กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 10-05-2020, 16:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลังฉันเพลแล้วอาตมาออกไปตรวจเยี่ยมโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพของชาวบ้าน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

เมื่อกลับมาก็มัวแต่คัดเลือกข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมัน น้ำตาล เครื่องประกอบอาหารต่าง ๆ จนขนขึ้นรถตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาดูบรรดาวัตถุมงคลที่แช่น้ำมันชาตรีเอาไว้

ตอนแรกคิดว่ามีเศษขยะติดอยู่ข้างถ้วยน้ำมัน มองดูดี ๆ อ้าว.. กลายเป็นจิ้งจกจิ๋ว ของหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ที่ตะกายขึ้นไปเกาะข้างฝาตามสัญชาตญาณของตน..!

น้องเล็กที่ได้ยินเสียงอุทานดัง "อ้าว" รีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน "ถ้าหนูเขี่ยกลับลงไปใหม่ เขาจะตะกายขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าไหมคะ ?"

กูไม่รู้ ? กูโง่..! อาตมารีบเผ่นออกไปห่าง ๆ จะทำอะไรก็ไปคุยกันเอง อย่าให้อาตมาต้องเดือดร้อนไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 263 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 10-05-2020, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default




รูป
ชนิดของไฟล์: jpg สาลิกา.jpg (103.3 KB, 3451 views)
ชนิดของไฟล์: jpg จิ้งจก.jpg (43.9 KB, 3363 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 11-05-2020, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



ถือฤกษ์วันพืชมงคล อัญเชิญ "ดรีมทีมสาลิกา" ลงประจำตลับสีผึ้ง มีเพิ่มลูกอมแร่บางไผ่มา อีก ๑ รายการ



มีคนไม่เชื่อว่าลงหมด...! ยังเหลือพื้นที่เสียด้วยซ้ำไป
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 349158.jpg (162.6 KB, 3156 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 349279.jpg (82.8 KB, 3089 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 11-05-2020, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



ย้ายไปใส่พาน พ่อก็คลานไปเกาะข้างฝา...!
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 349188.jpg (212.5 KB, 3172 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-05-2020 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 255 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 11-05-2020, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่บุคคลคนหนึ่งจะเกิดขึ้นมาแล้วเพียบพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาลมาตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าตลอดทั้งชาติที่เกิดมานี้ไม่มีแม้ชั่วขณะใดของชีวิตที่จะบกพร่องในทรัพย์สินเลย “ร่ำรวยมหาศาลตั้งแต่เกิดจนตาย” บุคคลประเภทนี้ต้องสร้างบุญมาแบบไหนและวางกำลังใจอย่างไรในขณะทำบุญ

ตอบ : เอาท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน ชาติก่อนท่านสองคนผัวเมียมีอาชีพรับจ้าง ทำงานเช้าเพื่อให้มีเงินซื้ออาหารกินตอนค่ำ เมื่อทราบว่าทางวัดกำลังสร้างวัจจกุฎี (ส้วม) ถวายพระ ทั้งสองท่านยอมอด เอาเงินที่ได้ของวันนั้นไปซื้อแผ่นทองเท่าปีกริ้น ไปปิดวัจจกุฎีถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

เกิดมาชาตินี้แค่เข้าท้องแม่ หน่อไม้รอบบ้านก็งอกเป็นทองคำ มีภูเขาทองเกิดขึ้นในบ้าน มีแพะทองคำตัวเท่าช้างสารปราฏล้อมบ้านไว้ ต้องการของสิ่งใดก็ไปชักสายยนต์ที่ปากแพะ สิ่งของนั้น ๆ ก็จะไหลออกมาเอง ท่านมีเงินทองมากนับไม่ได้ ต้องตวงใส่เกวียนแล้วค่อยนับเป็นเล่มเกวียน

หลานสาวคือนางวิสาขาแต่งงาน ท่านให้สินเดิมติดตัวหลานไป เป็นเงิน ๕๐๐ เล่มเกวียน ทองคำ ๕๐๐ เล่มเกวียน ไม่ต้องพูดถึงข้าวของเครื่องใช้และผู้คนที่ยกให้ไปใช้สอย แค่ฝูงวัวที่ให้ไป นางวิสาขาก็แจกคนได้ทั้งเมืองสาเกตแล้ว

ลองพิจารณาทบทวนดูว่าท่านวางกำลังใจในการทำบุญอย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 265 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 11-05-2020, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บุคคลบางคนเกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ด้านบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ สติปัญญา บริวารมากมาย ชาติตระกูลสูงส่ง แต่ก็ “ชั่วร้ายเลวทราม” เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ ทำร้ายและเข่นฆ่าชีวิตผู้อื่นเป็นอาจิณมาโดยตลอดชีวิตของบุคคลผู้นั้น (อดีตถึงปัจจุบันมีบุคคลประเภทนี้ให้เห็นอยู่มาก)

ที่สงสัยคือ...บุคคลใดจะเกิดมาบริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติได้ย่อมต้องเคยสร้างบุญมาในกาลก่อน ยิ่งเกิดมาเพียบพร้อมมาก ย่อมต้องเคยสร้างบุญมามาก แล้วเหตุใดผู้ที่สร้างบุญมามากเช่นนี้ในด้านสภาพจิตใจกลับเลวทรามต่ำช้า ไม่มีศีลมีธรรมอยู่เลยแม้แต่น้อย ?

หรือว่าการสร้างทานบารมีอันเป็นเหตุแห่งความบริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติเป็นคนละเรื่องกับการพัฒนาในด้านของจิต ? กล่าวคือคนชั่วที่ไม่เคยฝึกจิตให้อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยรักษาศีล ไม่มีความละอายชั่วกลัวบาป ทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ หากแต่คนคนนั้นรู้จักหมั่นให้ทานอันมีอานิสงส์ใหญ่ในเขตพระพุทธศาสนา เช่น สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน สร้างพระ เจ้าภาพบวชพระ ฯลฯ เป็นต้น ก่อนตายจิตมั่นคงในบุญคือทานบารมีที่ทำ ผลแห่งทานก็ส่งผลให้เกิดมาใหม่บริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติตามเหตุแห่งบุญที่เคยสร้างมา แต่ด้วยความที่ไม่เคยสนใจที่จะพัฒนาในด้านจิตใจของตนเลยจากที่ชาติก่อนเลวยังไงเกิดมาใหม่จิตใจก็เลวดังเดิม กลายเป็น “คนชั่วแต่ชีวิตดีและสุขสบาย”

ในขณะที่บางคนมีศีล ๕ และกรรมบท ๑๐ ครบถ้วน ไม่ได้เบียดเบียนใครเลย ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ แต่กลับมีความอัตคัดในชีวิตความเป็นอยู่ ยากจน ขาดแคลนในมนุษย์สมบัติทุกอย่าง ถ้าเป็นไปตามเหตุแห่งบุญกรรมแสดงว่าคนประเภทนี้มุ่งเน้นแต่ในด้านรักษาศีล ฝึกจิตให้ทรงไว้ซึ่งคุณความดี ปฏิบัติภาวนา แต่...ไม่ได้สร้างทานบารมีมาในกาลก่อน เมื่อเกิดใหม่เลยมีสภาพจิตที่ดีแต่ไม่มีความสมบูรณ์ในมนุษย์สมบัติ กลายเป็น “คนดีแต่มีชีวิตที่ลำบาก”

ความเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกต้องแท้จริงเป็นอย่างไร ?

ตอบ : ในเทวภูมิยังมีมารและอสูร นับประสาอะไรกับมนุสสภูมิ บุคคลที่มีโอกาสทำทาน ไม่ใช่ว่าจะต้องมีจิตใจดี พร้อมในการสละออกทั้งหมด มีทั้งทำทานเอาหน้า ทำทานแบบตกกระไดพลอยโจน ทำทานเพราะถูกพ่อแม่บังคับ ฯลฯ แต่บังเอิญได้เนื้อนาดี ผลรับย่อมอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพจิตใจยังไม่ได้รับการพัฒนาตามไปด้วย เนื่องจากจิตใจนั้น ต้องขัดเกลาด้วยศีลและภาวนา ถึงจะปรากฏผลอย่างชัดเจน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 244 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 11-05-2020, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บุคคลคนหนึ่งมีความเคารพในพระรัตนตรัยแนบแน่นเต็มหัวใจอย่างไม่ลังเลสงสัย หมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่เป็นนิจ ปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาอยู่ทุกวัน มีความรู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตนี้ไม่ยั่งยืนตลอดกาลสมัยมีเกิดและมีดับ รักษาศีล ๕ ได้บริสุทธิ์สมบูรณ์ หากแต่บุคคลนั้นยังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน ยังมุ่งหวังให้ผลของทานบารมี ศีลบารมี และบุญพระกรรมฐานที่เพียรปฏิบัติส่งผลให้พบกับความสุขในมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ชาติเพื่อรื่นรมย์กับความสุขจากบุญที่เพียรสร้าง

คุณสมบัติที่ละสังโยชน์ ๓ ได้ดั่งเช่นบุคคลดังกล่าวหากแต่ยังไม่ปรารถนาในพระนิพพาน จะยังถือว่าเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ ?

ตอบ : โสดาบันแปลว่าผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน ถ้ายังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน คุณสมบัติย่อมไม่ครบถ้วน ไม่สามารถที่จะเป็นพระโสดาบันได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-05-2020 เมื่อ 12:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 11-05-2020, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จากที่ได้อ่านในเก็บตกฯ ท่านโดนไสยศาสตร์เล่นงาน ทำไมหุ่นพยนต์ไม่เข้าปะทะไว้ให้ครับ ?

ตอบ : เพราะว่าหุ่นพยนต์อยู่ในย่ามที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนอาตมาอยู่ที่บ้านเติมบุญ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หุ่นพยนต์คงติดด่านตรวจ covid ๑๙ จึงมาช่วยไม่ทัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2020 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 11-05-2020, 19:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต พร้อมภาวนาพระคาถาบทหนึ่งให้ได้ในทุกขณะของวัน หากมีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดก็หยุดใจออกมาคิด หากมีคนชวนคุยก็หยุดใจออกมาพูดคุยกับผู้นั้น เมื่อจบเรื่องแล้วค่อยกลับใจเข้ามาสู่การภาวนาและทรงภาพพระต่อ

เมื่อลองปฏิบัติแล้วพบว่าในขณะนั่งกรรมฐานอารมณ์จะชัดเจนทรงภาพพระได้แจ่มใส ภาวนาได้ทรงตัวที่สุด พอออกจากกรรมฐานมาทำกิจวัตรต่าง ๆ ภาพพระบางครั้งก็ชัด บางครั้งก็ไม่ชัด แต่โดยรวมก็ยังสามารถกำหนดภาพพระได้อยู่ ในด้านคำภาวนาก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีคนชวนคุยหรือต้องใช้ความคิดกลางคันในขณะที่ยังไม่จบบท ก็ค่อยกลับมาเริ่มภาวนาใหม่ตั้งแต่คำแรกของบทพระคาถา

เวลาเดินภาวนาแล้วจับภาพพระด้วยอารมณ์เบา ๆ อาจมีแบ่งบางส่วนของจิตมาคิดหรือมองสิ่งรอบตัวไปด้วย ในขณะที่อีกส่วนของจิตก็ภาวนาพร้อมจับภาพพระตรงนี้รู้สึกจะใจสบายเป็นพิเศษ

แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพอจะนอนหลับกลับไม่สามารถภาวนาให้ใจสบายแล้ว “ตัดหลับ” ไปได้อย่างที่พระอาจารย์แนะนำ จับภาพพระกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาโดยใช้อารมณ์ไม่หนักพยายามให้ใจสบายเหมือนตอนเดินหรือทำกิจวัตรต่าง ๆ ในตอนกลางวัน แต่ผลก็คือเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว พอภาวนาอารมณ์กลับเหมือนเวลานั่งกรรมฐานมันจะหยุดนิ่งตั้งใจกับการภาวนา ไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบพร้อมจะตัดหลับ อารมณ์มันจะตั้งใจอยู่กับการภาวนาตลอดไม่ยอมหลับเสียที แต่พอลองคลายอารมณ์ออก เลิกภาวนาคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยเหมือนแต่ก่อนกลับหลับ !

การปฏิบัติตลอดวันที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกควรทำแบบไหน ? แล้วต้องวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงจะสามารถภาวนาจน “ตัดหลับ” ไปได้ ?

ตอบ : ตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต แต่อยากจะหลับ..! การภาวนาจุดมุ่งหมายก็เพื่อการตื่นรู้ คือ ให้มีสติอยู่ทุกเวลา เพื่อที่จะได้ระมัดระวังไม่ให้กิเลสกินใจเราได้ แต่เมื่อเข้าถึงได้ในระดับหนึ่ง จิตเริ่มตื่นรู้กลับอยากจะหลับ เป็นความต้องการที่ขัดแย้งกันเอง ถ้าไม่ใช่เหลวไหลไร้สาระ ก็ประเภท "หัวมังกุท้ายมังกร" ไปตัดสินใจให้เด็ดขาดก่อนว่าจะเอาอย่างไร หรือไปศึกษาให้ดีก่อนว่าภาวนาแล้วเป็นอย่างไร จะได้ไม่ถามอะไรที่เหลวไหลแบบนี้อีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 12-05-2020, 05:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ใกล้เวลาแล้วนะ"
"ในหรือต่างประเทศครับ ?"

"ทั้งในและนอก น่าเสียดายที่ข้าบอกให้รักษาที่ดินและปลูกผักปลูกหญ้าเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่เดือดร้อน กลับไม่มีใครทำกัน"
"ส่วนใหญ่เขาเห็นว่าเหนื่อยครับ สู้ขายที่ดินแล้วเอาเงินไปซื้อกินไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะเลยครับ"

"คิดกันแบบมักง่ายทั้งนั้น ถ้ามีเงินแต่หาซื้อไม่ได้ล่ะ ?"
"ก็นั่นนะสิครับ มีแต่คนซื้อหาคนขายไม่ได้ หาข้าวปลาอาหารไม่ได้ ถึงเวลานั้นจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว"

"อย่าลืมบอกให้ญาติโยมของแกแขวนพระติดตัวไว้ด้วย"
"ผมบอกพระเณรไปหลายเดือนแล้วครับ แต่ก็เหมือนกับฟังผ่านหูไปเฉย ๆ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปล่อยวาง กรรมใครกรรมมัน"
"ผมพกสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลหน้ากากเงินเป็นปกติครับ แต่สงสัยว่าทำไมไม่สั่งให้พกสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อเอง ?"

"แกคิดว่าหาง่ายนักใช่ไหม ? เดี๋ยวนี้องค์หนึ่งราคาเป็นแสน แล้วจะมีสักกี่คนที่มีปัญญาหาได้ ก็ต้องเอาที่ราคาถูกและพอที่จะหาได้ง่ายหน่อย"
"คนเขาเกี่ยงกันว่าท่านองค์ใหญ่และหนักมาก สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตก็น่าจะใช้แทนได้นี่ครับ ?"

"แกจะเอานักเศรษฐศาสตร์ไปรบแทนนักการทหารใช่ไหม ? เรื่องของความปลอดภัยในชีวิตตัวเอง ถ้ามันยังเกี่ยงอยู่ก็ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม"
"อะไรเป็นตัวจุดชนวนในครั้งนี้ครับ ?"

"เศรษฐกิจตกไปทั่วโลก น้ำมันขายไม่ออก เงินดอลลาร์ลดความสำคัญลง ประเทศอื่นมีท่าว่าจะแซงหน้าไปชนิดตามไม่ทัน"
"ญาติโยมควรที่จะวางกำลังใจอย่างไรดีครับ ?

"พิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกแล้วพบกับเรื่องเช่นนี้ การมีชีวิตอยู่แบบนี้ขอเป็นชาติสุดท้าย ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียว"
"กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-05-2020 เมื่อ 10:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 306 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 12-05-2020, 05:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พยัคโฆ พยัคฆา สุญญาสัพพะติฯ"

"โฮ่งงง..โฮ่งง..แฮ่..ฮื่อ..!!"


ตีสองกว่าเดินจากกุฏิเจ้าอาวาส มายังกุฏิเรือนไทยซึ่งเป็นสำนักงานเจ้าอาวาส เนื่องจากไปค้นเอาเสือหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ซึ่งทิดเฟิร์สขอบูชาไว้ เอาติดตัวมาด้วย จึงภาวนาคาถาปลุกเสือไปในตัว


ยังไม่ทันจะเดินพ้นหน้าศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย แก๊งค์หมาเด็กหน้ากุฏิเจ้าอาวาสที่มี ชานม ชาเย็น โอเลี้ยง ช็อกโก (ชื่อเต็มว่า ช็อกโกแลตปั่นใส่นมผสมวิปครีม) ซึ่งปกติไม่เคยเห่าเวลาอาตมาเดินมากลางดึกแบบนี้ กลับเห่ากรรโชกเสียงดังสนั่นลั่นวัด..!

เป็นการเห่าที่แปลกมาก คือเห่ากรรโชกแบบเอาเป็นเอาตาย แต่เดินถอยหลังห่างไปเรื่อย ประมาณว่า "กูสู้นะ..แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน..!"

ปกติถ้าหากว่าใช้คาถาหัวใจราชสีห์ หรือว่าคาถาหัวใจเสือสมิง ตำราว่าหมาจะร้องและวิ่งหนี แต่เจ้าพวกนี้อาจจะอยู่กับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา จนตบะแก่กล้ากว่าหมาที่อื่น ถึงได้แค่เห่าไปถอยหลังไป


"ทำไมหลวงพ่อถึงชอบเครื่องรางครับ ?"

"เพราะว่าสร้างยากมาก ทั้งต้องอาศัยวัสดุ ฤกษ์ยาม พิธีกรรม คาถา อุปเท่ห์ในการใช้ โดยเฉพาะว่าต้องปลุกอยู่เสมอ เท่ากับว่าบังคับให้เราต้องภาวนานั่นเอง"

"แล้วถ้าไม่เอาเครื่องราง ไม่เอาพระเครื่อง ขอแต่คำสอนที่เป็นแนวปฏิบัติแท้ ๆ ละครับ ?"

"ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทางใจทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม"

"แหะ..แหะ..ศิลาแท่งทึบล้วนปราศจากช่องว่าง เคี้ยวไม่เข้าครับ กลับไปพกพระและเครื่องรางกันเหนียวไว้ดีกว่า"

"ส้นตีนแน่ะ..! ท่าดีทีเหลวชัด ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-05-2020 เมื่อ 10:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 275 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 13-05-2020, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันก่อนผมขอให้หลวงตาเจช่วยตัดผมให้ จะมีโทษไหมครับ ?
ตอบ : ทำไปแล้วมาถามทำ "เอี้ย" อะไรวะ ?

ถาม : ผมจะบาปมากไหมครับ ?
ตอบ : อ๋อ..จะเอาให้ได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ..! ก็ไม่บาปอะไรมากมายหรอก แค่เกิดเป็นคนรับใช้เขา ๕๐๐ ชาติก็จบแล้ว..!

ถาม : ผมต้องกราบขอขมาพระไหมครับ ?
ตอบ : ไปเอาหัวแม่ตีนข้างซ้ายคิดเอง ในเมื่ออยากได้ความเครียดก็ช่วยแจกความเครียดให้แล้ว เรื่องอื่นไปจัดการเอาเองตามอัธยาศัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 13-05-2020, 14:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัจจุบันได้ฝึกกรรมฐานที่บ้าน โดยได้ศึกษาอาการของสมาธิตามหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เมื่อมีความรู้สึกว่าคำบริกรรมหนักไป ก็เลยปลดคำบริกรรมออก และหลังตรงตั้งเอง ไม่เมื่อย เหมือนจะลอย ร่างกายเบาดี ไม่มีเหน็บชา แล้วเป็นว่าง ๆ โหวง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็มาทราบจากหนังสือว่า คืออาการของฌาน ๒ ไปต่อเนื่อง ๓ เพราะเหตุผลว่า คำบริกรรมก็คือ ตัววิตกวิจาร และตัวพองกับความเบาสบายใจ ก็คือตัวปีติกับสุข ได้หายไปแล้ว เหลือแต่เอกัคคตารมณ์และมีอุเบกขาเข้ามาเพิ่ม แต่เป็นได้เพียงชั่วขณะไม่เกิน ๑ ลมหายใจ เพราะกลัวลมขาด พอจะนิ่งในสมาธิระดับนี้ แต่ร่างกายต้องการลมก็เลยหายใจ พอหายใจก็รู้ตัวว่าสมาธิลดลง ผมอยากทราบว่าตรงช่วงที่ลมหายในเวลาสั้น ๆ นั้นคือฌาน ๔ ใช่หรือไม่ครับ ?

ตอบ : เป็นการ "มโนฯ" เอาล้วน ๆ การภาวนานั้น ลมหายใจจะเบาลงเอง หรือว่าหายไปเอง ไม่ใช่เราไปปลดลมหายใจทิ้ง..! ในเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก ที่เหลือก็ย่อมผิดทั้งหมด..!

ถาม : สงสัยในอาการของฌาน ๔ ที่สงสัยเพราะว่าเมื่อมาถึงฌาน ๓ จะเข้าสู่ฌาน ๔ มันเบาอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น จิตมันเลยกลับไปหาคำภาวนาอีก และพอไปหาคำภาวนาก็ย้อนไปหาลมอีกและกลับไปที่ร่างกายอีก มันก็เท่ากับว่าย้อนคืนกลับมาหาฌาน ๓ หรือลงไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันพอฌาน ๓ เต็มที่เข้า ก็ดิ่งไปหาฌาน ๔ สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเราหาจุดให้จิตจับและสามารถทรงแต่เอกัคคตารมณ์อย่างเดียว ก็เป็นวิธีเลี่ยงไม่ให้จิตสนใจลมหายใจ ที่ทำอยู่ถูกไหมครับ ?

ตอบ : ดูคำตอบข้างบนแล้วคงจะหายสงสัย

ถาม : มีโอกาสได้ไปฝึกมโนมยิทธิ โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาวนา "นะมะพะธะ" ที่วัดท่าซุงแบบเต็มกำลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนกล่าวว่ามันคือการใช้กำลังของฌาน ๔ ผมก็สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้บ้าง จึงคิดถึงส่วนที่ยังสงสัยมาตอบคำถามตัวเองว่า อาการของฌาน ๔ ตอนใช้มโนมยิทธิ เท่ากับว่าการออกไปนี่ มันก็คืองานที่เราหาให้จิตทำ ทำให้เราไม่สนใจกับลมหายใจและเลี้ยงจิตให้อยู่ในอารมณ์ฌาน ๔ ได้ดีกว่าตอนภาวนาดูลมเฉย ๆ และได้ทดลองกลับไปทำแบบแรก ก็ยังเหมือนเดิมคือพอจิตไม่มีอะไรให้รู้หรือมีงานให้ทำ มันก็หล่นลงไปฌาน ๓ แสดงว่ามโนมยิทธิในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการหาอะไรให้จิตทำอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ?

ตอบ : คำว่าฝึกตามที่อาจารย์สอนได้ ไม่ได้เป็นการรับรองว่าเราจะทำถูก เพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" ก็มีหวังตกเหวตายในเวลาอันไม่นาน..!

ถาม : เทคนิคที่ผมประยุกต์จากการนำมโนมยิทธิมาใช้เพื่อให้ข้ามการกังวลกับลม คือหางานให้จิตทำ เป็นความเข้าใจ ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?

ตอบ : "ถูกของคุณ" ไม่ใช่ของคนอื่น

ถาม : ถ้าผมอยากทรงอารมณ์ฌาน ๔ เฉย ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝึกต่อไปในอรูปฌานอีก ๔ ซึ่งก็ได้ลองทำเองไปบ้างแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราเอาจิตจับประเด็นนามธรรมต่าง ๆ อีก ๔ อย่างตามที่หนังสือสอน ก็พบว่าก็พอทำได้บ้างเล็กน้อยและไม่รู้ว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า ก่อนจะผ่านไปแต่ละขั้นเราใช้อะไรเป็นจุดสังเกตว่าฌาน ๕,๖,๗ และ ๘ นี้เราได้แน่นอนแล้ว

ตอบ : การฝึกอรูปฌาน ต้องเริ่มจากกสิณกองใดกองหนึ่งใน ๙ กอง ยกเว้นอากาสกสิณที่คล้ายอากาสานัญจายตนฌาน จนหลายคนแยกไม่ออก ถ้าไม่มีพื้นฐานกสิณเหล่านี้ก็ได้แต่ "มโนฯ" ต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 13-05-2020, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เจ้าดีใจบ้างหรือไม่ ? ว่าสิ่งที่เพียรพยายามอธิษฐานมานานเกิน ๔๐ ปี บัดนี้เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นแล้ว"

"เรื่องอันใดขอรับ ?"

"เรื่องของตู้ปันสุข ที่ปรากฏขึ้นตามคำอธิษฐานทุกครั้งที่เจ้าแผ่เมตตา"

เรื่องของ "ตู้ปันสุข" ความจริงมีมาประมาณ ๒ ปีแล้ว เพิ่งจะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ต้องขอชมเชยผู้ที่เป็นต้นคิดอย่างยิ่ง ว่าท่านเป็นผู้มีความรัก ความเมตตา และความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ถึงได้คิดทำตู้ปันสุขนี้ขึ้นมา

เป็นเรื่องปกติที่ทุกหนทุกแห่งต้องมีคนเห็นแก่ตัว งก โลภมาก แต่อย่าให้คนส่วนน้อยเช่นนี้ มาทำลายกำลังใจในการทำความดีของท่านทั้งหลายลงได้ ถ้าท่านรู้สึกไม่ดีต่อคนประเภทนี้ แล้วเกิดความท้อถอย ไม่อยากทำความดีอีกต่อไป ก็กลายเป็นว่าตัวท่านเองนั่นแหละ ที่ไปรับเอาความไม่ดีของคนอื่นเข้ามา แล้วทำให้ตัวเองเศร้าหมอง ทิ้งโอกาสในการทำความดีไปอย่างน่าเสียดาย

การตั้งตู้ปันสุขขึ้นมา เป็นการแสดงออกถึงจิตใจของเรา ที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ มีเจตนาสงเคราะห์ต่อผู้อื่น เป็นการสละออก ช่วยตัดความโลภในจิตในใจของเรา ที่เป็นรากเหง้ากิเลสใหญ่ลงได้

นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้ชุมชนของเรา มีความรักใคร่สามัคคี รู้จักสละออกเพื่อคนอื่น ฝึกฝนให้เป็นคนมีวินัย หยิบไปแต่พอดี ถ้ามีก็นำมาแบ่งปัน ผลดีที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อชุมชน ต่อสังคม และต่อประเทศชาตินั้น มีมากมายมหาศาล

ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำต่อไป เพื่อฝึกฝนตนเอง เพื่อเสริมสร้างบารมี เพื่อช่วยขัดเกลาทั้งตนเองและผู้อื่น อย่าท้อถอยอะไรง่าย ๆ ในพระบาลีกล่าวไว้ว่า "อตฺตาหิ กิร ทุทฺทโม" ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ ฝรั่งเขาก็บอกว่า "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว"

จงอดกลั้น อดทน ขัดเกลากาย วาจา และใจของเราไปเรื่อย ๆ กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม จะเบาบางลงไปเรื่อย ชีวิตนี้จะมีแต่ทางเจริญขึ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


"สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2020 เมื่อ 19:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 13-05-2020, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เอาจริงแล้วหรือครับท่านย่า ?"

"เวลาที่ต่างกันมาก ย่าจึงต้องให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน ถ้ารอให้มีเหตุก่อนค่อยขยับ เวลาของพวกเจ้าอาจจะเลยไปเป็นปี ถึงเวลาก็จะมีคนมาโวยกับย่าอีกจนได้"

มองดูท่านย่าและบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ในชุดแดงพร้อมออกศึกแล้วสะท้อนใจ ก่อนนี้อาตมาก็เคยอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว

"ช่วยกำชับลูกหลานของย่าให้หน่อย ว่าอย่าลืมพระคาถาเงินล้าน ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย ใครไม่ทำก็อย่ามาบ่นให้ย่าต้องรกหู"

"นอกจากศรัทธา (ความเชื่อ) ปสาทะ (ความเลื่อมใส) ภาวนาโดยตัดความอยากรวยออกจากใจ และต้องทำบุญอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีเคล็ดลับอะไรอีกไหมครับ ?"

"ความมุ่งมั่นที่เป็นอธิษฐานบารมี ความเอาจริงเอาจังที่เป็นสัจบารมี ความสม่ำเสมอที่เป็นศีลบารมี ความพากเพียรภาวนาที่เป็นวิริยบารมี ความอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จที่เป็นขันติบารมี การทำบุญที่เป็นทานบารมี การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวให้พอเหมาะกับตนเองที่เป็นปัญญาบารมี การตั้งหน้าภาวนาโดยไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นที่เป็นอุเบกขาบารมี การตั้งอารมณ์ภาวนามั่นคงจนกดกิเลสเอาไว้ได้ที่เป็นเนกขัมมบารมี การวางอารมณ์ใจให้ผ่องใสเยือกเย็นในระหว่างภาวนาที่เป็นเมตตาบารมี เคล็ดลับแค่นี้ถ้าพวกเจ้าทำได้ ก็สามารถใช้ผลของพระคาถาเงินล้านได้อย่างเต็มที่ทุกคน"

"เอิ๊กกก...เป็นลม..!"

อาตมาก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำแล้วประสบความสำเร็จนั้น ที่แท้จริงแล้วประกอบไปด้วยบารมี ๑๐ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ท่านย่าเมตตาเฉลยให้ทราบนี่เอง แสดงว่าก่อนหน้านี้เป็นการ "ขี้ตรงร่อง" ทำแบบโง่ ๆ ตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนไว้ บังเอิญกลายเป็น "โง่แล้วได้ดี" อย่างทุกวันนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2020 เมื่อ 21:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 13-05-2020, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไอ้ตัวเล็ก...รบกวนเอาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลลงกระทู้สร้างพระทองคำให้หลวงพ่อหน่อย ลดราคาเหลือองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท เพื่อให้คนมีแรงบูชาไหว จะได้กระจายไปในหมู่ลูกศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"

"คนที่บูชาไปแล้วละคะ ?"

"ถ้ายังไม่ส่งก็เพิ่มให้เขาไป ๑ เท่าตัว เช่น ใครบูชา ๑ องค์โอนเงินมา ๓,๐๐๐ บาท ก็ส่งให้เขาไป ๒ องค์ ส่วนใครที่บูชาไปก่อนหน้านี้ก็ให้กิน "ยาทำใจ" ถือว่าเขาโชคดีที่ได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากกว่าคนอื่น ถึงเวลาจะได้อะไรก็ได้มากกว่าคนอื่น"

"จำกัดให้บูชาได้คนละกี่องค์เจ้าคะ ?"

"ไม่จำกัด..ใครจะเหมาหมด ๗,๙๐๐ องค์เลยก็ได้ หลวงพ่อต้องการเงินเพื่อซื้อทองคำเพิ่มเติมอีกประมาณ ๙๐ ล้านบาท อย่าลืมแจ้งให้เขาทราบด้วยว่า นำเข้าพิธีพลิกชีวิตมาแล้ว"

ปกติแล้ววัตถุมงคลทุกประเภทของวัดท่าขนุน มีแต่ขึ้นราคาไปเรื่อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ตั้งใจลดราคาเพื่อให้คนสามารถบูชาได้มากที่สุด จะได้เฉลี่ยไปคุ้มครองป้องกันทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้า "ไอ้ตัวเล็ก" ตัดยอดกระทู้กลางเดือนเสร็จ ก็จะนำลงให้ทันที โปรดรอคอยด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน..! (สำนวนใครหว่า ? คุ้น ๆ อยู่นะ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2020 เมื่อ 21:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 15-05-2020, 03:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อคะ..รายนี้ทำอย่างไรดีคะ ?"

ปกติอาตมาให้อำนาจในการจัดการทุกอย่าง ตามกฎเกณฑ์กติกาของเว็บวัดท่าขนุนที่ได้ตั้งไว้ แก่บุคคลที่รับหน้าที่ไปดำเนินการ แต่บางทีบางรายก็ตัดสินใจได้ยาก จึงมีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาสอบถาม

"กฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์ กติกาก็คือกติกา ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์กติกา ไม่มีระเบียบวินัย ต่อให้เป็นสังคมพระก็วุ่นวายไม่รู้จบ"

"รายนี้บอกว่าขอดก้นกระเป๋ามาเลยค่ะ"

"ถ้าผิดกฎเกณฑ์กติกา ต่อให้เป็นเงินบาทสุดท้ายของเขา เราก็ทำไปตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พรหมวิหาร ๔ ไม่ได้มีแต่เมตตากรุณา แต่มีอุเบกขาอยู่ด้วย ถ้ายกเว้นให้คนหนึ่งก็ต้องยกเว้นให้ทั้งหมด ความวุ่นวายฉิบหายก็จะเกิดขึ้น ถือว่าข้ออ้างนี้เป็นแค่ลมผ่านหูไปก็แล้วกัน"

"ส่วนรายนี้มีสาปแช่งมาด้วยนะคะ"

"ทำงานมาจนขนาดนี้ยังไปหวั่นไหวอะไรกับคำสาปแช่ง ? บุคคลที่กำลังใจต่ำจนขนาดนี้ คำสาปแช่งไม่มีผลอะไรกับเราหรอก มีแต่จะโดนสะท้อนกลับไปเพราะว่ากำลังใจของเราสูงกว่า

เราไม่สามารถทําให้ทุกคนพอใจได้ทั้งหมด แต่เราต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อคนส่วนใหญ่ กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม ตสฺสทายาโท ภวิสฺสามิ เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมได้รับผลกรรมนั้นแล"


"บุคคลที่ทำงานสาธารณประโยชน์ ถ้าวางกำลังใจเป็นจะได้มรรคผลเร็ว"

คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ดังขึ้นมาในใจ คาดว่ากว่าจะหมดงาน ด้วยกำลังใจที่ต้องฝ่าฟันมาประดุจตะลุมบอนอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม ต้องวางเฉยกับเรื่องทั้งหมด ดำเนินการตามกฎเกณฑ์กติกาอย่างยุติธรรมเสมอหน้ากัน "ไอ้ตัวเล็ก" ของเราคงจะเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณ บรรลุมรรคผลไปแล้วอย่างแน่นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2020 เมื่อ 05:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 15-05-2020, 03:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ไม่มีความมั่นใจในตนเองในการทำงานหรือเรื่องต่าง ๆ กลัวจะทำไม่สำเร็จหรือผิดพลาด หากจะแก้ไขตนเองในจุดนี้ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยแนะนำหลักธรรมหรือวิธีแก้ไขให้ด้วยครับ

ตอบ : ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในอานาปานุสติกรรมฐาน ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง ถ้าทรงฌานได้เมื่อไร ความมั่นใจจะไหลมาเทมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 15-05-2020, 03:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่ผมบวชเป็นพระครั้งแรก ผมได้เคยต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑-๓ ข้อ (วัดที่บวชไม่ใช่สำนักปฏิบัติ เป็นสำนักเรียน เลยทำให้ผมไม่เคร่งครัดในพระวินัย) แต่ผมก็ปลงอาบัติเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด ไม่ได้ปิดบัง บางทีก็ไม่ได้ปลงอาบัติ ทำให้จำจำนวนวันได้ไม่แน่นอน ว่ากี่วันที่ไม่ได้ปลงอาบัติ และได้สึกออกมาโดยที่ยังไม่ได้เข้าปริวาสเพื่อชำระอาบัติสังฆาทิเสสก่อน หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตฆราวาส ๑๐-๑๑ ปี แต่ผมก็นึกถึงความผิดอันนี้มาตลอด แล้วได้กลับไปบวชใหม่เพื่อเข้าปริวาส กระผมเข้าปริวาสในวันแรกที่บวชเลย รวมแล้วเข้าปริวาสทั้งหมดประมาณ ๑๕-๑๖ วัน (สุทธันตปริวาส) อยู่ปริวาสแล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นมานัตและอัพภาน พอเข้าปริวาสเสร็จ ออกอัพภานเรียบร้อยผมก็สึกภายในวันนั้นเลย

๑.จึงขอกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า กระผมจะทราบและมั่นใจได้อย่างไรครับ ว่าอาบัติสังฆาทิเสสที่ต้องตอนบวชครั้งแรกนั้น หลุดไปแล้วหรือยังไม่หลุด เพราะผมไม่มั่นใจเรื่องวัน ว่าได้ปกปิดหรือไม่ได้ปกปิด หรือปกปิดไว้กี่วัน (ผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส)

๒.ถ้าหากอาบัติสังฆาทิเสสยังไม่หลุด หรือสงสัยว่ายังไม่หลุด อาบัติที่ต้องอยู่นั้น จะทำให้ไม่ก้าวหน้าในการฝึกสมาธิและบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้หรือไม่ครับ

๓.ผมตั้งใจอยากจะกลับไปบวชอีกครั้ง แล้วเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาสตามจำนวนวันที่เคยบวชในครั้งแรก (นับตั้งแต่วันแรกที่บวชจนถึงวันที่ลาสิกขา รวมแล้วประมาณปีกว่า) เพื่อจะได้มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ กระผมควรทำอย่างนี้หรือไม่ หรือว่าตอนนี้อาบัติสังฆาทิเสสที่ผมเคยต้องตอนบวชครั้งแรกได้หลุดไปหมดแล้ว เพราะผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส

ตอบ : เพื่อที่จะได้ไม่ไปคิดฟุ้งซ่านอีก ให้ทำตามความตั้งใจในคำถามข้อที่ ๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 15-05-2020, 03:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,013 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นคนกลัวหมามาก วันหนึ่งอยู่ในวัดป่าแห่งหนึ่ง ตอนเที่ยงถึงบ่ายพระเณรท่านพักผ่อนในกุฏิ รวมถึงคนงานที่ก่อสร้างเสนาสนะหยุดทำงานหายไปหมด เข้าใจว่านอนพักกลางวัน หมาวัดตัวหนึ่งมาทำเสียงประหลาด ๆ รู้สึกว่าต้องเดินตามมันไป ไปพบหมาอีกตัวหนึ่งตกลงไปในสระน้ำที่อยู่แถวพระอุโบสถ ผมไม่เห็นใครที่จะอยู่แถวนั้น คิดว่าเป็นโอกาสที่ได้บำเพ็ญบารมี ได้อธิษฐานปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณหากต้องสละอวัยวะหรืออาจจะมากกว่านั้น หากหมาวัดตัวนั้นกัดผม แล้วกระโดดน้ำลงไปช่วยหมาวัดตัวดังกล่าว ในขณะที่กำลังพยายามดันหมาขึ้นมา ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับหมา ประกอบกับตลิ่งมีความชันระดับหนึ่ง รวมถึงมีปุ่มจำนวนมากยื่นออกมา ทำให้การช่วยเหลือหมาลำบาก เหลือบไปเห็นเหมือนคนงานเดินอยู่ ตอนนั้นเข้าใจว่าต้องช่วยเหลือหมาด้วยตัวเองถึงจะได้บารมี อีกใจหนึ่งก็เกิดสงสารว่า เราอาจจะอุ้มแรงเกินไปทำให้มันเจ็บ รวมถึงมันจะแช่น้ำนานเพื่อความต้องการของเราคนเดียว ก็เลยตั้งใจว่าบารมีข้อนี้ยังไม่เอาก็ได้ เดี๋ยวโอกาสหลังถ้าสถานการณ์อำนวยกว่านี้ค่อยบำเพ็ญใหม่ ตัดสินใจไปเรียกคนงานมาช่วย ตอนนี้เกิดสงสัยว่าความคิดแบบนั้นจะทำให้กุศลบุญบารมีที่ควรได้หายไปหรือไม่ครับ ?

ตอบ : จะใครช่วย หรือช่วยแบบใด ถ้าช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้ ถือว่าเป็นการช่วยทั้งนั้น สำหรับคุณแสดงว่าบารมีอ่อนไปหน่อย จึงไม่สามารถที่จะตัดสินใจในระดับเสียสละอวัยวะหรือชีวิตอย่างเด็ดขาดลงไปได้

ถาม : การบำเพ็ญเพื่อพระนิพพานไม่ว่าจะนิพพานในฐานะใดก็ตาม สามารถหยุดชั่วคราว โดยไม่ได้ถอนความปรารถนาเดิมไปปรารถนาฐานะใหม่ได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ไม่ใช่แค่หยุดเฉย ๆ ยังมีอีกมากต่อมากด้วยกัน ที่ไปพักช่วงในนรก เปรต อสุรกาย อีกด้วย..!

ถาม : การยุ่งเรื่องชาวบ้านของพุทธภูมิ มีหลักใดที่พิจารณาว่าเป็นการยุ่งเพื่อพุทธภูมิจริง หรือถูกหลอกให้เข้าใจว่ายุ่งเพื่อพุทธภูมิ ทั้งที่ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่พุทธภูมิครับ

ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าจบได้ก็ของจริง ถ้าไม่จบก็ของปลอม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว