กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-10-2021, 20:35
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,594
ได้ให้อนุโมทนา: 216,253
ได้รับอนุโมทนา 739,439 ครั้ง ใน 36,046 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-10-2021, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าหลวงปู่ฟู (พระมงคลสิทธิคุณ) วัดบางสมัคร ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ได้มรณภาพไปเมื่อตอนตีสอง ด้วยอายุ ๙๙ ปี จะบอกว่าพอสมควรแก่กาลก็ใช่ แต่ก็น่าเสียดาย เพราะว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็มักจะเลือกช่วงเวลาในการทิ้งขันธ์ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับสถานการณ์ของประเทศชาติ หรือสถานการณ์ของโลกให้มากที่สุด เพราะฉะนั้น...เหตุการณ์อะไร ถ้าหากว่าร้อนแรงอยู่ในบ้านในเมืองของเรา มีพระระดับหลวงปู่ท่านทิ้งขันธ์ไป ก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้ได้มากอย่างยิ่ง

ในส่วนที่อยากจะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือ เรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ โดยเฉพาะในทองผาภูมิ ซึ่งต้องบอกว่าแพร่ระบาดอย่างรุนแรงมาก แต่เป็นเรื่องแปลกว่าทุกคนเหมือนกับตายด้าน ไม่รู้สึกรู้สาอะไร..!??

ทองผาภูมิเป็นแหล่งท่องเที่ยว ยิ่งทางรัฐบาลกำหนดให้วันหยุดชดเชยเลื่อนมาเป็นวันที่ ๒๒ ตุลาคม ทำให้มีวันหยุดยาว ก็ยิ่งจะทำให้คนมากันมากขึ้น โอกาสที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จะหนักขึ้นอีกรอบหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

ดังนั้น...ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายประมาท โอกาสที่จะติดเชื้อก็จะมีสูงมาก ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ แต่ช่วยตอนที่ติดเชื้อแล้วตายยากขึ้นเท่านั้น

เรื่องพวกนี้เราต้องระมัดระวังกันเอง ที่มีอยู่ช่วงหนึ่งทางรัฐบาลใช้คำว่า "การ์ดอย่าตก" แล้วรัฐบาลก็การ์ดตกเสียเอง จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดรอบที่ ๒ รอบที่ ๓ ขึ้นมา แม้กระทั่งทุกวันนี้ การตายในแต่ละวันก็ยังอยู่ในระดับวันละร้อยศพขึ้นไป แต่ทุกคนก็เริ่มเฉย ๆ ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าหากว่าพูดในลักษณะทั่วไปเป็นเรื่องที่ไม่ดี เพราะว่าความประมาทจะทำให้เราติดเชื้อ แล้วถ้าหากว่าเวรกรรมมาซ้ำเติมก็ถึงแก่ชีวิตได้ง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-10-2021 เมื่อ 18:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-10-2021, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่เรามองไม่เห็น กลับเป็นเรื่องดี เพราะว่าการที่เราทำกำลังใจไม่รู้สึกว่าเป็นศัตรูกับใคร เป็นกำลังใจที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะปลอดภัยจากคน ปลอดภัยจากสัตว์ ปลอดภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็น แม้กระทั่งปลอดภัยจากเชื้อโรค เหมือนกับว่าถ้าเราไม่กลัวเขา ไม่รังเกียจเขา จึงสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้

ดังนั้น...บ้านเราก็มีอยู่ใน ๒ ลักษณะ ลักษณะแรกก็คือติดเชื้ออีกระลอกใหญ่ อีกลักษณะหนึ่งก็คือเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมา ตรงนี้ขอยุติไม่กล่าวถึง เพราะว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลกับ ศบค.ที่จะไปบริหารจัดการกันเอง

ส่วนที่จะกล่าวถึงก็คืองานวัด เพราะว่าวัดท่าขนุนนั้นจัดงานตักบาตรเทโวและทอดกฐินในวันเดียวกัน ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ทำหนังสือขออนุญาตจัดงาน ให้ประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่ออำเภอทองผาภูมิ ซึ่งก็คือท่านนายอำเภอนภเดช เกลียวศิริกุล อนุญาตให้จัดงาน แต่ปรากฏว่ายังเงียบฉี่ เพราะว่าถ้าจัดงานเมื่อไร โอกาสที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาดจะมีสูงมาก จึงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับเรา

ดังนั้น...ตรงจุดนี้ญาติโยมที่อยู่ทางบ้าน หรือว่าอยู่ต่างจังหวัด อยู่ต่างประเทศ ถ้าตั้งใจจะร่วมบุญตักบาตรเทโว หรือว่าบุญออกกรรมฐาน ๓ วัน หรือแม้กระทั่งบุญกฐิน เตรียมตัวหาหมายเลขบัญชีวัดท่าขนุนเอาไว้ โอกาสที่จะได้โอนเงินทำบุญมีสูงมาก เพราะว่าถ้าหากว่าไม่ได้รับอนุญาต เราก็จัดงานไม่ได้ เนื่องจากว่าจำนวนคนที่ได้รับอนุญาตก็คือไม่เกิน ๒๕ คน แม้กระทั่งช่วงนี้การอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นตรี ก็ยังต้องแบ่งออกเป็นหลายสนาม เพื่อที่จะไม่ให้เกินจำนวน ๒๕ คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2021 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-10-2021, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็ต้องทำใจว่าการทำบุญครั้งนี้อาจจะไม่ได้มาทำกันต่อหน้า แต่ว่าจะได้ทำบุญในลักษณะของการโอนผ่านบัญชีมา ซึ่งท่านทั้งหลายไม่ต้องกังวล เพราะว่าจะทำวิธีไหนก็ตาม ผลบุญเป็นของท่านแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบางท่านก็รู้สึกว่า ห่างไกลความดีออกไปเรื่อย ๆ..!

คำว่า ห่างไกลความดีออกไปเรื่อยก็คือ พอไม่มีสถานที่และสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยชักจูงเราไปในด้านที่ดี โอกาสที่จะเป๋ออกนอกลู่นอกทางก็มีสูง เพราะว่ากำลังใจยังไม่มั่นคงพอ ดังนั้น..จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉวยโอกาสนี้ในการตอกย้ำ หรือว่ายึดถือปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น น่าจะต้องยกระดับจากศีล ๕ ขึ้นมาเป็นกรรมบถ ๑๐ หรือว่าศีล ๘ ไปเลย ถ้าเป็นไปได้

สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพรักษาศีล ๕ เกือบเท่าศีล ๘ ก็คือนอกจากกินข้าวเย็นแค่ไม่กี่นาทีแล้ว นอกนั้นรักษาได้หมด ท้ายสุดก็เลยตัดสินใจว่า ในเมื่อทุกอย่างทำได้หมด เหลือแค่กินข้าวเย็นอย่างเดียว แล้วเอ็งจะกินไปทำไม ?

เมื่อตัดสินใจเด็ดขาด ก็เว้นจากอาหารเย็นตั้งแต่ก่อนบวช ๒ ปี แล้วก็ไม่ได้รู้สึกหิว ไม่ได้รู้สึกกระวนกระวาย สภาพร่างกายหลังเที่ยงเหมือนกับตัดระบบทิ้งไปเลย ไม่ได้ต้องการอาหารอะไรนอกจากน้ำดื่ม แม้กระทั่งพวกน้ำหวาน ของหวานอะไรก็ไม่ได้ต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2021 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-10-2021, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถยกระดับจากศีล ๕ ขึ้นมาเป็นกรรมบถ ๑๐ ใหม่ ๆ ก็อาจจะไม่คุ้นชิน เพราะว่ากรรมบถ ๑๐ นั้นนอกจากไม่ฆ่าสัตว์แล้ว ยังต้องไม่ทำร้ายสัตว์ให้ลำบากด้วยเจตนา ก็แปลว่าต้องประกอบไปด้วยเมตตา กรุณาอย่างสูง

นอกจากไม่ลักขโมยแล้ว ยังไม่หยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ นอกจากไม่ละเมิดคนรักของคนอื่นแล้ว ของที่คนอื่นเขารัก เราก็ไม่ละเมิดด้วย ก็แปลว่าจะเป็นข้าวของเงินทอง หรือว่าสามีภรรยา ลูกเขาเมียใครเราก็ไม่ไปยุ่ง

นอกจากไม่พูดโกหกแล้ว ยังไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดให้คนแตกร้าวกัน แล้วก็ไม่พูดวาจาที่เพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ ซึ่งตรงวาจาเพ้อเจ้อนี้มีหลายระดับขั้น เพราะว่าบุคคลที่กำลังใจสูงกว่า ก็ย่อมเห็นบุคคลที่กำลังใจต่ำกว่านั้นกำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่

ข้อสุดท้ายไม่ดื่มสุราเมรัยยังไม่พอ แม้กระทั่งยาเสพติดหรือว่าสิ่งอื่น ๆ ที่ดึงดูดให้เรายึดให้เราติดอยู่ อย่างเช่นว่าอาหารที่รสชาติถูกใจ เราก็ตัด เราก็ละออกไป

ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านทั้งหลาย รักษากรรมบถ ๑๐ ได้โดยที่ไม่หนักใจเลย ขอให้รู้ว่ากรรมบถ ๑๐ นั้นเป็นคุณสมบัติของพระสกทาคามี

ศีล ๕ บริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นละเมิดศีล เป็นคุณสมบัติของพระโสดาบัน กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระสกทาคามี ซึ่งตรงนี้ไม่มีตำราบอกเอาไว้ ส่วนศีล ๘ นั้น เป็นคุณสมบัติของพระอนาคามี ใครสามารถที่จะรักษาศีล ๘ ได้ โดยไม่หนักใจ โอกาสที่ท่านจะเข้าถึงมรรคผลจะง่ายมาก เพราะว่าศีล ๘ เอื้อต่อการประพฤติพรหมจรรย์อย่างยิ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2021 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 09-10-2021, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ถ้าหากว่าในช่วงที่ท่านทั้งหลายห่างวัด แทนที่จะปล่อยให้ตัวเราลอยตามกระแสโลก โดน รัก โลภ โกรธ หลง กลืนกินไป เราก็ฉวยโอกาส ก็คือพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ยกระดับการยึดถือปฏิบัติ จากศีล ๕ ขึ้นมาเป็นกรรมบถ ๑๐ หรือว่าศีล ๘ โดยเฉพาะเน้นในการภาวนาให้มากขึ้น เพื่อที่กำลังใจของเราจะได้มั่นคง สติของเราจะได้รู้รอบ แค่ขยับตัวก็จะรู้ว่าตนเองศีลขาดหรือไม่

ดังนั้น...การดำรงชีวิตอยู่ในยุคที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด เราควรที่จะระมัดระวังดูแลตนเองให้ดี เพราะว่าถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา กว่าจะรักษาให้หายนั้นยากมาก เนื่องจากว่าหมอสมัยใหม่ไม่มียารุเหมือนหมอแผนโบราณ หมอแผนโบราณมีการจ่ายยากระทุ้งไข้ แล้วจ่ายยารุ เพื่อที่จะตัดรากถอนโคนไข้นั้น ดังนั้น...ถ้าหากว่าผู้ที่เชี่ยวชาญการแพทย์แผนโบราณ จะไม่รู้สึกหนักใจกับเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เลย

แต่ว่าท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ก็พึ่งพาอาศัยแพทย์สมัยใหม่ เจ็บป่วยขึ้นมาก็รักษายาก หายยาก ร่างกายชำรุด ทำอะไรไม่ได้ดีเหมือนเดิม จึงต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็พยายามรักษาคุณงามความดีของตนเองเอาไว้ตามหลักของอนุรักขนาปธาน พยายามเพิ่มคุณงามความดีของตนเองขึ้นไปตามหลักภาวนาปธาน เพื่อที่เราเองจะได้อยู่รอดปลอดภัย กำลังใจไม่ถดถอย

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยม ทั้งที่อยู่ที่นี่ อยู่ที่บ้าน อยู่ในประเทศ และอยู่ต่างประเทศแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2021 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว