|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขออาศัยโอกาสนี้แจ้งให้ญาติโยมได้ทราบว่า การหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ทางวัดก็จะเปิดรับบริจาคจนถึงวันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เพราะฉะนั้น..ถ้าท่านใดจะทำบุญก็ต้องเร่งมือสักหน่อยหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถึงเวลาปิดโครงการไปแล้ว จะมาเสียใจหรือจะมาเสียดายก็ไม่ทันแล้ว
ในเรื่องของพระพุทธลีลาประทานพร ต้องบอกว่าอาตมามีวาสนาผูกพันกับท่านเป็นพิเศษ ถึงเวลาท่านก็เสด็จมาสงเคราะห์ ทำให้ต้องการที่จะสร้างรูปของพระองค์ท่านเอาไว้ให้เป็นที่เคารพบูชาของพวกเรา ในเรื่องของพระพุทธลีลาประทานพรก็ดี หลวงพ่อไหลมาเทมาก็ดี ด้วยความที่พระองค์ท่านประทานพรไว้ให้ นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก หลวงพ่อไหลมาเทมาหรือพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หรือสมเด็จองค์ปฐมปางอุ้มบาตร ในวันที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมที่เจดีย์พุดตาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมามากมายจนประมาณได้ยาก มีสมเด็จองค์ปฐมในปางอุ้มบาตรยืนตระหง่าน สูงใหญ่กว่าทุกพระองค์ พระองค์ท่านยื่นบาตรให้อาตมา แล้วบอกว่า "นี่คือสมบัติที่พ่อให้..รับไว้นะลูก" อาตมารับมาแล้วเห็นทั้งบาตรมีแต่เงิน ตอนนั้นใจไม่ได้อยากได้ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั้น ได้แสดงพระธรรมเทศนาไว้ว่า "ขอพวกเธอจงเป็นธรรมทายาทเถิด อย่าได้เป็นอามิสทายาทเลย" พูดง่าย ๆ ก็คือให้เป็นทายาททางธรรม ไม่ใช่ทายาทโดยทรัพย์สมบัติ แต่ในเมื่อพระองค์ประทานมาให้ ก็จำเป็นที่จะต้องรับไว้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-07-2020 เมื่อ 22:06 |
สมาชิก 292 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
"ดังนั้น...ในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมปางอุ้มบาตร หรือพระพุทธลีลาประทานพร โดยท่านอาจารย์มหาเอ ท่านก็ทราบถึงเรื่องความพิเศษตรงนี้ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พรอาตมภาพไว้ จึงได้นิมนต์ไปทำพิธีพุทธาภิเษกให้ เนื่องจากว่าเวลาก่อนกรรมฐานเหลือจึงเล่าเรื่องนอกลู่นอกทางเพิ่มขึ้นมาให้ฟังเล็กน้อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2020 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 294 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวถึงระบบการเข้าทำบุญที่บ้านเติมบุญว่า “การจัดระบบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คนไม่เต็ม นั่งกันหลวม ๆ ไม่จัดระเบียบก็ไม่ได้ เพราะว่าทางจังหวัดเขาเอาจริง นนทบุรีเป็นเขตสีแดงของการแพร่ระบาด ก็เลยจำเป็น ถ้าเขาเห็นว่าเราคุมไม่ได้ เขาก็จะห้ามเปิดบ้านรับคน”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2020 เมื่อ 09:33 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนเราเมื่ออายุ ๔๕ ปีขึ้นไป ให้ทำตัวเป็นผู้เบาลงไปเรื่อย ๆ มีของอะไรก็ผ่องถ่ายออกไป เหลือเอาไว้แค่จำเป็น แล้วจะมีความสุข เพราะว่าไม่ต้องแบกอะไรมาก
มีบ้านหนึ่งหลังก็ทุกข์แบบบ้านหนึ่งหลัง มีบ้านสองหลังก็ทุกข์แบบบ้านสองหลัง มีโยมอยู่คนหนึ่ง มีลูกอยู่สองคน สร้างบ้านให้ลูกคนละหลัง หลังละ ๒๐๐ ตารางวา พื้นที่บ้านนะ ไม่ใช่ที่ดิน..! ส่วนตัวพ่อเองอยู่บ้านขนาด ๓๐ ตารางวา เขาบอกว่าผมแก่แล้วผมคิดได้ อยู่บ้านเล็ก ๆ สบายที่สุด ส่วนลูกยังหนุ่มอยู่ยังคิดไม่ได้ ให้บ้านใหญ่ ๆ ไว้ก่อน”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2020 เมื่อ 09:34 |
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เห็นคณะโมทนาบุญสัญจรเหี่ยวไปสี่เดือน อาตมาก็เลยหางานให้ โดยการที่ให้คนเอาเม็ดเงินไปแลกที่วัด เพราะว่าอาตมาขี้เกียจขนเอง เม็ดเงิน ๗๐๐ กิโลกรัมนี่..หนักตายเลย..!
สมัยที่ตั้งใจสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าที่วัดท่าซุง นั่นคือองค์พระเนื้อเงิน หน้าตัก ๓๐ นิ้ว ท่านทรงพลที่เป็นลูกหลานโรงหล่อบอกว่า ต้องใช้เม็ดเงินประมาณ ๓๐๐ กิโลกรัม อาตมาเลยคิดมั่ว ๆ ว่า ๔๐ นิ้วก็ ๔๐๐ กิโลกรัม แล้วยังต้องหล่อพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่องอีก ๑ องค์ ก็น่าจะใช้ถึง ๒๐๐ กิโลกรัม เพราะว่าเครื่องทรงเยอะ ก็เลยเปิดให้แลกพระกริ่ง ไม่คิดเป็นเงินสด แต่คิดเป็นเม็ดเงิน ขอเป็นเม็ดเงินนอกแท้ ๆ หล่อแล้วพระจะได้ไม่ด่าง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ต้องขออภัยในความไม่สะดวก เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙
เวลาไม่พอใช้ มีเวลาต่อรอบน้อย ทำบุญต้องเร็ว ๆ ต่อไปบารมีพวกเราจะได้เข้มข้นขึ้น ทำอะไรได้เร็วขึ้น”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “คนลพบุรีก็ภูมิใจว่าเป็นลูกเจ้าพ่อศาลพระกาฬ คนโคราชก็ภูมิใจว่าเป็นลูกหลานย่าโม ดังนั้น..ใครบังอาจไปแตะย่าโมแล้วไม่โดนเหยียบตายก็บุญโขแล้ว นครราชสีมามีทั้งหมด ๒๖ อำเภอ จะแยกออกได้ ๔ จังหวัดด้วยซ้ำไป แต่ไม่มีใครยอมแยก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เป็นลูกย่าโม
อดีตเจ้าคณะจังหวัด พระราชสีมาภรณ์ท่านเคยถามว่า “ทำอย่างไรดีวะ..ถ้าจะแยกจังหวัด..?” “อ๋อ..ไม่ยากเลยครับหลวงพ่อ ขีดกากบาดตรงศาลย่าโม ลากไปสี่ทิศ ได้สี่จังหวัดเลย ทุกจังหวัดวิ่งไปที่ย่าโม” แต่ต้องกำหนดเขตกันใหม่หมด ยุติธรรมที่สุด กากบาดตรงอนุสาวรีย์ย่าโมเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า “ช่วงที่โควิดอาละวาดหนัก ๆ อาตมาตั้งโรงทานเลี้ยงข้าวกล่องราคาถูกไป ๒ เดือน หมดไปเดือนละแสนกว่าเกือบสองแสนบาท ขนาดข้าวปลาของเราไม่ต้องจ่าย เพราะว่าเอาไปจากคลังวัด แต่หมดไปเยอะกับพวกหมู พวกไข่ พวกผัก เพราะว่าต้องการให้เขาได้สารอาหารครบถ้วน”
ถาม : ทำไปประมาณเท่าไรครับ ? ตอบ : ทำวันหนึ่งประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ กล่อง ทำได้แค่นั้นแหละ จะให้เลี้ยงยาวแบบหลวงปู่วัดสระแก้วเลยก็ไม่ไหว นั่นเด็ก ๒,๗๗๒ คน หนึ่งเดือนเฉพาะข้าวสารก็ตกล้านกว่าบาท อาตมาช่วยท่านไปหนึ่งล้านบาท บอกท่านว่า "ช่วยหลวงปู่เลี้ยงเด็กหนึ่งเดือน" ช่วงก่อนที่ไปช่วยเขานั่นไม่ใช่เด็กยากจน แต่เป็นเด็กที่โดนทางบ้านทำร้ายมาบ้าง ครอบครัวแตกแยกบ้าง ทางมูลนิธิเด็กเลยไปตั้งโรงเรียนให้เด็กได้เรียนหนังสือ ได้ศึกษาว่าทำอะไรจึงจะดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ จึงรับปากว่าจะสร้างอาคารที่พักให้เด็ก ๑ หลัง และก็มอบข้าวสารอาหารแห้งไป ๑ คันรถหกล้อ ตอนแรกเขาเอารถกระบะมา แล้วมีคนนั่งมาด้วย ๗ คน ถามเขาว่า "แล้วคุณจะขนไปอย่างไร ?" ปกติของเขาได้ข้าวสารก็แค่หนึ่งกระสอบสองกระสอบ แต่ของเราเฉพาะข้าวสารอย่างเดียวก็ให้ไป ๒๓ กระสอบ..! และก็ยังมีพวกเครื่องครัวต่าง ๆ น้ำตาล น้ำปลา น้ำมัน บะหมี่แห้ง อะไรประมาณนั้น และพวกยารักษาโรค นม ขนม อย่างละ ๗-๘ เข่ง ขนทีเดียวเข็ดไปเลย น่าจะพอสักสามเดือน เขาจึงต้องโทรให้ทางโรงเรียนส่งรถหกล้อเปล่ามาอีกคัน คนลำบากมีเยอะมาก เพียงแต่ว่าถ้าให้อาตมาช่วยเหลือทั่วไปก็ไม่ไหว จึงเอาเท่าที่ตัวเองไหวเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “มาที่นี่แล้วไม่มีสิทธิพิเศษ เมื่อสักครู่นี้คุณชายดิศนัดดากับคุณหญิงพวงร้อยก็นั่งแบกับดินเหมือนพวกเรานี่แหละ บอกกับท่านแล้วว่าถ้านั่งลำบากก็ให้นั่งเก้าอี้ แต่ท่านก็ไม่นั่ง ลงไปกองกับพื้นเหมือนกัน
บางท่านถ้ามานะยังมากอยู่ ก็จะไม่ชอบใจ เพราะว่ายังมีตัวตนของตัวเองอยู่มาก ว่าท่านเป็นราชนิกูลนะ ท่านเป็นคุณหญิงนะ แต่นี่ท่านไม่มี ท่านก็นั่งกับพื้นเหมือนพวกเรานี่แหละ สมัยก่อนอย่างท่านเจ้ากรมฯ เสริม ถึงเวลาไปวัดก็โน่น...นั่งท้ายศาลาสองไร่ อาตมาพอดีเดินเข้าทางท้ายศาลาสองไร่ “อ้าว...ท่านเจ้ากรมฯ ทำไมไม่ไปกราบหลวงพ่อด้านหน้า” ท่านบอกว่า “ให้โอกาสคนอื่นเขาบ้าง ผมกราบมาเยอะแล้วครับ” นั่งพิงเสาสบายใจเฉิบอยู่ข้างหลัง เมื่อครู่นี้หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดากับคุณหญิงพวงร้อย พอหมดรอบเข้าทำบุญก็โดนไล่ลงเหมือนกัน ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 244 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : ปลายเดือนจะมีเป่ายันต์ฯ ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี...แค่จัดงานหล่อพระ ทางจังหวัดเขาก็จะหัวหงอกแล้ว ไปจัดงานเป่ายันต์ฯ เขาคงจะบีบคออาตมาตาย เป่ายันต์ฯ คนไปตั้ง ๔-๕ พันคน เว้นระยะไม่ได้ ไม่รู้จะเว้นระยะอย่างไร นั่งกันเต็มพื้นศาลาไปหมด ล้นออกข้างนอกไปอีกตั้งเท่าไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : ท่านรู้จักอำพันขององค์พระปฐมเจดีย์ไหมครับ คืออะไรครับ ?
ตอบ : เห็นเขาว่าสมัยก่อนใช้เป็นตัวเชื่อมกระเบื้องโมเสค สมัยนั้นเขายังไม่มีวัสดุอุดรอยต่อ อำพันจริง ๆ ก็คือยางสน ถึงเวลาเผาละลายแล้วหยอดลงไปเลย แต่ก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่ใช้พวกครั่ง น่าจะหาไม่ได้ หรือว่ามีไม่พอ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:53 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เปาบุ้นจิ้นชื่อจริงว่าเปาเจิ่ง ฉายาว่าเปาชิงเทียน ชิงเทียน แปลว่า ฟ้าเขียวหรือฟ้าใส ในความหมายที่ว่ายุติธรรมสุด ๆ ถ้าหากว่าใครไปเมืองไคฟงต้องไปชมอนุสาวรีย์ของเปาชิงเทียน แต่ได้ยินว่าหลุมฝังศพจมใต้น้ำไปแล้ว เพราะสร้างเขื่อนสามผา (ต้าซานเสีย)
คนจีนเขาจะมีชื่อจริง มีชื่อรอง มีฉายา ชื่อจริงก็คือพ่อแม่ตั้งให้ ชื่อรองส่วนใหญ่ถึงเวลาเข้าเรียนครูบาอาจารย์จะตั้งให้ แต่ว่าหลายบ้านที่พ่อแม่มีความรู้ก็ตั้งให้ลูกเอง คนที่สนิทสนมกันถึงจะเรียกชื่อรอง เหมือนอย่างที่เราเรียกชื่อเล่นกันอย่างนั้น ส่วนฉายานั้นพวกพรรคพวกเพื่อนฝูงเขาตั้งให้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-07-2020 เมื่อ 23:03 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เนื่องจากนนทบุรีเป็นเขตพื้นที่สีแดง เชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ช่วงที่ระบาดหนักมากก็เริ่มจากพื้นที่นี้ พวกเซียนสนามมวยนั่นแหละ และเป็นจังหวัดสุดท้ายที่ได้รับการปลดล็อก เขากลัวว่าจะระบาดซ้ำ เขาเลยต้องเข้มงวดกับเรา จนบ้านนี้เกือบจะไม่ได้เปิดแล้ว
ถ้าโยมสังเกตจะเห็นว่าข้างล่างมีเจ้าหน้าที่มาเฝ้า เกิน ๕๐ คนเมื่อไรคงจะจับเจ้าของบ้าน ไม่เกี่ยวกับอาตมานะ..! เพราะฉะนั้น..ต้องรอประเมินก่อนว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่าน..เดือนหน้าก็เปิดได้ ถ้าไม่ผ่านก็อด โยมค่อยไปหาอาตมาที่วัดเอาก็แล้วกัน โรคภัยยังอยู่กับเราอีกนาน บ้านเรานั้นโชคดีมาก อันดับแรกก็คือฝุ่น PM ๒.๕ มาก่อน ทำให้พวกเราใส่หน้ากากกันล่วงหน้าไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาเชื้อโรคมาจึงติดกันน้อย พอเขาปักธงเขตโรคระบาด ก็ดันมีคนไปขอให้เขาถอนธงอีก ก็เลยไม่รู้ว่าจะโชคดีไปได้อีกเท่าไร รัฐบาลก็กินยาผิด ให้หมอเป็นคนออกหน้าในงานนี้อีก กลายเป็นแทงหวยถูก ถ้ารัฐบาลจัดการเอง..เชื่อเถิด..คงติดเชื้อไม่น้อยกว่าสหรัฐหรอก..! ต้องบอกว่าบ้านเรานี่ถูกหวยชัด ๆ อันโน้นก็พอดีถูก อันนี้ก็พอดีใช่ แต่ถ้าเราขาดความระมัดระวังเมื่อไร ไวรัสระบาดใหม่ก็จะยุ่ง วันนี้ที่แจ้งยอดมาก็คือ ๑๔ คน ยอดจาก ๔-๕ คน ขึ้นมาทีเป็น ๑๔ คนเลย แปลว่าเราทำยอดสะสมไว้สามพันกว่าคน ตายไป ๕๘ คน ยังมีชีวิตอยู่สามพันกว่าคน ไม่ต้องห่วงนะเรื่องตัวเลข...อาตมาจำแม่นมาก ทดสอบได้เลย ถ้ากลัวจะไม่แม่นเปิดตำราดูได้ว่าตรงกันไหม อาตมาเป็นคนที่มองอะไรผ่านตาแล้ว ถ้าคิดจะจำไม่มีลืม เพราะฉะนั้นไม่ค่อยอยากจะจำอะไร โดยเฉพาะโยม เพราะว่าถ้าจำได้..เดี๋ยวก็ต้องเสียเวลาไปสงเคราะห์เขาอีก”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:57 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า “น้องเรนนี่กำลังเดือดร้อน สร้างมีดหมออักษรรูน มีสิทธิ์หมดตัวเลย ถ้าลงทุนไปแล้วขายไม่ได้
เรื่องของน้องเรนนี่ ช่องส่องผี ในวงการสงฆ์เห็นเป็นเรื่องขำ ๆ ตรงที่ว่าคุณเธอชุมนุมเทวดาผิดทุกประโยค ในไลน์กลุ่มเจ้าอาวาสก็คุยกันว่า “ตกลงว่าเทวดาท่านจะมาไหม..?” ทางพระไม่ได้เห็นเป็นเรื่องจริงจังอะไรกับเรื่องของน้องเรนนี่ เห็นเป็นเรื่องขำเสียมากกว่า พระเราเวลาจะเจริญพุทธมนต์ต้องชุมนุมเทวดาทุกครั้ง แล้วก็แยกว่าจะสวดมนต์หลวง จะสวด ๑๒ ตํานาน จะสวด ๗ ตำนาน แต่น้องเรนนี่ตีมั่วเลย ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์อะไร ขัดผิดได้ทุกประโยค”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:58 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : การปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้าค่ะ ควรแก้อย่างไร ?
ตอบ : อยู่กับลมหายใจตรงหน้าจริงจัง เมื่อไปคิดเรื่องอื่นก็ดึงกลับมา ถ้ายังไม่สามารถอยู่กับลมหายใจตรงหน้า ก็ยังหาความก้าวหน้าไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 16:59 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าดูวัตถุมงคลไม่เป็น ก็ต้องมีคนที่เชื่อถือได้ดูให้ ไม่ใช่คนเขาบอกว่าใช่ เราก็เชื่อเขา ไม่อย่างนั้นแล้วมีเงินเท่าไรก็หมด
มีอยู่ท่านหนึ่งเป็นนายห้างขายผ้าชาวฮินดู..รวยมาก โอ้โห..โดนไปกี่สิบล้านก็ไม่รู้ ของเต็มบ้านเลย อาตมาเดินเข้าไปถึง เขาอวดอันนี้ราคาเท่านี้ อันนั้นราคาเท่าโน้น ได้มาอย่างไรบ้าง หายากมาก... อาตมาก็ถอนหายใจเฮือก...ปลอมล้วน ๆ ตูจะบอกเขาอย่างไรดีวะ..?”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 17:00 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เปิดคลิปเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สวด อิติปิ โสฯ “ลูกบ้านไหนกันน่ารักขนาดนี้..! สวดได้หมดเลยนะทั้งสามห้อง ศีล ๕ ก็ว่าได้
ไปนึกถึงพระนางสุปปวาสา โกลิยธิดา พระสีวลีอยู่ในท้องท่าน ๗ ปีกับ ๗ วัน คลอดออกมาเป็นเด็กอายุ ๗ ขวบ พอถึงเวลาก็ใช้ไปประเคนอาหารพระ พระสารีบุตรท่านก็ถาม “เป็นอย่างไรราชกุมาร อยู่ในท้องแม่มีความสุขดีหรือ ?” พระสีวลีตอนเป็นเด็ก ๗ ขวบตอบว่า “สบายอย่างไรได้พระคุณเจ้า เหมือนอย่างกับนอนในหม้อนึ่ง ร้อนแทบตายอยู่ทุกวัน (ถูกไฟธาตุของแม่เผา)” พระนางสุปปวาสาเห็นลูกตอบพระสารีบุตรผู้เป็นสุดยอดพระเถระผู้เลิศด้านปัญญา สามารถตอบคำถามได้ฉะฉานชัดเจน ก็ยิ้มพอใจ พระพุทธเจ้าเห็นจึงตรัสว่า “เป็นอย่างไรสุปปวาสา ทารกเห็นปานนี้ยังอยากได้อีกหรือไม่ ?” ตอนแรกบอกว่า โอ๊ย..ไม่เอาแล้ว ปวดท้อง ๗ ปี ๗ วัน แต่คราวนี้บอกว่า "อยากได้อีก ๗ คนพระเจ้าค่ะ..!” ตอนปวดท้องแทบตาย..ไม่เอาแล้ว แต่พอเห็นลูกเก่ง..ก็อยากได้อีกสัก ๗ คน..! พระสารีบุตรก็เลยชวนบวช สรุปว่าพระสีวลีจริง ๆ แล้วเป็นสามเณร แต่เนื่องจากว่าท่านเป็นพระอรหันต์ คนก็เลยเรียกว่าพระ โกนหัว ๓ ครั้งบรรลุเลย มีดโกนจรดศีรษะครั้งแรกเป็นพระโสดาบัน จรดศีรษะครั้งที่ ๒ เป็นพระอนาคามี จรดศรีษะครั้งที่ ๓ บรรลุอรหัตตผล ทรมานในท้องแม่มา ๗ ปีกว่า ไม่บรรลุก็ไม่ได้ เห็นทุกข์ชัดเหลือเกิน”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 17:02 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาที่สวดพระคาถาเงินล้าน การที่ผมนึกถึงเวลาที่ถวายของพระพุทธรูป ประหนึ่งว่าถวายของพระพุทธเจ้า เมื่อเทียบกับการนึกว่ากำลังนั่งคุกเข่ากราบพระพุทธเจ้า อย่างไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องการแค่อนุสติ การนึกถึงพระพุทธเจ้ามีอานิสงส์มากกว่าการนึกถึงทาน ถ้าหากว่าต้องการอานิสงส์ของพระคาถาที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต ให้นึกถึงลมหายใจเข้าออก คือให้ใช้เป็นการภาวนาแทน ไม่อย่างนั้นเราเองท่องปาว ๆ อย่างเก่งก็ได้แค่อุปจารสมาธิ ถาม : แสดงว่าการสวดในใจก็ดีกว่าหรือเปล่าครับ ? ตอบ : อยู่ที่ว่าเราได้ดูลมหรือเปล่า ? บางคนก็สวดปาว ๆ ในใจไม่ได้ดูลมเลยเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 17:02 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อะไรที่เป็นธรรมชาติย่อมดีที่สุด พอเหมาะ พอดี พอควร ตามบุญทำกรรมแต่ง อย่าทำอะไรให้นอกลู่นอกทางจนเกินความพอดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2020 เมื่อ 17:03 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า “กำหนดรายการบวรระยะที่ ๓ มาแล้ว ทางวัดท่าขนุนต้องเร่งทำเปิดอบรมให้ทัน น่าจะต้องใช้วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ติดตรงที่ว่าเป็นวันอาทิตย์ เขาเชิญผู้ว่าฯ มาเป็นประธาน แต่ไม่เป็นไร ถ้าท่านมาไม่ได้ก็คงให้ตัวแทนมาเอง
ตอนนี้งานของชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนไปไกล เพราะว่าของเรานำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ เรื่องของการทำงาน ถ้าไม่เป็นในเชิงรุกจะเหนื่อย เหนื่อยตรงที่ว่าคนอื่นสั่งแล้วเราต้องทำตาม แต่ถ้าทำงานเชิงรุกนี่เราไปข้างหน้าได้ตามใจของเรา ถ้าเขาเห็นดีเห็นงามด้วย เดี๋ยวเขาก็ตามเรามาเอง ก็เลยทำให้ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนพัฒนาขึ้นมาเรื่อย จนปัจจุบันเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบที่มีผลงานโดดเด่น ล่าสุดของเรากำหนดเส้นทางท่องเที่ยวโดยอาศัยสิ่งต่าง ๆ ในชุมชนของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ที่พัก ตลอดจนกระทั่งวัตถุโบราณ วัตถุปัจจุบัน...สารพัด ดึงเอาศักยภาพชุมชนของเราออกมาเป็นแหล่งเที่ยว จัดขบวนรถซาเล้งรับนั่งท่องเที่ยว นั่งกันแบบสนุกสนานมาก ก็มีอะไรใหม่ ๆ ให้เขาดู จัดเป็นแพ็คเกจทัวร์ ๒ วัน ๑ คืน ๑,๕๐๐ บาทต่อหัว มีอาหารหลักให้ ๒ มื้อ อาหารว่างให้ ๒ มื้อ พร้อมที่พัก และก็นำเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ โดยที่รวมค่าไกด์ ค่ารถซาเล้งอยู่ในงบประมาณนั้นแล้ว ก็เลยทำให้คนสนใจกันมาก มีรายได้เข้าชุมชน ค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยเฉพาะต้องไปดูทะเลหมอกบนรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ใครไปแพ็คเกจนี้ต้องแข็งแรงพอ ไม่อย่างนั้นเดินลงมาก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นต่อแล้ว..หมดสภาพ ในเมื่อเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบมีผลงานโดดเด่น ทางกระทรวงก็ขอให้เริ่มระยะที่ ๓ ก็คือให้ชุมชนอื่นมาร่วมงาน มาดูงาน มาศึกษาวิธีการ เมื่อครู่นี้ได้ส่งกำหนดการ ลักษณะของการเชิญมาอบรมดูงานให้ชุมชนอื่นอีก ๑๑ ชุมชน เราก็ต้องเป็นเจ้าภาพต้อนรับเขา”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2020 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|