|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
"เขาจะให้หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านก็หนีแล้วหนีอีก ตอนนั้นหลวงเตี่ยวัดโพธิ์เป็นเจ้าคณะภาค ไปขอร้อง ๒ ครั้ง หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่เอา ไม่มีเวลาบริหาร ขนาดหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยา บอกให้ท่านไปนั่งฟังการอบรมพระอุปัชฌาย์โดยไม่ต้องสอบ หลวงพ่อท่านยังไม่มีเวลาไปเลย เพราะว่าต้องไปตลอด ๗ วัน
ท่านผ่อนผันที่สุดแล้ว เพราะว่าจริง ๆ แล้วต้องผ่านระดับจังหวัด ๕ วัน ระดับภาค ๕ วัน ถึงจะไปที่หนอีก ๓ วัน แล้วก็มาที่วัดสามพระยาซึ่งเป็นที่รวมทั้งประเทศอีก ๗ วัน รวม ๆ แล้วทั้งหมด ๒๐ วัน หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่มีเวลา เลยไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์เสียที ถึงเวลาท่านก็นิมนต์หลวงพ่อวัดสังกัสรัตนคีรีบ้าง หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดบ้าง มาบวชให้ แต่ผมโชคดีเพราะว่าตอนผมบวช หลวงพ่อท่านเป็นปัพพัชชาจารย์ คือ เป็นผู้ให้ศีลเณร แล้วตอนนั้นหลวงพ่อวัดสังกัสฯ ท่านบอกว่าลูกศิษย์เขามาบวช เขาอยากได้กำลังใจ ท่านอนุญาตให้ทำหน้าที่ให้ศีลเณรได้ ถ้าพระอุปัชฌาย์ไม่อนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์ทำ เพราะว่าท่านไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ จะผิดจริยาพระสังฆาธิการ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
"ขนาดพระอุปัชฌาย์บวชข้ามเขตยังโดนถอดเลย เขาจำเป็นต้องดุ ไม่อย่างนั้นจะมั่ว พวกที่โลภมากมีอยู่ โลภมากก็นั่งพระอุปัชฌาย์มั่วไปหมด รับโดยไม่ดูพื้นที่ของใคร ก็เลยมีกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๑๗ ระบุไว้ชัดเลยว่า เป็นพระอุปัชฌาย์อยู่ในเขตไหน สามารถนั่งพระอุปัชฌาย์ได้เฉพาะในเขตที่ตนมีอำนาจเท่านั้น
อย่างผมเป็นเจ้าคณะตำบล ก็ได้เฉพาะเขตตำบลของตัวเอง ยกเว้นว่าเจ้าของเขตอื่นมีหนังสืออนุญาต ผมจะไปตำบลอื่นก็ต้องให้เจ้าคณะตำบลเขาออกหนังสืออนุญาต ว่ายินดีให้เราไปนั่งบวชพระได้ ต้องเก็บหนังสือไว้เป็นหลักฐานด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนฟ้องร้องทีหลังได้ เจ้าคณะอำเภอได้เฉพาะเขตอำเภอของตัวเอง เจ้าคณะจังหวัดก็เฉพาะเขตจังหวัดตัวเอง เจ้าคณะภาคได้เฉพาะภาคตัวเอง เจ้าคณะหนได้เฉพาะหนของตัวเอง อย่างหนกลางนี่ก็ได้ ๒๓ จังหวัด แล้วก็มีกรรมการมหาเถรสมาคมที่บวชได้ทั่วประเทศ" ถาม : เขากลัวว่าพระจะโลภมาก ตอบ : ประเภทไม่คิดจะอบรมพระเณรให้ดี ตั้งใจบวชเพื่อที่จะเอาซองปัจจัยอย่างเดียว ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเรียก “พวกพระอุปัชฌาย์เป็ด” เป็นแต่ไข่อย่างเดียว ไม่คิดที่จะฟัก (อบรมสั่งสอน) เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2019 เมื่อ 08:51 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ญาติโยมก็ปล่อยให้เขาทะเลาะกันให้ฝุ่นตลบไปนะ เรามีหน้าที่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ การเลือกตั้งหนนี้เป็นการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่อาตมาเคยพบมาในชีวิต ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือฝ่ายของตัวเองโดยตรง แต่ก็ยังทะลึ่งสู้เขาไม่ได้อีก แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งกับทหารที่ควรจะเป็นกรรมการ ก็ทะลึ่งกระโดดลงไปเล่นเอง จึงอยากจะบอกว่าประชาชนของไทยตอนนี้เข้าสู่ยุค ๔.๐ จะใช้ ๕G กันอยู่แล้ว กิน Fast food แทนหญ้ามานานแล้ว ยังคิดว่าชาวบ้านกินหญ้าอยู่เหมือนเดิมอีก...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:36 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าอีกฝ่ายคาดการณ์ผิด เพราะว่าคนฉลาดขึ้น โดยเฉพาะต่างจังหวัดของเราเข้าใจการมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็คือคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ของตัวเอง จำไว้ว่าถ้าเป็นการออกเสียง ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน คุณจะไปว่าเสียงของคุณมีอำนาจมากกว่าไม่ได้ ถ้าไม่ดีจริงถึงเวลาจะโดนคัดออกไปโดยระบบ คือความต้องการของประชาชนไปเอง
การที่จะให้สื่อต่าง ๆ นำเสนออย่างเป็นกลางนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าสื่อทั้งหลายเลือกข้างตั้งแต่แรกแล้ว ก็ย่อมนำเสนอในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่พวกพ้องของตนเอง แปลว่ากรรมการคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทหาร ที่เห็นว่ามีแต่พวกตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนดีอยู่ในโลก แล้วก็สื่อ แต่ละฝ่ายล้วนแล้วแต่ไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของความเป็นธรรม ในเมื่อไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของความเป็นธรรม เรื่องพวกนี้ลงตัวยาก อย่างเลวร้ายที่สุดก็อาจจะต้องเกิดการนองเลือดขึ้น..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2019 เมื่อ 08:52 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"ดังนั้น...ที่บอกกับญาติโยมทั้งหลายว่าให้เราวางเฉยไว้ก่อน ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ อย่าไปใส่อารมณ์ตาม ใครก็ตามทำอะไร ปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะปิดบังได้ สื่อต่าง ๆ จะนำเสนอออกมาจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เรื่องพวกนี้จะแพร่หลายในระยะเวลาอันสั้น เป็นยุคที่คนโกหกอยู่ยาก
ในส่วนนี้อาตมาไปนึกถึงการ์ตูนล้อเลียนอันหนึ่ง ที่เขาถามว่า “พ่อครับ..ทำไมต้องโกงเลือกตั้งด้วยครับ ?” คนเป็นพ่อก็บอกว่า “เพื่อให้ได้คนดีมาบริหารประเทศนะลูก” ฟังดูแล้วย้อนแย้งกันมากเลย เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ดูว่าตนเองเป็นคนดีเท่าไร นั่นเป็นเพียงคนดีในความคิดหรือการกระทำของเขาเท่านั้น คนดีที่ดีจริง ๆ ก็คือคนที่ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าในการดำเนินชีวิต นอกเหนือไปจากนี้แล้วยังไม่ดีจริง บุคคลที่ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต ก็ยังมีความดีแต่ละระดับไม่เท่ากัน ดีแบบปุถุชน ดีแบบกัลยาณชน ดีแบบพระโสดาบัน ดีแบบพระสกทาคามี ดีแบบพระอนาคามี ดีแบบพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าคุณจะออกมาปาว ๆ ว่าเป็นคนดี ทำไปเพราะหวังดีต่อประเทศชาติ ทำไปเพื่อปกป้องสถาบัน ชาวบ้านเขารู้หมดว่าเป็นแค่วาทกรรม หรือว่าเป็นการกระทำจริง ๆ อาตมาบอกแล้วว่า ตอนคุณพูดเขาจะฟัง แต่ตอนคุณทำเขาถึงจะเชื่อ ถ้าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำค้านกันเอง ก็ไม่มีใครเชื่อคุณหรอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:38 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"โดยเฉพาะจะเรียกร้องในส่วนของคนดีออกมาปกครองประเทศ แต่ใช้วิธีการที่ผิด ก็คือใช้การยึดอำนาจ ใช้พลังของคนหมู่มากในการบีบบังคับ ลักษณะอย่างนั้นทุกคนเขาเห็น ประเทศชาติของเราถอยหลังไปไกลจนกระทั่งตามใครไม่ทันแล้ว ในเมื่อถอยหลังไปไกลจนตามใครไม่ทันแล้ว ถ้าหากว่าเอาบุคคลที่รู้จักแต่การป้องกันประเทศชาติ แต่ไม่รู้จักวิธีการบริหารประเทศชาติขึ้นมาทำงาน ก็จะถอยหลังไปไกลกว่านี้อีก โดนชาวบ้านเขาทิ้งห่างออกไปชนิดที่ไม่เห็นฝุ่นแล้ว
ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือประเทศพม่า ปี ๒๕๒๔ อาตมาอยู่ชายแดน เงินพม่า ๑ จั๊ต แลกเงินไทยได้ ๒ บาท เงินพม่าใหญ่กว่าเท่าหนึ่ง หลังจากที่เผด็จการทหารบริหารประเทศพม่ามา ปัจจุบันนี้เงินไทย ๑ บาทแลกเงินพม่าได้ ๔๕ จั๊ต เงินพม่าเล็กกว่าไทย ๔๕ เท่า..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:40 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"ถ้ายังวางแผนสืบทอดอำนาจกันต่อไปอีก ประเทศเราจะฉิบหายล่มจมขนาดไหน ? มีใครฟังอาม่าเหม่งทึ้งบ้างไหม ? ที่อาม่าเขาบอกว่า “ฟิลิปปินส์มีไต้ฝุ่น ญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหว อินโดนีเซียมีภูเขาไฟ แต่ประเทศไทยมีนักการเมือง เชื่ออาม่าเถอะ ฉิบหายพอกันแหละ” เพราะฉะนั้น..พวกเราดูไปว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ยังมีขั้นตอนการปล้นประชาธิปไตยที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ และเป็นการปล้นแบบหน้าด้าน ๆ มากกว่านี้อีกเยอะ เราค่อย ๆ ดูกันไป
สิ่งที่โดนปล้นไปก็คือ สิทธิ เสรีภาพ และเสียงของประชาชน ซึ่งเป็นความต้องการส่วนใหญ่ เราค่อย ๆ ดู พอถึงเวลาแล้วก็จะมีรายการสอยฝ่ายที่คิดว่าเป็นฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง เพื่อให้เขาเหลือกำลังน้อยที่สุด ฝ่ายตัวเองจะได้จัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้ายังไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจนออกมา กระแสสังคมตอนนี้ กกต.ทั้งหมดแทนที่จะเป็น ‘คณะกรรมการการเลือกตั้ง’ ชาวบ้านเขาไปแปลว่าเป็น ‘คณะกรรมการโกงการเลือกตั้ง’ แต่ละอย่างที่อธิบายออกมาชาวบ้านเขารับไม่ได้ บัตรมีจำนวนเกินกว่าผู้ใช้เสียง คำอธิบายไม่สามารถใช้การได้ “แสดงตัวแต่ไม่รับบัตร” ถ้าอย่างนั้นบัตรจะต้องมีจำนวนน้อยกว่าผู้ใช้เสียงไม่ใช่มากกว่า ก็ถึงได้บอกว่าชาวบ้านเขากิน Fast food มาหลายปีแล้ว ไม่ได้กินหญ้า อธิบายอะไรออกมาโปรดใช้สมองให้มากกว่านี้หน่อย...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
"ต้องบอกว่ากฎเกณฑ์กติกาก็ร่างเพื่อพวกตัวเอง กรรมการก็เป็นพวกของตัวเอง สื่อที่เป็นกระบอกเสียงก็เป็นพวกของตัวเอง แล้วก็ยังสู้เขาไม่ได้ ถ้าเป็นอาตมานี่เอาปี๊บคลุมหัวเดินไปนานแล้ว
ถามว่าเวลาอื่นทำไมอาตมาไม่พูด มาพูดเวลาออกอากาศ ? เพราะว่าอยากพูดให้คนบางประเภทฟัง เผื่อจะได้ใช้หัวแม่เท้าตรองดูบ้างว่าสิ่งที่ทำถูกหรือเปล่า ? อย่าทะลึ่งไปตัดเสียงตูนะ ใครดูดเสียงเดี๋ยวตูด่าแม่มันเลย...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2019 เมื่อ 08:52 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
"สถาบันหลักของประเทศเรา คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจผ่านทางรัฐสภา ผ่านทางตุลาการ ผ่านทางรัฐบาล ปัจจุบันนี้ผู้ที่ใช้พระราชอำนาจที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือสถาบันตุลาการ โดยเฉพาะพวกที่รู้กฎหมายแต่แกล้งโง่ ตีความทุกอย่างให้เกิดประโยชน์ต่อพวกพ้องและตนเอง คนทั้งหลายเหล่านี้สร้างเวรสร้างกรรมต่อคนหมู่มากทั้งประเทศ ต้องบอกว่าตายเมื่อไรแล้วจะรู้ ญาติโยมไปหาข้อมูลของคำว่า ปิสสกปัพพตนรก ดูว่าเขามีไว้ทำอะไร
อาตมากำลังรอดูว่าใครจะลงไปก่อน ต้องบอกว่าบุคคลที่ทรงอัจฉริยภาพมากที่สุดพระองค์หนึ่ง คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ซึ่งได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า “ในกระแสแห่งยุติธรรมา ยากจะหาความเกษมและเปรมปรีดิ์” สรุปว่าเรื่องของกฎหมายไม่มีมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณจนถึงปัจจุบันแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร ขึ้นกับ ‘ดวง’ ดวงก็คือ ด.เด็กของใคร ? ว.คือวิ่งเต้นหรือไม่ ? ง.มีเงินเท่าไร ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2019 เมื่อ 03:43 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
สนทนากับพระ "สมัยผมบวช ทั้งผ้าไตร ทั้งจีวร ทั้งบาตร รวมกันแล้ว ๘๐๐ บาท ปี ๒๕๒๙ นะ ไม่น่าเชื่อเลย ๓๐ กว่าปีบาตร จะแพงได้ขนาดนี้ จีวรชุดแรกผมใช้อยู่ ๑๔ ปี เป็น ๒ รูปในวัดกับท่านอาจารย์สมปองที่ใช้จีวรแค่ ๓ ผืน
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ธุดงควัตรเป็นสิ่งที่ดี ใช้ในการขัดเกลากิเลสได้ดีมาก ธุดงควัตร ๑๓ ข้อไม่ได้แปลว่าพวกแกต้องทำทุกข้อ แต่ถ้าข้อไหนทำได้โดยไม่ได้เสียวัตรปฏิบัติอื่น ๆ ให้ทำ พวกผมก็ทำ...มีประเภทฉันมื้อเดียวบ้าง บิณฑบาตเป็นวัตรบ้าง แล้วก็ใช้ผ้า ๓ ผืนบ้าง หลวงพี่ไพบูลย์ หลวงพี่ประทีป ท่านฉันมื้อเดียว ผมก็บิณฑบาตเป็นวัตร ใช้ผ้า ๓ ผืน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ถาม : รู้สึกลำบากไหมครับ ที่ไม่มีอย่างอื่น ?
ตอบ : สบายที่สุดเลย ไม่เกะกะ ไปไหนก็ไปแค่นี้ ทุกวันนี้เวลาไปต่างประเทศก็เห็นว่าผมใช้กระเป๋าเล็กนิดเดียว ไปทีหนึ่ง ๑ เดือน เดือนครึ่ง คนถามไปได้อย่างไร ? ก็ไปแค่นี้ จะเอาอะไรมากมาย โดยเฉพาะต่างประเทศสมัยนี้มีเครื่องซักผ้าทุกที่ บางที่ก็หยอดเหรียญ บางที่ก็ส่งให้พวกเจ้าหน้าที่ดูแลห้องไปซักให้เลย ปั่นเสร็จสรรพเรียบร้อย อบแห้งมาอีกต่างหาก พูดง่าย ๆ คือใส่ไปซักไป ไม่เห็นต้องเอาไปเยอะแยะ ขำหลวงพี่อาจินต์ ไป ๒๒ วัน ติดไป ๒๒ ชุด โอ้พระเจ้า...ใครจะไปแบกให้พี่ท่านไหว..! พอเห็นผมถือไปกระเป๋าเล็กนิดเดียว “แค่นั้นหรือ ?” “แค่นี้เองครับ” โดยเฉพาะถ้าเขาไม่มีอบแห้งนะ...ไม่ต้องห่วง ซักเสร็จแล้วก็สะบัดกางไว้ในห้องนั่นแหละ เป็นห้องปรับอากาศ พักเดียวก็แห้ง ถ้าไปเจอความลำบากตอนธุดงค์ พอเหนื่อยขึ้นมานี่ไม่อยากได้อะไรแล้ว ข้าวของทุกอย่างอยากจะโยนทิ้งให้หมด เกะกะ หนักก็หนัก บางทีเดินเป็นเดือน ๆ จนกระทั่งแรงจะหายใจก็ยังไม่มี แล้วยังจะต้องมาแบกของอีก ระยะหลัง ๆ ของผมนี่กระทั่งกลดก็ไม่เอาแล้ว ถึงเวลานอนที่ไหนก็เอาจีวรตีโปง ถามว่าอากาศหนาวอยู่ได้อย่างไร ? สบาย...ใช้ผ้าพลาสติกปูนอน พันตัวม้วนเป็นหนอนไปเลย เวลาผ้าพลาสติกพันตัวไว้ ไอตัวออกไม่ได้ก็จะอุ่นเอง ถาม : ถ้าเจอยุงละคะ ? ตอบ : ทนเอา เข้าสมาธิไปแล้วก็ไม่รับรู้แล้วว่ายุงหน้าตาเป็นอย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ถาม : เอาใจเกาะพระนิพพานไปด้วย ภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย อยู่ดี ๆ ใจเย็นเหมือนน้ำแข็งเลยครับ คืออะไร ?
ตอบ : สมาธิทรงตัว พอสมาธิทรงตัวจะก้าวข้ามระดับปกติของเราไป ต้องเกือบ ๆ จะเป็นฌานแล้ว เขาเรียกว่าสุข คือจะรู้สึกเย็นกายสบายใจบอกไม่ถูก ตากแดดก็ไม่ร้อน โดนฝนก็ไม่หนาว ถาม : ตอนที่เราตาย เวลาเราตาย จะนึกถึงพระนิพพาน ถ้าเรานึกไม่ทัน กลับมาย้อนนึกได้ไหมครับ ? ตอบ : ลองดู..เผื่อว่าจะทำได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
ถาม : ทองคำกิโลกรัมหนึ่ง ประมาณกี่บาทครับ ?
ตอบ : ๖๕ บาท ทองกิโลกรัมหนึ่งประมาณ ๑.๓ ล้านบาท ผมซื้อตั้งแต่สูงสุดราคาบาทละ ๒๗,๕๐๐ บาท แล้วก็ต่ำสุด ๑๘,๓๐๐ บาท แรก ๆ ได้เงินมาก็ซื้อไม่ดูราคา ไป ๆ มา ๆ ก็ในเมื่อดูราคาได้ ทำไมเราไม่ดูวะ ? ก็สั่งโยมไว้เลยว่าให้เฝ้าดูราคา ถ้าลงถึง ๑๘,๓๐๐ บาทให้ซื้อ เพราะว่าจะต่ำสุดแค่นั้น บางทีก็เหมือนขี้โกง แต่ว่าจำเป็น เพื่อประหยัดเงินสงฆ์ เพราะว่าซื้อทีหนึ่งเป็นพันบาท ประหยัดไปได้ตั้งเท่าไร ? ถ้าหากว่าลดลงบาทละ ๑๐๐ ก็ประหยัดไปเป็นแสนแล้ว ถาม : ตอนนี้ราคาทอง ๒๐,๐๐๐ บาท หรือครับ ? ตอบ : ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ ๑๙,๕๐๐ บาท ก็ถือว่ายังสูงอยู่ ผมจะรอให้ลดอีกรอบ เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ไว้หล่อพระพุทธลีลาประทานพร ซึ่งช่างเขาบอกใช้น้ำหนักใกล้เคียงกับสมเด็จองค์ปฐมเลย ผมก็ว่าเอ๊ะ...พระยืนองค์เล็กกว่า ทำไมน้ำหนักใกล้เคียงกัน ? ช่างเขาบอกว่าพระยืนคว้านไม่ได้ ต้องหล่อตัน หมดเยอะตอนตันนี่แหละ พระนั่งฐานใหญ่คว้านได้ พระยืนพอยืนขึ้นไปก็เป็นพระบาทแล้ว จะไปคว้านอย่างไร ? ถาม : ผสมอะไรด้วยหรือเปล่าครับ? ตอบ : ไม่ได้ผสมเลย ทองคำแท่งล้วน ๆ หน้าตัก ๑๙ นิ้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้พระวัดท่าขนุนได้ประโยค ๕ ไป ๒ รูป ประโยค ๓ ติดซ่อมวิชาแปล แล้วก็ได้ประโยค ๑-๒ มาอีก ๓ รูป ก็เหลืออย่างเดียวคือประโยค ๔ ตกไป ๑ รูป ถ้าประโยค ๓ ซ่อมติดก็แล้วไป แต่ถ้าซ่อมไม่ติดเดี๋ยวปีหน้าก็สอบประโยค ๓-๔ เป็นเพื่อนกันไปเลย
พระของผมเรียนสหบาลีศึกษาที่นครปฐม ประเภทที่เรียกว่าเรียนกันชนิดหัวทิ่มหัวตำ แล้วพระของเราไปแต่ละรูปนี่ไว้ใจได้เลย...ไม่มีอู้ ทุ่มเทเต็มที่ สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐานทุกวัน จนปัจจุบันนี้เขาลือว่าคณะ ๒ ที่วัดพระปฐมเจดีย์อย่าเข้าไป...เคร่งเกิน เคร่งเกินตรงไหน ? ที่วัดเราก็ทำอย่างนี้ทุกวัน ก็แค่เอาวิธีการที่วัดเราไปใช้เท่านั้นเอง" ถาม : ทำจนชินแล้ว ? ตอบ : ชินแล้วจะไม่รู้สึกว่าลำบาก ถึงเวลาตี ๓ ก็ตื่น สวดมนต์ ทำวัตร กรรมฐานเสร็จ นั่งท่องหนังสือรอเวลาบิณฑบาต บิณฑบาตฉันเสร็จ นั่งท่องหนังสือรอเวลาเรียน ตอนนี้เป็นหน้าเป็นตาของเขาเพราะว่าคณะนี้สอบได้ทุกปี ไม่ว่าประโยคไหนประโยคหนึ่งก็ต้องได้ ตอนแรกพระท่านก็บอกว่าจะพอแล้ว ผมขอให้ไปเรื่อย ๆ ไปจนสุดกำลัง คนส่งยังไม่ท้อเลย คนเรียนจะมาท้ออะไรวะ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
"ผมบอกกับพระท่านว่า ไม่ว่าจะเรียนบาลี เรียนนักธรรม หรือว่าเรียนสายสามัญ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเรียน
การเรียนบาลี เราเรียนเพื่อให้แปลธรรมะในพระไตรปิฎกได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เรียนเพื่อให้ได้ประโยคสูง ๆ แล้วไปเอายศเอาตำแหน่งกัน ประโยคหรือความรู้ที่ได้ หรือว่าเรื่องของยศตำแหน่งเป็นแค่ของแถม แต่ปัจจุบันนี้เขาเห็นของแถมเป็นสินค้าหลัก เป้าหมายก็เลยเพี้ยนไป ถ้าเราไปค้นคว้าพระไตรปิฎกแล้วไม่แน่ใจว่าเขาแปลถูกหรือเปล่า เราก็ไปเอาพระไตรปิฎกบาลีมาดู แล้วก็มาแปลของเราเอง อย่างหลวงปู่ปานท่านไปตั้งใจเรียนเพื่อที่จะแปลวิสุทธิมรรค ว่าท่านสอนลูกศิษย์ถูกหรือเปล่า ก็ต้องดูตามภาษาบาลี คราวนี้การเรียนนักธรรมก็คือ ให้รู้หลักข้อธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติทั้งขณะที่เป็นพระ หรือตอนสึกไปเป็นฆราวาส เรียนปริยัติสามัญเพื่อให้มีความรู้ ได้ศึกษาหาความรู้ในระดับที่สูง ๆ ขึ้นไป ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่ออะไร ? เพื่อให้มีความสามารถในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันกลายเป็นเรียนแข่งกันเอายศเอาตำแหน่ง พอถึงเวลาสอบตกก็เหี่ยว ถ้าเรียนแล้วรู้จริง จะตกไม่ตกเราก็มีความรู้ แปลบาลีได้อยู่แล้ว ถึงได้เตือนพระท่านว่า ดูด้วยว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร ? การเรียน..ให้เราเรียนเพื่อเตรียมตัวของเราให้พร้อมที่สุดที่จะได้รับใช้พระพุทธศาสนา เพราะว่าปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะตำแหน่งหน้าที่อะไรเขาต้องการวุฒิการศึกษา ในเมื่อเขาต้องการ เรามีไว้ ถึงเวลาเราก็จะทำงานของเราได้ดี เพราะว่ามีความพร้อมกว่าคนอื่นเขา เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการเรียนอย่าหลงประเด็น หลงประเด็นเมื่อไรแทนที่จะเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้จากพระไตรปิฎก ก็จะกลายเป็นเรียนไปแย่งยศแย่งตำแหน่งกัน ส่วนใหญ่ลืมกันหมด ผมบอกกับท่านว่า คุณเห็นไหม..ผมเรียนจนจบปริญญาเอกแล้วผมมีอะไรแปลกไปจากเดิมบ้างไหม ? เรียนเพราะว่าโลกเขาต้องการความรู้แบบนี้ เราก็มีให้เขา เอ็งจะมาดูถูกว่าพระโง่...เรียนน้อยกว่าเอ็งก็ไม่ได้ เพราะว่าข้าเรียนมา ๒ ทางด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2019 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
"วันก่อนคุยกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีคนใหม่ ท่านเพิ่งจะมารับตำแหน่ง ก็บอกกับท่านว่า อาตมาเป็นประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก เริ่มจากสายปฏิบัติ แล้วอยู่ ๆ ก็เลี้ยวมาวิชาการ จนกระทั่งจบปริญญาเอก ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเริ่มก็ต่อต้านเรื่องการเรียน
โดยเฉพาะแค่นักธรรมตรีก็ตีความพระไตรปิฎกผิดแล้ว เขาถามว่าฆฏิการพรหมคือใคร ? ถ้าเราบอกว่าเป็นท้าวมหาพรหม อดีตเพื่อนของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่เลื่อมใสการออกมหาภิเนษกรมณ์ ก็เลยนำเอาบริขาร ๘ มาถวาย ถ้าตอบแบบนี้ตกนะ เขาให้บอกว่าพรหมเป็นคุณสมบัติของผู้ทรงฌานสมาบัติ ฆฏิการพรหมน่าจะเป็นนักบวชในลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ เลื่อมใสการออกมหาภิเนษกรมณ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงนำบริขาร ๘ มาถวาย นี่แค่นักธรรมตรีก็ไม่มีพรหมแล้ว ผมปฏิญาณไว้เลยว่า ถ้าผมสอบแล้วมีคำถามประเภทนี้ ผมจะตอบตามแนวของหลวงพ่อวัดท่าซุง จะสอบตกก็ช่างมันไปเลย ปรากฏว่า ๓ ปีที่สอบไม่มีเลยครับ มีแต่ออกตามแบบ การออกตามแบบนี่เราท่องแบบได้ อย่างไรก็สอบได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2019 เมื่อ 01:56 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ที่วัดไม่มีอะไรแต่เราก็สอบกันได้ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรลำบากสำหรับพวกเรา พวกเราอ่านกันเอง สอบกันเองนั่นแหละ ตอนนั้นผมป่วยเป็นมาลาเรีย ไม่มีแม้แต่แรงจะนั่งอ่านหนังสือ ถึงเวลาก็เอ้า...ใช้วิธีนี้แหละวะ หลับตาเขียน แล้วผมจำแม่นนะ ผมจำได้ว่าผมตอบอะไร ผมไปเปิดเฉลยดู..ถูกทุกตัวเลย ถ้าเขาจับว่าผมทุจริตนี่ไม่รู้ว่าจะเถียงอย่างไร เพราะถ้าคุณไม่ลอกแล้วจะเหมือนทุกตัวได้อย่างไร ? ที่ผมบอกว่าผมไม่อ่านหนังสือแล้วผมสอบได้ที่ ๑ ของจังหวัด ก็คือใช้วิชาของหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอให้ทำให้ได้จริง ๆ ย่อมใช้งานได้จริง ผมบนพระไว้ว่าถ้าผมสอบได้ ผมจะเขียนมหาสติปัฏฐานสูตรเต็มฉบับด้วยลายมือผมเอง โอ้โฮ...เกือบ ๒ เล่มสมุด คือมหาสติปัฏฐานสูตรที่พวกคุณอ่าน ๆ กัน ที่เป็นบาลี พอถึงเวลาจะมีเปฯ ซึ่งจริง ๆ คือย่อมาจากไปยาล ก็คือเนื้อหาจะซ้ำกับท่อนอื่นแล้วเขาจะไม่ลงไว้ แต่ผมต้องเขียนให้เต็มฉบับ จะไม่มีย่อ ท้ายสุดเลยเขียนมือหงิกอยู่เป็นเดือน เพราะว่าตั้งใจแล้ว ถ้าสอบได้ก็จะเขียนถวายพระท่าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2019 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์ไม่ได้เรียนบาลีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ผมเรียนแค่ประโยค ๑-๒ แล้วไม่ได้สอบ ท่อง ๆ ไปแล้วแปลได้เอง เออ...ดีเหมือนกัน เขาเรียกว่าบาลีเถื่อน เวลาไปเป็นวิทยากรงานอบรม พวกประโยค ๙ เขาจ้องอยู่นะครับว่าผมจะแปลผิดไหม ก็ปรากฏว่าที่แปลไป ท้ายสุดเขายอมรับว่าพระอาจารย์แปลได้ลึกกว่าผมเยอะเลย ก็คือผมแปลตามความรู้สึกที่ปฏิบัติมา ไม่ได้แปลตามตัวหนังสือ พอเข้าใจความหมายแล้วเวลาแปลก็จะง่าย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2019 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องเหรียญทำน้ำมนต์พุทธบารมีสุริยันทรงกลด สรุปว่าคนที่จองหม้อน้ำมนต์ยังไม่ได้นะ เพราะว่าต้องรับเหรียญพร้อมกับหม้อน้ำมนต์ ส่วนใครที่เป็นเจ้าภาพทุนการจัดงานวันเกิดนั่นรับได้แล้ว
เหรียญเนื้อชนวนหลวงพ่อนากมีทั้งหมด ๔๕๐ เหรียญ คราวนี้มีส่วนเกินมา ๔ เหรียญ เป็นเหรียญลองชุบกับเหรียญลองพิมพ์ ส่วนเนื้อทองคำมีแค่ ๓ เหรียญ ทั้งเนื้อทองคำ ๓ เหรียญแล้วก็เนื้อชนวนหลวงพ่อนาก ๔๕๔ เหรียญนี่จารทั้งหมด เป็นลายมือจารของอาตมาเอง ดูง่าย ปลอมไม่ได้ เหตุที่ปลอมไม่ได้เพราะว่าอาตมาค่อนข้างสมาธิดี จารได้สม่ำเสมอเท่ากันหมด ถ้าหากว่าปลอมจะมีหนักบ้าง เบาบ้าง ถ้าไม่มีลายมือจารของอาตมานี่ปลอมตั้งแต่แรกแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2019 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
"เดี๋ยวนี้วัตถุมงคลวัดท่าขนุนปลอมกันแหลกลาญ ยุคแรกที่โดนปลอมก่อนเลยคือพระกริ่งพิชัยสงคราม แล้วก็ตามมาด้วยพระองค์ที่ ๑๑
พระองค์ที่ ๑๑ มีปลอมทั้งองค์เล็กขนาดห้อยคอ แต่คราวนี้เขาปลอมโดยที่ไม่ดูว่าของเราเจาะฐานอุดผงวิเศษพร้อมพระบรมสารีริกธาตุ เพราะฉะนั้น..ถ้าใครเอามาจำหน่ายแพง ๆ ให้ขอเขาเอ็กซเรย์ดู ถ้าข้างในไม่มีพระบรมสารีริกธาตุแปลว่าปลอมแน่ ส่วนองค์ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว ปลอมโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะว่าอาตมาสร้างขนาด ๑๐ นิ้วเท่านั้น ซึ่งไม่มีชาวบ้านที่ไหนเขาสร้างกัน เอาไม้บรรทัดลากวัดหน้าตักระหว่างเข่าชนเข่า ถ้าไม่ถึง ๑๐ นิ้วก็ของปลอมแน่นอน แล้วของแท้จะมีต้นแบบที่เป็นขี้ผึ้งอยู่ ๓ องค์ ซึ่งอาตมาก็ปิดทองให้ญาติโยมบูชาไปเหมือนกัน ส่วนเนื้อโลหะ ๑๐ นิ้วมีแค่ ๑๒๒ องค์เท่านั้น...ตอนนั้นแจกฟรี ตอนนี้ราคาเป็นแสนเลย ตอนนั้นมีเจ้าภาพเขาสร้างถวาย แล้วมาถามอาตมาว่าจะให้จำหน่ายราคาเท่าไร ? บอกไปว่าไม่ต้องจำหน่ายหรอก ให้แจกฟรีไปเลย แหม..คนเกือบจะเหยียบกันตาย..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2019 เมื่อ 02:03 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|