อาราธนาศีล สมาทานศีล เป็นภาษามอญ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-09-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,058 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าชาวมอญทั้งหลายนั้น เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ด้วยความที่รู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองไม่ใช่คนไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามัคคีเหนียวแน่นกัน ไม่เช่นนั้นถ้าแตกสามัคคีก็อาจจะโดนคนอื่นรังแกได้ ซึ่งตรงนี้ชาวมอญคิดต่างจากชาวกะเหรี่ยง

ชาวกะเหรี่ยงนั้นคิดว่าตนเองเป็นคนไทย เนื่องเพราะว่าได้รับการยอมรับจากพี่น้องชาวไทย แม้กระทั่งองค์พระมหากษัตริย์ก็แต่งตั้งให้คนกะเหรี่ยงเป็นเจ้าเมือง โดยเฉพาะเจ้าเมืองสังขละบุรี ก็คือพระศรีสุวรรณ ตั้งแต่สมัยพระศรีสุวรรณ (ภูวะโพ่) มาจนกระทั่งมีการยกเลิกเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนกะเหรี่ยงจึงไม่รู้สึกว่าตนเองแปลกแยก

เราจะเห็นว่าพี่น้องกะเหรี่ยงเกือบทั้งหมดมีบัตรประชาชนไทย มีชื่อไทย นามสกุลไทย อย่างพวกท่านทั้งหลาย ถ้าสังเกตเวลากระผม/อาตมภาพส่งกระดานข่าวก็ดี ให้ทุนการศึกษาก็ตาม จะเห็นนามสกุลสังขละเจริญนาน ผาภูมิวิบูลย์ ผาภูมิชโรธร ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นนามสกุลกะเหรี่ยงทั้งนั้น

แม้กระทั่งนามสกุลแรก ๆ อย่างของโยมปันเอง กะเหรี่ยงปรังกาสีที่กระผม/อาตมภาพสนิทสนมด้วยมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว ก็คือนามสกุล ภูมิภาคสุวรรณ ภูมิก็คือภูมิ สุวรรณก็คือทอง = ทองผาภูมิ ต้องบอกว่าคนตั้งให้เก่งมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนกะเหรี่ยงจึงกลายเป็นคนไทยไปโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่แต่งตัวตามวัฒนธรรมกะเหรี่ยง ก็แทบจะกลืนเป็นไทยไปเรียบร้อยแล้ว

แต่คนมอญไม่ใช่ คนมอญเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มาก ตั้งแต่สมัยที่ตั้งอาณาจักรสะเทิม หรือที่คนไทยเรียกว่าสุธรรมวดี มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดถือ ปกครองจนกระทั่งอาณาจักรมอญยิ่งใหญ่ไปศาล เมื่ออาณาจักรของชาวเผี่ยว คืออาณาจักรพุกามเจริญขึ้นมา เห็นว่าชาวมอญเจริญรุ่งเรืองเพราะพระพุทธศาสนา ก็ส่งทูตมาขอพระไตรปิฎกไปศึกษาบ้าง แต่คนมอญเห็นว่าชาวเผี่ยวนั้นก็คือคนป่าคนดอย รู้สึกว่าต่ำชั้นกว่าตนเอง ก็เลยไม่ยอมให้พระไตรปิฎกไป จึงทำให้พระเจ้าอนุรุทธมหาราช หรือถ้าเรียกเป็นภาษาพม่าก็คือพระเจ้าอโนรธา ยกกองทัพมาตีอาณาจักรสะเทิม หรือสุธรรมวดี

พระเจ้าพระเจ้ามนูหะที่เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรมอญ ไม่ยอมยกทหารออกรบด้วย เพราะว่ากลัวผิดศีล..! จึงเสียอาณาจักรมอญให้กับทางด้านอาณาจักรพุกามแบบง่าย ๆ โดนกวาดต้อนไปกักขังไว้ที่เมืองปะกาน หรือที่คนไทยเรียกว่าเมืองพุกาม แล้วก็ยึดเอาพระไตรปิฎกไป จนกระทั่งอาณาจักรพุกามยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันนี้มีทะเลเจดีย์เป็นมรดกโลกอยู่ เพราะว่าพม่านิยมในการสร้างเจดีย์เป็นอย่างมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-09-2023, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,058 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กว่าที่อาณาจักรพุกามจะเจริญรุ่งเรืองก็ไม่ใช่ของง่าย แต่ว่ามาโดนกุบไลข่าน กษัตริย์มองโกลตีพังราบไป เพราะว่าตอนช่วงนั้นกองทัพม้ามองโกลยิ่งใหญ่มาก ตีไปยันเอเซียกลางจนถึงยุโรปโน่น แล้วก็โชคดี เหตุที่บอกว่าโชคดีก็เพราะว่า พอกุบไลข่านตีอาณาจักรพุกามได้ ก้าวต่อไปก็จะมาสุโขทัย แต่ว่าเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันขึ้นมาก่อน กุบไลข่านจึงต้องถอนกำลังกลับ ต้องบอกว่าเป็นบุญของอาณาจักรสุโขทัย ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาภายใน จนกองทัพมองโกลต้องล่าถอยไปเอง ไม่อย่างนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะต้านแสนยานุภาพกองทัพมองโกลได้เลย

ในเมื่อชาวมอญโดนกดขี่ข่มเหงมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรพุกาม แล้วก็มาถึงในยุคปัจจุบัน จะเรียกว่าปัจจุบันก็ไม่ได้ เพราะว่านับเป็นชั่วอายุคนแล้ว ก็คือช่วงที่บรรดาชนเผ่าต่าง ๆ ของพม่า ร่วมกันทำ "สนธิสัญญาเวียงปางหลวง" ว่าถ้าหากช่วงชิงเอกราชคืนจากอังกฤษได้ จะอยู่รวมกันเป็นประเทศพม่า ๑๐ ปี หลังจากนั้นแล้วก็แยกย้ายกันไปตั้งประเทศของใครของมัน ถ้าหากว่าเป็นไปตามสนธิสัญญานี้ ก็จะมีประเทศมอญ ประเทศพม่า ประเทศกะเหรี่ยง ประเทศกะฉิ่น ประเทศฉานหรือสยาม ซึ่งก็คือไทใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น

แต่ปรากฏว่าโดนทหารพม่าหักหลัง มีการเข่นฆ่าผู้นำในช่วงที่กำลังประชุมกันเพื่อที่จะแยกประเทศ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวมอญก็ยังไม่มีประเทศเป็นของตนเอง

แม้ปัจจุบันนี้จะมีรัฐมอญ หรือที่เรียกว่า Mon State ของพม่า โดยมีเมืองหลวงคือมะละแหม่ง ซึ่งคำว่า มะละแหม่งนี้ ถ้าหากว่าเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะมีคนส่วนหนึ่งอ่านว่า เมาะลำเลิง แต่ถ้าออกเสียงแบบพม่าว่า โมละเหมี่ยย คนไทยมักจะฟังเป็นเมาะลำไย ซึ่งก็คืออันเดียวกัน ก็เลยทำให้ชาวมอญส่วนหนึ่งที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา มีความเป็นมอญที่เข้มข้นมาก

ขณะเดียวกันก็ยึดถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้ชาวมอญไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองที่นั่น เอาแค่ทองผาภูมิของเรา ถ้าไม่มีพี่น้องชาวมอญเป็นหลักในการใส่บาตร ๕ - ๖ วัดที่บิณฑบาตอยู่ในตลาดทองผาภูมิ ก็ไม่มีทางที่จะมีอาหารพอขบฉัน
เนื่องเพราะว่าคนไทยของเราไม่มีกำลังใจในการสร้างบุญกุศลเหมือนอย่างกับพี่น้องมอญพม่า ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นหวังความสุขในชาติต่อ ๆ ไปจากบุญกุศลที่ตนเองทำ ในขณะที่คนไทยของเราประมาทเป็นอย่างยิ่ง

จึงขอฝากพวกเราเอาไว้ว่า ในเรื่องของบุญของกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ในแต่ละวันเราต้องทำให้ได้มากที่สุด คือถ้าหากว่าไปไม่ถึงจุดสุดท้าย ก็คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน อย่างน้อยบุญก็จะช่วยสร้างความสุขให้แก่เราในชาติต่อ ๆ ไปได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว