|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : การปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน มีจุดพิจารณาสำคัญอยู่ตรงไหนครับ ?
ตอบ : อยู่ตรงที่ว่ากำลังใจเราจะเกาะพระนิพพานแน่นแฟ้น พูดง่าย ๆ คือรักพระนิพพานอย่างชนิดที่ยอมตายได้เพื่อพระนิพพาน ถ้าเข้าถึงจะเป็นเองโดยอัตโนมัติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2020 เมื่อ 16:35 |
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
ถาม : (การสร้างตะกรุดมหาสะท้อน) ?
ตอบ : เขียนแล้วเสกด้วยคาถา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา ๑๐๘ จบ ไม่ต้องไปขอคนอื่น ขอพระตรง ๆ ได้เลย เรื่องนี้ท่านให้ไว้นานแล้ว เพียงแต่วัสดุที่สร้างตะกรุดต้องเป็นทองคำ นาก หรือเงินเท่านั้น ไปดำเนินการได้ รู้วิธีแล้วก็ลุยเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:45 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
ถาม : สอบถามเรื่องพระวินัยครับ เรื่องของมหาปเทส ๔ เกี่ยวกับกาลิกที่ว่าเรื่องอาหาร ?
ตอบ : กาลิกไม่ต้องใช้มหาปเทสเพราะว่าชัดเจนอยู่แล้ว ถาม : (ไม่ชัด) ? ตอบ : ใช่...ก็คืออะไรเป็นยามกาลิก อะไรเป็นยาวกาลิก อะไรเป็นสัตตาหกาลิก อะไรเป็นยาวชีวิก พวกนี้ระบุแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องอาศัยมหาปเทส มีแต่โลณเภสัชคือเกลือ ที่เขามีการตีความกันในช่วงการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ ที่ภิกษุวัชชีบุตรเอาเกลือไปทำอาหาร แล้วยังนับอายุเป็นยาวชีวิกอยู่ ซึ่งปกติแล้วไม่ได้ เพราะว่าต้องนับอายุที่สั้นที่สุดก็คือเป็นอาหาร ก็ได้แค่หลังเพล ถ้าคุณต้องการก็ต้องให้เขาประเคนใหม่ ตรงนี้เขาตีความกันตอนสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ ถาม : สงสัยว่า ถ้าสละแล้วเขาคืนให้มา ก็ไม่ต้องประเคนใช่ไหมครับ ? ตอบ : ไม่ใช่..โดยปกติแล้วท่านให้ตัดใจสละทิ้งไปเลย แต่โดยมารยาทแล้ว ถึงเราสละให้คนอื่น คนอื่นเขาก็จะคืนให้เรามา เราก็ให้โยมประเคนใหม่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอก ทำให้ถูกไว้ดีกว่า ถาม : ไม่ต้องอาศัยการตีความด้วยมหาปเทส ? ตอบ : คือมหาปเทส ๔ ท่านให้ไว้สำหรับเรื่องที่ตีความยากจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
ถาม : หนูป่วย แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หายใจไม่ค่อยสะดวก คราวนี้เราเกิดความรู้สึกว่า ถ้าถึงเวลาเราหายใจไม่ออกจริง ๆ เราควรจะทำกรรมฐานอย่างไร ?
ตอบ : ก็แค่กำหนดรู้อย่างเดียว รู้ว่าตอนนี้หายใจไม่ออก รู้ว่าตอนนี้หายใจไม่สะดวก รู้ว่าตอนนี้จะตาย แล้วก็แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ ถาม : ตามรู้คือคิดหรือคะ ? ตอบ : ไม่ใช่คิด ตอนนี้เป็นอย่างไร รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างนั้น จะตายอยู่แล้วยังต้องคิดไปอะไรอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ญาติโยมทำอะไรช้า ก็เลยไม่เคยชินกับความเร็วของวัดท่าขนุน อาตมาออกจากกรรมฐานมา นั่งรับศรัทธาญาติโยมที่ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย พอหมดคนก็ไปพัก หกโมงครึ่งลงมาบวชสามเณร เจ็ดโมงครึ่งทำบวงสรวง เสร็จแล้วก็เข้าโบสถ์บวชพระ ๓๙ รูป สิบโมงห้าสิบเจ็ดนาที ออกมาเททองหล่อพระตอน สิบเอ็ดโมง ประมาณ ๑๐ นาทีก็เสร็จเรียบร้อย แล้วก็ไปฉันเพลกัน ญาติโยมเป็นหมื่นยังสงสัยว่า "นี่งานเสร็จแล้วหรือ ?"
ในระยะเวลาที่เท่ากัน ถ้าหากว่ากำลังใจของคนที่รวบรัดตัดตรงจะไม่ยุ่งยาก ทำอะไรมุ่งเอาประโยชน์ที่มากที่สุดและตรงที่สุดเท่านั้น โดยเฉพาะมุ่งเอาเฉพาะงานตรงหน้าเท่านั้น ก็จะทำงานได้มากกว่าคนอื่นเขา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:50 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้มีม็อบ ได้ยินว่านักเรียนก็จะไปม็อบ รู้สึกว่านักเรียนสมัยนี้ฉลาดกว่าครูบาอาจารย์
ไปนึกถึงเคออส ความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดจากปิศาจ ๗ ตนช่วยกันสร้างขึ้นมา แล้วบรรดานักคิดก็เอามาสร้างเป็นทฤษฏี ความจริงความสับสนวุ่นวายไม่มีอะไรหรอก ก็เกิดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเรานี่แหละ เป้าหมายใหญ่ก็เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตน ดังนั้น...เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ถ้าอยากจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ให้คิดเจาะลงไปเลยว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นอย่างนี้ใครได้ประโยชน์ ถ้าเป็นอย่างนั้นใครได้ประโยชน์ ตีวงพักเดียวก็ได้ตัวการแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตัณหาคือความทะยานอยาก ถ้ารู้จักควบคุมไปให้ถูกทาง จะสร้างความเจริญให้กับโลกเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไปผิดทาง ก็จะสร้างความฉิบหายวุ่นวายให้กับโลกเป็นอย่างมากเช่นกัน โลกเราในปัจจุบันไม่มีเวลาที่จะมาวุ่นวายแบบนี้ สิ่งที่ควรจะสนใจก็คือ ทำอย่างไรที่จะผลิตอาหารให้เพียงพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เอาแค่แต่ละประเทศก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยไปเลี้ยงโลก ถ้าเป็นบ้านเราก็คือ ทำตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:52 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
"ถ้าใครอ่านหนังสือ The Visionary ที่เขาแปลเป็นไทยว่า ผู้มองเห็นอนาคต ที่กล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน อีกไม่นาน ถ้าหากว่าภาวะสงครามตลอดจนกระทั่งความวุ่นวายปะทุถึงขีดสุด ทุกคนจะเห็นว่าสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานมาตลอดพระชนม์ชีพ มีประโยชน์มหาศาลขนาดไหน เพราะไม่ว่าเขาจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม เราจะสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
แต่คราวนี้ด้วยความประมาทอย่างหนึ่ง ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ฟังดูแล้วไม่ช่วยให้รวยอีกอย่างหนึ่ง ก็เลยทำให้คนสนใจที่จะปฏิบัติน้อย ยกเว้นคนที่มีปัญญาเห็นความมั่นคงในครอบครัว ว่าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความมั่นคงในอาหาร มีความมั่นคงในสุขภาพ มีความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัย ถ้าหากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีสมบูรณ์พร้อม เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครก็อยู่ได้ อย่างสมัยโบราณ เรื่องของอาหาร หัวไร่ชายนามีมากมาย เพราะว่าผู้คนยังไม่มาก สมัยอาตมายังเด็กอยู่ ยังได้ยินเพลงชาติเก่า ที่เนื้อร้องมีระบุจำนวนประชากรไทยว่ามี ๑๘ ล้านคน สมัยนี้ ๖๘ ล้านคน ต่างกัน ๕๐ ล้านคน ก็แปลว่าต่างกันประมาณ ๕ เท่า ทรัพยากรย่อมไม่เพียงพอ สมัยก่อนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ใช้สมุนไพรใบยาตามหัวไร่ชายนา ตามป่าตามเขา ชาวบ้านทำงานหนัก กินอาหารแต่ผักแต่ปลา ไม่ค่อยได้กินเนื้อ แต่สุขภาพแข็งแรงมาก ขนาดบาทหลวงลา ลูแบร์ รายงานถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ว่า คนไทยตัวเล็ก ผิวคล้ำ ล่ำสัน แต่แข็งแรงมาก ๆ เพราะว่าอยู่กับธรรมชาติ เราแค่หวนคืนไปสู่สิ่งที่บรรพบุรุษของเราทำกันมาก็จบแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:53 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
"แต่ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างของพวกเราเลียนแบบต่างประเทศ เพราะเห็นว่าโก้เก๋ แม้กระทั่งเรือนชานบ้านช่องก็สร้างตามแบบของยุโรปอเมริกา กลายเป็นว่าถ้าไม่มีเครื่องปรับอากาศแล้วอยู่ไม่ได้ หลายคนสร้างบ้านเรือนทรงสเปน ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ บ้านทรงนั้นต้องการเก็บความอบอุ่นไว้ในบ้านมากที่สุด หลังคามีส่วนลาดให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้หิมะเกาะทับถมจนกระทั่งพัง พอมาอยู่บ้านเราก็กลายเป็นเตาอบดี ๆ นี่เอง
ในเรื่องของภูมิปัญญาคนโบราณ ภูมิปัญญาท้องถิ่น จะเหมาะสมอยู่ในทุกโอกาส คนไทยสมัยก่อนสร้างบ้านใต้ถุนสูง ถึงเวลาหน้าหนาวอยู่บนเรือน ก่อไฟใต้ถุนบ้าน ถึงเวลาหน้าร้อนอยู่ใต้ถุน มีหลังคา มีพื้นบ้านกันสองชั้นไม่ร้อน ลมเข้าทุกทิศทุกทาง หน้าน้ำหลากมีเรือขึ้นคานอยู่ใต้ถุน พอถึงเวลาเดือน ๙ เดือน ๑๐ ก็เริ่มตอกหมันยาเรือ ทาน้ำมันกันแล้ว เอาลงจากคานเตรียมไว้ เดือน ๑๑ น้ำไหลนอง เดือน ๑๒ น้ำทรง ลงเรือกันเป็นปกติ สมัยนี้เอารถเบนซ์ผูกไว้ น้ำท่วมทีรถเบนซ์ก็สำลักน้ำ...! อาตมาให้แนวคิดไว้นานแล้วนะ ว่าหมู่บ้านจัดสรรให้ทำเป็นเรือนแพ ติดลูกทุ่นให้มั่นคง มีเสาหลัก ๔ มุม เอาไว้คล้องห่วง ถึงเวลาน้ำขึ้นเท่าไร ก็ลอยตามน้ำสูงเท่านั้น ไม่เดือดร้อนกับใคร ถ้าไม่มั่นใจก็เสาหลักสูงสัก ๑๐ เมตรไปเลย เผื่อน้ำท่วมเยอะ น่าจะขายดีนะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:55 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
"The Visionary กษัตริย์ผู้เห็นอนาคต ฝรั่งยกย่องขนาดนั้น แต่คนไทยเราไม่สนใจเลย
ตอนนี้บ้านเรามีขบวนการ CIA คอยเกาะติดม็อบอยู่ตลอด พอถึงเวลาก็จะวิ่งนำไปรอ ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นปิ้ง ส้มตำ กาแฟ สารพัด ส่วนหนึ่งที่คณะสงฆ์หนักใจก็คือเรื่องของพระหนุ่มเณรน้อยที่ขาดการอบรม ไม่ฟังมติ ระเบียบหรือคำสั่งมหาเถรสมาคม ที่เป็นกฎหมายคณะสงฆ์ ไปร่วมขบวนประท้วงหรือว่าร่วมปราศรัย สิ่งนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว เกิดจากความบกพร่องของเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์เข้มงวด อบรมสั่งสอนดี เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าอาวาสเข้มงวด อบรมสั่งสอนดี เรื่องเหล่านี้ก็จะไม่เกิด เพราะฉะนั้น ๒ ด่านที่สำคัญก็คือด่านเจ้าอาวาสและด่านพระอุปัชฌาย์ แต่ว่าเจ้าอาวาสบางท่านก็เป็นพระอุปัชฌาย์เสียเอง อย่างอาตมาเป็นต้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:56 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
"เมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องชี้แจงว่าอะไรเหมาะ อะไรควร อะไรไม่เหมาะไม่ควรต่อสมณสารูป อย่างที่ปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณะ เขาพิจารณากันทุกวัน ๆ ว่าเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ ตัวเราติตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ? ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติตัวเราโดยศีลได้หรือไม่ ? กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำกายวาจาใจเหล่านั้นให้ได้ เป็นต้น
ก็แปลว่าท่านทั้งหลายที่ไป เพราะว่าขาดการอบรม เนื่องจากว่าสมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระอุปัชฌาย์เป็ด คือไข่แล้วทิ้ง ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ไก่ที่ไข่แล้วฟูมฟัก แต่ว่าคนเปรียบเทียบอย่างนี้ แสดงว่าไม่เคยเห็นเป็ดเทศ เป็ดเทศฟักไข่นี่ ห่วงไข่กว่าแม่ไก่อีก ถึงขนาดตีกับพ่อไก่อย่างชนิดที่หมดสภาพ แผ่หราไปด้วยกันทั้งคู่ อาตมาก็เคยเห็นมาแล้ว เพราะว่าพ่อไก่จะไปแย่งรังให้แม่ไก่วางไข่ ตรงไหนที่นกหรือว่าเป็ดไก่แย่งกัน แปลว่าปลอดภัย ปลอดภัยจากอะไร ? อยู่สูงจากพื้นเพียงพอที่จะพ้นจากบรรดางูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือว่าสัตว์กินเนื้อ ด้านบนมีสิ่งบดบังอันตรายที่มาจากทางด้านบนได้ เป็นต้น ดังนั้น ถ้าหากว่าเจอพระอุปัชฌาย์เป็ด ก็ทำให้ลูกศิษย์เละเทะอย่างที่เห็น สร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรก็คือคณะสงฆ์ไทย จึงควรไปเคี่ยวเข็ญกันที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์แทน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2020 เมื่อ 17:58 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ถาม : ปฏิบัติมาเป็นปีแล้ว ในกรณีที่หน้าเบี้ยว เสียงเปลี่ยน มีอะไรแก้ไหมคะ ไม่ได้รับองค์ค่ะ ยิ่งปฏิบัติยิ่งเป็นค่ะ ?
ตอบ : ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าหากว่ามีสิ่งที่ไม่ดีอยู่ เหมือนกับเป็นของมืด สิ่งที่เราปฏิบัติก็คือคุณพระรัตนตรัยที่เหมือนกับแสงสว่าง ถ้ายึดมั่นในแสงสว่างจริง ๆ จะขับไล่ความมืดไปได้เอง เพราะฉะนั้น..เราต้องฝืนสู้ พอชนะแล้วจะชนะเลย ไม่กลับมาเป็นอีก ถาม : ถ้ากลัว เพราะมีการดิ้นตึงตัง ? ตอบ : ไม่ได้เป็นอะไรหรอก อาการแบบนี้สำหรับนักปฏิบัติส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็น บางทีก็ดิ้นตึงตังโครมครามเหมือนอย่างกับผีเจ้าเข้าสิง แต่ความจริงแล้วเป็นอาการปกติธรรมดา ถ้าอาตมาขี้กลัวก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรอก เพราะว่าดิ้นตึงตังมาตั้งแต่เด็ก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:39 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตเนื้อพิเศษ (มีหน้ากาก) ประกอบไปด้วยหน้ากากทองคำ หน้ากากเงิน หน้ากากทองฝาบาตร อาตมาไม่ได้สั่งทำ พระครูเทพ เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ให้ช่างทำตัวอย่างมาให้ อย่างละ ๑๐ เหรียญ สวยมาก แต่อาตมาเอาแค่ตัวอย่าง จ่ายไปสองแสนกว่าบาท เพราะว่ามีหน้ากากทองคำด้วย ก็เลยมีแค่อย่างละ ๑๐ เหรียญเท่านั้น
ตามที่ตกลงกัน คืออาตมาสร้างแล้วจะมอบให้ทางพระครูเทพเขา ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าให้เขาไป ๒ เหรียญ ที่เหลือ ๘ เหรียญก็ฆ่ากันตายไปตั้งแต่เช้าแล้ว บางท่านถามว่าทำไมแพงนัก ? ทองคำไม่แพง แล้วอะไรจะแพงวะ ? ส่วนเหรียญที่ใส่ซองเอาไว้ไม่ต้องแกะซองนะ จำหน่ายทั้งซอง จริง ๆ แล้วพระครูเทพท่านทำไว้แจกให้ญาติโยมจับสลากเสี่ยงดวง แต่ท่านถวายพระเถระที่ปลุกเสกมา เพราะฉะนั้น..โยมก็เสี่ยงดวงเอาก็แล้วกันว่าจะได้ซองไหน แล้วไม่ต้องมาคลำว่าซองใหญ่ซองเล็ก เดี๋ยวตีมือเลย..! เขาเรียกว่ารู้มากแล้วยากนาน พวกรู้น้อยก็พลอยรำคาญ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสถึงสุขของคฤหัสถ์ ๔ อย่าง
๑. สุขของการมีทรัพย์ ๒. สุขของการจ่ายทรัพย์ ๓. สุขของการไม่เป็นหนี้ ๔. สุขของการทำงานที่ไม่มีโทษ เพราะฉะนั้น..การช็อปปิ้งคือสุขของการจ่ายทรัพย์ ถ้าบ้านไหนไปช็อปปิ้งแล้วโดนด่า ให้บอกเลยว่าทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน..! โบ้ยไปยันโน่น ท่านเพียงแต่บอกให้รู้ว่าความสุขของคฤหัสถ์มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่มีโทษ ต้องเป็นสัมมาอาชีวะ ไม่ผิดทั้งกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม อาชีพที่ผิดศีลผิดธรรม ท่านเรียกว่า มิจฉาวณิชชา การค้าขายในทางที่ผิด มีขายสุรา ขายยาพิษ ขายอาวุธ ขายมนุษย์ ขายสัตว์ที่ยังมีชีวิต ส่วนที่เหลือเป็นสัมมาอาชีวะ คราวนี้ในส่วนของการขายสุรา รวมยาเสพติดทั้งหมดด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้ระบุชัดเจนไว้เท่านั้น ถ้าภาษาบาลีเขาใช้คำว่า สงเคราะห์เข้าด้วยกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:42 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
ถาม : มีวันหนึ่งนานมาแล้ว หนูอ่านหนังสือของคุณหมอสมศักดิ์ ในนั้นเขาบอกว่าให้จับลมหายใจตลอดเวลา หนูก็จับตลอดเวลา อาบน้ำก็จับ ก่อนนอนหลับก็จับจนหลับไป แต่ว่าตื่นขึ้นมา เหมือนจับลมหายใจเอง หนูก็เลยกลัว ไม่ทำอีกแล้ว ?
ตอบ : กำลังจะเริ่มดีแล้ว ดันเลิกเสียได้..! ถาม : จะต้องทำอย่างไรต่อไปคะ ? ตอบ : ทำอย่างนั้นแหละ คือให้เรารู้ลมหายใจอัตโนมัติโดยไม่ต้องบังคับ แล้วก็เอาสติประคองเอาไว้แค่นั้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็เข้าไม่ได้แล้ว พอ รัก โลภ โกรธ หลง เข้าไม่ได้ กำลังใจของเราจะผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ ปัญญาจะเกิดแล้วเห็นช่องทางเองว่าเราต้องทำอะไรต่อไป ถาม : รู้สึกว่าหนักค่ะ ? ตอบ : ยังหนักอยู่ เพราะว่าเราเพิ่งหัด ถ้าทำไป ๆ จะเบาไปเรื่อย ๆ จะรู้ลมโดยอัตโนมัติเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปบังคับ เราก็แค่เอาสติประคับประคองไว้เท่านั้น อย่าให้หลุดหายไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:43 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
ถาม : เนื้อนวะโลหะ เป็นเนื้อที่ทำจากโลหะหรือครับ ?
ตอบ : เขาผสมขึ้นมาจากโลหะ ๙ ชนิด อย่างเช่นว่า มีชิน มีเงิน มีทอง อะไรพวกนั้น น้ำหนักทองจะมากที่สุดก็คือ ๙ บาท เงิน ๘ บาท เขาไล่ลงไปเรื่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:44 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าหลวงพ่อทองคำมาถึงพอดี ไม่มีโอกาสกราบได้ใกล้ชิดอย่างนี้อีกแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวก็อัญเชิญกลับวัด แล้วก็ไปอยู่ในมณฑปสูง ๆ
ต้องบอกว่าชุดของเรานี่ดวงเฮงสุด ๆ เพราะว่าเพิ่งอัญเชิญเพิ่งมาถึง (โยมถ่ายรูปหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพร) เขาเรียกว่านาทีทอง รีบถ่ายไว้ เพราะว่าเดี๋ยววันจันทร์ก็จะอัญเชิญกลับไปวัดแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2020 เมื่อ 03:45 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
เก็บตกเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ หมดแล้วค่ะ
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|