|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อาตมาขอเตือนซ้ำอีกรอบหนึ่ง ใครทำงานแล้วไม่ชอบใจก็อย่าเพิ่งไปลาออก งานจะหายากขึ้นไปเรื่อย ๆ ต่อให้รัฐบาลเขาบอกว่าเศรษฐกิจดีแค่ไหน ก็เป็นแค่ราคาคุยเท่านั้น เพราะว่าสภาพความเป็นจริงของชาวบ้านเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด
ช่วงวันอาสาฬหบูชาและช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา อาตมารับเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน ถ้าสภาพเศรษฐกิจปกติ ญาติโยมจะถวายสังฆทานกับผ้าอาบน้ำฝนประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ชุดเป็นเรื่องปกติ พอรับเอาสังฆทานและผ้าอาบน้ำฝนมาแล้ว อาตมาจะเอาไปจัดเป็นสลากภัต ให้พระเณรเขาจับกันว่าใครจะได้ชิ้นไหนไป ปรากฏว่าปีนี้พระเณรแค่ ๔๐ รูป เกือบจะหาเครื่องสังฆทานไม่พอถวายท่าน จากเดิมที่เคยได้รับ ๔๐๐-๕๐๐ ชุด ถ้าพระ ๔๐ รูป สังฆทาน ๔๐๐-๕๐๐ ชุด ก็แปลว่าพระรูปหนึ่งต้องรับไปประมาณ ๑๐ ชุด จนกระทั่งบางทีพระท่านก็บ่นว่าเยอะเกินไป รับไม่ไหว แต่ปีนี้ท่านละ ๑ ชุด ยังเกือบจะมีไม่พอให้ ดูแค่นี้ก็รู้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร เพราะว่าถ้าชาวบ้านไม่มีกิน เรื่องทำบุญก็ต้องมาทีหลัง ถ้าอยากจะทราบว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ถามพระจะได้ใจความชัดที่สุด บิณฑบาตทุกวัน โยมใส่บาตรมากขึ้นหรือน้อยลง พระจะรู้เห็นอย่างชัดเจน อาตมาได้เตือนโยมมาหลายเดือนติดกันแล้วว่า ถ้ามีงานทำให้อดทนสู้ไปก่อน อย่าได้พยายามแหกคอกออกมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2019 เมื่อ 17:26 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
"เมื่อไม่กี่วันพวกขายของทางอินเตอร์เน็ตก็เพิ่งจะเผาตัวเองตายไป ซึ่งอาตมาก็เตือนนักเตือนหนาว่า อย่าคิดลักษณะ ๑ + ๑ เป็น ๒ จะทำอะไรก็ตามให้คิดด้านที่แย่ที่สุดไว้ก่อน ว่าถ้าพลาดจากตรงนี้เราจะเอาอะไรมาค้ำจุน เราจะถอยไปสู่จุดไหน ถ้าให้คำตอบตัวเองตรงนี้ไม่ได้ อย่าทำกิจการนั้นเลย ถ้าไม่ใช่บุญดีจริง ๆ รับประกันว่าเจ๊งแน่..!
เพราะเรามักจะไปคิดแบบ ๑ + ๑ เป็น ๒ ก็คือขายของชิ้นนี้ได้กำไรเท่านี้ ขาย ๑๐ ชิ้นได้เท่านี้ ขาย ๑๐๐ ชิ้นได้เท่านี้ โดยที่ไม่ได้คิดว่า ถ้าขายไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น..! ดังนั้น...สาวขายของทางอินเตอร์เน็ตเผาตัวเองตายก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าไปคิดแบบ ๑ + ๑ เป็น ๒ พอไม่ใช่ ๑ + ๑ เป็น ๒ ขึ้นมาก็แก้ปัญหาไม่ตก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:23 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
"โดยปกติแต่ละปี ทางวัดท่าขนุนจะรับเทียนพรรษาหรือหลอดไฟเป็นคันรถ ปีนี้พระยิ้มระรื่น ไม่ต้องแบกหนัก แทบจะไม่พอให้ขนเข้าคลัง
อาตมาอยากจะบอกให้ทุกคนตาสว่างว่า นักการเมืองพึ่งพาไม่ได้ เมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะคิดถึงแต่พวกพ้องและตัวกู ไม่ได้คิดถึงประชาชนที่เป็นฐานเสียง ตอนหาเสียงรับปากอะไรเอาไว้ พอถึงเวลาก็ลืมเอาง่าย ๆ พวกเรามีอย่างเดียวคือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:24 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
"ช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่อาตมาเคยบอกล่วงหน้าไปเป็นปีก็ชัดแล้ว คือปีนี้จะแล้งจัด แต่คราวนี้การที่อาตมาพูดล่วงหน้านานไป ช่วงนั้นยังมองไม่เห็น ก็ไม่มีใครนึกว่าจะแล้งได้ถึงขนาดนี้ บางคนก็ยังโยนข้อหาให้อาตมาด้วยว่า เพราะหลวงพ่อพูดอย่างนี้ก็เลยทำให้แล้ง..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:25 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
"ดังนั้น...เรื่องที่เตือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ก็ให้พวกเราระมัดระวังไว้ให้ดี มีงานก็ทุ่มเทกับงานให้เต็มที่ ทำงานต้องทำอย่างคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นถ้าเข้าทำงานที่ไหนได้ ก็คือทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงาน ต้องบอกว่าเขามีความจงรักภักดีต่อบริษัท ไม่เปลี่ยนงานง่าย ๆ ไม่เหมือนกับคนไทยเรา ทำงานสองเดือนสามเดือนก็ลาออกไปทำที่อื่น โดยอ้างว่าได้ประสบการณ์ ถ้าอาตมาเป็นเจ้าของบริษัท ใครที่อยู่ไม่ถึงหนึ่งปีแล้วลาออกมาทำงานใหม่ อาตมาจะไม่รับให้เสียเวลา เพราะว่าเดี๋ยวก็ต้องรับสมัครคนใหม่อีก
ค่านิยมที่ทำงานตรงนั้นสามเดือน ตรงนี้สี่เดือน อ้างว่าได้ประสบการณ์ ใช้กับอาตมาไม่ได้ ในเมื่อคุณไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะทำงานอยู่ที่ไหนนาน ๆ ก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายให้กับหน่วยงานนั้น เพราะว่าเขาต้องหาคนใหม่อยู่บ่อย ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:27 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
"ปัจจุบันนี้โดยเฉพาะการทำงานอยู่กับบ้าน เช่น การรีวิวสินค้า รีวิวท่องเที่ยว หรือไม่ก็ถ่ายรูปสวย ๆ ลงในเฟซบุ๊ก ให้คนมาติดตามมาก ๆ เพื่อให้ได้ค่าโฆษณา หรือแม้กระทั่งถ่ายรูปโป๊เพื่อจะเรียกยอดไลค์ แล้วก็จะได้ส่วนแบ่ง เหล่านี้ทำให้คนมักง่ายขึ้น
โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ไม่มีความอดทนพอ พออาตมาเอ่ยตำหนิเรื่องการเรียน ก็ยกเอามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยกเอาสตีฟ จ๊อบ ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ว่าสองคนนี้ไม่เห็นจะเรียนจบปริญญาตรี ก็ประสบความสำเร็จ มีเงินเป็นหมื่นล้านแสนล้าน...จริงของเขา แต่เขาเรียกว่ายกขึ้นมาโดยไม่ได้ดูความเป็นจริง ว่าประชากรโลกเกือบ ๖,๐๐๐ ล้านคน สองคนนี้ประสบความสำเร็จ แต่อีกห้าพันกว่าล้านคนเป็นอย่างไร ? โดยเฉพาะบ้านเรา กระทั่งกวาดถนนก็ต้องมีวุฒิการศึกษา เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมเรียน ถึงเวลาทำงานประสบความสำเร็จ เป็นเน็ตไอดอลบ้าง อะไรบ้าง เป็นความกลวงเปล่าในชีวิต คนเรามีความเป็นวัยรุ่นอยู่กี่ปี ? พอพ้นระยะนั้นแล้ว คุณสามารถรักษาความเป็นเน็ตไอดอลอยู่ได้ไหม ? ถ้าคุณรักษาไม่ได้ แล้วคุณจะเอาความรู้อะไรไปทำมาหากิน ในเมื่อคุณไม่เรียน ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
"แต่อาตมาก็ไม่ค่อยห่วง เพราะว่าเรื่องการเอาตัวรอดนั้น คนไทยเรามีมาตั้งแต่ในดีเอ็นเอแล้ว ถึงได้มีสำนวนว่า “มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก” มะกอกลูกใหญ่กว่าหัวแม่มือนิดเดียว ตะกร้าหนึ่งก็หลายร้อยลูก สามตะกร้าน่าจะเป็นพันลูก ขนาดนั้นยังขว้างไม่ถูก ต้องลื่นเป็นปลาไหลขนาดไหน ? ขอบอกว่าเป็นความมักง่าย ในเมื่อพื้นฐานไม่แน่น จะไปทำอะไรก็ลำบากไปหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
"ถ้าโยมถามว่ามาบ่นเรื่องพวกนี้ทำไม ? ก็เพราะว่าทนเห็นสภาพสังคมของเราเละเทะไม่ไหว สภาพสังคมเกิดจากในบ้าน พ่อออกไปทำงาน แม่ออกไปทำงาน ไม่มีใครดูลูก สมัยนี้การเป็นครอบครัวขยายก็หมดไป ส่วนใหญ่จะแยกตัวออกไปอยู่กันแค่สองคน พอมีลูกขึ้นมาก็สามคนหรือสี่คน ไม่เกินกว่านั้น คือพ่อแม่และลูกอีกสองคน ไม่มีใครดูแล ต้องจ้างพี่เลี้ยง เด็กก็เว้าลาวบ้าง พูดเขมรบ้าง พูดพม่าบ้าง ได้ก่อนภาษาไทยเสียอีก ถ้าไปเจอพี่เลี้ยงที่รับผิดชอบก็ดีไป เจอประเภทไม่รับผิดชอบ กลับบ้านมาลูกอาจจะน่วมไปทั้งตัว หรือถึงตายไปแล้วก็มี..!
ในเมื่อสถาบันครอบครัวล้มเหลว พ่อแม่ไม่อยู่ ไม่มีปู่ย่าตาทวดคอยอบรม เด็กก็โตมาในลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน ก็คือฉาบฉวย คิดไม่เป็น เอาแต่ความสนุกเฉพาะหน้า เห็นเขาแว้นจนหัวขาดก็ยังไม่รู้สำนึก ไม่เคยนึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและครอบครัวแค่ไหน เอาแต่ความสนุกเฉพาะหน้าเข้าว่า ก็เลยกลายเป็นบุคคลที่ควบคุมอารมณ์ไม่เป็น ปล่อยให้อารมณ์นำหน้าเหตุผล สังคมถึงได้วุ่นวายอยู่อย่างทุกวันนี้ ฉะนั้น...ถ้าใครคิดว่าอบรมลูกหลานให้ดีไม่ได้ ก็อย่าไปมีเลย จะได้ไม่ไปซ้ำเติมสังคมให้แย่ไปกว่านี้ ยิ่งไปเจอประเภทถามว่า “รู้ไหมว่ากูลูกใคร ?” ขนาดพ่อแม่ตัวเองเป็นใครยังไม่รู้ ต้องไปเที่ยวถามคนอื่น พวกเราคิดว่าคนประเภทนี้จะสร้างความเจริญให้กับสังคมได้ไหม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2019 เมื่อ 02:32 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ญาติโยมเดินต่อแถวทำบุญ "อาตมาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ได้รับการฝึกแบบทหารมา ก็เลยทำอะไรเร็วจนชิน หรือตัวเองเร็วแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ? บางทีเห็นญาติโยมทำบุญก็คิดว่า เออหนอ...ถ้าเป็นอาตมาก็คงจะกลับบ้านไปนอนเสียตื่นหนึ่งแล้ว คือรู้สึกว่าบางท่านทำบุญได้ยากเหลือเกิน
เรื่องของการทำบุญ ทำให้เร็ว ทำให้ไว ถึงเวลาความคล่องตัวจะทำให้เราได้รับผลอะไร ก็ได้รับโดยเร็ว โดยไวไปด้วย คราวนี้เรามัวแต่อ้อยอิ่งเชื่องช้ากันอยู่ ได้อะไรก็พลอยช้าไปด้วย บางทีบิณฑบาตก็มีโยมบางคนหิ้วมังคุดมา ๑ ถุง ใส่บาตรพระทีละ ๑ ลูก ๆ ๆ จะใส่ให้หมดแถว ก็ไม่หมดอีก เพราะว่ามังคุดอย่างเก่งถุงหนึ่งก็มี ๑๐ กว่าลูก แต่พระของอาตมาเกือบ ๓๐ รูป ถ้าเป็นอาตมาก็ใส่ตูมเดียวไปเลย กูจะเอารางวัลที่หนึ่ง นี่เขาทำบุญแบบเลขท้ายสองตัว เพราะว่าจริตนิสัยต่างกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 11:24 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
"อย่างปีนี้อาตมารับรางวัล อปต. (หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล) ดีเด่น ๓ ปีซ้อน รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดดีเด่น แล้วต้องสละให้คนอื่น เพราะว่าตัวเองรับมาเยอะแล้ว รับรางวัลบุคคลผู้ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม แล้วมารับตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอได้ไม่กี่วัน ก็มาเลื่อนชั้นพระครูสัญญาบัตร เพราะฉะนั้น..ทำอะไรทำตูมเดียวไปเลย ถึงเวลาจะได้รับเยอะ ๆ ไปทีเดียว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ผู้สูงอายุมาทำบุญ "โยมยังแข็งแรงมากอยู่ คนอายุมากที่ยังทำอะไรได้เอง ไม่เป็นภาระของลูกหลานนั้นดีที่สุด เพราะว่าลูกหลานส่วนใหญ่ลืมไปว่าตัวเองต้องแก่ เมื่อลืมไปว่าตัวเองต้องแก่ ส่วนใหญ่ก็ลืมพ่อลืมแม่ ลืมปู่ย่าตายาย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ผู้สูงอายุขอนั่งตรงที่มีคนเดินผ่านไปทำบุญ เพราะถ้านั่งตรงจุดอื่นจะขยับตัวลำบาก พระอาจารย์ท่านอนุญาตให้นั่ง พร้อมกับกล่าวว่า "ระเบียบมีไว้ให้ส่วนรวม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่บางท่านก็ต้องมีข้อยกเว้น เพราะว่าสภาพร่างกายไม่ไหว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 11:26 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีตำแหน่งหนึ่งที่อาตมาไม่อยากได้ คือตำแหน่งประธานการจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ เป็นตำแหน่งจ่ายเงิน ตอนนี้ตำแหน่งตัวเองเยอะจนจำไม่หมด เมื่อช่วงบ่ายยังบอกกับท่านภาสกร ภาวิไล ว่า ตอนนี้อาตมามีตำแหน่ง ๒๐ กว่าตำแหน่งแล้ว ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ท่านเองงานบรรยายก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงว่าเป็นพระนักเทศน์ ความจริงไม่ใช่เทศน์หรอก ท่านอาจารย์ภาสกรขึ้นไปบรรยายแบบอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่า เพียงแต่ว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิจจสมุปบาท และวิปัสสนาชกมวย
ใครเคยฟังบ้าง ? ลองไปค้นหาวิปัสสนาชกมวยก็ได้ จะได้รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร ถ้านับในส่วนของการเป็นเพื่อนฝูง ก็คบกันมากกว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่พวกเราก็ได้เจอหน้ากันน้อย เพราะว่าต่างคนต่างมีงาน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
มีโยมถวายวัตถุมงคล "รุ่นสังฆาฏิ ๒๐ พระสุปฏิปันโน ใช้เวลานานมากกว่าจะทำได้ ช่วงก่อนที่ทำไม่ได้เพราะว่าเทคโนโลยีไม่ถึง พอมาช่วงหลังเอาสังฆาฏิไปอบกรอบแล้วตำเป็นผงจึงใช้ได้ เพราะว่าช่วงหลังมีเตาไมโครเวฟ ช่วงก่อนไม่มีเตาไมโครเวฟ ใช้กรรไกรตัดซอยเท่าไรก็ไม่พอ คราวนี้พออบสังฆาฏิก็กลายเป็นผงกรอบ ๆ สามารถเอามาทำเป็นวัตถุมงคลได้
ด้วยความเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ผู้การอรรณพจึงทำแบบโปร่งใสมาก ทำในนามโรงพักบางคล้า ก็คือสถานีตำรวจภูธรบางคล้า บอกท่านว่า "พี่ณพ...เรารู้จักกันนานขนาดนี้ จะไม่เหลือให้สักองค์หนึ่งหรือ ?" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องไปจ่าย ๙๙๙ บาท เพื่อเอามาให้หลวงพี่ เพราะผมทำในนามของโรงพัก" "เออ..สมน้ำหน้ามึง..!" ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ทำงานอะไรก็ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 19:59 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
"เมื่อตอนช่วงปฏิบัติธรรม น่าจะอาทิตย์กว่ามาแล้ว ที่คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิจัดปฏิบัติธรรมพระนวกะประจำปีนี้ อาตมาไปเจอร้านจำหน่ายวัตถุมงคล สงสัยว่าทำไมร้านนี้จัดร้านเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก พระทุกองค์จะมีกล่องใส่และวางบนผ้าที่ปูอย่างดี
พอไปถึงเขาบอกว่า "อาจารย์เดินดูตามสบายเลยนะครับ ชอบใจองค์ไหนหยิบไปเลย อยากจ่ายเท่าไรก็วางไว้ตรงนั้น ผมจะไปกินข้าวแล้ว" อาตมาก็มอง ๆ หยิบมา ๖ องค์ วางเงินไว้หกพันบาท เขากลับมาบอกว่า "ไม่ได้ครับ..ไม่ได้" ถามว่าทำไม ? ก็เลยล้วงวางไปอีกสองพัน เขาบอกว่า "ไม่ใช่ครับ สองร้อยห้าสิบบาทก็พอแล้ว" เขาบอกว่า "ผมมาขายของในวัด กินข้าววัดด้วย ไม่เอากำไรครับ ต้นทุนที่อาจารย์หยิบบูชาไป ผมได้มาแค่สองร้อยห้าสิบ" ก็คงเหรียญละประมาณยี่สิบสามสิบบาท ก็เลยบอกว่า "เฮ้ย..แต่ในท้องตลาดแพงมากนะ" "นั่นแหละครับ แต่ผมจะจำหน่ายแค่นี้" ก็เลยบอกว่า "เอาอย่างนี้แล้วกัน ส่วนนี้จ่ายสองร้อยห้าสิบ...ของคุณ ส่วนอันนี้ให้" อาตมาควักให้ไปสี่พันบาท ก็คือมีบางเหรียญในตลาดราคาเป็นหมื่น แต่เขาบอกว่าเอาราคาแค่นี้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
"เห็นเขาแขวนอยู่ที่คอ ถามว่าพระที่ไหน ? แกล้งถาม..เพราะเห็นว่าเป็นเหรียญกูผู้ชนะประกอบธงมหาพิชัยสงครามของวัดท่าซุง เขาบอกว่า นี่เป็นครูบาอาจารย์ที่เขาเคารพมาก ครูบาอาจารย์สอนให้เขามีความเคารพพระ แล้วก็ต้องตรงไปตรงมา..ไม่โกง ถ้าอย่างนี้เอ็งสามารถพูดได้เต็มปากว่าเอ็งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ
ส่วนประเภทไปถึงบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง แต่คำพูดและความประพฤติเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้ อันนี้ไม่สมควรที่จะเป็น ดังนั้น...จะเห็นว่าเขาทำอะไรตรงไปตรงมา พระก็ใส่กรอบมาเรียบร้อย บอกว่าต้นทุนแค่สองร้อยห้าสิบ ตอนแรกอาตมาคิดว่าน้อยไป อุตส่าห์ล้วงเพิ่มไปให้อีก รุ่งขึ้นว่าจะไปเอาอีก ปรากฏว่าเขาหายไปแล้ว แสดงว่าบุญสัมพันธ์มีแค่นั้น ถึงเวลาพามาเจอแล้วก็จากกันไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 20:02 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ อาตมาไปร่วมพิธีมังคลาภิเษกเหรียญเสด็จในกรมหลวงชุมพรที่วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธาน พระที่เขานิมนต์ไปก็มีท่านเจ้าคุณสมชาย วัดปริวาส หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ วัดเทพหิรัณย์ หลวงปู่สิน วัดละหารใหญ่ และอาตมา
คราวนี้สถานที่วิหารเล็กมาก พอตั้งวัตถุมงคล ตั้งราชวัตรลงไปแล้วเหลือที่แคบนิดเดียว ก็เลยมีรายการเกี่ยงกัน ไม่ได้เกี่ยงตรงไหนหรอก เกี่ยงว่าใครจะนั่งด้านหน้า เพราะว่าติดองค์กรมสมเด็จพระเทพรัตน ฯ ท่านเลย ท้ายสุดท่านเจ้าคุณสมชาย หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ และหลวงพ่อสิน หลบไปอยู่ท้ายวิหารกันหมด เจ้าหน้าที่เลยต้องมาถามอาตมาว่า “หลวงพ่อ..นั่งด้านหน้าได้ไหมครับ ?” อาตมาตอบว่า “แล้วแต่จัดให้ อาตมาไม่เคยเกี่ยง” ก็เลยไปนั่งอยู่ด้านหน้า ถ้าเอี้ยวตัวนิดเดียวก็จะเห็นกรมสมเด็จพระเทพรัตน ฯ ท่านประทับนั่งอยู่ติด ๆ กันนั่นแหละ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2019 เมื่อ 19:32 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
"คราวนี้ในพิธี ปรากฏว่าแทนที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรท่านจะมา กลายเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จมา กราบทูลถามพระองค์ท่านว่า “เขาเชิญเสด็จในกรม ฯ ไม่ใช่หรือครับ ทำไมพระองค์ท่านเสด็จมาแทน ?” พระองค์ท่านตรัสว่า “ลูกสาวสุดที่รักมาเป็นประธานในงานวันสำคัญของลูกชาย ก็เลยต้องมาช่วย” อาตมาต้องนั่งปรับสมองอยู่ตั้งนาน ใคร ? เสด็จในกรมหลวงชุมพรเป็นพระโอรส...นี่ลูกชายแน่ ลูกสาวมาเป็นประธาน....อาตมาก็นั่งมอง ท่านคงเกิดในยุคนั้นมาก่อน
ขำตรงที่พระเถระท่านหนีกันหมด จะว่าไปแล้วสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ บารมีพระองค์ท่านมาก บางทีพระสั่นเลย ไปรับเสาเสมาธรรมจักรจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเมื่อปี ๒๕๕๕ ก็มีพระไปรับหลายรูป เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง มาซักซ้อมกันรอบแล้วรอบเล่า จะต้องยืนตรงนี้ จะต้องรับอย่างนี้ จะต้องหยิบท่านี้ พอถึงเวลา หลวงปู่หลวงพ่อหลายรูปลืมหมดเลย พอเห็นหน้าพระองค์ท่านเท่านั้นแหละ ทำอะไรไม่ถูกเลย อาตมาก็เลยกลายเป็นคนใจกล้าหน้าด้าน ทำไม่ผิดขั้นตอน งวดนี้ก็เหมือนกัน ทำไม่ผิดขั้นตอน คนอื่นส่วนใหญ่เขาจะลืมขั้นตอนกันหมด พออยู่ต่อหน้าพระองค์ท่านแล้วก็ประหม่า เพราะฉะนั้น..ต้องหัดให้หน้าด้านกว่านี้อีกหน่อย..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2019 เมื่อ 20:08 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า วันที่ ๑๖ สิงหาคมนี้ มีการหล่อพระเกตุมาลาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองแดง (ผสมทองคำแท้) ที่บ้านเติมบุญ เป็นของพระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม หรือหลวงพ่อนิล
ปกติอาตมาติดงาน วันที่ ๑๖ มีงานประชุมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอพนมทวน คงต้องขอหนีงานเขากลางคัน กะว่าจะหล่อได้ประมาณเที่ยงครึ่ง ท่านใดว่างเว้นภารกิจ อยากจะอนุโมทนาบุญร่วมกันอย่างใกล้ชิดก็ไปร่วมงานได้ จะเปิดบ้านให้พักหนึ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-08-2019 เมื่อ 07:47 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
"ส่วนวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ มีพุทธาภิเษกรอบพิเศษที่วัดท่าขนุน เพราะว่าทางมูลนิธิสามสมเด็จฯ โดย ดร.จักรกฤช ศีลาเจริญ สร้างเหรียญในวาระครบ ๔๒๙ ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำการพุทธาภิเษกใหญ่มาสามวาระแล้ว จะไปปิดท้ายให้เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเสกเดี่ยว โดยให้เหตุผลว่าแฟนคลับเรียกร้อง..!
อาตมาเองก็พูดไม่ออก เพราะว่าวันที่ท่านขอมาไม่ลำบากมาก เป็นวันพระใหญ่ ในเมื่อเป็นวันพระใหญ่ จะให้เสกช่วงประมาณสิบโมงถึงเพลก็พอได้อยู่ ใครจะร่วมพิธีก็เดินทางไปที่วัดท่าขนุน เพราะไม่รู้ว่าพระท่านจะสงเคราะห์อะไรให้เป็นพิเศษบ้าง เนื่องจากนาน ๆ จะโดนระบุเจาะจงมาเสียที ปกติอาตมาก็เสกเดี่ยวเป็นประจำ ยกเว้นว่ามีเพื่อนฝูงครูบาอาจารย์ร่วมงานอยู่ก็ช่วยกันไป เพิ่งจะมีรอบนี้แหละ ที่เขาไม่เอาใครเลย บอกว่าแฟน ๆ เรียกร้อง เพื่อให้วัตถุมงคลขายได้ก็ต้องเสกให้เขาหน่อย ก็แปลว่ามีงานพิเศษแทรกขึ้นมา งานหลักของทางวัดก็คืองานวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม งานวันแม่จะมีการนิมนต์พระสุปฏิปันโนมาให้พวกเราได้ทำบุญกันตามปกติ แล้วก็มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2019 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|