กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-06-2021, 20:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,955 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-06-2021, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ มีญาติโยมหลายรายโทรศัพท์เข้ามาสอบถามว่า การที่จะไปอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนมีกฎเกณฑ์กติกาอย่างไรบ้าง ? ก็บอกไปเพียงว่า ถ้าตั้งใจจะมาอยู่ยาวจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม อย่างน้อยก็ควรจะฉีดวัคซีนมาแล้วหนึ่งเข็ม จะได้ไม่ต้องมาเป็นตัวแพร่เชื้อให้ทั้งพระภิกษุสามเณร แม่ชีและฆราวาส ที่นี่ให้เดือดร้อน

ความจริงแล้วในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ไม่มีวัดไหนอยากรับคนนอกเข้ามา แต่วัดท่าขนุนเห็นใจญาติโยมซึ่งไม่มีที่ไป และขณะเดียวกันก็คิดคนละอย่างกับคนอื่น ก็คือในขณะที่ญาติโยมลำบากหรือเดือดร้อน ควรที่สุดที่เราจะช่วยเหลือ ประมาณว่าถ้าตอนเขาปกติสุขแล้วไปช่วยก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าเขาเดือดร้อนอยู่ เราไปช่วยเหลือ อย่างน้อยก็เป็นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นได้

ถ้าเป็นภาษิตจีนเขาบอกว่า ส่งฟืนไฟกลางหิมะย่อมดีกว่าเพิ่มดิ้นเงินดิ้นทองบนแพรพรรณ ก็คือเวลาหน้าหนาว สิ่งที่คนต้องการที่สุดก็คือความอบอุ่น ส่งฟืนส่งไฟไปตรงกับความต้องการ คนก็ดีใจ สำนึกในบุญคุณ แต่สำหรับคนร่ำรวยที่นุ่งผ้าแพรห่มผ้าแพรเป็นปกติ เราไปเพิ่มดิ้นเงินดิ้นทองเข้าไป เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย

เพียงแต่ว่าการอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อที่จะรักษาส่วนรวมเอาไว้ ถึงได้บอกกล่าวให้ชัดเจนไปว่า อย่างน้อยให้ฉีดวัคซีนมาแล้ว ๑ เข็ม ถึงเวลาถ้าติดเชื้อจากที่นี่ไป จะได้ตายยากขึ้นนิดหนึ่ง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2021 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-06-2021, 23:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ช่วงบ่ายอาตมภาพนำพระของเรา ซึ่งส่วนใหญ่กลับมาจากการเรียนบาลีที่จังหวัดนครปฐม ไปย้ายเข้าทะเบียนวัด เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ แล้วก็ทำบัตรประชาชนพระ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทะเบียนถามหาหนังสือรับรองการเป็นพระมหา..! ทั้ง ๆ ที่พระทุกรูปก็นำเอาประกาศนียบัตรตั้งแต่ประโยค ๓ ขึ้นไป มายืนยันตนเองว่าเป็น "พระมหา" ตามที่ทางโลกเขาเรียกกัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้

ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่ามีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เคยมีสามเณรเปรียญธรรม ๙ ประโยค รอพระบรมราชโองการโปรดรับเป็นนาคหลวง จะได้อุปสมบทในพระอุโบสถวัดพระแก้ว แต่คราวนี้ช่วงอายุ ๒๑ ปี ก็ต้องไปเกณฑ์ทหาร จึงนำเอาปริญญาบัตรเปรียญธรรม ๙ ประโยค ไปขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารก่อน

ในเรื่องใบรับรองของประโยคบาลีนั้น ตั้งแต่ประโยค ๑ - ๒ ไปจนถึงประโยค ๘ เขาเรียกว่า ประกาศนียบัตร แต่ถ้าประโยค ๙ เขาเรียก ปริญญาบัตร ก็คือให้วุฒิความรู้
เทียบเท่ากับระดับปริญญาตรี ปรากฏว่าสัสดีไม่ยอมรับปริญญาบัตรเปรียญธรรม ๙ ประโยค ยืนยันอยู่อย่างเดียวว่า "ต้องนักธรรมชั้นตรีเท่านั้น..!" ในระเบียบบอกว่านักธรรมชั้นตรีสามารถผ่อนผันการเกณฑ์ทหารได้

เรื่องแบบนี้ถ้าหากว่าไม่ใช่บุคคลที่อยู่ใกล้วัดใกล้วา เราก็ตำหนิเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเปรียญธรรม ๙ ประโยคนั้นห่างจากนักธรรมชั้นตรี อย่างน้อยก็ ๗ ปีเต็ม ๆ ก็คือถ้าหากว่าสอบตั้งแต่ประโยค ๑ - ๒ ถึงประโยค ๙ โดยไม่ตกเลย ต้องใช้เวลา ๘ ปี แล้วนักธรรมชั้นตรีเป็นชั้นแรกเลยที่ต้องเรียน กว่าจะถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค ส่วนใหญ่ประกาศนียบัตรนักธรรมตรีก็ไม่รู้ว่าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว แต่สัสดีไม่รู้ว่าเปรียญธรรม ๙ ประโยคสูงกว่านักธรรมชั้นตรีขนาดไหน ยืนยันอย่างเดียว ต้องเป็นประกาศนียบัตรนักธรรมชั้นตรีเท่านั้น เป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออก..!

แบบเดียวกับที่พระบางรูปถามอาตมาว่า ถ้าหากว่าอย่างของท่าน เมื่อถึงเวลาลงวิทยฐานะต่อท้ายชื่อ ก็คือนักธรรมชั้นเอก, เปรียญธรรม ๔ ประโยค แล้วทำไมของท่านอาจารย์พระครูศรีกาญจนารักษ์ ถึงลงแค่พระครูศรีกาญจนารักษ์ เปรียญธรรม ๗ ประโยค ไม่มีนักธรรมชั้นเอก

เรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เป็นที่รู้กันว่า บุคคลที่จะเรียนเปรียญธรรมประโยค ๗ , ๘ , ๙ ได้ ต้องจบนักธรรมชั้นเอกแล้วเท่านั้น ดังนั้น..บุคคลที่สอบผ่านเปรียญธรรมประโยคที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ไม่ต้องมีคำว่านักธรรมชั้นเอกต่อท้าย เพราะว่าประโยคบาลีของตนเองเป็นเครื่องยืนยันอยู่แล้วว่าผ่านนักธรรมชั้นเอกมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2021 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-06-2021, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องขำที่หัวเราะไม่ออก ก็คือ ท่านอาจารย์ปู่ (ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ) ท่านเล่าให้ฟังเองว่า ตอนสมัยที่ยังไม่ลาสิกขา ท่านอยู่ที่วัดสระเกศ เป็นเจ้าคุณประโยค ๙ หนุ่มฟ้อที่พระกวีวรญาณ คราวนี้การที่ได้เป็นเจ้าคุณนั้นมีสิทธิพิเศษ ได้นั่งรถไฟฟรี ก็แบบเดียวกับหลวงปู่ทองอยู่ อดีตพระธรรมโมลี ปัจจุบันท่านเป็นพระพรหมวชิรโมลี วัดศาลาลอย จังหวัดสุรินทร์ คือเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะหิรัญบัฏแล้ว ท่านนั่งรถไฟมาเรียนหนังสือที่ มจร.วังน้อยทุกอาทิตย์ เพราะว่าตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ มีสิทธิ์ขึ้นรถไฟ ขึ้นเครื่องบินฟรี

แต่คราวนี้พอท่านอาจารย์ปู่ให้เด็กวัดไปขอตั๋วรถไฟ อุตส่าห์ถ่ายสัญญาบัตรเจ้าคุณพระกวีวรญาณไปยืนยัน เจ้าหน้าที่การรถไฟไม่ออกตั๋วให้ บอกว่าพระกวีวรญาณไม่มีสิทธิ์ได้ตั๋วฟรี เพราะเป็นพระภิกษุธรรมดา คือเห็นว่าเป็นพระชื่อกวี นามสกุลวรญาณ..! แบบเดียวกับที่นักข่าวสมัยนี้ ส่วนใหญ่เวลาเขียนข่าว ก็จะเขียนสมณศักดิ์เว้นวรรคเป็นนามสกุล อย่างของอาตมาก็จะชื่อ "พระครูวิลาศ กาญจนธรรม" เพราะว่าไม่เข้าใจว่าเรื่องของสมณศักดิ์นั้นต้องเขียนต่อเนื่องกัน ถ้าไม่ใช่มีสร้อยต่อท้ายสมณศักดิ์ก็ไม่ต้องเว้นวรรค

อาตมาเองเวลาไปต่างประเทศก็มักจะมีปัญหา เพราะว่าสมณศักดิ์ของพระ เมื่อเขียนต่อเนื่องไม่เว้นวรรค จะกลายเป็นคนไม่มีนามสกุล ไม่สามารถใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบหนังสือเดินทางได้ ไปเก้ ๆ กัง ๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วย พอถึงเวลาก็เคาะเว้นวรรคให้ เป็น "พระครูวิลาศ กาญจนธรรม" เครื่องถึงได้ยอมอ่านให้

ดังนั้น..ในเรื่องพวกนี้บุคคลที่ไม่ได้อยู่ในวงการสงฆ์ บางทีก็ไม่ทราบ แล้วก็ปฏิบัติต่อพระในลักษณะที่ขาด ๆ เกิน ๆ แม้กระทั่งการใช้คำพูด พยายามที่จะใช้คำพูดที่เป็นศัพท์เฉพาะกับพระ แต่ก็ใช้ผิด พระสงฆ์ของเราใช้คำศัพท์เฉพาะประเภทเดียวกับราชาศัพท์ อย่างเช่น กินใช้คำว่าฉัน นอนใช้คำว่าจำวัด เป็นต้น

แต่ก็ไปเจอคนที่รู้ศัพท์แต่ใช้ผิด อย่างเช่นถามอาตมาว่า "หลวงพ่อนิมนต์ไปไหนมาครับ ?" แล้วมึงจะใส่นิมนต์ไปทำไม...?! พระฟังแล้วก็งง ๆ ตกลงเขาจะนิมนต์เราหรือเขาถามเรากันแน่ หรือไม่ก็ที่อาตมาเจอเองที่วัดท่าขนุน โยมเป็นสาววัยรุ่น น่าจะมาทำบุญวันเกิด ลงจากรถมาได้ก็ "ท่านเจ้าคะ..ช่วยนิมนต์พระให้อาตมา ๕ รูปด้วยค่ะ อาตมาจะถวายสังฆทาน..!" ใช้สรรพนามแทนตัวแบบมั่นใจมาก แล้วจะทำอย่างไรได้ ก็ในเมื่อเขามั่นใจว่าถูก เราก็ได้แต่ทำตามประสงค์ของโยมไปก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2021 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-06-2021, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เกิดจากการที่คนไทยเราห่างวัดห่างวา สมัยกรุงศรีอยุธยาบุคคลที่จะรับราชการ ถ้าไม่ผ่านการบวชเรียนมาก่อน ในหลวงไม่รับเข้ารับราชการ ถือว่ายังเป็น "คนดิบ" ไม่ได้ผ่านการขัดเกลามาก่อน แต่ปัจจุบันนี้ความสำคัญในการบวชลดน้อยถอยลงไปเรื่อย เนื่องจากการเร่งรัดของการทำมาหากิน จากที่เคยบวชเป็นพรรษา เดี๋ยวนี้ถ้าได้ ๗ วัน ๑๐ วัน พ่อแม่ก็คงดีใจน้ำตาไหลแล้ว

สมัยก่อนเขากำหนดไว้ว่า ต้องบวชแล้วถึงจะเบียดได้ เพราะมีความเข้าใจผิดว่า ถ้ามีภรรยาก่อนแล้วค่อยบวช อานิสงส์ที่จะพึงได้จากการบวชจะตกอยู่ที่ภรรยา ไม่ได้ตกอยู่ที่พ่อแม่ นี่เป็นการเข้าใจผิด ความจริงแล้วก็คือ การที่พระภิกษุสามเณรบวชเข้ามาเป็นพรรษา ต้องรับแรงกระทบเยอะมาก เพราะว่าโดนตีกรอบด้วยศีล ๒๒๗ ข้อ สิ่งที่เคยทำก็ทำไม่ได้ อึดอัดขัดข้อง อกจะแตกตาย..! ถ้าสามารถทนสถานการณ์แบบนั้นจนผ่านพรรษาไปได้ เขาถือว่ามีวุฒิภาวะทางอารมณ์เพียงพอที่จะไปเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ ก็คือรู้จักระงับอกระงับใจ หักห้าม รัก โลภ โกรธ หลง ของตนเองเอาไว้ได้ แต่มาสมัยนี้การที่จะบวชระยะยาว ๆ น้อยลง คนเราได้รับการขัดเกลาจากวัดน้อยลง โอกาสที่จะเข้าใจผิด หรือว่าทำผิดทำพลาด ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อพระภิกษุสามเณรอย่างไรจึงมีมาก

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าทำอย่างไรที่จะให้ญาติโยมมีความเข้าใจเรื่องของพระภิกษุสงฆ์ เรื่องของพระพุทธศาสนาให้ดียิ่งไปกว่านี้ เรื่องพวกนี้ก็คงต้องถวายให้กับพระเถระในระดับกุมนโยบายว่า ท่านมีแนวทางอย่างไรที่จะช่วยให้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ดีขึ้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบเอาไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2021 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว