|
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ปกิณกธรรม งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วัดท่าขนุน วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
ถ้าเราทำอะไรเร็ว ถึงเวลาก็ได้อะไรเร็ว ทำบุญเร็ว ๆ ถึงเวลาผลบุญก็ตอบสนองเร็ว ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
โยมท่านใดเห็นอาตมภาพนั่งรับแต่เงินแล้วอยากได้แบบนี้บ้าง ให้ไปภาวนาพระคาถาเงินล้าน ถ้าไม่รู้ว่าคาถาเงินล้านคืออะไร ก็ค้นหาเอาในอินเตอร์เน็ตได้ นอกจากเราจะได้การภาวนาสร้างสมาธิแล้ว ถ้า "ทำขึ้น" ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมา
สมัยก่อนตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเรื่องนี้ใหม่ ๆ อาตมภาพก็คิดว่า สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านบอกเรื่องพระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ ก็มีบุคคลตัวอย่าง เช่น นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร นายเฉลิม คงทอง หรือว่านายแจ่ม เปาเล้ง ที่สามารถทำพระคาถาขึ้นจนเป็นตัวอย่างแก่หมู่ศิษย์ได้ แล้วสมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ ทำไมไม่มีใครทำจนเป็นตัวอย่างได้บ้าง ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมภาพก็เลยทำเสียเอง จากที่ภาวนาแค่พออาศัยวันละ ๙ จบ ก็ขยายเป็น ๓๐ จบ เป็น ๑๒๐ จบ เป็น ๓๐๐ จบ ๓๖๐ จบ ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๙๐๐ จบ ท้ายที่สุดไปลงที่ ๑,๒๐๐ จบต่อวัน แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตื่นตี ๓ ภาวนาไปเรื่อย มีเวลาพักฉันอาหารเช้าประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น แล้วก็ว่ายาวไปจน ๑ ทุ่มถึงได้พักผ่อน การภาวนาให้ว่าช้า ๆ ใช้คำภาวนาควบลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่ไปเร่งให้จบได้หลาย ๆ จบ การได้มากได้น้อยไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงที่จิตเป็นสมาธิ จิตเป็นสมาธิสูงมากก็ได้ผลมาก ตอนหลังก็ผ่อนลงมา เหลือวันละ ๓๐๐ จบ ทำอยู่ประมาณ ๓ ปีติดกัน อาศัยนับลูกประคำจนสายขาดไปจนนับครั้งไม่ถ้วน นับจนลูกประคำธรรมดาใสเป็นแก้วไปเลย นิ้วมือตัวเองก็ด้านขึ้นมาเป็นเม็ด ๆ พอทำจริงจังเข้า สิ่งของต่าง ๆ ก็ไหลมาเทมาเอง จึงไม่ต้องไปยกตัวอย่างคนอื่น เพราะว่าทำเองสำเร็จแล้ว สิ่งนี้อาตมภาพไม่ได้พูดเล่น หากแต่เป็นคุณธวัช สวนศิลป์พงศ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทยสาขาอุทัยธานีในสมัยนั้น ท่านเป็นคนยืนยันเองว่า "นอกจากหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว มีแต่ท่านนั่นแหละที่ฝากเงินมากที่สุด" แต่อาตมภาพเป็นคนฝากเงินได้ไม่นาน เพราะว่ามักจะเบิกเอามาทำบุญเสียหมด..! ดังนั้น ในสภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ด อะไรต่อมิอะไรเป็นไปโดยยาก ถ้าหากว่าเราภาวนาพระคาถาเงินล้านจนเกิดผล เรื่องของทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา ญาติโยมจะเห็นว่าอาตมภาพสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ๑๕๕ ล้านบาท ยังไม่ทันจะเสร็จ เขาเสนอราคาสะพานหลวงปู่สายมาอีก ๑๐๐ กว่าล้านบาทแล้ว บางท่านได้ยินแล้วอยากจะเป็นลม บอกใจเย็น ๆ จ้ะ เรื่องของพระคาถาต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น มั่นใจในบารมีพระ บารมีครูบาอาจารย์ มั่นใจในความรู้ความสามารถของตนเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-09-2024 เมื่อ 01:01 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ท่านที่จะรับยันต์เกราะเพชรตอนบ่ายโมง ให้หาเครื่องมือในการรับ ก็คือ ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เทียนต้องเป็นเทียนน้ำหนักอย่างน้อย ๑ บาท ก็คือประมาณนิ้วชี้ผู้ใหญ่ ยาวสักคืบหนึ่ง
เมื่อถึงเวลารับยันต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ธูปเทียนนี้ใช้งานได้ดีมากในด้านเรื่องการไล่ผี หรือว่าขับไสยศาสตร์ ถ้ามีผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน อาราธนาบารมีพระ ว่าคาถานะโมพุทธายะ ใช้ธูปเทียนนี้จี้ไป ผีจะออก มีอานุภาพเหมือนกับมีดหมอ หรือถ้าจะขับไล่ไสยศาสตร์ก็ให้อาราธนาบารมีพระ ใช้ธูปเทียนนี้เคาะไล่ลงไปตามปลายมือปลายเท้า แต่อย่าให้คนไปอยู่ทางด้านปลายมือปลายเท้า เพราะว่าถ้าสิ่งไม่ดีโดนขับไล่ออกมาแล้ว เราไปยืนขวางอยู่อาจจะเข้าตัวเราแทน อาตมภาพมักจะให้หันเท้าลงน้ำ ถึงเวลาก็ฝากแม่คงคาไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชร ตำราเขาบอกว่าเป่าทีละศาลา แต่อาตมภาพเห็นว่าพระท่านสงเคราะห์ให้จริง ๆ ก็คือใครตั้งใจรับ อยู่มุมไหนของโลก ท่านก็เมตตาสงเคราะห์ให้ในเวลาเดียวกัน ถึงเวลานั้นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะขยายโตเต็มจักรวาล พลังงานของท่านครอบคลุมทั่วโลกที่เหมือนกับเป็นวัตถุชิ้นนิดเดียว เหมือนอย่างกับยาอมสักเม็ดหนึ่ง ก็แปลว่าเป่าทีเดียวทั้งโลก..! ขอให้ตั้งใจรับด้วยความเคารพเท่านั้น
ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือ ต้องไม่ขโมย และไม่ดื่มสุราหรือว่าเสพยาเสพติด ส่วนที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ เรื่องที่สุราปนมาในอาหาร ปัจจุบันนี้มีค่อนข้างมาก ยกเว้นให้แค่เฉพาะยาที่ผสมสุราตามสูตร แต่ว่าให้กินไม่เกินถ้วยตะไลเดียวเท่านั้น ก็น่าจะไม่เกิน ๓๐ ซีซี ถ้าผสมตามสูตรแล้วพวกเราคิดว่ากินได้ไม่จำกัด ก็แปลว่าหาเรื่องให้ยันต์หลุด..! เมื่อรับไปแล้วก็ต้องรักษาไว้ด้วยการอาราธนาหรือภาวนาถึงทุกวัน โดยปกติถ้าไม่มีเวลาแค่ภาวนา "พุทโธ..พุทโธ" นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าก็ได้ หรือถ้ามีเวลามากก็ภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบทไปเลยก็ได้ พอรู้สึกว่ากำลังใจมั่นคงก็กลืนน้ำลายสัก ๓ ครั้ง อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะป้องกันเราได้ทั้งวัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
คำว่าอานุภาพยันต์เกราะเพชร ก็คือบารมีพระพุทธเจ้าที่ท่านสงเคราะห์ให้ บุคคลที่รับยันต์ไป อันดับแรกจะไม่ตายโหง ถ้าไม่ใช่หมดอายุขัยลงไปจริง ๆ ต่อให้บาดเจ็บสาหัสขนาดไหนก็รักษาหายเป็นปกติ ตัวอย่างชัดที่สุดคือโยมแม่ของอาตมภาพเอง โดยราชรถ ๑๐ ล้อมาเกย กระดูกด้านขวาของร่างกายตั้งแต่กรามลงไปจนถึงหน้าแข้งหักหมดทุกชิ้น อยู่ห้องไอซียู ๑๘ วัน อาตมภาพไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อฤๅษีฯ บอกว่า "แม่โดนรถชน อาการหนักมาก ขอถวายสังฆทานให้แม่ไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะรอดหรือเปล่า ?"
พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามว่า"แม่แกรับยันต์เกราะเพชรไปหรือยัง ?" กราบเรียนท่านไปว่า "รับหลายครั้งแล้วครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร" แล้วก็เป็นจริงตามนั้น เพราะว่าหลังจากออกห้องไอซียูมา อาตมภาพก็พาเข้าพาออกโรงพยาบาลอยู่ ๓ ปี จนหายเป็นปกติ มาไล่ตีลูกได้ตามเดิม..! ข้อต่อไปก็คือจะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ ใครที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ามีคนทำไสยศาสตร์ เรานึกถึงพระพุทธเจ้าพร้อมกับภาวนาไว้ อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปทั้งหมด เพราะว่าคำว่าพุทธะแปลว่าผู้ตื่น ไสยะแปลว่าผู้หลับ เหมือนความมืดกับความสว่าง ถ้าความสว่างมาถึง ความมืดก็อยู่ไม่ได้ ถือว่าเป็นคู่ปรับกันโดยตรง ท่านใดที่เอาวัตถุมงคลที่ใช้วิธีการทางไสยศาสตร์ทำขึ้นมา ถ้าเข้ามาอยู่ในพิธีนี้จะเสื่อมหมด..! บุคคลที่มีผีเจ้าเข้าสิง หรือว่าโดนไสยศาสตร์มา ถ้าอยู่ในพิธีนี้ อย่างสองรอบเช้าเราก็จะเห็นว่า เขาทั้งหลายเหล่านั้นทนพุทธานุภาพไม่ได้ ก็ทั้งดิ้นทั้งร้อง เงียบเสียงลงไปเมื่อไรก็แปลว่าหายเป็นปกติแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ประการสุดท้ายก็คือจะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษต่าง ๆ ต่อให้พิษรุนแรงขนาดไหนก็รอด อาตมภาพโดนงูกะปะกัดที่ชีพจรข้อมือพอดี ก็ไม่ได้รักษาอะไร เพราะมั่นใจว่าตนเองมียันต์เกราะเพชรอยู่ ถ้าหากว่าตายแปลว่ายันต์เสื่อม ยันต์จะเสื่อมก็ต่อเมื่อเราไปลักขโมยหรือไปเสพสุราหรือเสพยาเสพติด ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตาย..!
เมื่อไม่ได้รักษา โรคภัยไข้เจ็บคงจะกลัวคนหน้าด้าน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร..! ทุกวันนี้ใครอยากจะดูร่องรอยมาขอดูได้ สี่เขี้ยวเต็ม ๆ ที่ชีพจรข้อมือยังเห็นคาอยู่จนทุกวันนี้ การรับยันต์เกราะเพชรนั้น ถ้าหากว่าท่านไม่มั่นใจว่าได้หรือไม่ได้ให้สังเกตดู ถ้ารู้สึกร้อนหู ร้อนหน้า หนักตัว หนักไหล่ บางคนก็เป็นไข้ไปหลายวัน รู้สึกว่าขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกไปโยกมา ให้เราทำใจเป็นปกติ ภาวนา "พุทโธ..พุทโธ" ไปเรื่อย แสดงว่าเป็นช่วงที่ยันต์กำลังเข้าตัวเอง แต่ว่าเคยมีประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ญาติโยมจากปักษ์ใต้น่าจะเป็นจังหวัดชุมพร รับยันต์ไปแล้วป่วยอยู่เดือนกว่า สงสัยว่าเป็นเพราะอะไร ? ปรากฏว่าเคยไปครอบครูโนราห์มาก่อน เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไป พุทธานุภาพครอบซ้อนอยู่ข้างนอก ครูโนราห์เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ อึดอัดแทบตาย ไม่รู้จะบอกลูกหลานอย่างไร ก็เลยต้องทำให้ป่วย จึงต้องขอบารมีพระท่านเปิดช่องให้ออกได้ถึงหายป่วย ฉะนั้น..ถ้าใครครอบครูโนราห์มา กรุณาขออนุญาตพระท่านเอง อาตมภาพไม่มีเวลาทำให้ ก็คือถ้ายังต้องการครูโนราห์อยู่ ก็ขอพระท่านสงเคราะห์ว่าให้ครูสามารถที่จะอยู่ได้ เพราะว่าเป็นต้นสายวิชา แต่ถ้าไม่ขอแล้วโดนทับเอาไว้ เดี๋ยวก็เกิดอาการเดียวกัน ก็คือเจ็บไข้ได้ป่วยไม่แล้วไม่เลิกเสียที แล้วตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอีกด้วย..!?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ส่วนท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าหากว่ามีท้องแล้วเป็นลูกคนแรก คลอดออกมาเป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย ตั้งแต่อาตมภาพเป่ายันต์มาครั้งแรกถึงปัจจุบัน มีเด็กที่มียันต์ติดตัวมาหลายต่อหลายคนแล้ว
บางคนพ่อแม่ลืมไปว่ามาเข้าพิธีรับยันต์เกราะเพชร เห็นลูกตัวลายพร้อยก็รีบพาไปหาหมอ หมอก็เจาะเลือดเจาะไขสันหลังสารพัด จนเด็กเจ็บแทบตาย ก็ยังวิเคราะห์หาสาเหตุไม่ได้ แล้วยังไปตั้งชื่อเป็น "เคสเด็กตุ๊กแก" เพราะว่าลายไปทั้งตัว อาตมภาพก็เลยบอกพ่อแม่ว่า ไปแอบอุ้มลูกออกมา ขืนปล่อยไว้ก็กลายเป็นหนูทดลองยาให้หมอไป เขาก็อุ้มลูกออกจากโรงพยาบาลมาโดยไม่บอกไม่กล่าวเหมือนกัน ยันต์เกราะเพชรที่ปรากฏอยู่บนตัวเด็กที่เป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรก จะค่อย ๆ ซึมเข้าไปอยู่ในกระดูกภายใน ๗ วัน พูดง่าย ๆ ว่าไม่เหลือเอาไว้หรอก แต่ด้วยความที่ไม่เคยเห็นและไม่มีประสบการณ์ พ่อแม่ก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา มีอยู่รายหนึ่ง สมัยนั้นคลอดตามวิธีเก่า ก็คือหมอตำแยช่วยจัดการให้ ออกมาตัวลายพร้อย ญาติพี่น้องตกใจ หมอตำแยบอกว่า "ไม่เป็นไรอีหนู..เดี๋ยวป้าจัดการให้" ว่าแล้วก็อมเหล้าเป่าพรวดเดียว หายเกลี้ยงเลย..! ป้าแกร้ายกาจกว่าตั้งเยอะ พระจัดพิธี จัดบายศรีหมดไปเป็นหมื่นเป็นแสนกว่าที่จะเป่ายันต์ได้ ป้าแกใช้เหล้าคำเดียวหายเรียบ..! ก็ต้องบอกว่าป้าแกรู้จริง ความจริงยันต์ไม่ได้หายไปไหน แต่ว่าไปอยู่ในกระดูกแทน แล้วแทนที่จะค่อย ๆ เข้าไป ภายใน ๗ วันค่อยหายหมด ปรากฏว่าวิ่งหนีเหล้าเข้าไปพรวดเดียวหมดเลย..! การที่เรามีของดีอยู่กับตัวก็จงอย่าได้ประมาท ต้องพยายามภาวนาเอาไว้ทุกวัน ถ้ากำลังใจเราเกาะการภาวนาเป็นปกติ ตายไปก็ยังเกิดเป็นพรหมได้อีกต่างหาก ถ้าไม่นิยมการเกิด สมาธิทรงตัวได้ระดับ ก็อาจจะถึงขนาดหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ญาติโยมบางท่านที่คิดว่าโดนไสยศาสตร์ ไปให้หมอตรวจอาการดูก่อน เพราะว่าพออายุมากแล้วฮอร์โมนพร่อง ก็อาจจะออกอาการป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ให้หมอจ่ายฮอร์โมนเพิ่มให้หน่อยก็เป็นปกติแล้ว ดันไปคิดว่าโดนไสยศาสตร์มา ทำให้พระเวียนหัวเปล่า ๆ..!
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ปกิณกธรรมงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) ณ วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|