|
อีหรอบเดียวกัน อีหรอบเดียวกัน โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ภาพคลองใหญ่ที่ถ่ายจากบนสะพานริอัลโต ได้รูปตามที่ต้องการแล้ว ว่าจะเดินดูร้านขายของทั้งสองฟากสะพาน แต่คนอย่างกับหนอน จึงเดินไปจนสุดสะพานถึงอีกฝั่งคลอง เป็นระเบียงตึกแคบ ๆ ที่ผู้คนแออัดยัดเยียด จนอาตมาเบียดไม่เข้า ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิมจนถึงหน้าร้านขายไอศกรีม เห็นพรรคพวกหลายคนยังอร่อยกับไอศกรีมอยู่เลย "หลวงพี่เล็กจากวัดท่าซุงใช่ไหมคะ ? ดิฉัน "สมสุข" ลูกศิษย์หลวงพี่อาจินต์ค่ะ" สาวใหญ่วัยงามท่านหนึ่งในชุดสีดำลายขาว ถอดหมวกยกมือไหว้ พร้อมกับแนะนำตัวเสร็จสรรพ... กูหนอกู...มาจนสุดหล้าฟ้าเขียวแล้ว ยังอุตส่าห์มีคนรู้จักอีก ทำไมโลกนี้ช่างแคบแท้วะ ? อาตมาที่กลัวคนรู้จักต้องตอบรับไปแบบแกน ๆ อีกฝ่ายระดมยี่สิบคำถามสามตัวช่วยเกี่ยวกับวัดท่าซุงมาเป็นชุด จนอาตมาต้องรีบออกตัวว่า "อาตมาออกจากวัดมายี่สิบปีแล้ว ช่วงนี้ภารกิจมาก ซ้ำยังเรียนหนักอีกด้วย จึงไม่ค่อยได้ไปวัดท่าซุง ตอบคำถามของโยมไม่ถูกหรอกจ้ะ" บรรดาพรรคพวกเห็นอาตมามีคนรู้จักก็ห้อมล้อมกันเข้ามาทันที... อาตมารีบแนะนำหลวงพ่อพระครูชุบ หลวงพ่อพระครูกุ้ยไฮ้ ใบฎีกาวรัญญู และพระครูปรีชา ที่อยู่แถวหน้าสุดให้โยมรู้จัก แล้วฉวยโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายกำลังทักทายทำความรู้จักกัน "แวบ" ออกมาจากกลุ่มแล้วเผ่นแน่บทันที "ทำไมท่านต้องทำท่าเหมือนกับหนีผีอย่างนั้นเล่าขอรับ ?" น่าน..."ผี" ดันมาสงสัยซะอีก "รู้จักมากคนก็มากเรื่อง โดยเฉพาะถ้าเขาขอให้ช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นภาระผูกพันที่ยุ่งยากมาก อาตมาขี้เกียจ "ผูกกรรม" กับคนหมู่มาก สู้เผ่นหนีเพื่อลดเรื่องยุ่งที่จะมาถึงตัวให้น้อยลงจะดีกว่า" อ้าว...เฮ้ย... ดันมาชวนคุย ตูเลยลืมดูทาง คราวนี้จะไปอย่างไรดีวะ ?... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2017 เมื่อ 03:01 |
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
ภาพเขียนสีของมหาวิหารเซนต์มาร์ค "ดูที่ขอบผนังตึกระหว่างชั้นแรกกับชั้นสองขอรับ" มัคคุเทศก์เถื่อนบอกทางสว่างให้ อาตมาเพิ่งจะสังเกตว่ามีป้ายเล็ก ๆ บอกทางติดอยู่ จึงรีบเลี้ยวไปตามทางขวาที่เขียนว่า S. Marco พร้อมกับลูกศรชี้ทางทันที เพิ่งเลี้ยวไปได้สองเลี้ยว กำลังจะเดินขึ้นสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ ก็เจอเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารัก ๒ คน เดินตรงดิ่งเข้ามาหา ส่งภาษาอังกฤษปนอิตาเลียนพร้อมกับยื่นกระดาษขนาด A4 ให้อาตมาปึกหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นการขอรับบริจาคเพื่อการกุศลนั่นเอง... มีผู้บริจาคเขียนชื่อและจำนวนเงินเอาไว้แล้วเป็นสิบราย อาตมาจึงรับปากกามาจากสาวน้อยเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับเปิดกระเป๋าจิงโจ้หยิบเงินขึ้นมา ๒๐ ยูโร ยายหนูส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "30 up only." เฮ้ย..มีบังคับศรัทธาด้วย เธอชี้ให้ดูรายการที่ลงตัวเลขเอาไว้อย่างชัดเจน "20 or not donation."อาตมายื่นคำขาด ส่งใบละ ๑๐ ยูโรสองใบไปพร้อมกับคืนสมุดรับบริจาค อีหนูทำหน้าเมื่อยแต่ก็ยอมรับคืนแต่โดยดี เด็กพวกนี้ถูกบังคับให้ทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ สำหรับเป็นคะแนนเก็บ จึงอยาก "ทำยอด" ให้ได้มาก ๆ แต่อาตมาดันมีอุเบกขามากกว่าเมตตา เล่นเอาพวกเธอทั้งคู่ทำหน้า "เซ็งเป็ด" ก่อนที่จะวิ่งไปหาผู้บริจาครายอื่นต่อ... เลี้ยวตามป้ายบอกทาง สวนกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ออกมาถึงจตุรัสซานมาร์โค รู้สึกว่านักท่องเที่ยวยิ่งมายิ่งเยอะ ไม่รู้ว่ากลางคืนเขามีอะไรให้ดูเป็นพิเศษหรือเปล่า ? "ก็แค่เพิ่มแสงไฟขึ้นมาเท่านั้นเอง แต่ที่มากกว่าแสงไฟก็คือพวกล้วงกระเป๋าก็มากตามไปด้วยขอรับ" "ท่านผู้นำ"พูดแบบนี้ทำเอาอาตมาหมดอารมณ์ไปเหมือนกัน ไปถึงมหาวิหารเซนต์มาร์ค ถ่ายรูปเขียนสีต่าง ๆ ที่เพดานโค้งเหนือประตู แล้วเดินหลบแดดเข้าไปในเงาตึกด้านซ้ายมือ... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 09-02-2017 เมื่อ 20:59 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
ลานแสดงศิลปะหน้าสถานีตำรวจ ตรงมุมนี้มีสิงโตแกะสลักตัวหนึ่ง อยู่ในท่ายืนท้าวขาหน้า แต่หย่อนก้นลงแตะพื้น ตั้งอยู่บนแท่นซีเมนต์หรือหินก็ไม่รู้ ? เพราะว่าทาสีจนหาเนื้อเดิมไม่เจอ แต่ตัวสิงโตแกะขึ้นมาจากหินอ่อนสีน้ำตาลแดง หน้าตาเหมือนกับว่ายังแกะไม่เสร็จ แต่กลับดูดีเหลือเกิน ยิ่งมองก็ยิ่งสวย อาจจะเป็นเพราะความเก่าแก่หลายร้อยปี ที่ทำให้หินสึกกร่อนไปเองตามธรรมชาติ หรือไม่ก็คนแกะสลักตั้งใจทำให้เป็นแบบนี้ แสดงว่าอยู่ในระดับยอดฝีมือทีเดียว อาตมาตั้งชื่อให้สิงโตตัวนี้เองว่า "คุณปุปะ"... เลี้ยวขวามาถ่ายรูปวิวริมทะเล ซึ่งแดดกำลังได้ที่เพราะทาบลงบนทะเลเป็นแนวเฉียงพอดี แล้วเดินย้อนทางขามาโดยเลาะริมตึกแถว ไปเจอ "ซอยแยก" เล็ก ๆ ทางซ้ายมือที่มีงานศิลปะตั้งแสดงอยู่หลายชิ้น จึงเดินเข้าไปดู ที่ไหนได้...ตรงนี้เป็นสถานีตำรวจ ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่คร่ำคร่า เมื่อเอางานศิลปะมาวางเอาไว้ให้ชม จึงดูขลังขึ้นอย่างน่าประหลาด งานชิ้นหนึ่งเป็นรูปคนนั่งขัดสมาธิบนแท่นหลายชั้น อยู่ในสิ่งรองรับที่หน้าตาคล้ายกับพื้นเก้าอี้รองนั่งแบบโค้ง แต่วัสดุที่สร้างเป็นสเตนเลสเงาวาววับ ทำให้ดูได้ยากมาก ต้องเข้าไปเพ่งจนติดหรือคลำดูถึงจะรู้สภาพที่แท้จริง... หน้าอาคารสถานีตำรวจที่มีธงชาติอิตาลีผืนใหญ่ติดอยู่ เป็นลานที่ไม่กว้างนัก กลางลานเป็นกระถางดอกไม้ใบใหญ่ บนพื้นรอบกระถางปูหญ้าเทียมเอาไว้ประมาณ ๕ X ๘ ตารางเมตร บนหญ้าเทียมเขาเอาดอกกุหลาบสีม่วงแดงดอกใหญ่ที่น่าจะหล่อมาจากเรซิ่น มีแต่ดอกไม่มีก้าน วางเรียงรายเอาไว้อย่างเป็นระเบียบจนเกือบเต็มพื้นหญ้าเทียม ตรงประตูทางขึ้นอาคารมีรูปคนสีแดงที่คงจะเป็นเรซิ่นเช่นกัน คนหนึ่งกำลังทำท่า "หกสูง" อีกคนนั่งยอง ๆ อยู่บนเท้าของคนที่หกสูงนั่นเอง ที่ประตูมีโซ่สีขาวแดงกั้นไม่ให้คนเดินเข้าไปข้างในอาคาร... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2017 เมื่อ 04:17 |
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
ด้านข้างสถานีตำรวจเป็นลานกว้างหน้าโบสถ์ หันกลับมาเจอท่านอาจารย์ ดร.วันชัย กำลังเข็นรถเข็นให้พระครูด็อกเตอร์เข้ามาในนี้เหมือนกัน ถามดูแล้วได้ความว่า "ขาไม่ดี ไปไหนก็ลำบาก แล้วก็เกะกะคนอื่นเขาด้วย ว่าจะกลับมารออยู่แถวใกล้ ๆ ท่าเรือก่อน พอดีเห็นอาจารย์พระครูเดินเข้ามาในนี้ ก็เลยตามมาบ้าง" เมื่อชมงานเขาจนทั่วแล้ว อาตมาจึงชวนทั้งสองท่านเดินต่อเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ทางขวามือ ปรากฏว่าเป็นลานกว้างเกือบเท่าสนามฟุตบอลมาตรฐาน มีโบสถ์ฝรั่งอยู่ด้วย แสดงว่าเป็นลานส่วนรวมสำหรับเอาไว้ทำกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับเกาะซึ่งหาที่ว่างได้ยาก พื้นที่ขนาดนี้ถือว่าฟุ่มเฟือยมากถึงมากที่สุด... เกือบทุกระเบียงตึกชั้นบนของด้านนี้ มีต้นไม้ดอกงาม ๆ ปลูกเอาไว้แทบทั้งนั้น ด้านข้างค่อนไปด้านในของลานมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง กำลังมีดอกเต็มต้น ลักษณะช่อดอกคล้ายกับดอกชำมะนาด (ดอกข้าวใหม่) ของบ้านเรา แต่ไม่ใช่ไม้เถากึ่งยืนต้นและไม่มีกลิ่นหอมแบบดอกชำมะนาด ใต้ต้นมีม้าไม้โครงเหล็กตั้งอยู่ตัวหนึ่ง โชคดีที่คนนั่งซึ่งเป็นผู้หญิงลุกเดินจากไปพอดี อาตมาจึงฉวยโอกาสไปหย่อนก้นลงพัก แล้วเขียนบันทึกย่อของวันนี้เอาไว้ตามความเคยชิน... ท่านอาจารย์ ดร.วันชัย เข็นพระครูด็อกเตอร์มาอยู่เป็นเพื่อนพักหนึ่ง ก็บอกลาเข็นกันกลับออกไปทางเดิม แต่ได้ใบฎีกาวรัญญูกับมหานพพลเดินเข้ามาแทน ทั้งสองรูปไม่ได้มี "เก้าอี้ประจำตัว" แบบพระครูด็อกเตอร์ จึงนั่งลงข้างอาตมาแล้วชวนคุย เรื่องที่ท่านไปเจอเด็กสาวสองคนมาขอรับบริจาค เห็นมีชื่อของอาตมาอยู่ในบัญชีนั้นด้วย พออาตมาถามว่าบริจาคไปคนละเท่าไร ? "ไม่ได้ทำเลยครับ ผมฟังเขาพูดไม่รู้เรื่องจริง ๆ ส่วนท่านอาจารย์วรัญญูแกล้งทำเป็นฟังไม่ออก เลยไม่ต้องเสียตังค์" ฮ่า..ฮ่า..มือวางอันดับหนึ่งอันดับสองด้านภาษาอังกฤษของรุ่น ต้องทำเป็นฟังไม่ออก ยากมากเลยนะนี่..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-02-2017 เมื่อ 06:39 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
น้ำส้มเปรี้ยวจี๊ด แต่ฉันแล้วกลับรู้สึกว่าหวาน ? คุยกันจนหมดเรื่องคุยแล้ว ทั้งสองท่านเห็นอาตมา “รากงอก” ไม่ขยับไปไหนแน่ จึงขอตัวไปเดินดูอะไรต่อมิอะไรต่อไป อาตมาเพิ่งก้มหน้าจดบันทึกก็ได้ยินเสียงทักขึ้นใกล้ ๆ ว่า “Good evening, Sir. Are you Buddhist monk ?” เป็นสำเนียง “แขก” ที่คุ้นหูมาก เงยหน้าขึ้นมาเจอหนุ่มสาวสองคนที่ผิวค่อนข้างดำยืนยิ้มฟันขาวอยู่ใกล้ ๆ พอตอบว่า “Yes, I’m Theravada Buddhist monk.” ทั้งสองคนก็ทำท่าดีใจมาก บอกว่าตนเองทั้งคู่เป็นชาวพุทธจากบังคลาเทศ เฮ้ย...อัศจรรย์มาก ประเทศมุสลิมแท้อย่างบังคลาเทศ มีชาวพุทธอยู่แค่หยิบมือเดียว อาตมากลับมีโอกาสได้พบทีเดียวถึงสองคน..! ทั้งสองคนบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน อพยพมาอยู่ประเทศอังกฤษ ทำงานเก็บเงินได้ก็เลยมาเที่ยวเมืองเวนิส ตอนอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ทำบุญที่วัดศรีลังกา อาตมาถามว่ารู้จักท่านมังคะละปิยะหรือไม่ ? ผู้เป็นสามีตอบว่ารู้จักแต่ท่านปิยะรัตนา แล้วขออนุญาตวิ่งไปซื้อน้ำปานะมาถวาย เมื่อกลับมามีน้ำส้มแช่เย็นยี่ห้อ Amita มาสองขวดพร้อมหลอด แล้วช่วยกันประเคน อาตมารับแล้วให้พรเป็นภาษาบาลี ทั้งสองยอบตัวลงนั่งรับ หน้าตาผ่องใสอิ่มเอิบที่ได้ทำบุญไกลบ้าน... อาตมาแนะนำว่าที่อิตาลีนี่มีวัดไทยที่กรุงโรม ทั้งสองว่าได้ไปทำบุญกับวัดไทยที่เมืองมิลานมาแล้ว อาตมาจึงแนะนำว่าที่อังกฤษมีวัดไทยหลายแห่ง ให้เขาหาข่าวจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ ใกล้ที่ไหนจะได้ไปทำบุญที่นั่น ทั้งสองคนรับคำ ยกมือไหว้แล้วขอลา อาตมาอวยพรตามหลังไปว่า “Peaceful & Happiness” ปกติแล้วหลังเพลอาตมาจะไม่แตะต้องน้ำปานะต่าง ๆ แต่เมื่อรับน้ำใจไกลบ้านจากสองสามีภรรยามาแล้ว จึงเปิดขวดขนาด ๓๐๐ ซีซี. ดื่มไปหนึ่งขวด รสชาติเปรี้ยวได้ใจ แต่ทำไมรู้สึกหวานอยู่ข้างในก็ไม่รู้ ? |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
ร้านค้าหลังตึกแต่ละร้านราคาถูกกว่าหน้าตึกสามเท่า..! อยู่ดี ๆ ก็มีร่างดำ ๆ วิ่งพรวดพราดเข้าซอยมาหลบอยู่ที่มุมตึก ชะโงกหน้าออกไปเหมือนกำลังดูต้นทาง สักครู่ก็มีอีกสองคนวิ่งตามเข้ามา คนแรกและคนที่สองวิ่งไปท้ายซอยหลบอยู่หลังพุ่มไม้ คนที่สามหลบมุมตึกแทนคนแรก ชะโงกหน้าออกไปดูทาง ที่แท้เป็น “คุณเฉาก๊วย” ที่มีสินค้าเต็มมือ คงเจอ “เทศกิจ” เมืองเวนิสไล่จับสินค้าเถื่อนเข้าแล้ว แต่ถ้าดูการหลบหลีกที่คล่องแคล่วฉับไว มีการประสานงานกันอย่างดีเลิศแบบนี้ คงไม่ใช่การหนีครั้งแรก ๆ อย่างแน่นอน... ปล่อยให้สัตว์โลกทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ครู่ต่อมา “คุณเฉาก๊วย” รายที่สามก็โบกมือเรียก สองคนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้เห็นแต่ตาขาว ๆ ค่อยโผล่ออกมาทั้งตัว เดินไปสมทบกันแล้วพากันหายออกไปด้านนอก สวนทางกับรถเข็นของพระครูด็อกเตอร์ที่กลับเข้ามา พอมาถึงท่านก็รีบแจ้งว่า “ด้านในซอยถัดไปมีร้าน “โชห่วย” เพียบเลยครับ ขายของถูกกว่าตึกแถวริมน้ำเกินครึ่ง” อาตมาที่อยากรู้ว่าของถูกขนาดไหน จึงสละที่นั่งให้ท่านอาจารย์ ดร.วันชัย แล้วเดินออกไปเพื่อดูด้วยตาตัวเอง... เลี้ยวซ้ายเดินขนานไปกับทะเล แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที เข้าซอยไปหน่อยเดียว ก็มีร้านขายสินค้าที่เป็นชาวบ้านแท้ ๆ เรียงรายไปตามตึกแถว มีทั้งของที่ระลึก ผลไม้ ขนม อาหาร น้ำดื่ม แค่เห็นน้ำดื่มก็รู้แล้วว่าราคาถูกมาก ข้างนอกน้ำดื่มขวดเล็กราคา ๑.๕ ยูโร ขวดใหญ่ ๒ ยูโร แต่ข้างในนี้ขวดเล็ก ๐.๕๐ ยูโร ขวดใหญ่ ๐.๖๐ ยูโร คิดง่าย ๆ ว่าถูกกว่าข้างนอกประมาณสามเท่า..! โอ้แม่เจ้า...นี่พวกเราโดน “ฟัน” ไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ? แค่หน้าตึกกับหลังตึกราคาต่างกันได้ขนาดนี้..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-02-2017 เมื่อ 05:10 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
ถ่ายรูปกับ "คุณสมสุข" และท่านประธานรุ่น เดินเซ็งกลับออกมาประมาณว่า “พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น” เจอหลวงพ่อพระครูชุบเดินมาพอดี จึงชวนท่านประธานรุ่นเดินไปจนถึงท่าเรือจุดนัดพบที่สอง หาเงาตึกที่ไม่มีคนได้ก็ก้มหน้าก้มตาเขียนบันทึกประจำวัน อีหนูฝรั่งที่น่าจะเป็นเด็กนักเรียนขี้สงสัย อาศัยความสูงชะโงกหน้าข้ามไหล่มาดูจนติด ถามว่าเป็นตัวหนังสือชาติไหน ? ก็ชาตินี้แหละ..เอ๊ย..ไม่ใช่ ตัวหนังสือไทยต่างหาก แต่ช่วยขยับไปห่าง ๆ หน่อยได้ไหม ? เดี๋ยว “หลวงตา” ตบะแตกเว้ย..! พอรู้ว่าอาตมาเป็นนักบวชประเภทห้ามผู้หญิงเข้าใกล้ อีหนูก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี อาตมาขี้เกียจให้ “ฝรั่งมุง” จึงเก็บสมุดบันทึก หยิบกล้องมาถ่ายรูปบริเวณท่าเรือแทน ไม่ว่าจะเป็นป้าย WC เล็ก ๆ บนพื้น ที่มีลูกศรชี้บอกทางไปห้องน้ำ ป้ายระวังเดินสะดุดที่หัวสะพาน แต่ดันมีรูปเหมือนกับว่าให้เดินเอาหัวชนประตูถึงจะเข้าไปได้ ท้ายสุดไม่มีอะไรก็ถ่ายรูปสาหร่ายผมนางเงือก ที่ขึ้นอยู่แน่นไปทั้งริมน้ำ หันกลับมาอีกทีเจอพรรคพวกที่เดินมาเป็นกลุ่ม แต่ดันพา “คุณสมสุข” มาด้วย..! “นั่นไงโยม...พระครูวิลาศฯ อยู่ที่ริมน้ำนั่น” พระครูกล้าชี้เป้าชนิดที่อาตมาไม่มีทางหลบ ยังมีหน้าตะโกนบอกมาว่า “โยมอยากจะคุยกับหลวงพ่อ แต่ยังไม่ทันได้คุย เลยให้ผมช่วยพามาหา” เออ...ขอบคุณเป็นอันมาก ถ้าลับหลังโยมเมื่อไรขอเตะสักทีเถอะวะ..! เมื่อ “คุณสมสุข” เห็นว่าอาตมาไม่อยากคุยด้วยจริง ๆ ถามคำตอบคำ จึงขอถ่ายรูปด้วยเพื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน โดยมีพระครูปรีชาเป็นตากล้องให้ พอดีมัคคุเทศก์รูปหล่อกับคุณโอเล่พาพรรคพวกชุดสุดท้ายมาถึง อาตมาจึงฉวยโอกาสหลบไปบังข้างหลังกลุ่ม ทิ้งให้ “คุณสมสุข” ยืนเคว้งไปคนเดียว... |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
ลงเรือขากลับ ใครไม่ทำตามกฎก็ว่ายน้ำไปเอง..! เมื่อตรวจนับว่าทุกคนมากันครบแล้ว คุณโอ๋ก็โทรศัพท์เรียกเรือมารับ เมื่อเรือเข้ามาเทียบท่า บรรดานักท่องเที่ยวก็กรูกันขึ้นไปจนอาตมาตาเหลือก แบบนี้จะมีที่เหลือให้พระหรือวะ ? มัคคุเทศก์รูปหล่อบอกว่าไม่ใช่เรือของเรา แม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกัน ของเราเป็นอีกบริษัทหนึ่งซึ่งเหมาลำเอาไว้แล้ว เออ..ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าขากลับจะต้องยืนซะแล้ว... เมื่อเรือของเรามาเทียบท่า ก็เห็นว่านักท่องเที่ยวอื่นเขารู้กันทั้งนั้น เพราะไม่ได้กรูกันมาขึ้นแบบลำก่อน พวกเราชักแถวลงเรือโดยมีเสียงเหี้ยม ๆ ของ “พี่บึ้ก” ย้ำว่า “ห้ามขึ้นหลังคา ห้ามนั่งด้านนอก ต้องเข้าไปนั่งด้านในทั้งหมด” ยกเว้นพระครูด็อกเตอร์ที่ขาพิการเท่านั้น ที่เขายอมให้นั่งอยู่บริเวณท้ายเรือใกล้ ๆ กับพวงมาลัย พวกเราต้องเดินจ๋อง ๆ เข้าห้องท้องเรือไปแต่โดยดี เพราะดูท่าแล้วขืนไปทำตัวมีปัญหา "พี่บึ้ก" ที่ใส่แว่นดำ ท่าทางเหมือนกับลูกน้องของ "ดอน คอลิโอเน่" คงให้ว่ายน้ำกลับเองจริง ๆ..!... “อ๊ายยย..ไม่ได้ค่ะ..!” เสียง "หญิงใหญ่" แหลมปรี๊ดจนทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว แล้วก็เห็นว่าพระครูญาณฯ หย่อนก้นลงไปบนม้านั่งเดียวกัน “ทำไมจะไม่ได้ ก็ตรงนี้ว่างตั้งสองที่” จอมตะแบงเถียงหน้าตาเฉย “พระอาจารย์เป็นพระนะคะ” “เฮ่ย..รู้ เป็นพระครูเจ้าคณะตำบลด้วย” น่าน...ไปได้ลื่น ๆ เลย พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะร้องกรี๊ดขึ้นมาอีก จอมกลั่นแกล้งถึงได้เดินหัวเราะไปหาที่นั่งใหม่... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2017 เมื่อ 03:45 |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
ดู...ดู "พี่บึ้ก" เขาทำ..! เมื่อเรือออกจากท่าอาตมาก็เห็นว่า ที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีหอระฆังสูงลิบ มีโดมที่น่าจะเป็นโบสถ์อีกแห่งหนึ่งนั้น มีรูปปั้นพิลึกกึกกือสีม่วงชมพู ลักษณะเป็นคนอ้วนพุงพลุ้ยแต่ไม่มีแขน แก้ผ้านั่งเหยียดเท้าอยู่บนแท่นริมน้ำ ดูอย่างไรก็หาความสวยไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่เข้ากับบรรยากาศอย่างแรงอีกด้วย เอามาตั้งไว้เพื่อลดความสวยของริมน้ำหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ? อาตมาจึงถ่ายรูปเอาไว้ดูว่าของอัปลักษณ์แบบนี้เขาก็มีแสดงให้ชมเหมือนกัน... ส่งน้ำส้มขวดที่เหลือพร้อมหลอดให้กับหลวงพ่อพระครูเรือง แล้วอาตมาก็ถือกล้องเดินถ่ายรูปรอบห้องท้องเรือ ท่านอาจารย์ ดร.พิเชฐถ่ายวิดีโอ ท่านอาจารย์ ดร.วันชัยถ่ายภาพนิ่ง แต่พออาตมากับท่านอาจารย์หัวหน้าภาควิชาทำท่าจะมุดออกไปทางช่องหัวเรือ “พี่บึ้ก ๒” ก็เอาเชือกและผ้าใบซึ่งน่าจะมีเอาไว้สำหรับกันฝน มาขึงปิดช่องทางแบบหน้าตาเฉย พวกเราหัวเราะกับอาการที่ดูแล้วว่าคงจะเข็ดกับคณะของเราไปอีกนาน... ถึงอยู่แต่ในห้องท้องเรือ แต่มีหน้าต่างกระจกก็ทำให้มองออกไปรอบด้านได้อย่างสบาย ไม่ถึงกับอึดอัดอะไรนัก เรือยอชท์สวย ๆ ลำหนึ่งราคาหลายสิบล้านมีให้ดูเป็นระยะไป เรือสำราญขนาดตึกสามชั้นสี่ชั้นก็มีไม่น้อย ซ้ำยังมีเรือก่อสร้างที่เป็นปั้นจั่นลอยน้ำอยู่หลายลำ แต่ละลำกำลังง่วนอยู่กับการตอกเสาเข็มลงชายฝั่งทะเล ดูจากจำนวนเสาเข็มแล้ว น่าจะเป็นอาคารขนาดมโหฬารระดับหลายพันล้านเลยทีเดียว เรือที่เป็นภัตตาคารลอยน้ำทั้งหลังก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2017 เมื่อ 17:17 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
"ร้านนี้ราคาถูก ๆ" แสดงว่าถูกทุกร้าน ? ย้อนทางเดิมจนมาเทียบท่าที่เราลงเรือครั้งแรก ขึ้นจากท่าแล้วมัคคุเทศก์รูปหล่อพาพวกเราเดินไปยังหมู่ร้านค้าที่ร้องเรียกลูกค้ากันเซ็งแซ่ ภาษาไทยประเภท สวัสดีครับ" "ร้านนี้ราคาถูก ๆ ดังให้ขรมไปหมด ผมให้เวลาพระอาจารย์ทุกท่านจนหกโมงครึ่งนะครับ มาร์โคจอดรถเอาไว้ตรงลานจอดด้านโน้น ถึงเวลาแล้วขอพระอาจารย์ทุกท่านเดินไปขึ้นรถด้วยนะครับ... พวกเราแยกย้ายกันเดินดูสินค้ากันตามอัธยาศัย อาตมามุดเข้าร้านที่มีของที่ระลึกประเภทตุ๊กตุ่นตุ๊กตา จานสำหรับตั้งโชว์ พวงกุญแจ โปสการ์ด หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ ท่านไพฑูรย์ พระครูปรีชา เดินตามเข้ามาด้วย อาตมาชี้ไปที่จานขนาดประมาณ ๘ นิ้ว มีรูปประเภทเรือกอนโดล่า หอระฆังเซนต์มาร์ค และคลองใหญ่ อยู่ข้างใน ถามว่าราคาเท่าไร ? 18 Euros, Sir ตั้งเจ็ดร้อยกว่าบาท 10 Euros, OK ? อีกฝ่ายปฏิเสธเป็นพัลวัน ไม่ซื้อก็ได้วะ..! ท่านพระครู..รบกวนต่อราคาให้ผมหน่อยครับ ผมจะเอาแบบมีรูปเรือนั่น ๕ ใบ หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ ชี้เป้าหมาย อาตมาต่อแทบตายเจ้าของร้านจึงยอมขายให้ในราคาใบละ ๑๒ ยูโร โดยทำท่าน่าสงสาร เรียกอาตมาว่า my friend อีกด้วย ขณะที่เขากำลังจัดการห่อใส่ถุงให้ ท่านไพฑูรย์ก็สั่งแบบเดียวกันบ้าง กูจะบ้าตาย...ทำไมไม่ตัดสินใจให้เร็วกว่านี้วะ ? ไม่อย่างนั้นซื้อล็อตใหญ่ขนาดนี้ต้องได้ใบละ ๑๐ ยูโรอยู่แล้ว... |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
พามาซื้อของที่ร้าน Max เดินหมดอารมณ์ออกจากร้าน มานั่งบนม้านั่งใต้ต้นไม้ไม่ไกลนัก สมุห์สุมิตรรีบส่งน้ำเย็นมาปลอบใจ อาตมาฉันแก้เซ็งไปเกือบครึ่งขวด ประธานรุ่นของเราหิ้วถุงใส่ของที่ระลึกหอบเบ้อเริ่มมานั่งด้วย คงจะซื้อไปฝากลูกคณะเป็นแน่ มีอาบังโพกหัวแบบแขกซิกข์มาแบมือขอวัตถุมงคล อาตมาชี้ไปที่หลวงพ่อพระครูเรือง ท่าน ผอ.โรงเรียนฯ เสกกุมารทองขลังอย่าบอกใครเลย แต่ขอโทษ...กุมารทองพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เหมือนกับเจ้าของ งานนี้จึงแผลงฤทธิ์ไม่ออก ฮ่า... เห็นว่าใกล้เวลานัดหมายแล้ว อาตมาจึงชวนพรรคพวกเดินไปที่รถ นายสันโดษนำรถออกจาก ซอง มารออยู่กลางลานแล้ว ติดเครื่องเปิดแอร์ไว้เสร็จสรรพ คุณโอเล่นับยอดทุกคนที่ขึ้นมา พอครบ ๒๗ คนรวมทั้งตัวเอง มัคคุเทศก์รูปหล่อก็สั่งให้ออกรถ นายสันโดษนำวิ่งย้อนกลับทางเดิม ผ่านหน้าภัตตาคารจีนที่เราฝากท้องไว้เมื่อกลางวัน วนวงเวียนแล้วเลี้ยวขวาออกไปไม่ไกลนัก ก็เลี้ยวเข้าลานจอดรถ ปล่อยพวกเราลงมาแบบมึน ๆ ประมาณว่า ที่นี่ที่ไหนวะ ? ผมจะพาพระอาจารย์ทุกท่านไปช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมจากร้าน