|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจัดปฏิบัติธรรม ให้สิทธิ์ผู้ที่ลงชื่อบวชไว้ได้จองแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อทองคำ มีหลายท่านที่ไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย แต่ไม่ลงชื่อ ประมาณว่ามักน้อยสันโดษ ไม่จำเป็นต้องมีชื่อปรากฏก็ได้
แล้วก็มีคนมาถามว่า “อาจารย์...แล้วอย่างนี้ทำอย่างไร ?” “อ๋อ..ก็เรื่องของเขา มักน้อยสันโดษถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากเกินไปกูถือว่าดัดจริต...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2019 เมื่อ 11:46 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
"ส่วนใหญ่พวกเราแยกไม่ออก ที่แยกไม่ออกก็คืออะไรที่ควรจะแสดงตน อะไรไม่ควรที่จะแสดงตน ถ้าเป็นเรื่องของหลักฐาน เรื่องของทะเบียน อย่างไรก็ต้องแสดงตน แต่ถ้าคุณจะปลีกวิเวก ไม่คลุกคลีกับหมู่คณะ ไม่มีใครว่าคุณ แสดงว่าตีความหลักธรรมผิด
ปวิเวกตา ปลีกตัวออกจากหมู่ ไม่ใช่ให้ทิ้งสังคม เพียงแต่ว่าอย่าไปยุ่งกับสังคมมากจนเสียการปฏิบัติ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2019 เมื่อ 11:47 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันรัฐบาลเรามีความประพฤติที่เป็นสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด ก็คือพวกกูทำอะไรไม่ผิด ถ้าคนอื่นทำผิดหมด ขนาด ปปช.หน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่จะต้องบริสุทธิ์สะอาดและเป็นมาตรฐาน ยังตัดสินว่าการยืมนาฬิกาเพื่อน ๒๒ เรือนเป็นเรื่องปกติ ปัญญาอ่อนชัด ๆ...!
ในเมื่อหน่วยงานที่ควรจะบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุดยังกลายเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งใคร ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า คือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำมาหากินของเราไป ไม่ต้องไปใส่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างไรเสียหลวงปู่เกลี้ยงก็นำหน้าไปแล้ว สถานการณ์ที่น่าจะย่ำแย่ถึงขีดสุดก็น่าจะเบาลงไปหน่อยหนึ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2019 เมื่อ 11:48 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"อาตมามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง คือ พระมหาฉลาด กิตฺติสมฺปนฺโน ป.ธ. ๖ ปกติท่านเรียนบาลีอยู่ พูดง่าย ๆ ว่าเตรียมตัวที่จะเป็นคุณมหาประโยค ๙ ตั้งแต่หนุ่ม ๆ ปรากฏว่าหลวงปู่เกลี้ยงถูกใจ ขอตัวไปศึกษาวิชาด้วย เรียนอยู่หลายปี ก็คาดว่าน่าจะสืบทอดอะไรต่อมิอะไรได้มาก เพราะว่าหลวงปู่รักและเมตตาเป็นพิเศษ
หลวงปู่เกลี้ยงมีความเหมือนหลวงปู่สำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่าอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือมีเทวดาคอยตามสงเคราะห์ ถึงเวลาใครเดือดร้อนมาถามหลวงปู่ เทวดาจะบอกว่าแก้ไขอย่างไร อาตมาบอกได้เพราะว่าหลวงปู่มรณภาพแล้ว ถ้าท่านยังอยู่ก็บอกไม่ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2019 เมื่อ 21:57 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"ครูบาอาจารย์ล่วงลับไปทุกวัน ๆ ตัวเราเองมีอะไรที่พอจะอวดเขาได้บ้างว่าเราปฏิบัติแล้วมีผล ? เราไม่ใช่หนูที่อยู่บนถังข้าวสารโดยที่ไม่ได้กินอะไรเลย เราไม่ใช่ทัพพีที่คาหม้อแกงอยู่โดยไม่รู้รสอะไรเลย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักรู้ แล้วก็ตักเตือนตัวเอง ไม่เช่นนั้นปีแล้วปีเล่าผ่านไป เดี๋ยวจะตายเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการ แบบที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงวัว แต่ไม่เคยได้ลิ้มปัญจโครสเลย
ปัญจโครสคือสิ่งของ ๕ อย่างจากวัวที่พอจะเอามาเป็นอาหารได้ มีเนยใส เนยข้น นมสด นมส้ม น้ำมันเปรียง น้ำมันเปรียงคือน้ำมันที่เคี่ยวจากวัว สมัยอาตมาเด็ก ๆ เห็นกินแต่น้ำมันหมูกัน หลังจากนั้นมาก็มีน้ำมันพืชแหกโค้งเข้ามาเขาเรียกน้ำมันบัว ใส่ปีบมาขาย ต่อมาก็มีการฮิตน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และมายืนตายที่น้ำมันปาล์ม ยิ่งกินก็ยิ่งแย่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2019 เมื่อ 11:52 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นหวัดคราวนี้ทำให้เชื่อที่ท่านอาจารย์บ๊ะท่านบอกว่า ถ้าไปต่างประเทศจะเป็นการเปลี่ยนดวง เพราะว่าจากดวงดี ๆ กลายเป็นเละเทะไปหมดเลย..! ...(หัวเราะ)..."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2019 เมื่อ 03:23 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "สีผึ้งหลวงพ่อทาบจะสีเขียวอมดำ เขียวอย่างเดียวไม่ได้ ดำอย่างเดียวก็ไม่ได้ ไม่ต้องไปดูเลยนะว่าตลับต้องหน้าตาอย่างนี้ เพราะท่านบอกว่าใครมีตลับอะไรก็เอามาใส่ เราก็แค่ดูตลับให้ได้ยุคได้สมัยหน่อยก็พอ แต่ถ้าใครไปเปลี่ยนตลับก็ซวยอีก นึกถึงคนสมัยก่อนเขาทำอะไรก็ประณีต ตลับสีผึ้งหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ประเภทวัตถุโบราณชัด ๆ เป็นตลับที่ปั๊มลายขึ้นดอกรุ่นแรก ๆ เลย
ส่วนสีผึ้งหลวงพ่อเดิมเป็นตลับฝากระจกตลับกลม ๆ น่าจะกว้างสัก ๒-๒.๕ นิ้ว ฝาเป็นกระจก เรียกว่า "ตลับคันฉ่อง" ใครเห็นตลับสีผึ้งเก่า ๆ ด้านหน้าเป็นกระจกมัว ๆ นี่รีบตะครุบเอาไว้ก่อนเลย ถ้าโชคดีเขี่ยดูข้างใน เจอสิงห์สามขวัญด้วยก็ถือว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง แต่ถ้าหากว่าเป็นของหลวงปู่จันทร์ วัดป่าข่อย ท่านจะเอาพระนางพญาหรือไม่ก็พระลีลาทุ่งเศรษฐีใส่ไว้ คนไปขอสีผึ้งหลวงปู่จันทร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากได้สีผึ้ง แต่อยากได้พระ ก็คือของแพงปานนั้น หลวงปู่ท่านมีท่านเอาใส่ตลับสีผึ้งเฉยเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2019 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปริญญาโทมีวิชา Insight Meditation ลูกศิษย์บอกว่าถ้าพระอาจารย์เล็กไม่สอน เขาก็ไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่เป็นวิชาสอนของอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ท่านเป็นดอกเตอร์ด้วย ประโยค ๙ ด้วย แต่ท่านไม่สามารถอธิบายให้ลูกศิษย์เข้าใจได้ เห็นชัด ๆ ว่าเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าหากว่าไม่ได้ทำจริง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะพูดให้เขาเข้าใจได้ เพราะว่าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ
พอชั่วโมงแรกเดินเข้าห้องไปบรรดาลูกศิษย์ก็เฮ ถามว่า "มึงจะเฮกันทำไมวะ ?" อ๋อ...ดีใจที่พระอาจารย์มาสอน "เออ..หัดให้สำรวมกิริยาบ้าง นี่วิชากรรมฐาน ไม่ใช่เห็นหน้าอาจารย์แล้วก็เฮแบบนี้" ถาม : เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรครับ ? ตอบ : เนื้อหาการปฏิบัติสมถวิปัสสนา Insight Meditation ไม่ใช่ยกย่างเหยียบ จะว่าไปแล้วหลักสูตรเขาตั้งไว้ดี แต่หาพระสอนได้ยาก เพราะว่าส่วนที่เป็นปัตจัตตัง เวลาลูกศิษย์ซักถาม ถ้าตัวเองไม่ได้ปฏิบัติก็จนแต้ม อาตมาต้องไปคุมกรรมฐานให้เขา ๑๕ วัน แต่ว่ามีเวลาให้เขาจริง ๆ ประมาณ ๗-๘ วันเท่านั้น แต่ก็ยังดี เพราะว่าบางอย่างอาจารย์คนคุมเขาขาดมัชฌิมาปฏิปทา รู้ ๆ อยู่ว่านี่คือกรรมฐาน แต่ไม่รู้ว่ามัชฌิมาอยู่ตรงไหน นิสิตทุกคนไม่ได้ไปด้วยศรัทธา แต่ว่าไปเพราะหลักสูตรบังคับว่าจะต้องปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติคุณก็ไม่ผ่าน เมื่อไม่ได้มาด้วยศรัทธา เราก็ต้องรู้ว่าทำอย่างไรจะให้พอเหมาะพอดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2019 เมื่อ 21:58 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมวันแรก บรรดาอาจารย์ก็แห่มา ๔-๕ คน ทั้งพระทั้งฆราวาส บอกว่า “ไม่ไหว นิสิตเขาต่อต้านทุกรูปแบบ เอาไม่อยู่ ถ้าอาจารย์ไม่มานี่พวกผมหนีแน่” อาจารย์ยังไม่ทันจะลุกเลย นิสิตปริญญาโท ๗-๘ คนล้อมอาจารย์มาอีกชั้นหนึ่ง ฟ้องซ้ำเข้ามาอีก นี่คือคู่กรณีนะ ระหว่างนิสิตกับอาจารย์
พอฟังเสร็จสรรพเรียบร้อยอาตมาก็บอก “ไป ๆ ๆ มีหน้าที่อะไรไปทำ เดี๋ยวจัดการให้” ปัญหาก็คือการขาดมัชฌิมาปฏิปทา นิสิตไปหาเจ้าภาพมาเลี้ยงอาหาร พอกลับมาแล้วโดนซ่อมเพราะว่าปฏิบัติธรรมไม่ครบ "คุณหายไประหว่างชั่วโมงปฏิบัติธรรม" เป็นกู..กูก็โกรธวะ อุตส่าห์ไปหาข้าวมาให้กิน เสือกซ่อมกูอีก แล้วต่อไปจะคุยกันรู้เรื่องไหม ? แล้วก็ไปบอกว่านิสิตดื้อ ต่อต้าน ไม่ยอมทำตาม ตกลงใครกันแน่ที่ผิด ? แต่คราวนี้อาตมาในฐานะอาจารย์ผู้อยู่ตรงกลาง อาจารย์ก็ฟ้อง ลูกศิษย์ก็ฟ้อง แล้วตูจะทำอย่างไร ? ก็ต้องหาจุดพอเหมาะพอดีของเขาให้ได้ ก็เลยบอกว่า "ใครที่ขาดชั่วโมงปฏิบัติเดี๋ยวมาปฏิบัติกับอาจารย์เล็กตรงนี้ ส่วนของอาจารย์คุณจะทำอะไรของคุณทำไปเลย ตอนนี้ผมอยู่แล้ว" หายไปจากที่นั่ง ๒ ชั่วโมงไปนำเจ้าภาพเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อมาเลี้ยงเพล กลับมาโดนซ่อม ๒ ชั่วโมง โปรดใช้หัวแม่เท้าตรองดูหน่อยแล้วกันว่าเขาไปทำอะไร ? ถ้าหนีการปฏิบัติก็ว่าไปอย่าง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:36 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาเพิ่งไปฝึกซ้อมภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์มา ชอบสุด ๆ สำเนียงสิงคโปร์ก็คือสำเนียงไทยแท้นั่นแหละ ขำที่สุดคือแท็กซี่ หน้ารถแท็กซี่ติดรูปท้าวมหาพรหม ติดหลวงปู่ทวด ติดพระสีวลี เขาบอกว่าต้องไปไหว้ท้าวมหาพรหมทุกปี แล้วก็ถวายนางรำละครชาตรีทุกครั้ง เขาบอกว่า “He makes my life easy and smooth.” เขาว่าช่วยเขาได้เยอะเลย ดำรงชีวิตทำมาหากินก็สะดวกง่ายดาย เขาเรียกว่า "อากง" ท้าวมหาพรหมตูกลายเป็นอากงเขาไปแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2019 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปสิงคโปร์คราวนี้ยอมรับเลยว่าสู้หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะลูกสาวลูกชายขายาวเหลือเกิน เดิน ๒ ก้าวเท่ากับอาตมาเดิน ๓ ก้าว พักเดียวก็โดนทิ้งเสียลิบเลย ดีอยู่อย่างหนึ่งคือไปไหนก็ไม่หลง มองไปก็เห็นเพราะว่าเขาตัวสูง ส่วนอาตมาใส่จีวรเขามองมาก็เห็น ไปไหนไม่หลงหรอก ยกเว้นว่าขึ้นรถไม่ทัน พอเห็นว่าประตูจะปิดนี่อย่าไปเสี่ยง เดี๋ยวได้ไปแค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งของคณะไม่ได้ไปด้วย
รถไฟใต้ดินสิงคโปร์ไม่มีคนขับสักคัน ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติหมด ถ้าถามว่ามีใครมาตรวจบัตรตรวจตั๋วอะไรไหม ? ไม่มี...ตั้งแต่ก่อนเราจะผ่านเข้าไปเขาตรวจเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าบัตรเงินไม่พอเขาก็ไม่ปล่อยให้ผ่าน กลับไปเติมใหม่เสียดี ๆ ไม่เหมือนประเทศจีน ประเทศจีนนี่อาตมาเห็นคาตาเลย คนหน้าแตะบัตรคนหลังผลักกระเด็นแล้วก็วิ่งตามเข้าไป เล่นวิธีง่าย ๆ ตอนออกก็ทำแบบเดียวกัน พอถึงเวลาก็เล็ง ผลักคนหน้าปลิวแล้วก็วิ่งพรวดผ่านไป ความซื่อสัตย์ต่างกันมาก เราจะไปว่าสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ ก็ไม่ใช่ คนร้อยพ่อพันแม่ แต่ความที่เขาเข้มงวดมานานก็เลยกลายเป็นความเคยชิน ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เป็นกฎที่ไม่ต้องเขียน รู้กันอยู่ว่าต้องทำอย่างนี้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:39 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
"ไปสิงคโปร์อย่าลืมเจ้าพ่อหลักเมืองนะ พลเรือเอก เซอร์โธมัส ฟิลลิปส์ สเปนเซอร์ มารับยันดอนเมืองเลย แถมมาแย่งข้าวกินด้วย เข้าร้านอาหารญี่ปุ่นนั่งอยู่ ท่านดึงถ้วยซุปไป อาตมาก็เฮ้ย...เดี๋ยวคนเขาแตกตื่น พอดีคุณชวงเห็นหัวเราะใหญ่เลย ถามว่าเป็นอะไรอยู่ ๆ ถ้วยวิ่งได้เอง อ๋อ...โดนผีแกล้ง
ไปที่นั่นคุณชวงอุตส่าห์ซื้อซิการ์ฮาวาน่าไปเลย เพราะว่าลูกสาวเรียนอยู่ที่นั่น เอาไปฝากฝัง แต่พอจุดซิการ์ให้ พ่อเจ้าประคุณเดินเป่าใส่หัวไปตลอดทาง แต่ละคนขนหัวตั้งเด่ คือกลิ่นซิการ์ตามอยู่ตลอด สิงคโปร์เขาจะไม่มีคนที่เดินสูบบุหรี่ ส่วนพวกเราเดินไปเถอะ ถึงเวลาหยุดจะข้ามถนน ประเภทกลิ่นซิการ์เป่าใส่หัวเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
"วันแรกไป หลวงปู่ใหญ่โลกอุดรมา ก็กราบท่าน ว่าจะเรียกท่านเซอร์ฯ มากราบหลวงปู่ มองไปอีกทีท่านเซอร์ฯ อยู่ชายทะเล บอกว่าไปทำอะไรไกลขนาดนั้น ? เขาบอกหลวงปู่ไม่ได้มาคนเดียว อ้าว...แล้วทำไมตูเห็นคนเดียว ? หลวงปู่ท่านบอกว่า โดยธรรมเนียมถ้าผู้ใหญ่อยู่ เด็ก ๆ ก็ไม่มาโผล่หน้าแข่งบารมีหรอก
บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อท่านมากันเยอะ ก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไรถึงขนาดเต็มชายทะเลไปหมด ปรากฏว่ากลับมาเมืองไทยเพิ่งจะรู้...เกิดสึนามิ นี่ถ้าไม่มีท่านมีหวัง..! วันที่สึนามิเกิด พวกเราก็ไปอยู่ริมทะเลกันทั้งวัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:42 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
ถาม : ชาผู่เอ๋อร์ค่ะ เห็นพระอาจารย์ฉันได้แต่น้ำร้อนกับน้ำชา เลยเอาชามาถวายค่ะ ?
ตอบ : ผู่เอ๋อร์เป็นชาเสีย คือสมัยก่อนเขาขนใส่พวกหลังล่อ หลังลา หลังม้าไปจำหน่าย ส่วนใหญ่ก็ออกไปจำหน่ายทางด้านมองโกเลีย โดนแดด โดนฝน โดนลม หีบห่อก็เสีย น้ำเข้าได้ ชาเลยอัดกลายเป็นก้อนไปเลย คราวนี้ก็อย่างว่านั่นแหละ พ่อค้าขนไปแล้วไม่อยากทิ้งก็ขายอย่างนั้น ปรากฏว่าพวกมองโกลเขาก็กินทั้งอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่เขาก็เอาไปต้มกับพวกนมเนย ก็เลยกลายเป็นว่าชาเสียของคนจีน แต่คนมองโกลกินกันเป็นปกติ ท้ายสุดกลายเป็นดี จึงต้องตั้งใจทำกันขึ้นมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:43 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
ถาม : ถวายเต่าบ้านสบายใจให้หลวงพ่อ หลวงพ่อจะได้อายุยืนแข็งแรง ?
ตอบ : จะให้ตูอายุยืนเป็นเต่า ? ตัวคนทำท่านยังไม่ยอมอยู่ด้วยเลย ตั้งท่าจะไปอย่างเดียว ทีอาตมาจะให้อยู่นาน ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-01-2019 เมื่อ 09:03 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนเขาหาฮวงจุ้ย ลักษณะที่ว่าหน้าติดเขา หลังติดน้ำ ซ้ายขวาถ้ามีเนินเขากระหนาบได้จะดี เพราะว่าพื้นที่ก็คือ ซ้ายพยัคฆ์ขาว ขวามังกรเขียว หน้าหงส์แดง หลังเต่าดำ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2019 เมื่อ 19:50 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ถาม : (มีคนมาเบิกวัตถุมงคล) เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก มีดหมอล้วน ๆ เลย ?
ตอบ : บางคนมีวิสัยนักรบเก่า เห็นมีดเห็นไม้แล้วชอบ มีดของหลวงปู่จ้อย วัดศรีอุทุมพร ก็เริ่มแพงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดกว่ารุ่นหลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว มีดหมอสายหลวงพ่อเดิมหลุดออกมาถึงยุคนี้แล้วเริ่มกลายเป็นของโหล ที่บอกว่าเป็นของโหลเพราะว่าสั่งผลิตเพื่อการพาณิชย์โดยตรง ความประณีตมีน้อยมาก รุ่นเก่า ๆ นี่ถ้าเราดูจะเห็นความต่างจากรุ่นใหม่อย่างชัดเจน รุ่นเก่าเขาถักแหมรัดปลอกมีดละเอียดยิบอย่างกับเส้นผม รุ่นใหม่ ๆ เส้นหยาบดูไม่ได้เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ถาม : ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ?
ตอบ : หาฤกษ์วันศุกร์ข้างขึ้นเดือนคู่ คู่คือเดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือน ๘ ข้างขึ้น ถ้าเดือน ๘ ข้างแรมกับเดือน ๑๐ เขาไม่ขึ้นบ้านใหม่กัน เพราะว่าอยู่ในพรรษา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วอาตมาจ่ายค่าเทอมอ่วมอรทัยเลย คือช่วงนี้ค่าใช้จ่ายการศึกษาประมาณเดือนละ ๒ แสนบาท แต่ถ้าค่าเทอมออกนี่เป็นล้านบาทเลย แม้กระทั่งวิทยาลัยสงฆ์ตอนนี้ค่าเทอมก็แพงมาก สมัยอาตมาเรียนอยู่ปริญญาตรี บางเทอม ๒๔ หน่วยกิต ค่าเทอมแค่ ๑,๘๐๐ - ๑,๙๐๐ บาท สมัยนี้ค่าเทอม ๖,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ บาท นี่ขนาดถูก ๆ แล้วนะ แตกต่างกับสมัยนั้นขนาดไหน ?
ปริญญาโทอาตมาเรียนเต็มที่ไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้ปริญญาโทเทอมหนึ่งปาไป ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท ปริญญาเอกตอนที่เรียนอยู่ ๓๕๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า ๔๕๐,๐๐๐ บาท แล้วก็ได้โปรด...เป็นพระอยู่อย่าได้สึก เป็นฆราวาสอยู่กรุณาอย่าบวช ต้องเรียนให้จบก่อน เพราะว่าค่าเปลี่ยนชื่อ ๕,๐๐๐ บาท ก็คือถ้าบวชพระอยู่แล้วไปสึกเป็นฆราวาส จะเอาปริญญาบัตรเป็นนาย จ่ายมา ๕,๐๐๐ บาท หรือว่าเป็นนายอยู่ดี ๆ ดันทะลึ่งเป็นพระก็เตรียมไว้ ๕,๐๐๐ บาทเช่นกัน เริ่มกลายเป็นระบบการค้าเต็มตัว ทำให้ห่างไกลจากวัตถุประสงค์ในการตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๕ พระองค์ท่านตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ กำหนดว่าเอาไว้ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาสูง คราวนี้จากการเรียนในรุ่นก่อน ๆ ก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านสอนเพื่อสงเคราะห์พระเณรที่ไม่มีโอกาสเรียนทางโลก เพราะฉะนั้น..ค่าเทอมจึงต่ำมาก มาระยะหลังนี้กฎเกณฑ์กติกาทุกอย่างกลายเป็นเตะสกัดพระเณรไม่ให้เรียน อย่างเช่นปริญญาโทต้องมีพื้นฐานคอมพิวเตอร์ ๑๗๐ คะแนน ต้องสอบ TOEFL ได้ ๓๐๐ คะแนนขึ้นไป ปริญญาเอกต้องมีพื้นฐานคอมพิวเตอร์ ๒๒๐ คะแนน ต้องสอบ TOEFL ได้ ๕๐๐ คะแนนขึ้นไป TOEFL ระดับนั้นต้องไปเรียนต่างประเทศ ไม่ใช่เรียนในบ้านเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 18:31 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
พระอาจารย์คืนของให้คนที่มารับแล้วกล่าวว่า "บางคนบอกว่าข้าวของหล่นเป็นลางร้ายอะไรหรือเปล่า ? อาตมาบอกว่าเป็นลางดี ถามว่าทำไม ? เพราะว่าหล่นแล้วยังเจอ ส่วนใหญ่ประเภทหล่นแล้วหาไม่เจอนี่ลำบากเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2019 เมื่อ 18:32 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|