กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-12-2022, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ ๓ - ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเข้า วันเสาร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๕

การปฏิบัติธรรมรอบนี้ถือว่าเป็นรอบสุดท้ายของปี ๒๕๖๕ นับเป็นรุ่นที่ ๘ จากตารางที่กำหนดเอาไว้ รุ่นที่ ๑ ของปี ๒๕๖๖ จะเป็นรุ่นส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

การที่เรามาปฏิบัติธรรมกันเป็นรุ่น ก็ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติกันอย่างเป็นทางการ แต่คราวนี้อะไรที่เป็นทางการ ก็มักจะไม่ได้เรื่องเสมอ..! สังเกตดูได้ เพราะว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้ว ไม่เคยชินกับการที่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบกับการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก บางทีเราเองก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร ? ความจริงก็แค่เกิดจาก "ตัวกูของกู" เท่านั้นเอง ก็คือไม่อยากเสียเวลาไปทำใจยอมรับคนอื่น ปลีกตัวออกมาเสียเลยจะง่ายกว่า

ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ตรงตามความประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้เราปลีกตัวออกจากหมู่ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาไปคลุกคลีกับหมู่คณะ ที่จะทำให้ขาดการปฏิบัติธรรม แต่พวกเราปลีกตัวออกจากหมู่ เพราะว่าไม่อยากอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ไม่อยากเสียเวลาไปทำใจยอมรับคนอื่น ก็แปลว่าการปลีกตัวออกจากหมู่ของพวกเรานั้น แบกกิเลสเอาไว้เต็ม ๆ..!

เรื่องพวกนี้โดยปกติแล้ว ถ้าเราไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมที่แท้จริง โอกาสที่เราจะรู้ จะเห็น จะเท่าทันกิเลส ก็เป็นไปโดยยาก ถ้าอยากจะรู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีอะไรบ้าง ให้ไปเปิดพระไตรปิฎกหาวัญจกธรรม ๓๘ ประการ ซึ่งจะบอกเอาไว้ ๓๘ อย่างด้วยกันว่า ในสิ่งที่เราทำ เป็นกิเลสเต็ม ๆ แต่เรามักจะคิดว่าดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-12-2022, 17:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นว่า เราเป็นคนขาดความเกรงใจผู้อื่น ไม่มีกาละเทศะ แต่เราไปบอกว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม จึงมีการกระทำที่ตรงไปตรงมา แต่คราวนี้การตรงไปตรงมาของเรา ก็เหมือนกับบางท่านที่บอกว่า "ปล่อยวางแล้ว" แต่กระผม/อาตมภาพกล่าวว่า "ไปวางใส่กบาลคนอื่น..!"

จึงเป็นเรื่องที่พวกเราจะต้องศึกษาเรียนรู้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขตนเอง ไม่ใช่ศึกษาเรียนรู้ แล้วก็กองเอาไว้เฉย ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย

การปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง เราควรที่จะพิจารณาดูว่าเรามีความก้าวหน้าอะไรขึ้นมาบ้าง หรือว่ายังแย่อยู่เหมือนเดิม หรือถ้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือ แย่ไปยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าตราบใดที่เรายัง "ดูตัวเองไม่ออก บอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น" โอกาสที่ปฏิบัติธรรมแล้วมีความก้าวหน้าก็น้อยมาก

ลักษณะเดียวกับผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิ พอถึงเวลาสามารถดูเรื่องของคนอื่นได้หมด แต่ดูเรื่องของตัวเองแล้วหาความแม่นยำไม่ได้ ก็อยู่ในลักษณะเดียวกันก็คือ ขาดการวางกำลังใจให้เป็นอุเบกขา ยังแบกตัวกูของกูไว้เต็ม ๆ

ถ้ากำลังมโนมยิทธิบอกว่าไม่ดี ตัวเองยอมรับไม่ได้ สภาพจิตปรุงแต่งภายในเสี้ยววินาที เร็วกว่าสายฟ้าแลบอีก คำตอบก็จะเปลี่ยนไป แล้วก็ผิด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-12-2022, 17:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่า ให้เชื่ออารมณ์แรก และโดยเฉพาะมโนมยิทธิเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ๆ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเอาไปใช้ในทางผิด ๆ แทนที่จะรู้เพื่อละ ก็กลายเป็นรู้แล้วยึด คนโน้นเคยเป็นอย่างนั้นกับกู คนนี้เคยเป็นอย่างนี้กับกู โดยเฉพาะเที่ยวไปดูใจคนอื่น ซึ่งไร้ประโยชน์สิ้นดี..!

เขาให้ดูใจตัวเอง เราต้องดูว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น เรามีความผิดพลาดบกพร่องตรงไหน ? แล้วก็แก้ไขไป ไม่ใช่พอสิ่งไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น เราก็ไปหาหมอดู แล้วหมอก็แนะนำให้เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนไป ๕๐๐ ครั้ง ถ้าความประพฤติไม่เปลี่ยน ก็หาความดีขึ้นมาไม่ได้หรอก

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือดูตัวเอง แก้ไขตัวเองให้ได้ ว่าทำไมเราเข้าไปตรงไหน ก็วงแตกที่นั่น จะคุยกับใคร ก็มีแต่คนเมินหน้าหนี ทำไมกี่ปีกี่ปี เราก็ได้ยินแต่เสียงซุบซิบนินทาเราอยู่เสมอ เราผิดพลาดบกพร่องตรงไหน ?

คนอื่นมักจะรักตัวเองมากกว่า เขาก็เลยไม่กล้าที่จะตักเตือนบอกกล่าวเราตรง ๆ แต่ดันไปซุบซิบนินทากัน สร้างทุกข์สร้างโทษให้กับทั้งตัวเองและผู้อื่น

ในเรื่องของนักปฏิบัติธรรม จึงเป็นเรื่องของบุคคลผู้หวังความเจริญ ต้องพยายามกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอว่ายังไม่ดีพอ แล้วปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-12-2022, 17:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง พอถึงเวลาท่านว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยไม่ได้ออกชื่อออกนามตรง ๆ จะได้ไม่ทำให้เขาเสียหน้า แต่ปรากฏว่าแทนที่จะรู้ตัวแล้วไปแก้ไข ออกจากโบสถ์มา กลับไปเที่ยวถามกันว่า "หลวงพ่อว่าใครวะ ?"

แทนที่จะคิดว่า ท่านว่าเรา เราควรที่จะแก้ไข กลับไปเที่ยวมองหาว่าใครที่เป็นอย่างนั้น จึงทำให้คนจำนวนมากด้วยกัน แม้จะอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ดีที่สุดอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง แต่ก็เอาดีไม่ได้ เพราะว่าไม่มองข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่แก้ไข กาย วาจา ใจ ของตนเอง โดยเฉพาะที่ปฏิบัติธรรมแล้วก็ทิ้ง

ถึงเวลาทางวัดจัดการปฏิบัติธรรมเมื่อไร ก็รีบสมัครมาด้วยความกระตือรือร้น กิเลสกินเราปีละ ๓๖๕ วัน วันละ ๒๔ ชั่วโมง แล้วอย่างปีนี้ทางวัดจัดการปฏิบัติธรรมมา ๘ ครั้งเท่านั้น ถ้าเฉลี่ยว่าครั้งละ ๓ วัน ก็เพิ่งจะ ๒๔ วัน อีก ๓๐๐ กว่าวัน เราโดนกิเลสกินตลอดเวลา แล้วคิดว่าจะเอาดีได้ไหม ?

ถ้าหากว่าเราขาดสำนึกว่า เรื่องของกิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา ทุกเวลา ทุกวินาที ทุกชั่วลมหายใจ ส่วนเราเอง ผู้ที่จะต่อสู้กับกิเลส กลับต้องไปรอเวลา รอโอกาส กิเลสไม่เคยรอนะ..! แล้วเมื่อไรเราถึงจะชนะได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-12-2022, 17:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางคนก็น้อยอกน้อยใจ ปฏิบัติธรรมมาหลายสิบปี ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ มาถึงสมัยหลวงพ่ออนันต์ จนครูบาอาจารย์จะตายไปอีกแล้ว ยังเอาดีไม่ได้ แต่ไม่เคยดูว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน ? มัวแต่รอให้คนอื่นบอก แล้วใครเขาจะมาบอก ?

แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้แต่ตถาคตก็เป็นได้เพียงผู้บอกเท่านั้น ส่วนบอกไปแล้ว ใครจะหวังความดี มีความเพียรพยายาม ทำด้วยชีวิต หรือว่าจะปล่อยให้ผ่านเลยไปเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้อะไร ทำตัวเป็นทัพพีคาอยู่ในหม้อแกง กี่ปีกี่ชาติก็ไม่รู้ว่าแกงรสชาติเป็นอย่างไร ?

ถ้าหากว่าปุบปับตายลงไป หาความดีติดตัวไม่ได้ ก็เสี่ยงสูงมาก เพราะกำลังใจของเราเกาะความชั่วมากกว่าความดี โอกาสที่จะลงอบายภูมิก็มีสูง ถึงไม่ลงอบายภูมิ สามารถไปสู่สุคติได้ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็แค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็ต้องเกิดมายากลำบากอีก พลาดเมื่อไรก็ลงอบายภูมิอีก แล้วเรายังจะประมาทกันอยู่อีกหรือ ?

ปีนี้อาตมภาพอายุย่าง ๖๔ ปีแล้ว หลวงปู่ปานวัดบางนมโคอายุ ๖๑ ปี
กว่าก็มรณภาพแล้ว แล้วยังคิดว่าอาตมภาพจะอยู่ได้อีกกี่วัน ? โดยเฉพาะงานหลวงงานราษฎร์เยอะมาก จนแทบจะไม่ได้อยู่ติดวัด ถ้าท่านทั้งหลายไม่พากเพียรปฏิบัติด้วยตนเอง จะต้องรอให้นำ จะต้องรอให้จูง ก็ขอบอกว่ารอไปเถิด ถ้าไม่ตายเสียก่อนก็คงมีโอกาส..!

โดยเฉพาะระยะนี้เชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ระบาดหนักมากที่ทองผาภูมิ หนักหนาสาหัสมาตั้งแต่ช่วงกฐิน เพราะว่าประมาทกัน ติดเชื้อกันยกวัด ติดเชื้อยกหมู่บ้านกัน แม้กระทั่งพระเณรวัดท่าขนุน ที่ส่งไปช่วยงาน ก็ติดกลับมา ๗ - ๘ รูป ถ้าพวกเราติดเข้า แล้วสภาพร่างกายไม่แข็งแรง ปุบปับตายไป หาความดีติดตัวไม่ได้ ถึงตอนนั้นจะเสียใจ ก็ไม่ทันแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-12-2022, 17:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอพระยายมราชถามว่า "เจ้าเป็นอะไรตาย ?" ยังไม่ทันรู้ตัวเลย ตายแล้วหรือ..!? ยังไปบอกท่านว่า "อย่ามาล้อกันเล่นนะ ลุงก็เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว จะมาล้ออะไรกับเด็กอย่างผม" ตายแล้วยังไม่รู้ตัวเลย ! พอท่านถามว่า "เคยทำความดีอะไรมาบ้าง ?" บรรลัยแล้ว..ความชั่วมีเยอะกว่า ท่วมทับจนนึกไม่ออกว่าความดีมีอะไรบ้าง

อย่าลืมว่าพระยายมราชท่านเป็นพรหมนะ ถ้า เมตตา กรุณา มุทิตา จนหมดแล้ว ก็อุเบกขานั่นแหละ ถึงเป็นลูกเป็นหลานก็ "ลงไปเถอะลูก" ขุมลึก ๆ ยิ่งดี จะได้อยู่นานหน่อย..!

ยิ่งถ้าหากว่าเป็นนักบวช เป็นพระภิกษุ สามเณร เป็นแม่ชี ก็ยิ่งต้องเคี่ยวกรำตัวเองให้หนัก เพราะว่าเราเป็นปูชนียบุคคลที่คนอื่นเขากราบไหว้ เขาบูชา ไม่ใช่วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ก็ยังคงอยู่แค่นั้น นอกจากไม่ก้าวหน้าแล้ว ยังถอยหลังอีกต่างหาก

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยท่านได้ เพราะว่าชี้ทางออก บอกทางถูกให้แล้ว แต่ไม่เดิน ก็ให้วนเป็นปูขาเกต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2022 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 17-12-2022, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันเสาร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๕

ธัมมะปฏิปัตติกาโล อะยัมภะทันตา..เธอทั้งหลาย ตอนนี้เป็นเวลาแห่งการปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่ของเราเป็น ธัมมัสสะวะนะกาโล..ที่แปลว่า เวลาแห่งการฟังธรรม ตอนไปประเทศศรีลังกาถึงเวลาเขาบอกว่า ปริตตะกาโล อะยัมภะทันตา..เป็นเวลาแห่งการสวดพระปริตร ของเราตอนนี้ก็เป็นเวลาแห่งการปฏิบัติธรรม

ลักษณะนี้เรียกว่าหาพยาน ประกาศให้เขารู้ จะได้ร่วมกันเป็นพยานให้ว่าเราทำอะไรอยู่ ถึงเวลาอ้างไป ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้ยินตอนเราประกาศ ก็จะช่วยเป็นพยานให้ แล้วต้องประกาศกันทุกบ่อยหรือเปล่า ?..ก็ไม่ต้องหรอก ของพวกเราแค่ "ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล" ก็จบแล้ว..ง่ายที่สุด

เพราะว่าเรื่องของโลกนี้ โลกหน้า ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราเป็นแค่นักทัศนาจรเท่านั้น ไม่รู้ว่าเผลอไปซื้อทริปนี้มาตอนไหน ถึงเวลาก็เลยต้องมาเที่ยวโลกห่วย ๆ อย่างนี้..! คราวนี้เรามาจากไหน แล้วเราจะกลับไปได้หรือเปล่านี่สิสำคัญ แล้วก็มีวิธีเดียวก็คือศึกษาให้ดี ว่าเราจะซื้อตั๋วไปที่ไหน ?

ผู้รู้หลายท่านบอกว่า คนเราเลือกไม่ได้ ๔ อย่าง เลือกที่เกิดไม่ได้ เลือกที่อยู่ไม่ได้ เลือกงานที่ทำไม่ได้ และเลือกที่ตายไม่ได้ อาตมภาพมั่นใจว่าถ้าเราเก่งจริง เราเลือกที่เกิดกับที่ตายได้ เพราะว่าอย่างการที่มาเกิด ในปัจจุบันนี้ก็มีการขอลงมาก่อนเวลา เพราะถ้าลงมาตามเวลาหมดบุญแล้ว ความซวยอาจจะมาเยือนไม่รู้ตัว เพราะว่าทำบาปไว้เยอะมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2022 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 17-12-2022, 20:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ผู้รู้ท่านเปรียบเอาไว้ว่า บาปเหมือนกับน้ำเกลือ..เค็ม เราสร้างบุญก็เหมือนกับเติมน้ำจืดลงไปเรื่อย ๆ น้ำจืดยิ่งมีมากเท่าไร น้ำเค็มก็เจือจางลงไปเท่านั้น แต่ถามว่าเกลือไปไหนหรือเปล่า ? ไม่ได้ไปไหนหรอก ก็อยู่ในน้ำจืดนั่นแหละ เพียงแต่ว่าพอน้ำจืดมากเข้า..มากเข้า เกลือก็ไม่สามารถแสดงรสเค็มออกมาได้

เพราะฉะนั้นโ€ฆในเรื่องของการล้างบาป เราไม่สามารถที่จะล้างได้ แต่เราสามารถทำความดีหนีบาปได้ สำคัญตรงที่ต้องทำให้มากพอ จนสภาพจิตของเราจดจำแต่ในด้านดี ถึงกระนั้นก็ยังต้องระวังให้หนัก เพราะว่าอาสันนกรรม..กรรมที่จะแสดงผลก่อนเราตายนิดเดียว อาจจะทำให้เราพลาดจากความดีก็ได้

มีหลายคนที่ตายไป แล้วฟื้นขึ้นมา เล่าให้ฟังว่า ลูกหลานบอกให้ภาวนา "อะระหัง อะระหัง" บ้าง "พุทโธ พุทโธ" บ้าง กำลังภาวนาอยู่ดี ๆ เสียงเหมือนใครตีข้างฝาดังปั้ง..! ตกใจ..หลุดจากการภาวนา จิตหลุดออกจากกายตอนนั้นเลย

แต่ยังโชคดีที่มีเทวทูต ๔ ท่านมารับไป ท่านที่นุ่งแดงใส่แดงมารับนั่นไม่ใช่ยมบาลนะ ไม่ใช่นายนิรยบาล ท่านเป็นเทวทูต มีหน้าที่คอยมารับคนตาย ไปส่งที่ตำหนักพญายม นับเป็นเทวดาในสังกัดท้าวจตุมหาราช เพียงแต่ "รับจ๊อบ" จากตำหนักพญายม ถ้าหากว่ามี ๔ ท่านนี้มารับ อย่างน้อยโอกาสรอดของเรามีสูง เพราะว่าเราทำความดีไว้มาก แต่ถ้าไม่ต้องมารับเลยจะยิ่งดี ก็คือขึ้นตรง ลงตรงไปเลย ในเมื่อดีขึ้นข้างบนไม่ได้ ก็ชั่วให้ลงข้างล่างไปเลย..ประชดชีวิต เข้าท่าไหม ?..ไม่หรอก โดนเข้าไปแค่ยกเดียว ก็ร้องซะไม่มีเลย !

โดยเฉพาะพวกประเภทปากดี ที่บอกว่า "ขึ้นสวรรค์แล้วเหงา..คนน้อย ลงนรกถึงจะดี..เพื่อนเยอะ" ลงไปสักหน่อยสิ อยากรู้จริง ๆ ว่าเพื่อนเยอะแล้วจะช่วยอะไรได้บ้าง เห็นมีแต่ช่วยกันแหกปากร้อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2022 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 17-12-2022, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวานนี้ไปตรวจข้อสอบธรรมศึกษา เจอเด็กบางคนเขียนอธิบายกระทู้เผาเพื่อนทั้งห้องเลย กระทู้ตั้งคือ สุขํ ยาว ชรา สีลํ มาจากสังยุตตนิกาย สคาถวรรค ปัญจกนิบาต

เด็กก็อธิบายไปในเรื่องของศีล ถ้าหากว่าไม่รักษาศีล อย่างเช่น "กังฟูชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงนก ถ้าตายลงไปอยู่ข้างล่าง จะโดนยมบาลเอาหนังสติ๊กไล่ยิงบ้าง ลุงของเพื่อนคนหนึ่งชอบกินเหล้า พอลงไปถึงข้างล่าง โดนยมบาลจับมัด เอาคีมง้างปาก ใช้น้ำกรดกรอกปาก ให้สมกับที่อยากกินเหล้าดีนัก อีกคนหนึ่งชอบเล่นไฮโลว์ ตายลงไปก็เลยโดนลูกไฮโลยักษ์ ใหญ่เท่าภูเขากลิ้งไล่ทับ..!" คนนี้จินตนาการดี อาตมายังไม่เคยเจอนรกขุมนี้เลย แต่เด็กคนนี้จินตนาการถึงแล้ว..!

ข้างล่างมีแต่ปิสสกปัพพตนรก เป็นนรกภูเขาเหล็กที่ไล่กลิ้งทับ อันนั้นสำหรับพวกคอรัปชั่น กินอะไรลงไปต้องรีดออกมาให้หมด เด็กคนนั้นเห็นเป็นลูกเต๋าหรือเปล่านะ ? เลยบอกว่ามีลูกเต๋าลูกเท่าภูเขาไล่ทับ..!

นรกอยู่ในส่วนของอบาย อบายภูมิ..ภูมิแห่งความเสื่อม ไม่มีความดีอะไรเลย พลาดลงไปเมื่อไร ก็ได้จะได้รับการต้อนรับน้องใหม่ ถึงเวลาก็ส่งเสียงร้องพร้อม ๆ กัน..!

เมื่อวานตรวจข้อสอบจนหลอนเลย ไม่นึกว่าเด็ก ๆ จะจินตนาการไปไกลขนาดนั้น ส่วนอีกคนหนึ่งก็ ปาปานิ อกรณํ สุขํ ไม่ทำบาปเสียก็เป็นสุขแล้ว เจ้านั่นก็อธิบายไป ตั้งใจจะโยงไปให้กระทู้รับคือ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย การสั่งสมบุญนำมาซึ่งความสุข ก็อธิบายไปเรื่อย

"ตื่นเช้าขึ้นมาก็สวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็ช่วยคุณแม่กวาดบ้าน ถูบ้าน หุงข้าวให้แม่ใส่บาตร ไปโรงเรียนเจอเงินตกอยู่ เอาไปให้ครูใหญ่ประกาศหาว่าใครทำเงินตกบ้าง เพื่อนมารับเงินคืนไป ผมดีใจมาก เพราะเพื่อนเป็นคนจน ถ้าเขาขาดเงินจะต้องเดือดร้อนมากเลย แล้วผมก็เอาบะหม่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวสาร อาหารแห้ง ไปช่วยคนที่ลำบากเพราะน้ำท่วม เจอขอทานก็ให้เงินไป ๒๐ บาท ไปเจอคนแก่เก็บผักบุ้งขายอยู่ ด้วยความสงสาร ก็เลยช่วยซื้อผักบุ้ง ฯลฯ" ตั้งแต่ต้นจนจบทำความดีตั้งแต่ลืมตาตื่น จนหลับตาลงไปเลย..ใช้เงินเยอะมาก..! เอามาจากไหนวะ..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2022 เมื่อ 03:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 17-12-2022, 22:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เด็กเขาพยายามที่จะเขียนแต่เรื่องที่ดี ๆ แต่คราวนี้เขาลืมไปว่า เช้ายันเย็น ทำขนาดนั้นต่อให้เป็นลูกเจ้าสัวตระกูลเจียรวนนท์ก็มีสิทธิ์เจ๊งได้ ใช้เงินเยอะฉิบหาย..!

แต่คราวนี้ชอบใจตรงที่เขาจินตนาการดี เสร็จแล้วเขาก็บอกว่า เขาไปเรียนหนังสืออย่างมีความสุข สมกับกระทู้ที่มีมาในขุททกนิกาย ธรรมบทว่า สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย การสั่งสมบุญ ย่อมนำมาซึ่งความสุข ดังพรรณนามาด้วยประการฉะนี้แล เอ้อ..เอ็งเก่ง คือถ้าเราไม่เอาความสมจริงนะ ถือว่าเขียนได้เก่ง หลวงพ่อเลยให้ไป ๙๕ คะแนน จากเต็มร้อย ก็คือหักความไม่สมจริงออกไป ๕ คะแนน ได้แต่นึกในใจว่า "ถ้ามึงใช้เงินขนาดนี้พ่อแม่เจ๊งแน่เลยว่ะ..!"

เลี้ยวกลับมาเรื่องของเราต่อ เรื่องของการปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องที่สำคัญมาก บารมีไม่ถึงทำไม่ได้ ขอยืนยันว่าบารมีไม่ถึงทำไม่ได้ เราจะสังเกตดูว่า บางทีเราไปทำบุญ เจอบางคนที่เห็นคนอื่นทำบุญ แล้วก็อยากจะทำบุญบ้าง ควักเงินออกมา แต่ตัดใจไม่ได้ ก็ยัดคืนกลับไป อีกสักพักหนึ่งได้ยินโฆษกประกาศ ทำบุญตรงนี้ดีอย่างนั้น ทำบุญตรงนั้นได้แบบนี้ ก็อยากจะทำขึ้นมาอีก กัดฟันควักออกมาใหม่ แต่ปรากฏว่ามัจฉริยะคือความตระหนี่ มีกำลังสูงกว่า ก็ยัดคืนกระเป๋าไปอีก..!

นี่คือสิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า แค่ทานซึ่งเป็นความดีเบื้องต้น คนที่บารมีไม่ถึง ยังทำไม่ได้เลย ในเมื่อความดีเบื้องต้น อาศัยแค่สามัญบารมี..กำลังใจระดับต้น ยังไม่สามารถทำได้ ไม่ต้องไปพูดถึงศีล..ที่เป็นระดับกลาง และภาวนา..ที่เป็นระดับสุดยอด ในเมื่อตีนเขายังเดินไม่ถึงเลย จะให้ขึ้นไปถึงยอดเขาย่อมเป็นไปไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2022 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 19-12-2022, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น…การที่พวกเราทั้งหลายที่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ในขณะที่วันหยุดยาวคนอื่นเขาไปเที่ยวกัน เมื่อเช้านี้รถนักท่องเที่ยวเต็มตลาดทองผาภูมิ หลายคนก็พ่วงจักรยานมาบ้าง มอเตอร์ไซค์วิบากมาบ้าง หลายคนก็ลากเรือมาด้วย เขาไปเที่ยวกัน แล้วเรามาทำอะไรที่นี่ ?

เราก็จะได้เห็นว่า ในขณะที่คนอื่นเขาหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราวใส่ตัว พวกเราพยายามหาความสุขที่ยั่งยืน ถ้าทำดี ทำถูก ย้ำอีกครั้งหนึ่งนะ ทำดี ทำถูก ทำดี..คือทำพอดี ทำถูก..คือถูกพอดี ถือเป็นมัชฌิมาปฏิปทา พอเหมาะพอดี เหมือนกับคนกินแต่พออิ่ม อิ่มแล้วก็ไม่อ้วน ถ้ากินเกินอิ่มก็จะอ้วน

ถ้าทำดีทำถูก ปัจจุบันนี้เราก็จะมีความสุข ภาษาพระเรียกว่าทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์..ประโยชน์เห็นทันตา คนปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง ไม่ป่วยเป็นโรคเครียด ไม่เป็นไมเกรน นอนหลับสบาย ไม่เป็นเรื่องพวกนี้ โรคอื่นก็หายไปเยอะแล้ว

แล้วถ้าหากว่ารักษากำลังใจได้ล่ะ ? ก็จะเกิดสัมปรายิกัตถประโยชน์..คือประโยชน์สำหรับชาติภพต่อ ๆ ไป เราจะมีโอกาสเกิดในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ชั้นดี มีฐานะร่ำรวย มีหน้าตาสวยงาม มีปัญญาดีมาก เกิดเป็นนางฟ้า เป็นเทวดา เป็นพรหม ก็อยู่ในส่วนของสัมมาทิฏฐิ มีแต่จะสร้างบารมีให้สูงยิ่งขึ้น ให้เจริญยิ่งขึ้น จนท้ายสุดก็หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน

อันนี้เป็นเรื่องของคนยังเกิด แต่ถ้าไม่นิยมการเกิด เบื่อหมดทุกอย่างแล้ว เบื่อแป๊บเดียวไม่นับนะ ต้องเบื่อตลอด พวกเราส่วนใหญ่เบื่อพักเดียว รำคาญลูก รำคาญผัว รำคาญเมีย เบื่อจริงโว้ย..! ออกนอกบ้านไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋สักพักหนึ่ง หายเบื่อแล้ว กลับบ้านได้ อย่างนี้ไม่นับนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 19-12-2022, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องเบื่อเพราะเห็นโทษจริง ๆ ว่าการเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ การเกิดมาอยู่ในโลกอย่างนี้ มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งที่เรานั่งอยู่ตอนนี้ก็ทุกข์ ประเดี๋ยวก็เมื่อย ต้องขยับแล้ว

ถ้าเห็นชัดเจนแบบนี้ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากได้ใคร่ดีกับอะไรอีก ก็จะค่อย ๆ ถอนกำลังใจจากการยึดถือทั้งปวง ทรัพย์สิน เงินทอง พ่อ แม่ ลูก เมีย ผัว สารพัด อยู่ก็สักแต่ว่าอยู่ ทำหน้าที่ของตนไปวัน ๆ แต่กำลังใจพร้อมอยู่เสมอที่จะไป พ้นไปได้เมื่อไร จะมีความสุขที่สุด ถ้าลักษณะอย่างนี้มีโอกาสไปพระนิพพานได้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า ก่อให้เกิดปรมัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์สูงสุด

ย้อนกลับมาใหม่ว่าทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ทันตา การรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าทำจริง ๆ จนเป็นคุณงามความดีเฉพาะตัว คนโน้นก็รู้ คนนี้ก็เห็น เขาก็จะยกย่อง เราก็กลายเป็นผู้นำ หรือว่าเป็น "ไอดอล" ของคนอื่น อันนี้เป็นทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์

เกาะความดีมั่นคง ไปเกิดในภพภูมิที่ดี เป็นสัมปรายิกัตถประโยชน์

ไม่เอาอะไรเลย ปลดใจจากการเกาะทั้งปวง เป็นปรมัตถประโยชน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2022 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 19-12-2022, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้อยู่ที่เราว่าจะทำเพื่ออะไร ? ส่วนใหญ่แล้วพวกเราดีมาก ไม่ค่อยเอาอะไรไกล มอง ๆ อยู่แค่แถวสวรรค์เท่านั้นเอง อาตมภาพยิ่งแย่ใหญ่เลย สมัยเด็ก ๆ พ่อแม่ผู้ใหญ่เขาสอนว่า "อธิษฐานนะลูก ทำบุญทั้งที ขอให้เกิดมาสวย ๆ ขอให้เกิดมารวย ๆ ขอให้เกิดมาได้พบพระศรีอารย์" ก็อธิษฐานตามเขาไปอยู่หลายปี ไม่รู้เหมือนกันว่าแรงพอหรือเปล่า ถ้าคำอธิษฐานแรง พอมีหวังได้ไปเกิดยุคพระศรีอาริย์แน่เลย..!

แต่พอรู้ว่าพระนิพพานเป็นอย่างไร ก็เปลี่ยนใหม่ "ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ" ก็แปลว่าอธิษฐานด้วยความตั้งใจ ก็สามารถที่จะเปลี่ยนได้

ไม่ใช่แบบพระเจ้าปายาสิ ไปดูในปายาสิราชัญญสูตร พระกุมารกัสสปะเทศน์โปรด พระเจ้าปายาสิก็บอกว่า "พระคุณเจ้าพูดมาไพเราะมาก เห็นชัดว่าเป็นไปตามนั้น แต่โยมไม่สามารถจะเปลี่ยนทิฏฐิได้หรอก เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าโยมเป็นอย่างนี้" อ้าว..! แล้วคนอื่นรู้เกี่ยวอะไรกับมึงด้วยเล่า..!? เขารู้ว่าเป็นอย่างนี้ก็ต้องเป็นไปตลอดชาติเลยหรือ ?

พระกุมารกัสสปะก็ว่าใหม่ เทศน์อีกหนึ่งรอบ พระเจ้าปายาสิก็บอกว่า "พระคุณเจ้าเทศน์ได้ไพเราะมาก อุปมาอุปไมยได้ภิญโญยิ่งนัก เปรียบเสมือนหงายของที่คว่ำ หรือตามประทีปในความมืด แต่โยมไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดได้หรอก เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าโยมเป็นอย่างนี้" นี่ถ้าอยู่ใกล้ อาตมาภาพจะช่วยถีบให้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 19-12-2022, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..พวกเราไม่ต้องไปยึดถืออะไรมากมายหรอก ของชั่ว ๆ เรายึดมาเยอะแล้ว ให้หันมายึดความดีอย่างจริง ๆ จัง ๆ บ้าง บอกกับตัวเองให้ชัด ๆ ไปเลยว่า "เอ็งชั่วมาเยอะแล้ว ใช้กำลังใจเดียวกับที่ทำความชั่วนั่นแหละ หันมาทำความดีบ้าง กำลังเท่ากัน แค่เปลี่ยนมุมเท่านั้นเอง" เราก็แค่เปลี่ยนจากการไม่มีศีล ไม่มีธรรม หันมารักษาศีล ปฏิบัติธรรมเท่านั้นเอง

ใครจะกระแนะกระแหนอย่างไรก็ช่างหัวมัน..! อาตมาเขียนกลอนด่าให้ตั้งแต่ ๓๐ - ๔๐ ปีที่แล้ว เราทำดีแล้วเขายังมีหน้ามาว่าเรา เขาเองยังไม่ทำเลย แล้วเราทำไมต้องไปฟังชาวบ้านเขาด้วย ถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นความดีอย่างแท้จริง ก็ทำต่อไป แต่ถ้าเขาบอกมาแล้ว เราเห็นว่าไม่ดีจริง เราก็เปลี่ยนมุมใหม่ ไปทำส่วนที่ดีจริงต่อไป

เราสามารถปรับเปลี่ยนกำลังใจของเราอยู่ได้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อสมัยพุทธกาล ท่านมีหลักยึด มีแนวปฏิบัติ ที่เข้มข้นกว่าเราไม่รู้กี่ร้อยเท่า ถ้าท่านไม่เปลี่ยน ท่านไม่สามารถที่จะรับรสแห่งพระธรรมได้ แต่ท่านยอมเปลี่ยน แล้วก็กลายเป็นพระอรหันต์บ้าง เป็นพระอนาคามีบ้าง เป็นพระโสดาบันบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2022 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 19-12-2022, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เป็นเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่ง อาตมาอ่านพระไตรปิฎกมาจนปรุ ส่วนใหญ่เขาเป็นกันอยู่แค่นี้ ท่านที่เป็นพระสกทาคามีนั้นมีน้อยมากเลย เห็นมีก็แต่ลูกสาวอนาถปิณฑิกเศรษฐีเท่านั้น อนาถปิณฑิกเศรษฐีถามลูกสาวที่ป่วยว่า "เป็นอย่างไรบ้างลูก ?" ลูกสาวตอบว่า "ไม่เป็นไรหรอกน้องชาย" อนาถปิณฑิกเศรษฐีเป็นพระโสดาบัน ลูกที่ใกล้ตายเป็นพระสกทาคามี ในเมื่อตัวเองเป็นสูงกว่าก็เลยเรียกพ่อว่าน้องชาย เล่นเอาพ่อเพี้ยนไปเลย นึกว่าลูกป่วยหนักจนเพ้อ..!

ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงคนที่ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม แล้วเป็นพระสกทาคามีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ ที่เป็นพระอนาคามียังน้อยเลย เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นปัญญามาก ถ้าไม่ใช่เพราะติดสุขจนไปไหนไม่เป็น ก็มักจะกลายเป็นพระอรหันต์ไปเลย ท่านที่เป็นพระโสดาบัน กันนาน ๆ เพราะว่ามีความสุขที่ได้เป็น

โบราณเขาบอกว่า พระเจ้าจักรพรรดิที่มีความสุขว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเรา ความสุขนั้นไม่ได้ ๑ ส่วน ๑๖ ของพระโสดาบัน ท่านที่เป็นพระโสดาบันแล้วมัวแต่สุขกันอยู่ ก็เลยไม่ได้ไปต่อ ติดอยู่แค่นั้นเอง ถือว่าได้น้อยไปหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2022 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 21-12-2022, 01:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเข้า วันอาทิตย์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๕

ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ที่นี่เมื่อเราทำสมาธิช่วงเช้ามืดแล้ว จะต่อด้วยการทำวัตร ปรากฏว่ามีน้อยรายที่สามารถรักษาอารมณ์ใจต่อเนื่องได้ในขณะที่ทำวัตร ส่วนใหญ่ก็คือพอเริ่มสวดมนต์ สมาธิก็เริ่มคลายตัว ไปได้หน่อยเดียวก็หลุดหายเกลี้ยงไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่การฝึกฝนในลักษณะนี้ของวัดท่าขนุนมีอยู่ทุกวัน แต่น้อยคนที่จะเข้าใจว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น ? แล้วทำไมถึงทำอย่างนั้นยังไม่พอ ยังไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้อีกด้วย

ช่วงเช้าของเราเป็นการปฏิบัติธรรมด้วยการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ทุกท่านมักจะยึดติดว่าการปฏิบัติธรรมก็คือต้องนั่งหลับตานิ่ง ๆ ถ้าเป็นอาตมภาพก็บอกว่า นั่นเป็นเด็กหัดใหม่ การปฏิบัติธรรมต้องทำได้ทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะในขณะเคลื่อนไหว ประกอบกิจกรรมประจำวัน ไม่อย่างนั้นแล้วการปฏิบัติของเราก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าแค่ขยับตัว สมาธิก็คลายหมด กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ประดังกันเข้ามา

ดังนั้น..ในเรื่องของการสวดมนต์ ทำวัตร ถ้าหากว่าทำเป็น จะเป็นเครื่องเสริมในการปฏิบัติธรรมของเราที่ดีมาก เพราะว่าอันดับแรกเลย ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว เราก็จะเผลอสติ สวดผิด

อันดับต่อไปก็คือ ถ้าเราภาวนาจนชินแล้ว คำสวดมนต์ก็คือคำภาวนานั่นเอง เพียงแต่ว่าเป็นคำภาวนาที่ยาวกว่าปกติเท่านั้น

ลำดับต่อไป ถ้าฝึกซ้อมจนมีความคล่องตัวแล้ว เราก็สามารถที่จะภาวนาได้ทั้ง ๆ ที่ทรงสมาธิแนบแน่นอยู่ ตรงจุดนี้พวกเราส่วนใหญ่แล้วยังทำไม่ได้กัน เพราะว่าขาดความคล่องตัว ขาดการฝึกซ้อม

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2022 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 21-12-2022, 01:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไป ถ้าหากว่าเราฝึกในทิพจักขุญาณ ให้นึกถึงคำที่เราสวดเป็นตัว ๆ วิ่งผ่านหน้าไป ทีละคำ ทีละคำ เห็นตัวหนังสือได้ชัดเจนแค่ไหน เราก็เห็นผีเทวดาได้ชัดเจนเท่านั้น..!

ลำดับต่อไป ถ้าท่านมีความสามารถ ให้ยกจิตขึ้นไปสวดถวายพระบนพระนิพพาน ตรงนี้เป็นการประกันความเสี่ยง ก็คือถ้าตายเมื่อไร ก็อยู่ตรงนั้นไปเลย

ดังนั้น..ไม่ใช่ "แค่การสวดมนต์" อย่างที่พวกเราคิด สำคัญอยู่ตรงที่ว่าเราทำเป็นไหม ? ถ้าหากว่าทำเป็นก็ได้มากกว่าที่คิด แค่สวดมนต์อย่างที่พวกเรานึกกัน ก็สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้

เพียงแต่ว่าการสวดภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น เราต้องการอานิสงส์พิเศษ ก็คือมีความคล่องตัวในขณะที่ดำรงชีวิตอยู่ แปลว่าต้องอาศัยเคล็ดลับหลายอย่างด้วยกัน

ประการแรกเลย ก็คือต้องไม่ภาวนาด้วยความอยาก หลายท่านสอบถามมาว่า "ภาวนาพระคาถามาแล้ว ๒ - ๓ เดือน ไม่เห็นจะรวยอย่างที่หลวงพ่อว่าเลย" ตอบไปว่า "เพราะมึงอยากรวยก็เลยไม่ได้อะไร..!" นื่องเพราะว่าเราไปเอาตัณหานำหน้า ความบริสุทธิ์ของจิตมีน้อย แล้วจะให้ผลเกิดมากย่อมเป็นไปไม่ได้

แล้วก็มีคนถามมาว่า "ถ้าไม่อยากรวย แล้วจะภาวนาไปทำไม ?" ความอยากรวยไม่ใช่ความผิด แต่วางกำลังใจผิดที่ภาวนาเพราะอยากรวย ในระหว่างที่ภาวนา ให้เรามีหน้าที่แค่ภาวนา อย่าไปคิดว่าเราภาวนาครั้งนี้ เราจะต้องร่ำรวย เราจะต้องถูกหวย เราจะต้องเล่นหุ้นแล้วได้เท่านั้นล้าน เท่านี้แสน ถ้าทำแบบนั้นก็เจ๊งกะบ๊ง..!

ดังนั้น..เคล็ดลับขั้นแรกเลยก็คือ อย่าภาวนาเพราะอยากรวย เรามีหน้าที่ภาวนา ผลจะเกิดอย่างไรก็ช่างมัน ถ้าสามารถรักษากำลังใจอยู่ในลักษณะอย่างนี้ได้ แล้วทำต่อเนื่องไป ประมาณ ๒ เดือนก็เริ่มเห็นผลแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2022 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 21-12-2022, 01:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อต่อไปก็คือ พระคาถาเงินล้านต้องมีการสนับสนุนด้วยทานบารมีและจาคานุสติ เราจะเห็นว่าตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็กำชับมานักหนาว่า ต้องทำบุญ ใส่บาตรทุกวัน แม้กระทั่งพระเจ้าพระสงฆ์ ท่านก็ให้ใส่พระด้วยกัน เวลานั่งร่วมวงภัตตาหารเดียวกัน ให้ตักอาหารที่ตนเองยังไม่ทันจะฉัน ใส่ให้กับรูปที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไปก่อน เพราะว่าลาภผลทุกอย่าง เกิดจากทานบารมีทั้งสิ้น ถ้าเราไม่เคยทำเอาไว้ แล้วจะไปหวังได้ ย่อมไม่มีทางที่จะได้อยู่แล้ว

ข้อต่อไปคือ ความจริงจังสม่ำเสมอ ไม่ใช่วันนี้ภาวนา ๙ จบพรุ่งนี้เหลือ ๓ จบ มะรืนโผล่ขึ้นมา ๗ จบ ความจริงจังสม่ำเสมอก็คือ ทำเท่า ๆ กันทุกวัน หรืออย่างที่กระผม/อาตมภาพแนะนำพวกเราก็คือ วันละ ๑๐๘ จบ เหตุที่ต้องการถึง ๑๐๘ จบ ก็เพื่อที่ว่าอย่างน้อยการภาวนาที่ใช้เวลานาน เราจะได้เกิดสมาธิขึ้น เพราะว่าเคล็ดลับข้อต่อไปของการภาวนาพระคาถาเงินล้านก็คือ ยิ่งสมาธิสูงเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลเร็วเท่านั้น

ดังนั้น..ในส่วนที่ท่านทั้งหลายทำแล้วยังไม่เห็นผล ต้องถามตัวเองด้วยว่า ทำถูกต้องตามเคล็ดลับเหล่านี้หรือไม่ ? มีหลายคนบอกว่า "ท่านบอกว่าภาวนา ๒ เดือนขึ้นไปก็เห็นผลแล้ว แล้วทำไมฉันภาวนา ๒ เดือนแล้วยังไม่เกิดผลอะไรเลย ?" ถามว่า "โยมภาวนาวันละกี่จบ ?" ก็ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า "๑ จบ..!"

อาตมภาพได้ยินแล้วอยากจะบอกว่าจบเห่..! ทำงานอยากได้เงินเดือนเป็นล้าน แต่ทำวันละนาทีเดียว คุณไม่ใช่บิล เกตส์ หรือมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จะได้เซ็นหนังสือนาทีเดียว แล้วได้เงินเป็นล้าน

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องการศรัทธาคือความเชื่อมั่น ปสาทะคือความเลื่อมใส ถ้าหากว่าขาดความเชื่อมั่น ขาดความเลื่อมใส ในตัวพระคาถานี้ กำลังใจของเราย่อมไม่ทุ่มเทให้ทั้งหมด ในเมื่อไม่ทุ่มเทให้ทั้งหมด แล้วเราจะไปหวังให้ได้ผลมาก สิ่งที่เราทำ กับสิ่งที่เราหวัง ย่อมไปกันไม่ได้อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2022 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 21-12-2022, 01:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การภาวนาพระคาถาเงินล้านอย่างที่บอกเอาไว้ก็คือ ต้องจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่รอให้วัดจัดงานทีหนึ่งพวกเราก็มาภาวนา ๑๐๘ จบ ถ้าลักษณะอย่างนี้ ก็ประมาณว่า มื้อนี้มีกินจนแทบจะท้องแตกตาย แต่หลังจากนั้นก็อดไปเลย ๗ วัน ๑๐ วัน กว่าที่จะได้กินอีกสักรอบหนึ่ง..!

ของพวกนี้ความจริงใช้แค่สมองทั่ว ๆ ไปตรองดู ก็น่าจะรู้ว่าผลเป็นอย่างไร คนที่ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่อยากได้เงินเดือนมาก ๆ กับคนที่ขยันทำงานสม่ำเสมอ ใครควรที่จะได้มากกว่ากัน ก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว

ในส่วนของพระคาถาเงินล้านนั้น เรื่องของลาภผลไม่ได้มีทั้งหมด เพราะว่าพระคาถาเงินล้านประกอบด้วยคาถาต่าง ๆ หลายบทด้วยกัน มีทั้งเร่งลาภ ตัดอุปสรรค ป้องกัน รักษาทรัพย์ เสริมความสำเร็จ ก็แปลว่าถ้าหากว่าท่านทำพระคาถาเงินล้านบทเดียว ถ้าหากว่าได้ผล ก็จะได้รับผลหลายด้านด้วยกัน

แต่คราวนี้ถ้าหากว่าเรามัวแต่กำหนดอยู่ว่า คาถาบทไหน ให้ผลอย่างไร ก็จะกลายเป็นความฟุ้งซ่านไปอีก เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องไปใส่ใจว่าคาถาบทไหนให้ผลอย่างไร คิดแค่ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา เราก็ทำของเราไป

การภาวนาพระคาถาเงินล้านที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ จะจัดก็เฉพาะช่วงที่ทางวัดมีการปฏิบัติธรรม ก็คืออย่างน้อยมีวันหยุดต่อเนื่องกัน ๓ วันขึ้นไป แล้วก็มักจะจัดในวันสุดท้าย แต่ว่างานนี้ไม่สามารถที่จะจัดในวันสุดท้ายได้ เพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ ทางส่วนราชการนิมนต์พระวัดท่าขนุนไปร่วมงานเกือบทั้งวัด ไม่สามารถที่จะควบคุมเวลาในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ จึงต้องเลื่อนมาจัดในวันนี้แทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2022 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 21-12-2022, 01:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนเดือนที่ไม่มีการปฏิบัติธรรม ก็จะยกให้ทางวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ไปจัดแทน ญาติโยมที่อยู่ทางกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะได้เดินทางไปสะดวก ตัวกระผม/อาตมภาพเองก็จะไปเป็นประธานในงานสวดที่นั่นให้

ดังนั้น..ไม่ใช่ว่ารอแต่ที่วัดท่าขนุนอย่างเดียว หรือว่ารอแต่ที่วัดอุทยานอย่างเดียว หากแต่ว่าให้พวกเราภาวนาเอง อย่างสม่ำเสมอทุกวัน ถ้าคิดว่ามากจนเกินไป ก็ให้แบ่งออกเป็นสามช่วง ก็คือ เช้า กลางวัน เย็น ช่วงละ ๓๖ จบก็จะได้ ๑๐๘ จบตามที่ต้องการ

เราต้องไม่ลืมว่าในเรื่องของการสวดมนต์ภาวนา เป็นการสร้างกำลังใจของเราให้เข้มแข็ง เราจะเห็นว่าพี่น้องอิสลามมีการละหมาดวันละ ๕ รอบ ดังนั้น..ในส่วนของวัดท่าขนุนของเรา ทำวัตรเช้า เย็น ๓ รอบ ยังไม่ได้เท่ากับพี่น้องอิสลามเขาทำกันเลย

เราจะเห็นว่าพี่น้องอิสลามนั้น เป็นคนที่กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าทำ เพราะว่ามีกำลังใจเข้มแข็งจากการละหมาดทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๕ รอบ ซึ่งก็คือการทำสมาธิภาวนานั่นเอง ถ้าหากว่าพวกเราจะเลียนแบบ จะลองดูก็ได้ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ทุกชั่วโมง แล้วภาวนาชั่วโมงละ ๙ จบ หกโมงเช้าเริ่มต้น หกโมงเย็นก็ครบ ๑๐๘ จบพอดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2022 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว