กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-11-2021, 20:52
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,937 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-11-2021, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ กระผม/อาตมภาพเพิ่งวิ่งกลับมา ซึ่งความจริงถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมวัชรเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ท่านสะดวก ก็คงไม่ได้กลับ คราวนี้ท่านบอกว่า วันนี้ท่านติดรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเป็นเจ้าคณะภาค ๙ ที่นัดเอาไว้ผมก็เลยโดน "เท"

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมวัชรเมธี ที่
กระผม/อาตมภาพเรียกแบบเคารพนับถือว่าหลวงพ่อสมเกียรติ ท่านเป็นพระเถระที่อ่อนน้อมถ่อมตนมาก พูดกับคนอื่นไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก ท่านถ่อมตนลงจนเหมือนกับท่านเป็นเด็กกว่าทุกครั้ง ตรงจุดนี้เราต้องเข้าใจว่า พระเถระระดับนั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่กำลังใจดีจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครทำได้ เพราะว่าเป็นการลดอัตตาของตัวเองลง อย่างชนิดที่เรียกว่าน้อยคนที่จะคิดถึงว่า พระผู้ใหญ่ระดับนั้นท่านจะลดตนเองลงไปได้ถึงขนาดนั้น

ในส่วนที่ไปนั้น อันดับแรกเลยก็คือ ไปร่วมงานศพของ ผศ.ประสิทธิ์ ทองอุ่น อดีตประธานคณะที่ปรึกษาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ในฐานะลูกศิษย์ก็ต้องไป เพราะว่า
กระผม/อาตมภาพโตมากับวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นห้องเรียนสาขาพระพุทธศาสนาของวิทยาลัยสงฆ์บาฬีศึกษาพุทธโฆส จนกระทั่งยกฐานะเป็นวิทยาลัยสงฆ์ และจะเลื่อนเป็นวิทยาเขตในเวลาอีกไม่นาน แล้วในฐานะผู้บริหารวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ก็ต้องไปอยู่แล้ว

แต่ว่าการไปแบบนั้นก็ไม่ค่อยจะดี ตรงที่ว่าเป็นจุดเด่นของงาน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วระดับอาจารย์ก็พรรคพวกเพื่อนฝูงกัน ที่เหลือนั่นก็ลูกศิษย์ทั้งนั้น ถึงเวลาเดี๋ยวคนโน้นมากราบ เดี๋ยวคนนี้มากราบ จนกลายเป็นเป้าสายตาคนอื่นเขา ในเรื่องของครูบาอาจารย์ ก็ต้องบอกว่า รุ่นของ
กระผม/อาตมภาพนั้น ท่านก็ล่วงลับไปเรื่อย ๆ ตามอายุขัยของตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2021 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-11-2021, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จงาน วันนี้ก็ไปบวงสรวงพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเจ้าอาวาสคือ หลวงพ่อจวบ (พระครูสุวรรณปุญญารักษ์) ท่านเปลี่ยนชื่อเป็น ปุญญพัฒน์ ก็คือเจริญด้วยบุญ ท่านนิมนต์รูปเดียว ให้ไปเสกเดี่ยว

นั่ง ๆ อยู่ ก็คิดว่าแสงแดดส่องเข้ามาในมณฑป ก็คือเป็นมณฑปของพระเถระที่เป็นอดีตเจ้าอาวาสแล้วก็ครูบาอาจารย์ที่ทางวัดเคารพนับถือ ก็คือมณฑปหลวงพ่อแจ่ม หลวงพ่อแบน หลวงพ่อกวย ปรากฏว่าแสงสว่างจัดขึ้นเรื่อย ๆ พิจารณาดูแล้วไม่ใช่แสงพระอาทิตย์ เพราะพระอาทิตย์มีแต่ลอยสูงขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่แสงจะมาทุกทิศทุกทางแบบนี้ แล้วก็เห็นครูบาอาจารย์หลายท่านมาสงเคราะห์ตามปกติ

เมื่อเสร็จพิธีก็โทรไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพหรมวัชรเมธี ปรากฏว่าท่านแจ้งว่า ท่านรับตราตั้งเจ้าคณะภาค ๙ พอถามถึงพรุ่งนี้ ท่านบอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปงานรับตราตั้งของรองเจ้าคณะภาค ๙ ผมก็เลยกราบเรียนว่า "ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับหลวงพ่อ" ท่านบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะให้เลขานุการติดต่อไปทีหลัง วิ่งกลับมาก็ไม่ได้สรงน้ำหรอกครับ มาบันทึกเสียงอย่างที่เห็นนี้แล้วก็ทำวัตร

ตั้งแต่สมัยท่านอาจารย์สมพงษ์ (พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) ยังเป็นเจ้าอาวาส ใหม่ ๆ
กระผม/อาตมภาพไปที่ไหน ท่านก็โดดขึ้นรถตามไป คือในความรู้สึกของคนอื่น พอเห็นกระผม/อาตมภาพออกไป ก็คือ "ไปเที่ยว" แต่ปรากฏว่านิสัยของผม เสร็จงานก็กลับ เสร็จงานก็กลับ ไม่ได้แวะไปไหนเลย โดนไป ๒ - ๓ ครั้งท่านก็เข็ด ไม่ไปด้วยอีก ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ถ้าสามารถกลับมาให้ทันทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำได้ ผมจะพยายามกลับมาให้ทัน

เรื่องนี้เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกันครับ สาเหตุแรก...หลัก ๆ เลยที่พวกท่านคิดไม่ถึง ก็คือ ออกนอกวัดไปแล้วกิเลสมีมาก รัก โลภ โกรธ หลง ท่วมหัวเลย หันไปทางไหนก็เจอทั้งนั้น ขนาดทำบุญยังโลภในบุญกันเลย ผมขี้เกียจไปชนกับกิเลสพวกนี้ ก็เลยหนีกลับวัดดีกว่า

ประการที่สองก็คือ กลับวัดมาเราเองก็ปฏิบัติอยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบของวัด ได้สร้างบุญ สร้างกุศล ตามกาลตามเวลา ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ว่าใครจะมีความฉลาดพอที่จะหยิบ จะจับ จะหางานอะไรทำ เพื่อรักษาสภาพใจของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2021 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-11-2021, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ที่กระผม/อาตมภาพบอกว่า พวกท่านคิดไม่ค่อยถึงก็คือ ส่วนใหญ่แล้วมักจะลากลับบ้าน ลาไปสถานที่ต่าง ๆ ลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าเป็นผม จะบอกว่า "ยื่นหัวไปให้เขาตี" ในวัดของเรากระแสส่วนใหญ่ไหลไปทางเดียวกัน ก็คือตั้งหน้าตั้งตาสะสมบุญกุศล ในศีล ในสมาธิ ในปัญญา แต่ออกไปข้างนอก โดยเฉพาะกลับบ้าน มีแต่กิเลสท่วมหัว..!

หลายท่านที่บวชอยู่นาน ๆ กลับบ้านไปแต่ละที มีบ้างไหมที่ญาติโยมเขาไม่เอาเรื่องเดือดร้อนทางบ้านมาเล่าให้ฟัง ? ส่วนใหญ่ก็สารพัดเรื่อง รับเข้ามาก็ร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจ แล้วท้ายสุดก็อยู่ไม่ได้ ตรงจุดนี้พวกเราต้องสังวรให้ดีนะครับ
กระผม/อาตมภาพถึงได้บอกว่า พวกเราแส่หาเรื่อง ยื่นหัวไปให้เขาตีเอง แต่คราวนี้ถ้าหากว่าท่านลาตามสิทธิ์ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ว่าให้รู้จักระมัดระวัง รักษากำลังใจให้เป็น

ผมบวชมาปีนี้ ปีที่ ๓๖ ระยะเวลา ๓๖ พรรษาเต็ม ขึ้นปีที่ ๓๗ แล้ว ผมกลับบ้านจริง ๆ แค่ครั้งเดียวครับ หลังจากบวชไป ๘ เดือน ก็คือผมบวชวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๙ แล้วหลังจากนั้นก็อยู่วัด ซักซ้อมการปฏิบัติ ทำตามระเบียบ ทำตามวินัย พยายามสร้างกำลังใจตนเองให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจำคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บอกไว้ว่า "ยังมีเวลาอยู่ ต้องเร่งปฏิบัติให้มาก เมื่อถึงเวลางานเข้ามา จะได้มีกำลังสู้งานได้"

ปรากฏว่า ๘ เดือนผ่านไป ลากลับบ้านครั้งแรก
กระผม/อาตมภาพทนอยู่ได้ไม่ถึง ๑๕ นาที รู้สึกชัด ๆ เลยว่า "บ้านไม่ใช่บ้านของเราแล้ว" จนต้องหนีไปนอนที่วัดเทพศิรินทราวาสกับหลวงปู่มหาอำพัน แล้วหลังจากนั้นความคิดที่จะกลับบ้านไม่เคยมีอีกเลย มีสองปีแรกที่ถึงเวลาตรุษจีน ทางแม่และพี่น้องเขานิมนต์ไปรวมญาติ ปรากฏว่าไปปีแรกเขาก็ถวายเงินแต๊ะเอียกันมา คนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ปีที่สองไปก็ถวายมา ปีที่สามผมเลิกไป เพราะรู้สึกว่าเหมือนกับตั้งใจไปเอาเงิน

ดังนั้น...ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็ตาม ผมจะพยายามรีบกลับวัดให้เร็วที่สุด เพราะรู้สึกว่าเป็นที่ซึ่งปลอดภัย อย่างน้อย ๆ กระแสกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ก็น้อยกว่าข้างนอก ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ไวพอ ก็อาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ถ้าหากว่าสภาพจิตไวพอ เวลาเรากระทบนี่ จะรู้สึกเหมือนกับโดนไฟเผาครับ ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา ชัดมากเลย ไฟคือราคะ ไฟคือโลภะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ส่วนใหญ่เป็นคนอื่นเอามาเผาเรา ก็เพราะว่าเราทะลึ่งโง่ออกไปให้เขาเผาเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2021 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-11-2021, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประการก็คือ ท่านทั้งหลายแส่ออกไปหากิเลสเอง ต้องบอกว่าออกไปเจ็บตัวเอง ยกเว้นตั้งใจจะทดสอบกำลังใจของตัวเองว่า เวลาปะทะกับกิเลส ชนกับกิเลสแล้ว เราสามารถที่จะสู้ได้สักเท่าไร แต่โอกาสแพ้มี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ครับ..!

ประการที่สองก็คือ เมื่อกลับมาให้สังเกตอารมณ์ใจตัวเองให้ดี ๆ ว่าอยากไปอีกหรือเปล่า ? ถ้ารู้สึกว่าอยากไปอีก แล้วก็ดิ้นรนนับวันคอยว่า เมื่อไรจะครบเวลาเสียที จะได้ลาใหม่ ถ้าลักษณะอย่างนี้รอดยากครับ เพราะว่าโดนดึงไปชนกับกิเลสเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเราเองก็สู้ไม่ได้ เพราะว่ากิเลสเก่งกว่า ส่วนใหญ่ก็สึกหาลาเพศไป หรือไม่ก็เที่ยวตะลอน ๆ ไปเรื่อย ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมอย่างเป็นจริงเป็นจัง แล้วก็ดันคิดว่าตัวเองทำแล้วดี มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ โดยที่ไม่รู้เลยว่าโดนกิเลสหลอก..!

เวลาเราออกไปเท่ากับว่าเราไปหาอาหารให้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเราเสพเสวยตามที่กิเลสต้องการ เมื่อกินอิ่มกิเลสก็สงบชั่วคราว ถึงเวลาหิวก็อาละวาดใหม่ เราออกไปหาให้กิน กิเลสก็นอนเงียบเพราะว่ากินอิ่มแล้ว เราก็ไปคิดว่าการปฏิบัติธรรมของเราก้าวหน้า แต่ความจริงแล้วโดนกิเลสหลอกเต็ม ๆ ลองหยุดไปสักพักเดียวสิครับ ดูซิว่ากิเลสจะดิ้นตายขนาดไหน !!?

เรื่องพวกนี้ต้องมีประสบการณ์เองครับ เพราะฉะนั้น..ถ้าจะให้ห้ามพวกท่าน
กระผม/อาตมภาพไม่ห้ามหรอกครับ...ไปเถอะ โดนเข้าแล้ว หัวร้างคางแตกกลับมาก็ทำแผล เย็บกันเอง ใส่ยากันเองก็แล้วกัน

ครูบาอาจารย์แต่ละคน ถ้าหากว่าเป็นนักรบ ไปรบกับกิเลสมา มีแต่แผลทั้งตัว กว่าที่จะมานั่งให้เขากราบ ให้เขาไหว้ สั่งสอนคนได้ ทั้งตัวหาที่ว่างไม่ได้หรอกครับ ปะทะกับกิเลสมา มีแต่แผลทั้งนั้น..!

ดังนั้น...ตรงจุดนี้ที่บอกกล่าวกับพวกเรา อันดับแรกก็คือว่า บางท่านก็สงสัยว่าทำไมผมรีบไปรีบกลับ ก็คือตีกับกิเลสมาจนชินครับ อยู่ข้างนอกนี่โอกาสแพ้มีสูงมาก อย่างไรก็ต้องกลับเข้าที่มั่นของเราก่อน

ประการที่สองก็คือ พยายามรักษากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาที่ตั้งไว้ เพื่อสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตัวเองให้มากที่สุด สร้างกำลังใจตนเองให้เข้มแข็งที่สุด เมื่อถึงเวลาเราจะได้มีกำลังสู้กับกิเลสได้ ตรงจุดนี้บางทีบางท่านก็ไม่ได้สังเกต แล้วอีกอย่างหนึ่งก็รู้สึกว่าอยากจะให้ผมกลับ แต่พอผมกลับมาจริง ๆ ก็อยากจะให้ผมไป..! รู้สึกตลกดีเหมือนกัน

วันนี้ก็ฝากเอาไว้สำหรับพระภิกษุสามเณรและญาติโยมของเราแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2021 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว