กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-06-2023, 18:13
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,651 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-06-2023, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,014 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทางวัดท่าขนุนมีธรรมเนียมว่า ทุกวันที่ ๑๔ ของเดือนนอกพรรษา จะเป็นการทำบุญถวายพระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งมรณภาพในวันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๕

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทางคณะศิษย์ก็ได้จัดงานทำบุญถวายให้ทุกวันที่ ๑๔ ของเดือน ยกเว้นในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งมีการทำบุญทั้งภาคเช้าและภาคค่ำทุกวันพระอยู่แล้ว ก็จะเลือกเอาวันพระที่ใกล้เคียงวันที่ ๑๔ มากที่สุด ทำบุญถวายหลวงปู่สายร่วมกันไปในครั้งเดียว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระแก่การจัดการมากนัก ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่ามีการหยุดเพิ่มอีกหนึ่งวัน ญาติโยมที่รอใส่บาตรอยู่ ก็อาจจะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาได้

เนื่องเพราะว่าทุกวันนี้ ช่วงเข้าพรรษาทุกวันพระ ทางวัดท่าขนุนเรามีการทำบุญทั้งภาคเช้าและภาคค่ำ ก็แปลว่าเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็หยุดไป ๔ วัน แล้วถ้าวัดมีกิจการงานสำคัญอะไรขึ้นมาอีก อย่างเช่นว่าบวงสรวงไหว้ครู เป่ายันต์เกราะเพชร หรือว่างานวันแม่ เป็นต้น ก็จะมีการหยุดบิณฑบาตเพิ่มเติมขึ้นไปอีก ซึ่งญาติโยมทั้งหลายที่มีกำลังใจผูกอยู่กับทานบารมี ก็คือตั้งใจใส่บาตรอยู่ทุกวัน ถ้าหากว่าพระไม่ไปบิณฑบาตก็จะรู้สึกว่าไม่ดี บางท่านถึงขนาดหอบเอาข้าวปลาอาหารมาถวายให้ถึงวัด เนื่องเพราะว่าตั้งใจที่จะทำบุญแล้ว

ตรงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสที่เป็นคนวัด ต้องตระหนักและสังวรให้ดี ว่าเราทั้งหลายอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยม ถ้าหากว่ามีสิ่งหนึ่งประการใด ที่ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธาแล้ว เราอาจจะถึงกับอยู่ไม่ได้ เนื่องจากว่าญาติโยมทั้งหลายไม่มาสนับสนุน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคประการใดก็ตาม

เนื่องเพราะว่านักบวชนั้นไม่ได้มีอาชีพอะไร เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า การหาเลี้ยงชีพของพระภิกษุคือการเที่ยวบิณฑบาต ไม่ใช่การบอกใบ้ให้หวย ไม่ใช่การครอบครูให้กับญาติโยม ไม่ได้ไปทำการเสริมดวง เหล่านั้นเป็นต้น ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น กลับเป็นสิ่งที่ญาติโยมผู้ซึ่งมักง่าย นิยมกันเป็นอย่างมาก

ถ้าหากว่าให้เสริมดวงด้วยการ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทุกคนก็จะมีข้ออ้างว่า ไม่มีเวลาบ้าง ยากเกินไปบ้าง แต่พอถึงเวลามีการเจิมหน้าผาก มีการเขียนต่อลายมือ มีการลงนะหน้าทอง หรือว่าอะไรก็ตาม พวกเราก็แห่กันไปทำเป็นการใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2023 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-06-2023, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,014 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว เป็นแค่การเพิ่มกำลังใจให้เราเท่านั้น เนื่องเพราะว่าการที่สิ่งหนึ่งประการใดในชีวิตของเราไม่ราบรื่น เกิดจากกรรมเก่าที่เราได้กระทำเอาไว้มาขัดขวางอย่างหนึ่ง เกิดจากบุญเก่า ตลอดจนกระทั่งบุญใหม่ที่เราสร้างเสริมมา ยังไม่เพียงพออีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้สิ่งที่เราหวังเราปรารถนาไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้ เหมือนอย่างกับเราต้องการสิ่งของชิ้นหนึ่ง แต่มีเงินไม่เพียงพอที่จะซื้อ เราก็ไม่สามารถที่จะซื้อหาสิ่งของชิ้นนั้นมาได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเร่งหาเงินเพิ่ม

ในเรื่องของบุญกุศลก็เช่นกัน ถ้าเราทำเอาไว้ไม่เพียงพอ สิ่งที่เราปรารถนาย่อมยังไม่สามารถที่จะมาถึงได้ ศาสนาพุทธของเรา พระพุทธเจ้าสอนเรื่องเหตุและผล ถ้าเราสร้างเหตุได้พอเพียง ผลนั้นย่อมเกิดได้อย่างแน่นอน

แต่ก็มีผู้รู้แนะนำว่า ให้เราทำการบนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การบนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่การร้องขอเฉย ๆ การร้องขออย่างเดียวแบบบางศาสนานั้น ถ้าได้รับการโปรดปรานจริง ๆ ก็อาจจะได้ตามที่ตนปรารถนา แต่ถ้าไม่โปรดปรานและไม่มีต้นทุนเก่าเพียงพอ ก็ไม่สามารถที่จะได้เช่นกัน

แต่ว่าการบนนั้นก็คือสิ่งที่เราขาด ถ้าไม่มากจนเกินไป เราบนว่าจะทำความดีประการใดประการหนึ่ง อย่างเช่นว่าจะรักษาศีล ๗ วัน จะเจริญสมาธิ ๗ วัน จะบวชถวายกุศลสัก ๗ วัน เหล่านี้เป็นต้น ถ้าสิ่งที่เราตั้งใจทำเป็นบุญเป็นกุศล เพียงพอที่จะเติมในส่วนที่ขาดได้ ครูบาอาจารย์หรือว่าพรหมเทวดาที่ท่านไปบน ก็จักบันดาลให้ท่านสมหวัง แต่ว่าต้องรีบแก้บนอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเหมือนกับยืมเงินคนอื่นใช้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคืนให้กับเจ้าของให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น ถึงเวลาเจ้าของไม่พอใจ มาทวงคืนแล้ว เราอาจจะได้รับความเดือดร้อนบางอย่างจนคาดไม่ถึง

เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านบนแล้ว สิ่งที่ท่านตั้งใจจะทำยังเป็นบุญกุศลที่ไม่เพียงพอ ท่านก็ไม่สามารถจะได้รับในสิ่งที่ต้องการได้ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักใช้ปัญญาแยกแยะด้วยว่า ถ้าหากว่าเราขาดมาก สิ่งที่เราบนว่าจะเสริมเข้าไปยังไม่เพียงพอ การบนของเราก็ไม่เกิดผล แต่บุคคลที่ขาดน้อย สิ่งที่เราตั้งใจทำแล้ว เสริมเข้าไปก็จะเต็มพอดี ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ท่านบนย่อมจะเกิดผลตามที่ปรารถนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2023 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-06-2023, 23:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,014 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ คนบนแล้วสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็จะทำให้บางท่านเกิดความไม่พอใจ อย่างที่มีข่าวคราวว่าไปทุบศาลทิ้งบ้าง เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถ้าท่านรู้จักใช้ปัญญาแยกแยะ ท่านก็จะทราบว่าตนเองยังขาดอยู่มาก ในเมื่อสร้างเหตุไม่เพียงพอ แล้วผลไม่เกิด ท่านทั้งหลายจักไปปรารถนาให้สำเร็จ ย่อมเป็นไปไม่ได้

เนื่องเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญู คือรู้รอบรู้จริงทุกอย่าง พระองค์ท่านได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า

ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ บุคคลผู้กระทำความดี ย่อมได้รับผลดี บุคคลผู้กระทำความชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ปกติ ซึ่งถ้าท่านที่เป็นสัมมาทิฏฐิพิจารณาดูแล้ว ก็ย่อมเห็นชัดเจนตามนั้น แต่ท่านที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็มักจะมีโมหะบังใจ ไม่ว่าเหตุผลจะชัดเจนสักเท่าไร ความมืดบอดของจิตใจ ก็ทำให้ท่านเข้าไม่ถึงความเป็นจริงตรงนั้น

อย่างเช่นว่า ตนเองโดนโรงเรียนไล่ออก เพราะว่าไปกระทำสิ่งหนึ่งประการใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายมาก แต่ว่าเมื่อโดนไล่ออกแล้ว เราก็ยังไม่ยอมรับในเหตุผลนั้น ยังมัวแต่สงสัยว่าจะโดนกลั่นแกล้งบ้าง คนอื่นไม่ชอบหน้าของเราบ้าง

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง อวิชชาคือความมืดบอดในใจของท่านนั้น หนาหนักจนเกินไป ถ้าเป็นคนโบราณก็จะใช้คำว่า "แม้แต่พระก็โปรดไม่ได้" ถ้าท่านอยู่ในประเภทนี้ กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่แผ่เมตตาไปให้ เพราะว่าท่านช่างน่าสงสารเหลือเกิน มีดวงตาที่มืดบอด มีดวงใจที่มืดบอด ไม่สามารถเข้าถึงเหตุผลหลักธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น เป็นเหตุให้ตนเองต้องเดือดร้อน แต่เที่ยวไปกล่าวหาว่าผู้อื่นสกัดตนเองเอาไว้ ไม่ให้ก้าวไปสู่ตำแหน่งอื่น ๆ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2023 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-06-2023, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,014 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ ถ้าท่านทั้งหลายตรึกตรองด้วยใจที่เป็นธรรม รู้จักแยกแยะว่าสิ่งหนึ่งประการใดเกิดขึ้น ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับ สิ่งนั้นก็ดับ (เย ธัมมา เหตุปัพพวา เตสัง เหตุง ตถาคโต เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ เอวังวาที มหาสมโณ)

โบราณาจารย์ถึงขนาดใช้เป็นคาถาสุดขลัง ในการปลุกเสกเลขยันต์ต่าง ๆ เพราะถือว่าเป็นพระพุทธวจนะจากพระโอษฐ์ และเป็นคำซึ่งมีความเป็นจริงอย่างยิ่ง จึงทำให้กลายเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ไป แต่ว่าท่านที่ไม่เข้าใจว่าในเมื่อกฎเกณฑ์กติกามีอยู่ แต่เราเองไปละเมิดกฎเกณฑ์กติกานั้น เหมือนอย่างกับบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ แล้วพยายามอ้างสิทธิ์ของตน โดยกล่าวว่าผู้อื่นยอมรับว่าตนเองมีสิทธิ์ตามกฎหมาย นั่นย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ใครทำอะไรเอาไว้ ถึงเวลาสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็จะตามมาสนอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว ประดุจรอยล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโค ตราบใดที่โคยังโดนล่ามติดอยู่กับเกวียน ตราบนั้นรอยล้อเกวียนย่อมตามรอยเท้าโคตลอดไป ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปรารถนาที่จะหลุดพ้น ก็ต้องพยายามสลัดแอกทิ้งไปให้ได้ จึงจะสามารถพ้นจากรอยล้อเกวียนที่ไต่ตามท่านมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2023 เมื่อ 01:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว