|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : ของที่เราใช้ตอนบวช เช่น จีวร บาตร พอสึกถ้าเราเอากลับมาที่บ้าน ?
ตอบ : ก็ติดหนี้สงฆ์ ถาม : การที่พระคะยั้นคะยอให้เราเอากลับบ้าน ? ตอบ : แล้วทำไมเราต้องไปฟังท่านด้วย ? ถาม : ถ้าเราเอาไปถวายพระท่านอื่น ติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าไม่ได้เอามาก็ไม่เป็นไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2019 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
ถาม : ความหมั่นเขี้ยว เกิดจากอะไร ?
ตอบ : โทสะ ถาม : แม้จะหมั่นเขี้ยวก็ไม่ควรทำหรือครับ ? ตอบ : ก็ รัก โลภ โกรธ หลง นั่นแหละ เพียงแต่บางเบาจนกระทั่งเราไม่รู้จัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:30 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
ถาม : การที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เป็นอยู่ เป็นกิเลสหรือไม่ครับ ?
ตอบ : วางกำลังใจผิดก็เป็นกิเลส ถ้าวางกำลังใจถูกเป็นธรรมะ พอใจที่มีอยู่ ไม่โลภดิ้นรนจนเกินกำลัง จัดว่าเป็นส่วนของธรรมะ แต่ถ้าพอใจว่ากูมีมากกว่าคนอื่นเขา กูมีดีกว่าคนอื่นเขา ก็เป็นกิเลส วางกำลังใจถูกก็ได้ดี วางกำลังใจผิดก็ลงเหวไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:30 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
ถาม : ความมั่นใจที่ถูกต้องเกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เกิดจากการกระทำ ความมั่นใจส่วนใหญ่เกิดจาก ศรัทธา คือความเชื่อ วิริยะ พากเพียรจนประสบกับความสำเร็จ สติ มีความรู้รอบว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แล้วก็ ปัญญา ไตร่ตรองครบถ้วนแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:31 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
ถาม : การที่คนอาหรับสวดมนต์ด้วยความศรัทธาเยอะมาก นั่งตลอดทั้งวัน ไม่ทราบปัจจัยที่ทำให้ประเทศเขาเจริญ และตัวเขาเองมีฐานะดีมาก ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องสมาธิอย่างเดียว ส่วนเรื่องของปัจจัยที่ทำให้เกิดมาฐานะดีร่ำรวย ต้องมีพื้นฐานของทานมาในอดีต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:31 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสายตาเอียง แต่ทำไมมองอะไรตรงก็ไม่รู้ สมัยเด็ก ๆ เป็นมากจนตาเหล่เลย แล้วเขาก็ให้ฝึกจนกระทั่งกลับคืนมา ตอนอายุมากขึ้นกล้ามเนื้อก็ล้า เหมือนจะกลับไปเป็นอย่างเดิม
คราวนี้มีผู้รู้บางท่านเขาบอกว่า พระที่อยู่ ๆ ไปแล้วสายตาเอียงมากจนกระทั่งตาเหล่ มีความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่งว่า เป็นเพราะอดกลั้นเรื่องของกามราคะ เขาบอกว่าเส้นในร่างกายของเราบางเส้นจะตึง พอตึงแล้วก็ไปรั้งกล้ามเนื้อสายตา ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีเรื่องพวกนี้ก็แปลว่าเส้นสายยังคงตึงเป็นปกติ ก็จะรั้งจนกระทั่งตาเอียงไปข้างหนึ่ง ตลกดีเหมือนกัน เป็นทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ อันนี้หมอนวดเขาบอก แบบเดียวกับที่เขากดท้องอาตมา แล้วเขาโวยว่าทำไมแข็งเป็นกระดานเลย เสร็จแล้วเขาก็บอกว่าดีแล้วละที่เส้นแข็ง พวกเส้นอ่อน ๆ แอบมีเมียทั้งนั้น เขาว่านะ สรุปแล้วในสายตาของเขาพระหาดีไม่ได้เลย ความจริงถ้าไม่มีการนวด เส้นตึงก็เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะทำงานหนัก ๆ นอนดึกนี่บางทีรั้งทั้งตัว ยิ่งนอนห้องปรับอากาศด้วย ยิ่งเย็นเส้นก็ยิ่งหดมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:32 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
"สมัยเด็ก ๆ ทางบ้านมีอาเจ็กคนหนึ่ง แกมองกลางคืนเหมือนกลางวัน แกฝึกวิทยายุทธ์มา อันนั้นต้องยอมยกให้ กลางคืนนี่เรามองอะไรไม่เห็น แกเห็นหมด บอกได้หมด ขนาดนกนอนอยู่บนต้นไม้...ชี้ให้ดู อาตมาส่องไฟยังไม่ค่อยจะเห็นเลย แกถามว่าอยากจะกินนกไหม ? ชี้ให้ดู"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2019 เมื่อ 21:33 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “หมอเขาบอกว่าให้กินอาหารและน้ำเป็นยา ไม่เช่นนั้นแล้วท่านจะได้กินยาเป็นอาหาร พระพุทธเจ้าตรัสว่าต้องมีโภชเนมัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการกิน ก็คือแค่พอสมควร รู้สึกอิ่มก็หยุด ไม่ใช่กินล้น กินเกิน จนกระทั่งเบรกไม่อยู่ คุมน้ำหนักไม่ได้ ห้ามปากตัวเองไม่ไหว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2019 เมื่อ 03:37 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีคนแก่อยู่ในบ้านเหมือนมีสมบัติล้ำค่า เป็นโอกาสที่ลูกหลานจะได้แสดงความกตัญญู สร้างบุญกุศลใส่ตัวด้วย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2019 เมื่อ 03:37 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : เป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม่ผมอยากจะใช้หนี้มากเลยครับ ถ้าแม่ผมไม่เจอเขา จะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : หาทายาทเขา อย่างเช่นว่าถ้าเขามีลูก ก็ดูลูกคนที่น่าให้ที่สุดแล้วก็ให้เขาไป ถาม : ถ้าไม่เจอล่ะครับ ? ตอบ : ถ้าไม่เจอจริง ๆ ท้ายสุดก็ทำบุญให้เขาไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2019 เมื่อ 03:38 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ญาติโยมเล่นกับเด็กที่มาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ในเทวตาสังยุตต์ เทวดาได้กล่าวโศลกถวายพระพุทธเจ้าว่า “บุคคลผู้มีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร บุคคลผู้มีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค” ก็คืออาการอย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าทรงแก้ให้ว่า “บุคคลผู้มีบุตรย่อมทุกข์เพราะบุตร บุคคลผู้มีโคย่อมทุกข์เพราะโค” เจอของจริงเข้าไป เทวดาเหี่ยวไปเลย เขาเรียกว่า “Dream crusher” ผู้บดขยี้ความฝัน ..(หัวเราะ)..”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2019 เมื่อ 03:39 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ต้องแบ่งแยกให้ออกว่าเวลางานกับเวลาส่วนตัวเป็นอย่างไร เวลางานเราไปกับงาน เวลาส่วนตัวเราอยู่กับศีลกับธรรม อยู่กับการปฏิบัติของเรา ต้องแยกให้ออก
เรื่องของงานเป็นความจำเป็นในชีวิต ต้องบ้าตามเขาไป ถึงเวลาของเรา เราก็มาอยู่กับศีลกับธรรมของเรา แบ่งเวลาให้ถูก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็มัวแต่ไปกำลังใจเศร้าหมองอยู่นั่นแหละ จะลำบากทีหลัง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในหลวงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านบอกว่า ท่านมีขุนพลแก้ว มีขุนคลังแก้ว มีนางแก้ว ขุนพลแก้วของท่านก็คือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ขุนคลังแก้วคือ พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) ส่วนนางแก้วของท่านก็คือ ลูกสาวที่ช่วยงานพ่อหัวทิ่มหัวตำ ..(หัวเราะ)..”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2019 เมื่อ 14:25 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวานกลับขึ้นไป ลงบัญชีทองคำจน ๓ ทุ่มครึ่ง ตื่นมาตี ๑ ครึ่ง ลงบัญชีต่อจนตี ๕ ครึ่งก็ยังไม่เสร็จ เพราะว่าบางทีโยมก็ถวายเป็นแผ่นเล็ก ๆ ขนาด ๑ กรัม เฉพาะ ๑ กรัมนี่ประมาณ ๓ หน้ากระดาษได้ ขนาดลงชื่อให้เป็นคณะก็บรรทัดเดียว ก็แปลว่าเมื่อวานเฉพาะที่ถวาย ๑ กรัมนี่เกิน ๖๐ คน เพราะว่าหนึ่งหน้าจะได้ประมาณ ๒๒ บรรทัด แล้วลองคิดดูว่ารวม ๆ กันหมดแล้วเท่าไร ? สูงสุด ๑๖ บาท ต่ำสุดครึ่งกรัม หรือ ๐.๐๓๑๒๕ บาท”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ประคำหยกพม่าขอเอาไปนั่งเสกนั่งจารก่อน เดือนหน้าค่อยเอามาลงตู้จำหน่าย แต่ว่าเดี๋ยวนี้เขาปิดห่อเก็บรักษาดีมาก
สมัยไปพม่า อาตมาบุกไปจนถึงตลาดค้าหยก เขาบอกว่า “พระอาจารย์..ที่เห็นกองพะเนินเทินทึกนั่นถวายเลยครับ หาสิบล้อมาขนเอาไปก็แล้วกัน” เป็นเศษหยกที่ติดส่วนเนื้อเขียว ๆ ไม่มาก เขาบอกว่าส่วนใหญ่แล้วเอาไปทำชิ้นเล็ก ๆ แบบโมเสกแล้วเอาไปประดับวัด อย่างที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เขาทำอย่างนั้นทั้งศาลาเลย ก็เลยบอกกับเขาไปว่า “ตูใช้กระเบื้องดูจะง่ายที่สุด ไปนั่งหั่นหยกทีละชิ้น กว่าจะได้สักศาลาหนึ่งคงจะหลายปี ใครจะไปมีอารมณ์วะ..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:21 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
"หยกที่โน่นอย่างไม่มี ๆ ชิ้นหนึ่งก็เป็นพัน ไปซื้อปลาหยกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งประมาณข้อนิ้วก้อย เจอไป ๖๐๐ บาท นั่นขนาดอาตมาต่อราคาโหดร้ายที่สุดแล้วนะ มีพ่อออกสุจินต์ เป็นหัวหน้าคณะผู้ประสานงานระหว่างไทยพม่า ไปซื้อหยกมาก้อนหนึ่ง ๓ ล้านบาท คือการซื้อขายหยก เขาจะปาดเนื้อให้เห็นนิดเดียว ประมาณสัก ๒ นิ้วมือ ขัดจนเงาวับเลย แล้วเราก็ไปนั่งเล็งนั่งส่องคอยลุ้นเอา เพื่อประมูลแข่งกันกับเขา
พ่อออกสุจินต์เขาเล็งเสร็จแล้ว เขียวใสแบบนี้ ไม่มีแม้กระทั่งรอยตำหนิข้างใน หยกจักรพรรดิชัด ๆ แกสู้ราคาจน ๓ ล้านบาทไทย ซึ่งตอนนั้นก็คือ ๖๖ ล้านจ๊าตของพม่า ปรากฏว่าพอประมูลได้ มีคนมาให้ ๕ ล้านบาทไทย พ่อออกสุจินต์ไม่ขาย เขากะว่าผ่าออกมาแล้ว จะได้แพงกว่านั้น พอผ่าออกมานี่แทบจะร้องไห้เลย เพราะเป็นหยกแบบเป็นกาบซ้อน ๆ กันอยู่ แต่คนปาดรู้ได้อย่างไร ? เขาปาดมุมที่มองไม่เห็นรอยซ้อนพอดี แทนที่จะได้ ๕ ล้านบาทไทยหรือมากกว่านั้น ก็กลายเป็นขายไม่ออก แต่คนปาดเขาเซียนสุด ๆ ปาดเข้ามุมที่มองแล้วทะลุหมดพอดี ไม่โดนอะไรเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:23 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
"ท่านครูบาน้อยเคยเอาเงินสร้างวัดของอาตมาไปเป็น “ร้อยแสน” ของทางพม่าเขานิยมแค่หลักแสน สิบแสนก็หนึ่งล้าน ร้อยแสนก็สิบล้าน ชาวบ้านเขามาฟ้องว่า เอาเงินของครูบาเล็กไปเป็นร้อยแสนไปเล่นหยก แล้วก็เจ๊งกลับมา ก็ลักษณะนี้แหละ ต้องขึ้นกับดวง เพราะว่าช่วงนั้นอาตมาส่งเงินไปให้ท่านสร้างวัด แล้วปีท้าย ๆ ๒ ปี ท่านไม่ส่งบัญชีรับจ่าย อ้างว่างานยุ่งมาก ไม่มีเวลาส่ง เสร็จแล้วก็มีแต่ขอเบิก ๆ อาตมาก็ไม่ได้ดูว่า สิ่งที่เบิกกับสิ่งที่ทำนั้นไปกันได้ไหม เพราะว่าไว้ใจทั้งที่เขาไม่ได้ส่งบัญชีให้
ท้ายสุดก็กลายเป็นว่า ที่แท้พ่อเจ้าประคุณเตรียมจะสึก ตุนเงินเอาไว้เพื่อที่จะไปค้าขาย แถมยังยืมทองคำของญาติโยมไปอีก ๑๗ บาท เอาไปขายทำทุน โดยที่อ้างว่าพระอาจารย์เล็กยืม จนกระทั่งพ่อเจ้าประคุณสึกไป บรรดาคณะกรรมการวัดที่เคยเข้าใจผิดอาตมาว่าไปโกงเงินเขา ก็แห่กันมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ มาขอร้องให้อาตมาหาเจ้าอาวาสใหม่ไปให้ อาตมาบอกว่า “ก็ตอนแรกพวกโยมบอกว่าอาตมาขี้โกง แล้วจะเอาเจ้าอาวาสจากอาตมาไปอีกทำไม ?” เขาบอกว่า “ไม่นึกว่าคนเราจะเปลี่ยนได้ขนาดนั้น” อาตมาก็เลยกางบัญชีให้ดู “นี่ ๑,๖๐๐ กว่าล้านพม่า ที่อาตมาให้ไปสร้างวัด แล้วจะเอาทองคำ ๑๗ บาทของคุณมาทำอะไร ?”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 19:16 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปพม่ามีอยู่เที่ยวหนึ่ง เข้าไปที่ตลาดโบชกอองซาน ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง โดยเฉพาะบรรดาสินค้าหยก สินค้าพลอย ไปเจอพระพุทธรูปถูกตามาก ๆ หนึ่งองค์ เป็นเนื้อหยกสีม่วงอ่อน ใสปิ๊งทั้งองค์ ไม่มีตำหนิเลย ถามเขาว่า “ราคาเท่าไร ?” “๔๐,๐๐๐ ดอลลาร์” ก็เลยบอกว่า “ขออภัย..ตอนนี้สร้างวัดอยู่ ยังไม่มีอารมณ์จะซื้อ..!”
แต่ว่าของพม่า เนื่องจากว่าเป็นรัฐบาลทหารแล้วเขาไม่ห้ามพวกงาช้าง หนังสัตว์ เขี้ยวสัตว์ หัวสัตว์ เขาสัตว์ สารพัด..เต็มตลาดไปหมด พวกหายาก ๆ อย่างของบ้านเรา อย่างเสือไฟ แมวลายหินอ่อนอะไรนี่ เขาถลกหนังวางขายเลย โดยเฉพาะเขากวาง หัววางอยู่ที่พื้น แต่เขาสูงเลยไหล่อาตมาอีก..! ตัวใหญ่ขนาดนั้น พวกนี้คนไทยเราเรียกว่า “กวางม้า” ก็คือ Sambar deer แล้วมีอีกอย่างคือกวางเล็ก บางคนเรียกว่า “กวางเขาเทียน” แต่ว่าทางด้านประเทศลาวเรียกว่า “กวางซี”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น..ที่เราเห็นชื่อน้ำตกตาดกวางซีนั่นคือกวางชนิดนี้ จะเป็นกวางที่ตัวเล็กกว่า แล้วสีจะออกแดง ๆ หน่อย เป็นคนละสายพันธุ์กัน บ้านเรานี่เรียกเป็นกวางม้าเหมือนกันหมด ก็พอ ๆ กับที่บอกว่าช้างค่อมแล้วไม่เชื่อ จนกระทั่งเชือกสุดท้ายตายไปแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นคนละสายพันธุ์กัน เพราะว่าช้างค่อมตัวใหญ่กว่าควายหน่อยเดียวเอง ก่อนหน้านี้รอบทะเลสาบสงขลามีตั้งเยอะ
ทางด้านบ้านจ่าตุ่มเคยเอางาช้างค่อมทำมีดให้อาตมาเล่มหนึ่ง ก็เรียบร้อย..โดนคนอมไปแล้ว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2019 เมื่อ 03:28 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
"สัตว์ในบ้านเรา ชาวบ้านรู้มากกว่า อย่างกระทิงกับเมย จริง ๆ แล้วเป็นคนละพวกกัน แต่ว่าเรารู้จักแต่กระทิง กระทิงจะหน้าผากเหลือง ถุงเท้าออกเหลือง เมยจะหน้าผากขาว ถุงเท้าขาว แล้วพวกชาวบ้านทั่ว ๆ ไป เขารู้ว่าถ้าเป็นกระทิงคือพวกหน้าผากเหลืองนี่โหดมาก แต่ถ้าเมยจะค่อนข้างเชื่อง แล้วยืนยันว่าเมยเนื้ออร่อยกว่าเยอะ กระทิงเนื้อเหนียวกว่า อาตมาเองยังไม่ได้ลองดู..!
ก็พอ ๆ กับแรดกับกระซู่นั่นแหละ ความจริงในสายตาชาวบ้านชาวป่าไม่มีหรอก ของพวกเขามีแต่แรดอย่างเดียว กระซู่นั่นเป็นภาษากะเหรี่ยง เขาเรียกแรดว่ากระซู่ เรียกช้างว่ากระชอ คนไทยต้องมาแยกว่า พวกมีนอโผล่ขึ้นมา ๒ อันเรียกว่าแรด ส่วนนอเดียวเรียกว่ากระซู่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2019 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|