Max ครับ ของที่ร้านนี้ราคาไม่แพง เกือบจะเป็นราคาโรงงานเลยครับ ที่สบายใจก็คือเจ้าของร้านพูดไทยได้ ทุกท่านจะได้ต่อราคากันตามสบาย ตามผมมาเลยครับ มัคคุเทศก์รูปหล่อไขข้อกังขาเสร็จ ก็เดินนำพวกเราออกจากลานจอดรถ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนที่มีเลนจักรยานทั้งสองฝั่ง ผ่านบ้านที่มีต้นกุหลาบงามสะพรั่งอยู่ริมรั้ว เลยป้ายรถเมล์ไปไม่ถึงสองร้อยเมตร ก็เห็นธงสารพัดชาติโบกสะบัดอยู่บนป้ายหน้าร้าน โดยมีธงชาติไทยติดอยู่เป็นผืนแรกเลย... |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ใบเล็กซ้ายมือที่เล็งเอาไว้แต่ไม่ได้ซื้อ ร้านนี้เป็นตึกแถวสองชั้น กว้างประมาณ ๕ คูหา ด้านหน้าเป็นกระจกใส ทำให้เห็นสินค้าหลักที่มีทั้งกระเป๋าถือของผู้หญิง กระเป๋าเดินทาง เป้ สารพัดสีสารพัดแบบ สวัสดีครับพี่ ผมพาพระอาจารย์ทุกท่านมาหาซื้อกระเป๋าครับ คุณโอ๋ยกมือไหว้หนุ่มใหญ่ในชุดกางเกงสีน้ำตาลเทา เสื้อเชิร์ตสีขาว ที่รีบยกมือวันทาพวกอาตมาโดยไว นมัสการพระคุณเจ้าทุกรูปครับ นิมนต์เลือกสินค้าได้ตามสบาย ถ้าท่านใดอยากเข้าห้องน้ำก็นิมนต์ด้านโน้นนะครับ... อาตมาตาลายกับข้าวของล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนที่เต็มร้านไปหมด จึงเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน ปล่อยทุกข์เบาเรียบร้อยแล้วค่อยออกมายืนดูอยู่ห่าง ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ขณะที่พรรคพวกเลือกสินค้ากันอุตลุด พร้อมกับถามเจ้าของร้านแบบไม่เกรงใจว่า ทำไมขายราคาต่ำอย่างนี้ ? สินค้ามีตำหนิหรือเปล่า ? อีกฝ่ายก็ใจเย็นสมกับเป็นคนค้าคนขาย ตอบทุกคำถามแบบไม่รู้สึกรำคาญ อาตมาเดินวนแบบช้า ๆ ไปจนเจอมุมกระเป๋าเดินทาง เอ๊ะ...เข้าท่าแฮะ... เป็นกระเป๋ายี่ห้อ Samsonite สารพัดขนาด มีทั้งแบบโพลิเมอร์แข็งขึ้นรูป และแบบผ้าใบหน้าตาดูแข็งแรงทีเดียว แต่ที่สะดุดตานั้นเป็นกระเป๋าเดินทางขนาดหิ้วติดตัวแบบผ้าใบ สีน้ำตาลเหมาะสมกับพระมาก พลิกดูป้ายราคาแล้วใบใหญ่อยู่ที่ ๒๙๕ ยูโร ใบเล็กหิ้วขึ้นเครื่องได้ราคา ๒๕๓ ยูโร ผมว่าน่าใช้มากเลยนะ พระครูวิลาศฯ จะซื้อหรือ ? ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำสิงห์โตทองถาม อาตมาพิจารณาดูแล้ว ถ้าเราไม่หิ้วขึ้นเครื่องเอง เผลอฝากเข้าท้องเครื่องเมื่อไร ของราคาหมื่นกว่าบาทก็คงโดนโยนกระจายเหลือแค่ร้อยเดียวเป็นแน่แท้..! |
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
มะลิวัลย์กับกุหลาบหนูบนรั้วบ้าน โยม...ราคาที่ติดเอาไว้นี่ยังลดอีกได้ไหม ? อาตมาถาม เจ้าของร้านรีบตอบว่า ลดได้อีกเต็มที่ไม่เกิน ๑๕ % ครับพระคุณท่าน อาตมาลองหิ้วใบเล็กดูแล้วกระชับมือมาก ขนาดก็กำลังดี สีสันก็เหมาะสม แต่ถึงจะลด ๑๕ % แล้ว ราคาก็ยังเกือบเก้าพันบาท ถ้าเผลอโดนโยนพังไปจะน่าเสียดายมาก ราคานี้ที่ฝรั่งเศสก็มีครับ ผมเคยไปมาแล้ว ลูกศิษย์หลวงปู่โต๊ะบอกด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว อาตมาจึงวางกระเป๋าลงแล้วเดินดูของอื่นรอบร้านต่อไป... ลูกค้าชุดใหม่กรูกันเข้ามาเต็มร้าน ภาษาจีนกลางดังเอ็ดตะโรจนเวียนหัว จะเลือกซื้อไปทำไมวะ ? ที่บ้านพวกคุณของ ก๊อป เกรดเอราคาถูกกว่านี้ตั้งเยอะแยะ อาตมาหลบขึ้นชั้นบนเดินดูสินค้าไปเรื่อย ข้าวของก็เหมือนกับข้างล่างทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะอยู่ชั้นบนหรือชั้นล่างก็เลือกได้ตามสบายใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่แล้ว อาตมาก็เดินมือเปล่าลงมาชั้นล่าง หลบลูกค้าชาวจีนออกจากร้านไปเลย เพราะอยู่ต่อไปก็ไม่ได้มรรคผลใด ๆ เหมือนกับคนอื่นเขา... เดินย้อนกลับไปลานจอดรถ พร้อมกับถ่ายรูปดอกกุหลาบสวย ๆ ตามรั้วบ้านไปเรื่อย มีทั้งกุหลาบมอญสีแดงสดที่ออกเป็นช่อใหญ่ กุหลาบหนูดอกเล็ก ๆ มะลิวัลย์ที่ดอกพราวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ขึ้นพันเป็นพุ่มยาวไปตามแนวรั้ว บางบ้านก็ขึ้นปนกันไปหมดทั้งสามอย่าง กลับมาถึงลานจอดรถ เห็นนายสันโดษกำลังเอาผ้ายางปูพื้นออกมาสะบัดฝุ่นทิ้ง แล้วจัดการปูใหม่ให้เข้าที่ พอเห็นอาตมาเดินมาถึงก็จัดการติดเครื่องยนต์ เปิดเครื่องปรับอากาศให้ทันที... |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
โรงแรมหน้าตาเหมือนกล่องกระจก ล้วงเอาสมุดบันทึกออกมา จดบันทึกย่อของวันนี้ต่อ รออยู่เกือบชั่วโมงพรรคพวกก็เดินกันมาเป็นพรวน ส่วนมากกลับมามือเปล่ากันแทบทั้งนั้น คาดว่าคงจะคิดแบบเดียวกันกับอาตมา ที่ซื้อของแพงไปแล้วพังก็จะเป็นที่น่าเสียดายมาก คุณโอ๋นับยอดจนมั่นใจว่ามากันครบทุกคนแล้ว ก็บอกให้นายสันโดษออกรถไปยังที่พักของคืนนี้ พอได้ยินว่าจะเข้าที่พักอาตมาก็รู้สึกดีใจ เพราะว่าร่างกายที่ตรากตรำมาทั้งวันทำท่าจะไม่ไหวแล้ว สะโพกก็เริ่มประท้วงด้วยการเจ็บมากขึ้น... ผ่านถนนที่มีพุ่มกุหลาบและไม้ดอกสวย ๆ ปลูกไว้เป็นแถวเป็นแนว ไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงโรงแรมที่หน้าตาเหมือนกับกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า กรุกระจกโดยรอบ บริเวณที่เป็น “ขอบกล่อง” ซึ่งเป็นโครงสร้างคอนกรีต ทาสีส้มสดใส ด้านบนที่เหมือนชายหลังคากรุโลหะเบาประเภทอะลูมิเนียม มีส่วนที่เป็นโครงเหล็กโปร่งเหมือนกับสร้างยังไม่เสร็จ แต่ความจริงแล้วเป็นส่วนที่สร้างคร่อมคลอง เพื่อให้เรือวิ่งจากทะเลเข้ามาจอดในอู่ของโรงแรมได้... นายสันโดษนำรถจอดบนถนนสายในข้างโรงแรม คุณโอ๋ลงไปทำหน้าที่ของตนเอง อาตมาลงจากรถยังไม่ทันที่จะตามไป มัคคุเทศก์รูปหล่อก็ผลุบกลับออกมาประตูจากกระจก ต้อนพวกเราขึ้นรถใหม่ “กราบขอขมาพระอาจารย์ทุกท่านครับ ด้านนี้เป็นด้านหลังของโรงแรม พวกเรามาผิดด้าน ต้องไปเช็คอินกันที่ด้านหน้าครับ” ก็ไอ้กล่องนี้เป็นสี่เหลี่ยมกรุกระจก หน้าตาเหมือนกันทุกด้าน ต่อให้เป็นอาตมาก็คงจะเดินผิดเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าแค่อ้อมไปด้านหน้า อาตมาจึงเดินไปแทนที่จะขึ้นรถ ผ่านน้ำพุสวย ๆ น้ำสีฟ้าใสแจ๋วของทางโรงแรม และอู่ที่มีเรือเร็วส่วนตัวจอดอยู่เต็ม ไปถึงเกือบจะพร้อมกับทุกคนที่นั่งรถไป... |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
มาช้าไปหน่อย...คุณโอ๋รับกุญแจมาเรียบร้อยแล้ว ทางด้านหน้านี้มีอักษร NH Laguna Palace ใหญ่เบ้อเริ่มติดอยู่บริเวณส่วนล่างของผนังตึกชั้นสอง ประตูกระจกทางเข้าที่เปิดขึ้นเหมือนกับเป็นกันสาดนั้น น่าจะสามารถเลื่อนลงมาปิดสนิทเป็นฝากล่องได้ด้วย เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เจอกับล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งมีชุดรับแขกตั้งอยู่หลายชุด พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางทีเดียว ตรงหน้าเป็นเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สีฟ้าอ่อนใสเหมือนกับน้ำทะเล ข้างขวามือเป็นกระถางดอกไม้หน้าตาเหมือนกับแจกันขนาดใหญ่ ใบสีขาวที่อยู่ข้างชุดรับแขกปลูกต้นไม้ในร่ม หน้าตาคล้ายว่านเสน่ห์จันทร์เขียวของบ้านเรา ส่วนใบสีม่วงแดงตรงมุมห้อง มีต้นไม้ที่ลำต้นคล้ายกับต้นจันทน์ผา แต่ใบหยิกสลวยลงมาเหมือนใบว่านเศรษฐีขอดเงิน... ด้วยความที่เดินมาช้ากว่ารถ คุณโอ๋กับคุณโอเล่เจรจากับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเสร็จแล้ว รับเอาบัตรกุญแจ (Key Card) มาแจกให้กับพวกเรา ของอาตมากับหลวงพ่อพระครูเรืองได้ห้องหมายเลข ๓๕๑ ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมบอกว่า ต้องเดินทะลุอาคารนี้ไปยังที่พักซึ่งเป็นอีกอาคารหนึ่ง พวกเราจึงแปลงร่างเป็นเขมรอพยพ หอบ “สมบัติบ้า” พะรุงพะรังเดินตามคุณโอ๋ไปเป็นงูกินหาง... ผ่านประตูกระจกออกไปทางด้านหลัง ตรงนี้เป็นลานกว้างยาวตลอดตัวอาคาร มีชุดนั่งเล่นตั้งเรียงรายอยู่หลายชุด หลังคาเป็นกระจกรับแสงที่ตั้งใจให้นั่งอาบแดดไปในตัว ถัดจากลานนั่งเล่นเป็นอู่จอดเรือที่มีเรือเร็วส่วนตัวจอดอยู่แน่นไปหมด ผ่านไปตามทางเดินที่เชื่อมกับอาคารอีกหลัง เวรเอ๊ย...ที่พักของพวกเราก็คือไอ้หลังที่นายสันโดษเอารถมาจอดทีแรกนั่นแหละ ดันให้เดินวนเสียรอบใหญ่ ทุกคนเมื่อเห็นตามที่อาตมาชี้บอกก็บ่นกันพึม ไปยืนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทางโรงแรมอยู่ที่หน้าลิฟท์... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 13-03-2017 เมื่อ 17:45 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
กล่องที่หน้าห้องพักหน้าตาคล้ายแบบนี้แหละ (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) อาตมาไม่ค่อยจะใช้เครื่องทุ่นแรงกับใคร จึงเดินขึ้นบันไดสเตนเลสหน้าตาพิลึกขึ้นไปข้างบน ผ่านที่พักชั้นที่สองไปจนถึงชั้นที่สาม จึงถึงบางอ้อว่าทำไมถึงรู้สึกว่าบันไดของที่นี่หน้าตาพิลึก ก็เพราะว่าเขาตกแต่งภายในเหมือนกับห้องท้องเรือ บันไดจึงเหมือนกับบันไดในเรือไปด้วย มายืนรอหลวงพ่อพระครูเรืองอยู่พักใหญ่ จนท่าน ผอ.โรงเรียนฯ โผล่ออกมาจากลิฟท์ซึ่งเป็นเที่ยวที่เท่าไรก็ไม่รู้ ? จึงชวนกันเดินไปห้องพักหมายเลข ๓๕๑ ซึ่งแค่เลี้ยวขวาจากหน้าลิฟท์ไปก็ถึงแล้ว... ไปยืนงงอยู่ตรงหน้าห้อง เพราะว่าไม่มีช่องให้เสียบบัตรกุญแจเลย ทั้งที่มีกล่องแบบเสียบบัตรอยู่ แต่ว่าซ้ายขวาบนล่างล้วนแล้วแต่ตันสนิท อาตมาลองขยับกล่องเผื่อว่าจะมีบานเลื่อนให้เปิดช่องก็ไม่มี จะหวังพึ่งหลวงพ่อพระครูเรืองหรือ ? ท่านก็อยู่ “หลังเขา” ไกลกว่าอาตมาอีก “แค่เอาบัตรเลื่อนผ่านหน้ากล่องไปเท่านั้นขอรับ” ได้ “ผีไฮเทค” มาช่วยชีวิตไว้ พอเอาบัตรเลื่อนผ่านเสียงประตูก็ปลดล็อกดังคลิก อาตมาผลักเปิดเข้าไป เห็นทางขวามือมีช่องให้เสียบบัตรกุญแจแบบที่รู้จัก จึงเอาบัตรเสียบเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน... ห้องพักเป็นเตียงคู่ ปูผ้าไว้ตึงเปรี๊ยะ อาตมาถอดจีวร รองเท้า ถุงเท้า อย่างรวดเร็ว แล้วมุดเข้าห้องน้ำไปก่อน ภายในมีอ่างอาบน้ำอยู่ในห้องกระจกแยกส่วนออกไปจากโถส้วม จัดการแปรงฟันที่อ่างล้างหน้า แล้วจึงมุดเข้าห้องกระจกไป ฉีกซองเอาสบู่ก้อนเล็กของทางโรงแรมมาใช้งาน เปิดน้ำเย็นที่เย็นจนสะดุ้ง จนต้องโยกหัวก๊อกไปทางน้ำร้อนเอาแค่พออุ่น สรงน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาเปลี่ยนให้หลวงพ่อพระครูเรืองเข้าไปบ้าง กำชับท่านว่าถ้ายืนในอ่างน้ำให้ระวังลื่นด้วย เคยมีคนล้มหัวฟาดเดี้ยงมามากต่อมากแล้ว จัดการเปิดกระเป๋าเอาเสื้อไหมพรมแขนยาวมาใส่ แล้วเปิดโน้ตบุ๊ก เอาแผ่นความจำจากกล้องไปเสียบ โหลดรูปของวันนี้ทั้งหมดออกมาลงเครื่องแทน... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 13-03-2017 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
โรงแรมติดกับทะเลหลวง ถึงได้มีเรือมาจอดจนแน่นอู่แบบนี้ จัดการลดขนาดรูปเหลือแค่ ๘๐๐ X ๖๐๐ ยังไม่ทันเสร็จก็มีเสียงเคาะประตู พอเปิดออกไปเจอพนักงานโรงแรมขนกระเป๋ามาให้ แต่มาผิดห้อง...ของตูเป็นสีน้ำเงินคาดแดงเว้ย..! อีกฝ่ายร้อง Sorry Sorry แล้วเผ่นไปหอบใบของอาตมากับหลวงพ่อพระครูเรืองมาให้ อ้าว...ก็รู้นี่หว่า ? แล้วทำไมเมื่อกี้นี้เอามาผิดวะ ? พอดี หญิงใหญ่ ที่ทำตัวเป็นแม่ค้าหาบเร่ ยกกระบะใส่สารพัดปานะ ทั้งที่พระฉันได้และฉันไม่ได้แต่ก็จะฉันมานำเสนอ อาตมายกมือเหมือนพระปางห้ามญาติ เป็นเชิงบอกว่าไม่รับ อีกฝ่ายจึงหดหน้ากลับไปนำเสนอที่ห้องอื่น... เสียงเคาะประตูอีกรอบ หลวงพ่อพระครูเรืองที่ออกจากห้องน้ำมาแล้ว เป็นคนไปเปิด เจอหน้าคุณโอเล่ที่มานำเสนอ สินค้า อีกตามเคย หลวงพ่อเล็กจะรับอะไรดีครับ ? อาตมาโบกมือยืนยันเจตนารมณ์แน่วแน่ ท่านจึงหยิบเอากาแฟของตัวเองมา ๑ ซอง หลวงพ่อรับอะไรเพิ่มไหมคะ ? คราวนี้เป็น หญิงใหญ่ ที่คอน หาบเร่ วนกลับมาอีกรอบ สงสัยว่าไม่มีน้ำแดงให้เลี้ยงน้องกุมารทอง ท่าน ผอ.โรงเรียนฯ ก็เลยไม่สนใจเช่นกัน... อาตมาถอดแบตเตอรี่ในกล้องออกมาใส่ที่ชาร์จ เสียบปลั๊กทิ้งเอาไว้ แล้วเอาก้อนสำรองใส่เข้าไปแทน ลากผ้าห่มลงมาปูที่พื้นข้างซอกเตียง กราบพระสามครั้งแล้วนอนภาวนา ส่งใจขึ้นไป ข้างบน เห็น ท่านผู้นำ กับบริวาร ล้อมโรงแรมยาวออกไปถึงทะเลหลวง เฮ้ย...มองด้วยสายตา ผี ถึงได้รู้ว่าโรงแรมแห่งนี้ติดกับทะเล สร้างคร่อมคลองซอยเอาไว้ มิน่าล่ะ...ถึงได้มีเรือมาจอดเต็มอู่ขนาดนั้น ช่างตั้งใจทำเพื่อเอาใจ ชาวเล กันอย่างสุด ๆ ไปเลย วันนี้เดินทางระยะสั้นมาก จึงไม่ได้ทำวัตรเย็นกันบนรถ ต่างคนต่างปฏิบัติกันเองตามอัธยาศัยในห้องพักไปเลย... |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|