|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
ที่บอกว่าไม่ต้องเรียนมาก เพราะว่าส่วนใหญ่พวกเราเรียนมากหรือถามมาก จะชวนให้ฟุ้งซ่านมากกว่า ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาทำ เกิดปัญหาติดขัดตรงไหนแล้วค่อยมาถาม จะเกิดประโยชน์มาก เพราะว่าแก้ไขจุดที่ติดขัดไปได้ แต่ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาถามโดยไม่ทำ ถึงเวลาไปลงมือทำจะเกิดความฟุ้งซ่าน อยากมี อยากได้ อยากเป็น แบบที่ถามมา โอกาสที่ใจจะนิ่งสงบ เข้าถึงสมาธิระดับที่ตัวเองต้องการจะมีน้อยมาก
อาตมายกตัวเองอยู่เสมอว่า อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ๑๘ ปี เคยถามท่านจริง ๆ แค่ ๔ คำถาม การปฏิบัติถ้าเราทุ่มเทจริง ๆ จะได้คำตอบเองในตัวอยู่แล้ว ยกเว้นช่วงสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ เป็นจุดที่ละเอียด ขาดความมั่นใจก็ต้องสอบถาม เพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะมั่นใจได้ด้วยตนเอง เกิดขึ้นแล้ว..ใช่ไหม ? ก็ต้องหาผู้รู้มายืนยัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2020 เมื่อ 21:08 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
บางเรื่องที่อาตมาทำมา อย่างเช่นปฏิบัติธรรมอยากจะทรงปฐมฌานได้ ศึกษาองค์ฌานว่ามี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตารมณ์ หลวงพ่อวัดท่าซุงก็อธิบายเป็นขั้น ๆ ว่าวิตก คือการคิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา วิจาร ตอนนี้ลมหายใจเข้าออก แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น คำภาวนาอย่างไรรู้อยู่ ปีติ มีอาการ ๕ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ความสุข รู้สึกสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เอกัคตารมณ์ อารมณ์ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว
ทำไปเถอะ...จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปีไม่ได้สักที เพราะว่าไปตามจับอาการ อันนี้วิตกนะ อันนี้วิจารนะ อันนี้ปีตินะ ติดอยู่แค่ปีติทุกครั้ง เพราะว่าไปตามจ้องตามจับอาการ ทำให้ฟุ้งซ่าน แทนที่จิตจะสงบก็พาลไม่สงบ เพราะว่าอยากได้จนเกินไป กระทั่ง ๑ ปี ผ่านไป ๒ ปีผ่านไป ๓ ปีก็แล้ว ทำเท่าไรก็ไม่ได้สักที ทำไมยากเย็นขนาดนี้วะ ? ได้ไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ กูภาวนาก็แล้วกัน โป๊ะเดียวได้เดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่าก่อนหน้านี้อยากจนเกินไป ตอนนี้หมดอารมณ์ ช่างหัวมันแล้ว อารมณ์อยากหมดไป กำลังใจลดลงมาได้ระดับพอดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2020 เมื่อ 21:11 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
สิ่งที่อาตมาทำคือทิ้งการงานทั้งหมด โดดขึ้นรถเมล์ ไปวัดท่าซุง สมัยนั้นวัดท่าซุงไม่ได้ไปง่าย ๆ นะ รถเมล์ต้องวิ่งไปลงแพขนานยนต์ที่มโนรมย์ แล้วข้ามไปฝั่งท่าซุงแล้วค่อยวิ่งเข้าเมือง เพราะตอนนั้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่มี
ออกจากบ้านแต่เช้า ไปถึงวัดท่าซุงได้เวลาหลวงพ่อท่านรับสังฆทานพอดี อาตมาไปถึงช้า เพราะว่าไปถึงเกือบบ่ายสองโมง บอกแล้วว่าสมัยก่อนการเดินทางนั้นยาก ถนนหนทางบางช่วงยังเป็นลูกรังอยู่เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 10:03 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
ไปถึงก็ขึ้นไปศาลานวราช หลวงพ่อท่านรับสังฆทานอยู่ อาตมากราบตั้งแต่ประตูเลย ท่านก็นั่งอยู่คล้าย ๆ อาตมานั่งอยู่แบบนี้แหละ ถามว่า “เป็นอย่างไรไอ้หนู มีอะไรจะคุยบ้าง ?” กราบเรียนว่า “หลวงพ่อเขียนตำราผิดนี่ครับ” ท่านบอกว่า “เดี๋ยว ๆ ไอ้หนูใจเย็น ๆ ผิดตรงไหน ? ว่ามาซิ”
“หลวงพ่อบอกว่า ปฐมฌานมี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตารมณ์ ไปเป็นขั้น ๆ ที่ผมทำได้มาทีเดียวครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง ผมไม่เห็นเป็นขั้นเลยครับ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:26 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ท่านก็หัวเราะ บอกว่า “เดี๋ยว..ไอ้หนู รู้จักที่โบราณบอกว่า "ลัดนิ้วมือเดียว" ไหม ?” ท่านงอนิ้วดีดให้ดู แล้วบอกว่า “คนที่กำลังใจละเอียดจะเห็นนิ้วค่อย ๆ ตรงขึ้นอย่างนี้ ส่วนคนกำลังใจหยาบ ก็ไปเห็นนิ้วตอนตั้งขึ้นไปแล้ว ที่หลวงพ่อเขียนอธิบายคือตอนที่นิ้วค่อย ๆ ขึ้นอย่างนี้ ส่วนเอ็งไปเห็นตอนตั้งขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว”
นั่นคือการทำ ทำไปแล้วจะได้คำตอบ ถ้าสงสัยค่อยไปถาม ถ้าอย่างนั้นจะได้ประโยชน์ แก้ข้อสงสัยได้ ไม่ใช่อย่างพวกเราปัจจุบันนี้ ร้อยละ ๘๐ อ่านนั่นอ่านนี่ ศึกษามามาก คุยกันมามาก แล้วก็มาฟุ้งซ่านถาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
พวกเราส่วนใหญ่อดไม่ได้ พระท่านถึงได้บอกว่า กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง การสนทนาธรรมตามเวลาอันควร จึงเป็นอุดมมงคล เท่าที่เจอมาส่วนใหญ่พวกเราคุยกันฟุ้งซ่านทั้งวัน โดยเฉพาะภาวนามากำลังใจทรงตัวอยู่ดี ๆ แทนที่จะรักษาเอาไว้ไม่ให้กิเลสกินใจ เราก็เอาไปคุยกัน
คราวนี้การปฏิบัติธรรมของเราต้องการกำลังเพื่อไปใช้ตัดกิเลส แล้วเราก็ไปปล่อยกำลังให้รั่วหมด รั่วออกทางตา รั่วออกทางหู รั่วออกทางจมูก รั่วออกทางลิ้น รั่วออกทางกาย รั่วออกทางใจ รั่วออกทุกรู ทำให้ตายกำลังก็ไม่พอ กลายเป็นแม่กระเฌอก้นรั่ว รู้จักกระเฌอไหม ? ภาชนะสานสำหรับใส่ของ ถ้าก้นรั่ว ใส่ของลงไปแล้วมีอะไรเหลือติดไหม ? พอถึงเวลาก็รั่วหมด เราก็ทำใหม่ แล้วก็ไปปล่อยรั่วหมดอีก เป็นคนขยันทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มี ท้ายสุดก็ท้อ..หมดกำลังใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
พระหลายรูปก็เป็นเช่นนี้ ถึงเวลาก็รั่วหมด แล้วก็ท้อ สึกหาลาเพศไป บาลีท่านว่าเจ็บ บาลีแปลไทยว่า “หวนกลับไปเป็นคนเลว”
เรื่องนี้ต้องถามทิดเบสท์ สึกเย็นนั้นคืนนั้นปฏิบัติธรรม โหย...ต่างกันฟ้ากับเหวเลย ตอนเป็นพระอยู่ ต่อให้ดีบ้างชั่วบ้าง กำลังสมาธิยังทรงตัว เพราะว่าอย่างน้อย ๆ อานุภาพของศีลพระเหนือกว่าศีล ๕ เยอะมาก คราวนี้พอลดลงไปเหลือแค่ศีล ๕ โหนเท่าไรก็โหนไม่ขึ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
คนอยู่ในวัดในวา คิดอะไรก็ไปไม่เกินวัด นี่หมายถึงว่า รัก โลภ โกรธ หลง ค่อนข้างจะสงบนะ เห็นกล่องก็คิดเอากล่องไปบรรจุพระ ไม่เช่นนั้นก็คิดว่าเดี๋ยวเอาไปขาย ได้เงินมาไปลงทุน ซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมา ๒๐-๓๐ ซอง ปลูกผัก ๗-๘ แปลง ได้แล้วไปขายต่อ ได้เงินมาก็ลงทุนขยายงานเพิ่มขึ้น เลี้ยงหมูเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ท้ายสุดก็ร่ำรวย ซื้อบ้านซื้อรถ แต่งเมีย ไปยันโน่นเลย
อาตมาบอกอย่างไม่อายเลยว่า สมัยพรรษาแรกพรรษาสอง อยากสึกวันเป็นร้อย ๆ หน และคนอยากสึกนี่คิดอะไรก็เห็นช่องทางไปหมด แค่ปลูกผักบุ้งขายก็เป็นเศรษฐีได้ ถึงเวลาสึกไป ทำงานอย่างนี้ ๆ เก็บเงินไว้ ซื้อบ้านสักหลัง ซื้อรถสักคัน แต่งงาน มีเมีย มีลูกสักสองคน แล้วค่อยมาบวช กิเลสรู้ว่าถ้าชวนเราไปไกลวัด เราจะไม่ไปด้วย ก็ยังให้โอกาสกลับมาบวช
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:30 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
บังเอิญอาตมาเป็นคนค่อนข้างจะสติดี เลยด่าตัวเองว่า “ไอ้ห่..แล้วตอนนี้มึงไม่ได้บวชอยู่หรือ ? ต้องตะเกียกตะกายไปลำบากอยู่หลายปีแล้วค่อยมาบวชใหม่” เห็นฝีมือหรือยัง ? เวลาเขาชวนเราไป คิดทำอะไรก็ง่ายไปหมด เห็นช่องทางร่ำรวยไปหมด ลองไปเถอะ...แล้วจะรู้ว่าเบ้าตากระเด็นเป็นอย่างไร ไม่ใช่เลือดกระเด็นนะ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:31 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
ส่วนใหญ่พระท่านไม่ฟัง อาตมาบอกแล้วว่าระยะนี้อย่าเพิ่งสึก สึกไปก็หางานทำไม่ได้ ให้ทนบวชไปก่อน ศึกษาทางนี้ไปก่อน ถ้าอยู่ได้ก็เป็นกำลังของพระศาสนา ถ้าอยู่ไม่ได้ รอจังหวะดีกว่านี้แล้วค่อยออกไป
ไม่เอา..กลัวไม่เก่ง ต้องออกไปตอนนี้ ถ้าสู้ได้ถือว่าเจ๋ง..! จำไว้ว่า ถ้าพระบวชหลาย ๆ พรรษา โอกาสที่จะไปสู้โลกนั้นยาก ยากตรงไหน ? ยากตรงที่ประสบการณ์ทางโลกของตัวเองขาดด้วนไปตั้งแต่ตอนบวช ทำให้ตามโลกไม่ทัน นี่หมายถึงพวกที่ทิ้งหมดเลยแบบอาตมา ถ้าไม่ทิ้งก็ยังพอไปได้ แต่ก็ลำบากมาก ไม่ทันใคร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2020 เมื่อ 03:33 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
ถ้าอย่างอาตมา วิทยุโทรทัศน์ตัดทิ้งไปตั้งแต่ก่อนบวชสองปี มาถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ดูมาประมาณเกือบสี่สิบปี ดารามาไม่รู้เรื่องกับเขาหรอก ประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เจมส์จิมา..ใครวะ ? ไปถ่ายหนังที่วัดท่าขนุน ปล่อยเขาเห่อไปกันเถอะ อาตมาไม่สนใจ ไม่รู้จัก ดาราคู่สุดท้ายที่รู้จักก่อนบวช พระเอกชื่อทูน นางเอกชื่อจารุณี ใครยังจำได้บ้าง ? หลังจากนั้นมาไม่รู้จัก
เขาวิ่งมาบอก “หลวงพ่อ..บี้มา” เออ...ปล่อยไปเถอะ กูไม่รู้จัก “หลวงพ่อ..รถเมล์มา” ถ้ามึงอยากขึ้นก็ขึ้นไปสิ เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะ บางทีโยมเขามาขอถ่ายรูปด้วย ก็เห็นว่าเขาหน้าตาดี รู้อยู่แค่นั้น ไม่รู้ว่าเขาเป็นดารา ฉะนั้น...อาตมาเป็นเจ้าอาวาสที่ไม่มีรูปคู่กับดารา เพราะว่าเจ้าอาวาสไม่รู้จักดารา น่าอนาถใจมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2020 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
อยู่ที่วัดท่าขนุนมีอย่างเดียวคือ ยากดีมีจน ร่ำรวยยิ่งใหญ่ขนาดไหนมา ก็นั่งกับพื้นเหมือนกันหมด ถ้านั่งเก้าอี้ก็ต้องนั่งเหมือนกันหมด หลายท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในทางโลก ไม่ค่อยอยากไปวัดท่าขนุน เพราะว่าไม่ได้รับการยกย่อง
มาวัด เขามา “วัด” กันว่ากิเลสมีมากน้อยเท่าไร ถ้ายังกิเลสมาก อยากเป็นที่ปรากฏอยู่ ก็เลี้ยวไปทางอื่นที่เขายกย่องท่านเถอะ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2020 เมื่อ 19:58 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีญาติโยมเอาอาหารแห้งมาถวาย ๗-๘ ถุง แล้วข้างในก็ซุกกับข้าวไว้ชุดหนึ่ง ไปเจออีกทีก็ราขึ้นเขียวปี๋เลย เอามาแล้วช่วยแยกให้ด้วย ว่าอะไรเป็นอาหารสดเก็บไม่ได้ อะไรเป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้ บางทีคนมามาก ๆ รีบ ๆ ไม่ทันพิจารณา เขาเอาไปกองรวมกันไว้ กว่าจะได้ดูอีกทีก็ปีหน้า..ประมาณนั้น
ปัจจุบันนี้ต้องปรับระบบการจัดการ เปิดร้านสะดวกซื้อวัดท่าขนุนเดือนละสองรอบ ก็คือกลับไปแยกของออกมา อะไรที่เป็นของใช้จำเป็น ถึงเวลาวันรุ่งขึ้นไปเรียงเป็นตับไว้ พระฉันเสร็จก็ไปเดินเลือกเอาว่าตัวเองต้องการอะไร เลือกเอาไปใช้ ส่วนที่เหลือจะได้ไปแบ่งให้กับแม่ชีและเด็กที่วัดได้ ถึงได้บอกว่าเปิดร้านให้ช้อปปิ้งเดือนละ ๒ รอบ ส่วนที่เหลือก็แจกวัดอื่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ น้ำท่วม ไฟไหม้ ถือว่าเหลือจากพระแล้ว พอระบบการจัดการดีขึ้น สิ่งของที่ตกเรี่ยเสียราดก็น้อยลง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2020 เมื่อ 19:59 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
"เมื่อวันที่ ๒ คณะนิสิตจากวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาฯ ไปทำโครงการสานสัมพันธ์ต่างประเทศ จะไปแจกของที่ฝั่งพม่า สรุปว่าทำโครงการมักง่ายมาก ส่งหนังสือมา ๑ ฉบับถึงเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ขอของแจกทั้งหมด เขาถามว่าจะได้เท่าไร ? บอกว่าอย่างน้อยคุณต้องเอารถหกล้อมาขน คนถามมึนไปเลย ของมีให้แจกเป็นคันรถหกล้อ เพราะอะไร ? เพราะว่าคุณแจกไปของก็เข้ามาทันที เนื่องจากต้องรับบิณฑบาตปีใหม่
เดี๋ยวนี้หน่วยราชการต่าง ๆ เช่น ตชด. ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะหน่วยป่าไม้ ถึงเวลาก็มาขอสนับสนุน บางที ตชด.ส่งรายการมา ข้าวสาร ๑๐๐ กิโลกรัม น้ำปลากี่ลิตร น้ำตาลกี่กิโลกรัม แหม...สั่งอย่างกับร้านค้า สั่งได้...ถ้ามีก็ให้ แต่ระบุจำนวนมาแบบนั้นก็ดี จัดการง่าย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2020 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ใครโดนปีชงบ้าง เรื่องของปีชงจะว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับเรา ถ้าเราเชื่อจะมีผลมาก เพราะว่ากำลังใจของเราไปย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ดี ๆ ๆ กลายเป็นแช่งตัวเอง ก็คือเป็นส่วนของมโนมยา สำเร็จด้วยใจ เท่ากับเราแช่งตัวเองว่าไม่ดี ก็เลยทำให้ไม่ดีจริง ๆ เพราะฉะนั้น...ถ้าเรารู้สึกว่าทุกอย่างดีหมด เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เริ่มปีใหม่ด้วยภัยแล้ง ไม่ได้แล้งเฉพาะบ้านเรา แต่แล้งทั่วโลก คราวนี้การที่จะต่อสู้กับภัยแล้งนั้นมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือ ต้องทำให้ฝนตกลงมาให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ในบ้านเรา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงคิดวิธีทำฝนเทียมได้สำเร็จ จนเป็นประโยชน์แก่ทั่วโลก ส่วนต่างประเทศอย่างอิสราเอล อย่างประเทศจีน ก็มีโครงการพลิกทะเลทรายเป็นผืนป่า ทำได้สำเร็จอย่างน่าชื่นใจ
วิธีที่ ๒ ก็คือเมื่อทำให้ฝนตกแล้ว ทำอย่างไรจะเก็บกักน้ำฝนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ? เพราะว่าทุกวันนี้ปริมาณน้ำฝนที่ได้ใช้นั้นไม่ถึง ๓๐% ที่เหลือ ๗๐% ไหลลงทะเลหมด ประเทศที่ขยับตัวแรงที่สุดคือประเทศจีน นอกจากสร้างมหาเขื่อนซานเสียต้าป้า ที่เก็บกักน้ำทะเลแทบจะครึ่งโลกแล้ว ยังสร้างเขื่อนต่าง ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะเขื่อนแม่น้ำโขง คราวนี้พอมหาอำนาจอย่างจีนขยับตัวแรง พวกเราที่ตั้งหลักไม่ทันก็ประสบภัยแล้งหนักเข้าไปอีก เพราะว่าที่น้ำลงมาตามแม่น้ำโขงมีน้อยถึงน้อยมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
"แต่ว่าจริง ๆ แล้วในวิกฤตก็มีโอกาส คือการสร้างเขื่อนแต่ละครั้งนั้นต้องมีการเบี่ยงทางน้ำ ต้องมีอะไรให้วุ่นวายไปหมด คราวนี้พอแม่น้ำโขงแห้ง เป็นโอกาสสร้างเขื่อนที่ดีที่สุด เราจะทำโครงการอะไรก็ต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ พอน้ำเหลือน้อยหรือไม่เหลือ ก็ต้องรีบขยับทำให้ทันก่อนฤดูน้ำใหม่จะมา เราก็จะมีเขื่อนเก็บกักน้ำเอาไว้เช่นกัน
แล้วถ้ามีการทำเขื่อนเก็บกักน้ำเป็นระยะ ๆ ตลอด ๕ ประเทศในลุ่มน้ำโขงของเรา ก็จะได้มีน้ำใช้โดยทั่วหน้ากัน แต่ว่าทำลายธรรมชาติอย่างรุนแรงมาก โดยเฉพาะประเทศท้ายน้ำอย่างกัมพูชาหรือเวียดนาม สมัยก่อนโตนเลสาบของกัมพูชาคือแหล่งปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ใช้คำว่าใหญ่ที่สุดในโลก เพราะว่าป่าอเมซอนคนเข้าถึงได้ยาก บรรดาอาหารที่เป็นผลิตผลของปลาน้ำจืด ซึ่งออกสู่ชาวบ้านได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดก็คือโตนเลสาบ หรือทะเลสาบกัมพูชาของเพื่อนบ้านเรานี่เอง นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่บรรดารัฐบาลทั้งหลายต้องคิดต้องทำ และขณะเดียวกันก็อย่าไปเกรงใจเพื่อนบ้าน เพราะว่าเขาก็ไม่เกรงใจเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:50 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
"การสร้างเขื่อนไซยะบุรีของลาว คนไทยไปประท้วง ลาวบอก “กลับไปซะ..ไม่กลับจะยิง” จบเลย ดูซิว่าจะมีปัญญาประท้วงอีกไหม ? บ้านเราจะทำโครงการโขงชีมูล ผันน้ำจากแม่น้ำโขงมาก็มัวแต่เกรงใจ ของเราแค่ผันน้ำ ไม่ใช่เก็บกักน้ำ ก็คือเปิดช่องทางให้แม่น้ำโขงไหลเพิ่มเข้ามาสู่แม่น้ำชีแม่น้ำมูล แต่ปรากฏว่าถ้าไม่ใช่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามคอยคัดค้าน เพราะว่ากลัวอีกฝ่ายจะได้คะแนนเสียง ก็กลายเป็นว่าเกรงใจเพื่อนบ้าน
อาตมาได้ยินโครงการโขงชีมูลมาตั้งแต่เด็ก จนป่านนี้ก็ยังเป็นแค่โครงการ ในขณะที่จีนสร้างเขื่อนเสร็จไป ๗-๘ เขื่อนแล้วตลอดลำน้ำ ของลาวก็สร้างแล้วสร้างอีก แต่คนไทยเรายังไม่ได้ขยับสักที ถ้าจะทำในลักษณะอย่างนั้นต้องดูอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กระทบชาวบ้านแค่พื้นที่ประมาณ ๗๐๐ ไร่เท่านั้น และกระทบเฉพาะหน้าฝน เพราะว่าน้ำในเขื่อนจะเอ่อไปถึง พอหน้าแล้งก็กลายเป็นที่อุดมสมบูรณ์อยู่หลายเดือน สามารถกลับไปทำกินในที่เดิมได้ เงินค่าเวนคืนก็ได้ สิทธิทำกินก็ยังคงอยู่ แม้ว่าจะไม่เต็มทั้งปี ซึ่งปกติก็ทำเต็มทั้งปีไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่ามีหน้าแล้ง ปัจจุบันนี้หน้าแล้งทำกินได้ หน้าฝนทำกินไม่ได้ ก็แค่ตรงกันข้ามเท่านั้น ไม่ใช่ประเภทถึงเวลาก็ทำโครงการใหญ่โตมหึมา ต้องล้างผลาญป่าทีหนึ่งหลาย ๆ แสนไร่ โดยเฉพาะไปทำแถวแก่งเสือเต้นซึ่งเป็นดงไม้สักใหญ่ เป็นป่าสมบูรณ์ ถ้าลักษณะอย่างนั้นไม่มีใครยอมคุณหรอก เพราะเขาถือว่าคุณ "มีงาน" ตั้งใจทำอะไรที่มากกว่าเขื่อนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น..ถ้าสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากจริง ๆ ก็สมควรทำ แต่ต้องศึกษาว่าทำอย่างไรให้มีผลกระทบน้อยที่สุด แล้วผลการศึกษาต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช่แบบที่รัฐบาลใช้ออกไปให้ไปหาข้อมูลว่า ชาวบ้านสนับสนุนการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติมากน้อยแค่ไหน ? เขาก็ไปรับเงินคนอื่น ไปประชุมแล้วก็แจ้งผลมา ทั้งห้องประชุมหลายพันคนยกมือสนับสนุน เขาไปลงตัวเลขเป็นว่ายกมือคัดค้าน ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็สมควรตาย...!
ก็คือไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเลขกลับหน้าเป็นหลัง กลับหลังเป็นหน้า คนคัดค้านไม่กี่คนบอกว่าเป็นคนสนับสนุน คนสนับสนุนมากมายก็ไปบอกว่าเป็นคนคัดค้าน คราวนี้การรายงานนั้น ตัวเองเป็นคนรายงาน จะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือก็ทำได้อยู่แล้ว กว่าที่ชาวบ้านทั่วไปจะรู้เรื่องราว ก็เป็นอันว่าคนส่วนมากคัดค้านไม่ให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เรื่องอุบาทว์ ๆ แบบนี้บ้านเราถนัด..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
"ปัจจุบันนี้มีการปล่อยข่าวออกมาและกระทำจริง ๆ แต่พอถึงเวลาโดนคัดค้านก็บอกว่าเป็นข่าวปลอม บ้านเราต้องบอกว่าเจริญก้าวหน้ายาก เพราะว่าคนยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ทำอย่างไรที่ปีใหม่แล้วควรจะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เปลี่ยนการกระทำใหม่ ? ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมให้มากกว่าส่วนตน ถ้าสามารถทำได้บ้านเราจะเจริญกว่านี้อีกมาก
ถามว่านานาอารยประเทศที่เจริญแล้วเขามีคนโกงกินไหม ? มี..แต่ถ้าจับได้เมื่อไรคุณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ไม่ใช่อย่างบ้านเราพอถึงเวลาคืนที่ดินให้ก็จบ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านแค่เข้าไปเก็บเห็ดกลับติดคุกหัวโต..! เรื่อง ๒ มาตรฐานนี้บ้านเราถนัด น่าเสียดายที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงทุ่มเทมาตลอด ๗๐ ปีที่ครองราชย์ แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนแม้แต่วันเดียว แต่ว่าทำแล้วก็ออกมาได้แค่นี้ เพราะความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและผู้มีอำนาจไม่กี่คนแท้ ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|