กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-05-2021, 20:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,967 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-05-2021, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้ผมไปเป็นกรรมการสอบพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์มา ในเรื่องของคณะสงฆ์ของเรา มีแค่ไม่กี่ตำแหน่งหลัก ๆ ที่จะช่วยให้พระพุทธศาสนาของเรามั่นคงยั่งยืนได้

ตำแหน่งแรกเลยก็คือพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ก็คือพระอุปัชฌาย์และอาจารย์คู่สวด เพราะว่าถ้าพระอุปัชฌาย์เข้มงวด เราก็จะได้บุคคลที่มีคุณภาพ หรือว่ามีความตั้งใจบวชอย่างแท้จริงเข้ามา อีกตำแหน่งหนึ่งก็คือเจ้าอาวาส ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสมีความเข้มงวดกวดขัน ทำหน้าที่ของตนโดยเคร่งครัด ไม่เห็นแก่หน้าใคร พระภิกษุสามเณรก็จะอยู่ในกรอบของระเบียบวินัยเป็นอย่างดี

วันนี้นอกจากมีการสอบพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์แล้ว ยังมีการมอบตราตั้งเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และพระฐานานุกรมด้วย ดังนั้น..สองเรื่องสองตำแหน่งที่สำคัญ ก็เลยกลายเป็นงานเดียวกัน

การสอบพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์นั้น ปกติแล้วคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีจะสอบพร้อมกับการอบรมพระอุปัชฌาย์ระดับจังหวัด มาปีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เพิ่มกฎกติกาเข้ามาว่า บุคคลที่จะสอบพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์นั้น จะต้องผ่านหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นระดับปริญญาหรือว่าระดับประกาศนียบัตรก็ตาม จึงได้แยกการสอบพระอุปัชฌาย์และพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์ออกจากกัน เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาท่านที่ยังไม่ได้ผ่านหลักสูตร ได้สมัครเรียนกับทางมหาวิทยาลัยเสียก่อน

กฎเกณฑ์กติกาข้อนี้เป็นเฉพาะของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี แบบเดียวกับที่กฎเกณฑ์การเป็นพระอุปัชฌาย์ของเจ้าคณะใหญ่หนกลางแต่เดิมก็คือ ผู้ที่จะสอบพระอุปัชฌาย์ได้ต้องมีพรรษาพ้น ๒๐ ถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัยแล้ว ให้มีพรรษาพ้น ๑๐ มีความรู้ในเรื่องของพระธรรมวินัยอย่างสมบูรณ์ สามารถที่จะอบรมสั่งสอนกุลบุตรให้รู้ตามได้ ส่วนเจ้าคณะใหญ่หนอื่น ๆ ก็มีกฎเกณฑ์กติกาของแต่ละหน อย่างเช่นว่านับพรรษาที่ ๑๕ บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2021 เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-05-2021, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพได้กราบเรียนถามพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลางว่า ทำไมหนกลางถึงได้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องพรรษาที่มากกว่าหนอื่น ๆ ? ก็คือผู้ที่จะสอบพระอุปัชฌาย์ต้องมีพรรษาพ้น ๒๐ ท่านให้คำตอบว่า ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์คือพ่อ พระกรรมวาจานุสาวนาจารย์หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า พระคู่สวดคือพี่เลี้ยง คนเป็นพ่อควรจะมีอายุที่ห่างจากลูกในระดับที่ยอมรับกันได้ ก็คืออย่างน้อย ๒๐ ปี

ฟังดูก็มีเหตุมีผลดี แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าหากว่าบวชตั้งแต่อายุครบ ๒๐ ปี พระอุปัชฌาย์ที่มีอายุ ๔๐ ปี บางทีวุฒิภาวะก็ยังไม่เพียงพอ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าคณะใหญ่หนกลางแต่เดิมถึงได้กำหนดเอาไว้ที่พ้น ๒๐ พรรษาไปแล้ว

ส่วนพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์ หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าพระคู่สวดนั้น ถ้าว่ากันตามพระวินัยก็คือพรรษาพ้น ๕ เรียกว่าพ้นจากนวกภูมิ คือพ้นความเป็นพระใหม่ มีนิสัยมุตตกะ คือศึกษาเรียนรู้จนมีความเข้าใจแล้ว พ้นจากการสั่งสอนของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ได้ แต่คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีกำหนดไว้ที่พรรษา ๗ พูดง่าย ๆ ก็คือ ให้มีความมั่นคงมากขึ้น ให้มีการเตรียมตัวที่มากขึ้น จะได้มีความคล่องตัวในการทำหน้าที่ของตน

ในเรื่องของพระคู่สวดนั้น ของบ้านเรามาเพิ่มเติมขึ้นทีหลัง ปกติแล้วมีแต่พระกรรมวาจารย์รูปเดียว เป็นผู้สวดประกาศถามในท่ามกลางสงฆ์ คือตั้งญัตติ ๑ ครั้ง สวดอนุสาวนา ๓ ครั้ง ถ้าคณะสงฆ์ไม่คัดค้าน ถึงได้ประกาศว่าบุคคลนั้นได้รับการยกขึ้นเป็นอุปสัมบัน คือผู้ที่มีศีลเสมอกับพระภิกษุทั่วไปแล้ว แต่คณะสงฆ์ไทยของเราเพิ่มอนุสาวนาจารย์เข้ามา เพื่อให้ช่วยทวนว่าการสวดนั้นมีการผิดพลาดเป็นอักขระวิบัติหรือไม่ เพราะถ้าหากว่ามีวิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ถือว่าการบวชนั้นไม่สมบูรณ์ บุคคลที่เข้าบวชไม่ได้เป็นพระภิกษุอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

ผมเองไปพม่าอยู่หลายปี ยังมีโอกาสได้เห็นการสวดกรรมวาจารย์โดยอาจารย์รูปเดียว ทั้งในวัดที่ไปพักและทั้งที่ตัวกระผม/อาตมาภาพเองเป็นเจ้าภาพบวชให้ เพียงแต่ว่าพระกรรมวาจารย์ของทางพม่านั้น ไม่ว่าจะกี่สิบพรรษาแล้วก็ตาม เมื่อเข้าสวดกรรมวาจาจะถือคัมภีร์เข้าไปด้วยเสมอ เพื่อป้องกันการผิดพลาดอย่างแน่นอน ก็คือเปิดตำราสวด..! ไม่เหมือนกับทางบ้านเราที่ไม่ให้ใช้ตำรา แต่ว่าให้สองท่านสวดทวนพร้อมกัน ถ้ามีท่านใดท่านหนึ่งผิด ก็จะได้รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน โดยมีพระอุปัชฌาย์คอยดูแลอยู่ ถ้าผิดพร้อมกันทั้งคู่ พระอุปัชฌาย์ก็ต้องตักเตือนเพื่อให้แก้ไขใหม่ จะได้ไม่เป็นอักขระวิบัติหรือกรรมวาจาวิบัติ

ในเมื่อค่านิยมเป็นแบบนี้ บ้านเราก็เลยมีพระกรรมวาจาสวด ๑ รูป พระอนุสาวนาคอยทวน ๑ รูป จึงกลายเป็นคู่สวด ก็คือสวดคู่กันไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2021 เมื่อ 01:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-05-2021, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การสอบของปีนี้ก็ค่อนข้างจะเข้มข้นขึ้น จากแต่เดิมที่กระผม/อาตมภาพได้เป็นกรรมการสอบ การสอบนั้นให้สอบคู่กัน ก็คือจับคู่กันแล้วก็สวด กรรมการก็คอยพิจารณาว่าต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง มีที่ไหนผิดพลาดบ้าง กลายเป็นภาระหนักของกรรมการ เพราะว่าเท่าที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ผมก็เจออยู่ที่ ๓ หรือ ๔ คู่ ก็คือ ๖ ถึง ๘ รูป..!

แต่มาปีนี้พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งคณะกรรมการเท่าจำนวนผู้ขอสอบพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์ ก็คือ ๒๐ ต่อ ๒๐ กลายเป็นดวลเดี่ยวกัน ๑ ต่อ ๑ จึงจบเร็ว แล้วก็ตายง่าย คำว่า ตายง่าย ก็คือไม่มีใครช่วย ถ้าตัวเองผิดพลาดแก้ไขไม่ได้ ก็เป็นอันว่าปีหน้าค่อยมายื่นขอสอบใหม่ ปีนี้ยื่นสอบ ๒๐ ราย ก็ผ่านแค่ ๑๘ รายเท่านั้น

ในส่วนนี้ก็ขอชื่นชมคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีว่า มีความเข้มงวดและกวดขันมากขึ้น เพราะว่าพระภิกษุสามเณรของเราโดนปล่อยปละละเลยมามาก จนกระทั่งขาดความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัยและกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางคณะสงฆ์ มีการทำผิดทำพลาดเป็นปกติ

ในเมื่อเข้มงวดตั้งแต่หัว ต่อให้ไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ขอสัก ๕๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี เราก็ยังมีพระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่ไปเข้มงวดกับลูกศิษย์ อย่างน้อย ๆ ผู้ที่บวชผ่านออกมาได้ ก็คงจะไม่ขี้เหร่เกินไปนัก แล้วยิ่งถ้าหากว่าผู้บวชมีจิตใจที่ใฝ่ในความดีงาม ตั้งใจบวชเพื่อขัดเกลากิเลสจริง ๆ มีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ทั้งจากพระเถระรูปอื่นหรือว่าจากพระไตรปิฎก ก็จะยิ่งช่วยให้วงการสงฆ์ของเรา มีพระภิกษุสามเณรที่สามารถไหว้ได้เต็มมือมากขึ้น ก็จะช่วยพยุงคณะสงฆ์ไทยของเรา ให้มั่นคงแข็งแรงได้มากขึ้น

ดังนั้น...ในส่วนของกิจกรรมวันนี้ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนในเรื่องของการมอบตราตั้งเจ้าอาวาสนั้น ก็มีเจ้าอาวาสใหม่ ๗ รูป ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อว่า ในคณะสงฆ์หนกลาง ๖ ภาค ๒๓ จังหวัด ในแต่ละปีต้องเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ ๓๐๐ กว่า ๔๐๐ รูปเสมอ มีทั้งมรณภาพ ทุพพลภาพ สึกหาลาเพศไป หรือว่าต้องคดีโดนจับสึก เมื่อเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสใหม่ วัดวานั้นก็จะมีปัญหาทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2021 เมื่อ 01:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-05-2021, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ผมเคยกล่าวไว้ว่าเป็น "วงจรอุบาทว์" ของการเป็นเจ้าอาวาส เกิดจากการยึดติดของทั้งพระภิกษุสามเณรในวัดนั้นและญาติโยม เมื่อเจ้าอาวาสใหม่มาก็ไม่ค่อยยอมรับ เพราะว่ายังยึดมั่นถือมั่นในตัวเจ้าอาวาสเก่าอยู่

ถ้าเจ้าอาวาสใหม่ความรู้ความสามารถสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดจะโทรมทันตาเลย เพราะว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากคณะสงฆ์ในวัดและญาติโยมที่อุปถัมภ์ค้ำจุนวัด ต่อให้มีความสามารถเท่า หรือมากกว่าเจ้าอาวาสเก่า เขาก็คิดถึงแต่รูปเก่า เพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน กว่าที่เจ้าอาวาสใหม่จะได้รับการยอมรับ ก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ ของชีวิต อยู่มาไม่กี่ปี มรณภาพอีกแล้ว เจ้าอาวาสใหม่มาก็ตกอยู่ในสภาพเดิม ผมถึงได้เรียกว่า "วงจรอุบาทว์"

ดังนั้น...ในส่วนนี้ถ้าเป็นที่อื่นก็แล้วแต่เขา แต่ในวัดของเรา ควรที่พวกเราทั้งหลายจะเว้นจากความยึดมั่นถือมั่นตรงจุดนี้ แต่ให้ถือหลักธรรมเป็นใหญ่ก็คือ ใครจะมาทำหน้าที่ก็ดีแล้ว รับภาระไปเถอะ ตัวเราเองก็ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้เต็มที่ต่อไป มีกิจการงานอะไรก็ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่

ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้เจ้าอาวาสใหม่ไม่มีความรู้ความสามารถเลย วัดวาอารามก็สามารถที่จะไปได้ จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องลดกิเลสในใจของเราลง คือความยึดมั่นถือมั่น ความอคติ ความมีตัวกูของกู ถ้าหากว่าสามารถทำดังนี้ได้ วัดเราก็จะมีอนาคตที่สดใสขึ้น แต่ถ้าหากว่าทำตรงนี้ไม่ได้ ขาดเจ้าอาวาสเดิมไปเมื่อไร เจ้าอาวาสใหม่ก็เดือดร้อนอีกตามเคย

ก็ขอเรียนถวายทุกท่านและเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2021 เมื่อ 01:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว