กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #761  
เก่า 29-10-2024, 07:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,448
ได้ให้อนุโมทนา: 154,332
ได้รับอนุโมทนา 4,445,848 ครั้ง ใน 35,053 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทนฝืนสังขารเพื่อชาติ : ได้นกต่อ ผ้าป่าช่วยชาติต้นแรก

เมื่อธาตุขันธ์ของท่านหายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว ความตั้งใจช่วยชาติก็ออกได้เต็มเหนี่ยวไม่มีอะไรมาสะดุดอีก ในเบื้องต้นองค์ท่านประกาศขอรับเงินสกุลดอลลาร์เข้าช่วยชาติ ก็ประจวบพอดีกับในวันนั้นคือวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑ คุณสันติ วัฒนลี ลูกศิษย์คนหนึ่งขององค์หลวงตาก็ได้นําเงินดอลลาร์เข้าถวายสอดรับกับเจตนารมณ์ของท่านพอดี ดังนี้

"เราได้นกต่อแล้วนะ วันนี้มีท่านผู้ศรัทธาถวายเหรียญสหรัฐฯ ๒,๔๙๗ เหรียญ นี่เราได้นกต่อแล้ว เป็นห่วงเป็นใยมากจริง ๆ นะ เป็นห่วงเป็นใยชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ไม่ห่วง เพราะฉะนั้น..ถึงได้ออกขายตัว..ว่างั้นเถอะนะ หลวงตาบัวนี้ออกขายตัว ขอบิณฑบาตทั่วประเทศไทย ฟังซิ..เราไม่เคยเลยนี่ได้ออกขายตัวแล้ว ขอบิณฑบาตทั่วประเทศไทย..เงินเพื่อชาติเรา"

ต่อมาในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นงานบุญประทายข้าวเปลือก ซึ่งในปีนี้มีประชาชนมาร่วมทำบุญประมาณ ๓๐,๐๐๐ คน องค์ท่านจึงได้ถือโอกาสนี้ประกาศท่ามกลางพุทธศาสนิกชนว่า

"เรารู้สึกสะเทือนใจมาก เมื่อทราบว่าประเทศไทยเป็นหนี้เขาอยู่แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่ก็เท่ากับนิวเคลียร์นิวตรอนนั่นเอง คนทั้ง ๖๒ ล้านคน เป็นสัตว์ไปหมด เขามาเป็นเจ้าของ เป็นเจ้าอำนาจ ครองบ้านครองเมืองของเรา ด้วยการยึดสิ่งนั้น ยึดสิ่งนี้ สาระสำคัญซึ่งเป็นหัวใจของชาติไทยเรา เขาเป็นเจ้าของหมด เรามีแต่ลมหายใจ มันมีความหมายอะไร ในชีวิตเราจะไม่ยอมเห็นชาติล่มจมในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราต้องช่วยกัน วันนี้เป็นวันดี เป็นวันบุญข้าวเปลือก เราจึงขอรับบริจาคดอลลาร์เพื่อช่วยชาติ"

เมื่อท่านพูดจบเสียง "สาธุ" ของพุทธศาสนิกชน ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จากนั้นผู้มีจิตศรัทธาต่างเข้าถวายเงินบาท เงินสกุลต่างประเทศ ต่อองค์หลวงตากันเป็นแถวยาวเหยียด

ต่อมาคณะศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้เริ่มต้นจัดทำต้นผ้าป่าช่วยชาติในชื่อ "ผ้าป่าคนจนบ้านถ้ำกลองเพล" โดยใช้ต้นกล้วย สำหรับเสียบธนบัตรดอลลาร์ ๑๐๐ ใบ ๆ ละ ๑ ดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีผู้มาร่วมบุญเพิ่มเติมอีก โดยหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต รับเป็นประธาน พร้อมได้มอบหมายให้ชาวบ้านน้อยฯ เป็นตัวแทน อุ้มต้นผ้าป่าช่วยชาติเข้าถวายองค์หลวงตา ท่านกล่าวตอบรับในทันทีว่า


"โอ้โห..! ท่านเพ็งเก่งกว่าเรา ท่านเพ็งไปหามาจากไหน เราหาแทบเป็นแทบตายยังไม่ค่อยจะได้ นี่ท่านเพ็งอยู่ในป่า ยังหาดอลลาร์มาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2024 เมื่อ 10:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #762  
เก่า 29-10-2024, 08:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,448
ได้ให้อนุโมทนา: 154,332
ได้รับอนุโมทนา 4,445,848 ครั้ง ใน 35,053 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ประชาชนจากที่ต่าง ๆ มักนิยมนําต้นผ้าป่าช่วยชาติทั้งเงินบาทและเงินสกุลต่างประเทศ มาถวายองค์หลวงตาอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว "ต้นผ้าป่าช่วยชาติ" จึงกลายเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นสัญลักษณ์แห่งโครงการช่วยชาติและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีร่วมใจของชาวไทยสืบไป และสำหรับการรับบริจาคทองคํานั้น ต่อมาอีกระยะหนึ่งท่านก็เมตตาเปิดรับบริจาคทองค่าเข้าสู่คลังหลวงเพิ่มเติมจน "ทองคํา" กลายเป็นปัจจัยหลักของโครงการช่วยชาติเลยทีเดียว

การช่วยชาติในระยะนี้ดูเหมือนจะสะดวกราบรื่นดีงามทุกอย่างแล้ว แต่การณ์กลับไม่เป็นดังนั้นเสียทีเดียว หากมีอุปสรรคกีดขวางทางเดินอย่างหนักหนาสาหัส ในสายตาของลูกศิษย์ผู้รักเคารพห่วงใยสุขภาพขององค์หลวงตา กล่าวคือในวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ หลังฉันภัตตาหารเช้า องค์หลวงตาได้ขึ้นรถตู้ตามปกติ เพื่อไปแจกจ่ายข้าวสารอาหารแห้ง และบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลในอำเภอใกล้เคียง

ในช่วงเวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกา ระหว่างการเดินทางบนถนนสายสว่างแดนดิน-เจริญศิลป์-วานรนิวาส เขตอำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร องค์หลวงตาได้ประสบอุบัติเหตุกะทันหัน รถตู้ตกลงจากถนน ไม่ถึงกับพลิกคว่ำ แต่ตกลงไปกระแทกบริเวณที่วางท่อข้างทางอย่างเรง จนทำให้ยางแตกเกือบทุกเส้น องค์หลวงตาซึ่งนอนอยู่บนเบาะรถแถวหน้า ได้กระแทกเข้ากับคอนโซลที่วางของหลังคนขับ จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ขวา ดังนี้


"แล้วข้างนี้ไปเกิดอุบัติเหตุ เลยไม่เป็นท่า แขนข้างเดียวก็ไม่เป็นท่า กระดูกแตกเหมือนกันนะ..ไปตรวจ ออกจากที่เกิดเหตุ รถเขาก็นําเป็นแถวยาวเหยียด ได้สัก ๕ กิโล รถทางหลวงมันมากต่อมาก เป็นแถวยาวเหยียดเลย ได้สัก ๕ กิโล ไปถึงก็เข้าโรงพยาบาล เอ้า..มีอะไรเอามาตรวจดู เขาบอก "กระดูกแตกตรงนี้"

เขาเตรียมห้องเตรียมหับไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจะให้เราพักอยู่ที่โรงพยาบาล เตรียมไว้หมด พอเราไปนี้ทั้งหมอทั้งพยาบาลเต็มหน้าโรงพยาบาลเลย ไปให้เขาตรวจดู พอตรวจเสร็จสรรพ แล้วมีอะไรล่ะ ? เอ้า..ว่ามา

มีแต่จะเอาเฝือกแฝกมาใส่ "ไม่เอา เราไม่ใส่" แล้วเอาผ้าพันมาเลย จากนั้นลุกจะกลับ จะเอาให้เข้าพักโรงพยาบาล "ไม่พัก ไม่ใช่วัด" ไปเลย..เป็นอย่างนั้นน่ะเรา หมดท่า..โรงพยาบาลทั้งโรง ทั้งหมอทั้งพยาบาลเต็มหมด เดินไปต่อหน้าเลยกลับเลย เป็นอย่างนั้นน่ะเรา ไม่ได้เหมือนใครนะ

"ถ้าสมควรจะอยู่ ไม่บอกก็อยู่ สมควรจะไป ให้อยู่ก็ไม่อยู่"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2024 เมื่อ 10:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (29-10-2024), ชุณหพงศ์ (30-10-2024), ต้นบุญ (31-10-2024), ปราโมทย์ (29-10-2024), พี่เสือ (31-10-2024), มารวย๙ (29-10-2024), สุธรรม (29-10-2024)
  #763  
เก่า 29-10-2024, 08:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,448
ได้ให้อนุโมทนา: 154,332
ได้รับอนุโมทนา 4,445,848 ครั้ง ใน 35,053 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราพิจารณาของเราเรียบร้อยแล้วไปแล้ว มันก็ค่อยดี กระดูกอันนี้ก็ยังมีที่มันแตก แตกช่างหัวมันเถอะ ถ้าหากว่าเราไม่หลบนี้จะชนคน พอหลีกคนก็เลยตก คน ๆ นั้นมันเป็นอะไร มันกรรมอะไรไม่รู้ ? บทเวลาจะเป็นก็ขี่มอเตอร์ไซค์เก้งก้างเข้ามานี่เลยนะ ทางกว้าง ๆ ไม่ได้แคบนะ ทางกว้าง..ไม่มีรถมีราที่ไหน เราก็ไปสายของเราตามสายถูก เขาก็ไปทางนู้น เราก็ไปทางนี้ เวลาไปนั้นเก้งก้าง ๆ เข้ามาเลยนะ..หลบไม่ทัน ถ้าจะไปตามนี้รถคันนั้นพอดีชนแหลก คนจะตายทั้งคน หลบนี้ก็เลยตกไปนั้น เรื่องราวเป็นอย่างนั้นละ..!

คนขับมันก็จะเป็นกรรมอันหนึ่งกันละ มอเตอร์ไซค์ทางกว้าง ๆ เขาก็ขับมาทางนู้นแล้วอย่างไร มานี่เก้งก้างเข้ามาหานี่เลย รถเราก็ไปธรรมดา มันหลบที่ไหนไม่ได้ ตกลงก็หลีก หลีกก็ตกลง..คนนั้นก็รอดไป ถ้าหากว่าเราไม่หลีก..ตาย..! จะว่าอย่างไร นั่นละ..ที่เกิดอุบัติเหตุ ตอนนั้นกำลังเริ่มช่วยชาติอยู่ ทางไหน ๆ ลูกศิษย์ลูกหาถามมา จะงดไหมเรื่องการช่วยชาติ ไม่งด..เราบอก ช่วยตลอดไปเลย ช่วยชาติของเรา"


ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ทำการรักษาโดยเข้าเฝือกอ่อนไว้ก่อน และจัดคณะแพทย์เฝ้าดูแลที่วัดอย่างใกล้ชิด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนกว่า ๒๐๐ นายมารักษาความปลอดภัย ส่วนพระติดตามที่นั่งบริเวณด้านเบาะหลัง กระดูกข้อต่อสันหลังเคลื่อน อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ไหล่ขวาของท่านต้องเยียวยาอยู่หลายเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ คณะศิษย์ต่างก็ห่วงใยในสุขภาพ จึงกราบขอร้องให้ท่านยุติการช่วยชาติ แต่ท่านปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า ความเมตตาสงสารชาติบ้านเมืองมีน้ำหนักมากกว่า ดังนี้

"แม้หลวงตาจะประสบอุบัติเหตุ กระดูกแขนแตกพิกลพิการเช่นนี้ หลวงตายังไม่รู้สึกห่วงตัวเองยิ่งกว่าชาติไทยของเรา เราห่วงชาติไทยเราจริง ๆ นะ เราติดหนี้เขาจนถึงขนาดที่ว่าเมืองไทยเราจะจม ในปี ๔๐ เป็นปีที่ร้อนมากที่สุดสำหรับเมืองไทยเรา ร้อนเข้าไปถึงศาสนา ร้อนเข้ามาหาหลวงตา ถึงขนาดร้อง "โก้ก" เลย หลวงตาบวชมาก็ไม่เคยร้อง "โก้ก" แบบสะเทือนมากทั่วประเทศไทยนี้ มาคราวนี้ถึงกับร้อง "โก้ก" เชียว

สิ่งที่จะร้องก็คือ
๑. เราติดหนี้เขาเวลานี้ เรียกว่าเราอยู่ใต้อุ้งเล็บเขา เขาจะกำเราเมื่อไรก็ได้ จ่ออยู่ฝั่งทะเลหลวงที่จะจม จนถึงขนาดได้พูดว่า นี่สงครามเศรษฐกิจ ให้ดูเอานะ เวลานี้ครอบเมืองไทยเรา พี่น้องชาวไทยเราเป็นยังไง อยู่ใต้อุ้งเล็บเขายังนอนหลับครอก ๆ แครก ๆ อยู่เหรอ..นี้อันหนึ่ง
๒. ดอลลาร์เขาดอลล์เดียวฟาดเงินไทยเราจากเดิม ๒๕ บาท เป็น ๕๖ บาท นี้อันหนึ่ง
๓. คนไทยเราคิดเฉลี่ยติดหนี้เขา ๖๒ ล้านคนนี้ ติดหนี้เขาคนละ ๕ หมื่นบาท

ฟังซิ..ให้ลูกศิษย์ไปค้นคว้าเอาต้นมูลต้นเหตุมาจากข้างในโน้น ให้เราดูเรื่องราวมัน ก่อนที่เราจะขึ้นเวทีช่วยพี่น้องทั้งหลายนะ อะไรที่เป็นความจำเป็นมากที่สุด ที่ล่อแหลมต่อความล่มจมของชาติไทยเรา ก็ได้ความว่าติดหนี้ไอเอ็มเอฟ โห..ติดหนี้พวกนี้ไม่ใช่ของเล่น เรียกว่าหนูตัวหนึ่งอยู่ใต้อุ้งเล็บของเสือโคร่ง ใช่เล่นเมื่อไร ร้อง "โก้ก" เลยเทียวเรา

คนไทยเราเคยเป็นใหญ่เป็นโตเป็นหลักเป็นเกณฑ์ เป็นเนื้อเป็นหนังของตัวเองมาสักกี่ดึกดำบรรพ์แล้วนะ นานสักเท่าไรแล้วเมืองไทยเรานี่ จะมาถูกเขาฮุบเอาเป็นบ๋อยคนใช้กลางบ้านกลางเรือนเขานี่ แหม..พูดได้คำเดียวว่า แหม..ออกอุทานว่างั้นเถอะ เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบ ให้พากันตื่นเนื้อตื่นตัว เราทำเพื่อเมืองไทยเรา"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2024 เมื่อ 10:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (29-10-2024), ชุณหพงศ์ (30-10-2024), ต้นบุญ (31-10-2024), ปราโมทย์ (29-10-2024), พี่เสือ (31-10-2024), พุทธภูมิ (29-10-2024), มารวย๙ (29-10-2024), สุธรรม (29-10-2024)
  #764  
เก่า 01-11-2024, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,448
ได้ให้อนุโมทนา: 154,332
ได้รับอนุโมทนา 4,445,848 ครั้ง ใน 35,053 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตาให้อภัยทุกคน

วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ เวลา ๐๙.๓๐ น. เจ้าคุณพระราชเมธากร (เจ้าคุณปาน) เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธรรมยุต) พร้อมด้วยคณะเดินทางมาเยี่ยมอาการอาพาธขององค์หลวงตาที่กุฏิ ซึ่งลูกศิษย์ได้ช่วยกันรักษาแบบพื้นบ้าน

คือ "ย่าง" หรือ "ตั้งยา" สมุนไพรร่วมกับหมอชาวจีน ที่มีความชํานาญในด้านการรักษา ไหล่ขวาของท่านมีรอยช้ำเป็นบริเวณกว้าง แต่องค์หลวงตายังมีอาการปกติ และได้เทศน์โปรดท่านเจ้าคุณพระราชเมธากร ในขณะที่นอนรักษาไหล่ขวาอยู่ว่า


"นี่ท่านเจ้าคุณ ผมเป็นมาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ แต่ละครั้งหนักทั้งนั้น

ครั้งแรก ป่วยเป็นไข้เจ็บขัดในหัวอก ชาวบ้านตายวันละ ๗ - ๘ คน เป็นโรคติดต่อ เป็นหนักที่บ้านกาหม - โพนทอง อำเภอบ้านผือ ติดต่อกับอำเภอท่าบ่อ มีแม่น้ำทอนเป็นเขตแดน ต้นปี ๒๔๙๓ นึกว่าจะตายแล้ว แต่ก็ไม่ตาย

ครั้งที่สอง เป็นโรคท้องร่วงถ่ายติดต่อกัน ๒๕ ครั้ง อาเจียนอย่างรุนแรง ๒ หน ร่างกายตายไปแล้ว ๙๙% เหลือเพียง ๑% ก็นึกว่าคงตายแน่ แต่ก็อยู่รอดมาได้

พอครั้งที่สาม คือครั้งนี้ ก็ไม่เห็นมันเป็นอะไร มันเป็นเรื่องของกรรมนะท่านเจ้าคุณ

เรากําลังจะรับบริจาคดอลลาร์ช่วยชาติ ก็มาเป็นอย่างนี้ ขณะนี้ได้รับเงินบริจาค ๒ แสนดอลลาร์เศษแล้ว เพราะมีการป่าวประชาสัมพันธ์ไปทางทีวี หนังสือพิมพ์ คิดว่าคงจะได้เพิ่มขึ้นอีกเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งเงินไทยด้วย ได้มาเท่าไรก็ออกไปช่วยในสิ่งที่เดือดร้อนกันหมด

โรงพยาบาลนาทม กิ่งอำเภอนาทม จังหวัดนครพนมนั้น ไม่มียา เพราะไม่มีงบประมาณ แม้แต่เงินเดือนหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รับมา ๒ - ๓ เดือนแล้ว เราต้องนําเงินที่ได้รับบริจาคไปแจกจ่ายให้ เราทำเพื่อโลกล้วน ๆ เจ็บป่วยคราวนี้คงไม่นานแล้วนะท่านเจ้าคุณฯ คิดว่าสิ้นเดือนนี้คงหาย เหลืออีกกี่วันนะ"


ท่านเจ้าคุณฯ จึงตอบว่า "อีก ๑๓ วัน ครับหลวงตา"

ต่อมาเวลา ๑๕.๐๐ น. นายวิชัย ทัศนเศรษฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี นําพุ่มพานดอกบัวมาถวาย และเยี่ยมอาการองค์หลวงตา ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งองค์ท่านกล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยว่า

"การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ คิดว่าเป็นกรรมของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกรรมของคนขี่รถจักรยานยนต์ กรรมของคนขับรถ หรือแม้แต่ตัวเองก็ไม่เว้น จะไปโทษใครไม่ได้ ทุกคนมีกรรมร่วมกัน จึงต้องช่วยเหลือกัน สำหรับอาการบาดเจ็บของหลวงตาไม่มากนัก หมอก็มาดูแลแล้ว ไม่น่าเป็นห่วง

เมื่อคืนที่ผ่านมาเฝือกที่ใส่ไว้มันหดแน่น ทำให้เจ็บมาก จึงต้องให้หมอถอดออก ก็ไม่มีอาการเจ็บแล้ว หมอบอกว่าไม่มีอะไรหนักใจ อีกไม่นานก็ไปรับบาตร และเทศนาได้เหมือนเดิมแล้ว ขอบอกผ่านญาติโยมทุกคนด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเดินทางมาเยี่ยมหรอก เดี๋ยวจะตายเพราะคนแห่มาเยี่ยมมากกว่า"


แม้เจ็บปวดแขนสักเพียงใด ท่านก็ไม่บ่นไม่ว่า ไม่ติดใจถือเอาเป็นโทษเป็นความกับผู้หนึ่งผู้ใดเลย ถือเป็นคุณธรรมและเมตตาธรรมอันสูงสุดเป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้ของศิษยานุศิษย์ได้อย่างสนิทใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2024 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (01-11-2024), ชุณหพงศ์ (01-11-2024), ต้นบุญ (01-11-2024), ปราโมทย์ (01-11-2024), พุทธภูมิ (01-11-2024), มารวย๙ (01-11-2024), สุธรรม (01-11-2024)
  #765  
เก่า 04-11-2024, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,448
ได้ให้อนุโมทนา: 154,332
ได้รับอนุโมทนา 4,445,848 ครั้ง ใน 35,053 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฟ้าหญิงฯ... ประธานเปิดโครงการช่วยชาติ


องค์หลวงตาได้ประกาศช่วยชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เวลา ๐๗.๐๐ น. โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงเป็นประธาน ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย ๓ กรุงเทพมหานคร ในวันเปิดโครงการช่วยชาตินั้น องค์ท่านอยู่ในสภาพผอมจนกระดูกและเส้นเอ็นปูดโปน แขนขวาที่กระดูกเดาะ ถูกสะพายไว้ด้วยผ้า หัวไหล่ขวาที่บวมเป่งสีดำคล้า นับเป็นนักรบกับความจนโดยแท้จริง

"โครงการช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน" เป็นการปลุกจิตสํานึกของชาวไทย ในยามประสบทุกข์ให้รู้จักน้อมน่าหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่วนทางด้านวัตถุนั้น องค์หลวงตาเมตตาออกมาเป็นผู้นำในการรับบริจาคเงินทอง จากพี่น้องชาวไทยทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อนําทองคําเข้าสู่ "คลังหลวง" เป็นการรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้มั่นคงปลอดภัยและเป็นหลักประกันชาติ สำหรับเงินบาทท่านได้นำไปช่วยสงเคราะห์เป็นสาธารณประโยชน์กระจายไปทั่วประเทศ

ในระยะแรกของโครงการท่านนำเงินดอลลาร์เข้าสู่ "คลังหลวง" และในระยะต่อมาได้ประกาศจะนําเงินดอลลาร์ที่รับบริจาคไปทำประโยชน์กระจายทั่วประเทศเหมือนเงินบาท เนื่องจากมีโรงพยาบาล โรงเรียน หน่วยงานราชการ และสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ มาขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก องค์ท่านเมตตา กล่าวถึงเงินบริจาคเหล่านั้นว่า


"เราเป็นผู้ถือบัญชี เป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายและรับผิดชอบทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นขอไว้วางใจได้ว่าเงินบริจาคเหล่านี้ปลอดภัยทุกบาททุกสตางค์"

การเปิดโครงการช่วยชาติโดยองค์หลวงตา ท่านประกาศตนเป็นผู้นําในครั้งนี้ ก็เพื่อให้พี่น้องชาวไทยรับทราบกันโดยทั่วถึงและเป็นที่ลงใจในคุณธรรมของท่านว่า จะรักษาทรัพย์สินที่บริจาคมาด้วยความเป็นธรรมให้ลงสู่จุดหมายคือคลังหลวงได้อย่างปลอดภัย โดยพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศจะได้แสดงน้ำใจช่วยกันมากบ้างน้อยบ้างตามกําลัง เพราะเรื่องของชาติเป็นเรื่องใหญ่ มีความจำเป็นต้องได้ช่วยกันทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า

สิ่งนี้ไม่ใช่วิสัยของคน ๆ เดียว หากเป็นวิสัยที่องค์หลวงตาทำได้ด้วยตนเองเพียงคนเดียว ท่านจะไม่ยอมรบกวนผู้หนึ่งผู้ใดเลย ความเมตตาและเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่ภายในใจของท่านนี้ ทำให้ท่านถึงกับได้ออกปากว่า


"เราช่วยโลกอย่างนี้ เราช่วยด้วยความเมตตาจริง ๆ ไม่ได้ช่วยเล่น ๆ นี่ถ้าหากว่าเรามีนะ เราจะไม่กวนชาวบ้านชาวเมืองเลย แต่ของเราคนเดียวพอแล้ว ตูมเดียวทั่วประเทศไทย ชั่วโมงเดียวหมด เรียบวุธหมดเลย แต่นี้เราไม่มีนั่นซี จึงได้เรียกร้องให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันช่วยกันเพื่อยก ถ้าเรามีแล้ว โอ๊ย...ไม่ยาก เราจะไม่ถามใครให้ลําบากเสียเวลํ่าเวลา ยกตูมเดียวเลยท่วมปุ๊บเลยเทียว

ความจนลงทะเลหลวงมองตามหลังไม่ทันเลย มันจมไปเลย แต่นี้เพราะไม่มีนั่นเอง จึงได้ขอร้องจากพี่น้องทั้งหลายให้ช่วยกัน อันนี้ไม่ใช่กําลังของคนคนเดียวจะยกได้ มันกําลังของทุกคนที่จะยกชาติของตนขึ้นถึงถูก ถึงต้องได้พยายามอย่างนี้ เมื่อมันหนักมากก็พักไปเป็นระยะ ๆ เพราะเวลานี้แก่มากแล้ว เดินไปก็โซซัดโซเชแล้วกําลังวังชาไม่มี แต่จิตใจนั้นแข็งแกร่งตลอดเวลา ไม่งั้นไปไม่ได้นะ นี้เราไปด้วยอำนาจกําลังใจ กําลังความเมตตาต่างหาก ที่เราตะเกียกตะกายอยู่ทุกวันนี้ ใจเป็นสำคัญมากนะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (04-11-2024), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (04-11-2024), พี่เสือ (04-11-2024), พุทธภูมิ (04-11-2024), มารวย๙ (04-11-2024), สัญญะจิตโต (04-11-2024)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว