|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
ถาม : การฝึกเตโชกสิณ หากเราใช้คาถาเงินล้านเป็นคำภาวนาแทนคำว่า "เตโชกสิณัง" เมื่อถึงฌานสี่ เราสามารถใช้ผลของเตโชกสิณได้ตามปกติ เหมือนคำภาวนาว่า "เตโชกสิณัง" ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีของเก่าแต่ชาติก่อน ๆ ก็ฝันไปเถอะว่าจะได้..! เหมือนอย่างกับเรียนวิชาวิทยาศาสตร์แล้วเอาคำตอบวิชาสังคมมาตอบ การปฏิบัติกรรมฐานจำเป็นต้องใช้คำภาวนาให้ตรงกับกองกรรมฐานด้วย ถ้าเราปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทำให้จริง ๆ จัง ๆ ก็สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ทั้งหมด ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งของเรายังไม่ได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์จริง ๆ ก็อย่าเพิ่งโลภมากไปเอาอย่างอื่นมาปฏิบัติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2016 เมื่อ 20:24 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : อยากให้ท่านเล่าเกี่ยวกับองค์พระกษิติครรภโพธิสัตว์ครับผม
ตอบ : ไปเสิร์ชเอาใน Google มีเยอะเลย พระกษิติครรภโพธิสัตว์เป็นพระโพธิสัตว์สายมหายาน ท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ตราบใดที่วัฏสงสารยังมีสัตว์เวียนว่ายตายเกิดอยู่ ท่านจะไม่เข้าพระนิพพาน ท่านไม่ได้ขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย แต่ถ้ายังมีสัตว์เวียนว่ายตายเกิดอยู่ท่านก็ไม่ไป ถ้าเป็นความคิดของอาตมา ท่านไม่ได้ไปหรอก เพราะคนสุดท้ายก็คือท่านนั่นแหละ ถ้ายังมีตัวเองอยู่ก็ไม่ต้องไปกันสักที..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-02-2016 เมื่อ 20:36 |
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : จะลองมาทำธุรกิจค้าขายเครื่องดนตรีครับ อยากทราบว่าเป็นบาปไหมครับ ? เพราะผมคิดว่าเครื่องดนตรีทำให้คนลุ่มหลงครับ กลัวเป็นบาป เลยลังเลอยู่ครับ
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นชาตินี้คุณไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรอก เพราะทุกอย่างเป็นสมมติให้คนยึดติดและหลงทั้งนั้น..! ถาม : สรุปว่าบาปไหมครับ ? ตอบ : ถ้าพยายามคิดก็บาป เรื่องการทำมาหากินที่เป็นสัมมาอาชีวะ ถ้าไม่ได้ผิดศีล ไม่ได้ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ทำไป ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องก็พยายามคิดจนใจเศร้าหมอง หาเรื่องลงนรกให้ตัวเองได้ก็นับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2016 เมื่อ 20:26 |
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : สมัยที่ผมฝึกสมาธิแล้วมีอุปกิเลสเข้ามา ตอนนั้นผมได้เห็นแสงสว่างสีขาวจ้าอย่างกับดวงอาทิตย์มาอยู่ตรงหน้า พระพุทธเจ้าท่านบอกหรือเปล่าครับว่า แสงสว่างเหล่านี้มีเหตุปัจจัยอะไรถึงเกิดขึ้น ?
ตอบ : เหตุเพราะจิตเริ่มสงบจึงเกิดขึ้นได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 09:24 |
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถาม : ตัวผมได้สร้างกลุ่มในเฟซบุ๊ก ซึ่งผมและเพื่อนสหายธรรมอีกคนหนึ่งช่วยแชร์คำสั่งสอนของหลวงพ่อฤๅษี, หลวงพ่อเล็ก และพระขีณาสพหลาย ๆ ท่าน หรือพระพุทธวจนะบ้าง อยากทราบอานิสงส์ในชาตินี้ว่าบุญเหล่านี้จะส่งผลในชาติปัจจุบันอย่างไรครับ ? หรือต้องไปรอชาติหน้าอย่างเดียว ?
ตอบ : ถ้าแชร์คำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง อานิสงส์อาจจะติดคุกชาตินี้ เพราะเขามีลิขสิทธิ์อยู่...! ถ้าของอาตมาหรือท่านอื่น ๆ ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ก็ไม่เป็นไร ส่วนใหญ่การกระทำทุกอย่างมักจะสัมฤทธิ์ผลในชาติถัด ๆ ไป ยกเว้นว่าเรากระทำได้ต่อเนื่องยาวนานพอก็อาจจะเห็นผลในชาตินี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2016 เมื่อ 20:37 |
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : ตัวผมอายุ ๑๙ ปี ก็เป็นวัยรุ่น มีอารมณ์รักหญิง อยากมีแฟนเป็นธรรมดา แต่ผมอยากเป็นแบบขุนแผน ต่อให้มีเมียมากแค่ไหน แต่พอเวลาจะทำสมาธิ นึกเข้าฌานนั้นฌานนี้ได้เลย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : หัดมีเมียก่อน..! พอมีเมียและทำสมาธิได้แล้ว ค่อยซักซ้อมสมาธิให้คล่องตัว แต่มีปัญหานะ...ถ้าเข้าสมาธิก็จะไร้อารมณ์ โปรดระวังเมียถีบตกเตียง...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2016 เมื่อ 20:37 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : ตัวผมไม่มีความรู้ด้านพระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ เลย ไม่ทราบว่ามีวัตถุมงคลหรือพระเครื่องใดที่สามารถทำให้ผมทำสมาธิดียิ่งขึ้น ทรงฌานสมาบัติดียิ่งขึ้นครับ ? ถ้าจะดีขอให้หลวงพ่อเมตตาช่วยเก็บไว้เหลือให้ผมสักองค์ก็ดีครับ (ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก)
ตอบ : ใช่...ถ้าผู้นั้นเอาเงินมาให้ตอบจะยิ่งเป็นที่รัก...! วัตถุมงคลทุกชนิด ถ้าเป็นรูปพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราตั้งใจระลึกถึงในลักษณะของอนุสติ ย่อมส่งผลให้การปฏิบัติของเราดีขึ้นอยู่แล้ว เพียงแต่จะทำจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2016 เมื่อ 20:38 |
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : ผมสงสัยว่า ถ้าทำกสิณสีเหลืองจนเป็นฌานสี่ได้ จะเสกสิ่งของให้เป็นทองได้ใช่ไหมครับ ? ถ้าผมจะเสกพวกก้อนหินให้เป็นทองแล้วเอาไปขาย จะผิดหรือไม่ครับ ? แล้วทองนั้นจะกลับมาเป็นหินหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเราทำได้คล่องตัวเท่าไร ทรงฌานสี่อย่างเดียวถ้าอธิษฐานใช้งานไม่เป็น ก็ไม่สามารถที่จะเสกอะไรได้ ถ้าทำปีตกสิณจนคล่องตัวใช้งานได้ สามารถเสกวัตถุต่าง ๆ เป็นทองได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะหินหรือดิน แต่มีข้อแม้ว่าต้องจำกัดเวลาไว้ ถ้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ท่านที่ครอบครองก็ยังครอบครองทองอยู่ แต่ถ้าหมดระยะเวลาเมื่อไร ก็จะกลายเป็นวัตถุเดิม ก็แปลว่าคุณกำลังจะสร้างความลำบากให้แก่คนอื่นแล้ว ส่วนใหญ่ท่านที่ทำได้ มักจะเสกสิ่งของเป็นทอง เพื่อสร้างวัตถุสำคัญไว้ในพระศาสนา ไม่ได้ทำเพื่อความร่ำรวยส่วนตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-02-2016 เมื่อ 17:01 |
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : คนที่เกิดมาได้ตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือตำแหน่งที่มีเกียรติ เป็นเพราะทำกรรมอะไรเอาไว้ครับ หรือถวายของสิ่งใดครับจึงได้อานิสงส์นี้ ?
ตอบ : อันดับแรก...เคยสร้างพระพุทธรูปไว้ อันดับสอง...เคยสร้างธรรมาสน์เทศน์ ตาลปัตร หรืออาสนะพระไว้ อันดับที่สาม...เป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ตกลงว่าเคยทำสักอย่างไหมนี่ ? ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ แต่ถ้าต้องการให้ได้จริง ๆ ก็ทำให้ครบทุกอย่างไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:31 |
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : คืนหนึ่งฝันว่ามีพระร่างใหญ่ ๆ มาบอกคาถา โดยเขียนฝ่าอากาศไปที่แผ่นไม้ ดูดำ ๆ มัว ๆ เพ่งดูดี ๆ ได้คำว่า สมติงสบารมี เลยนำมาภาวนาดู อารมณ์นิ่งดีมากครับ กามก็ไม่กำเริบ กระผมควรใช้เป็นคำภาวนาต่อไปไหม ? และคำภาวนานี้เมื่อถึงที่สุดจะให้ผลทางไหน ?
ตอบ : ท่านบอกให้สร้างบารมี ๑๐ ให้เต็ม ไม่ใช่ให้ไปนั่งภาวนา สมติงสบารมี คือ บารมี ๓๐ ทัศน์ ก็คือบารมี ๑๐ หยาบ กลาง ละเอียด สามคูณสิบก็ได้สามสิบแล้ว ยังดีนะ...อย่างน้อยก็ได้ประโยชน์ เอาไปภาวนาได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าคน ๆ หนึ่งทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำโดยไม่คำนึงถึงว่าตนเองจะเดือดร้อน และไม่ได้ไปประกาศบอกถึงความดีของตนให้ผู้อื่นรับรู้ ทำไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต จำเป็นหรือไม่ว่าคนนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ ? อย่างเช่น ปอ ทฤษฎี นักแสดงที่เพิ่งเสียชีวิตไป ก็กระทำความดีแบบไม่ป่าวประกาศ จนความดีมาชัดเจนเอาตอนที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
ตอบ : ใช่หรือไม่ใช่ คุณก็ขึ้นรถขบวนนั้นแล้ว ถึงเวลาก็ถึงจุดหมายนั้นเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : คนที่จะตัดราคะกิเลสได้ จะต้องไม่ติดในรสของอาหารด้วย ใช่หรือไม่คะ ?
ตอบ : รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ทุกอย่าง ก็ไม่ติดด้วย ไม่ใช่ไม่ติดในรสอาหารอย่างเดียว ถาม : บุคคลที่เป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ ท่านเห็นอาหารเสมือนเป็นปฏิกูลหรือธาตุใช่หรือไม่คะ ? ตอบ : เปล่า...เห็นเป็นเครื่องยังชีพอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เวลาที่ไปพิจารณาเป็นปฏิกูลจะไปเห็นอะไร เพียงแต่สติปัญญาของท่านว่องไวมาก แค่เห็นก็รู้แจ้งตลอดแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปพิจารณาแบบเรา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:33 |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : บุคคลที่มีวิสัยมาทางธรรม ชอบเข้าวัดปฏิบัติ มักไม่ค่อยมีคู่ครอง ต่อให้พยายามที่จะมีคู่แต่ก็หาไม่ได้เสียที เกี่ยวกันหรือไม่ว่าโดนบังคับให้บำเพ็ญเนกขัมมบารมี ?
ตอบ : ไม่ใช่หรอก อาตมาเจอหนุ่มอยู่คนหนึ่ง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แต่ไม่มีคู่เสียที เพราะเขาไม่รู้กาลเทศะ ประเภทเจอสาวคนไหนที่ชอบก็จอดรถเทียบ "ขึ้นมา..จะไปส่ง...!" แล้วใครจะกล้าไปด้วย ? ถาม : ไม่ได้เกี่ยวกับเนกขัมมะ ? ตอบ : อาจจะมีเกี่ยวบ้าง แต่ต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:34 |
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเรามีอคติกับคนอื่น โดยคิดกับเขาในแง่ลบ เห็นเขาทำอะไร ๆ ก็มองในแง่ไม่ดีไปหมด ตรงจุดนี้เป็นเพราะโทสะ เป็นเพราะการปรุงแต่งของเรา หรือเป็นเพราะวาระกรรมครับ ?
และต้องแก้ไขอย่างไรครับ ? ตอบ : อาจเป็นวาระกรรมที่เนื่องกันมาว่าเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการปรุงแต่งของโทสะ วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด คือ หมั่นแผ่เมตตาให้เขาบ่อย ๆ จนกระทั่งจิตใจเราอ่อนโยนลง และยอมรับว่า เขาคือเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:35 |
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : มีคำพูดว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของที่พูดได้ยังไม่จริง" ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นครับ ? ต้องเป็นอย่างนี้เสมอไปหรือครับ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลมีสี่ประเภท ประเภทที่หนึ่ง เหมือนหม้อเปล่าเปิด ก็คือ ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร โม้สะบั้นหั่นแหลกอย่างเดียว ประเภทที่สอง เหมือนหม้อเปล่าแต่ปิด ไม่มีความสามารถแต่ก็ไม่คุยโม้หลอกใคร ประเภทที่สาม เหมือนหม้อเต็มที่เปิด มีความสามารถจริง แสดงออกให้คนอื่นเห็นเป็นปกติ ประเภทที่สี่ เหมือนหม้อเต็มที่ปิด มีความสามารถก็ปกปิดตัวเอง ไม่บอกกล่าวให้ใครรู้ เพราะฉะนั้น...ท่านที่พูดวาจาแบบนั้น ก็แปลว่าเก็บของพระพุทธเจ้ามาแค่ครึ่งเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:36 |
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : หนูยังไม่เคยได้ขึ้นมโนมยิทธิ แต่ว่าลองฝึกแบบฝึกหัดสำหรับฝึกเลื่อนฌานขึ้น ๆ ลง ๆ ตามที่หลวงพ่อได้เคยบอกไว้ที่บ้านอนุสาวรีย์ฯ แล้วเวลาคิดถึงหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษี และพระพุทธเจ้าได้ พอนึกแล้วก็เห็นท่านเลย รู้สึกได้ว่าท่านมาหา และหนูสามารถไปหาท่านได้ รู้สึกได้ถึงจิตกับกายที่แยกจากกัน แล้วก็เห็นตัวเองเป็นพระสงฆ์ไปกราบพระพุทธเจ้า หลวงปู่กับหลวงพ่อ หนูควรทำอย่างไรต่อไปคะ ?
ตอบ : ต่อไปถ้าต้องการรู้เรื่องอะไรก็ถามพระ หรือถามหลวงปู่หลวงพ่อท่านโดยตรง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:37 |
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : มีผ้ายันต์พิชัยสงคราม แต่ผ้ายันต์มีบางจุดที่เป็นรู อานุภาพยังเท่าเดิมไหมครับ ?
ตอบ : ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา แค่เศษผ้าของผ้ายันต์พิชัยสงครามก็มีอานุภาพเหมือนกับของจริงทั้งผืน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:37 |
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาติดสอบพระอุปัชฌาย์ตั้งแต่วันที่ ๓-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ดังนั้น...การรับสังฆทานและสอนกรรมฐานในเดือนกุมภาพันธ์ จึงต้องเลื่อนมาเป็นปลายเดือนมกราคมนี้ ส่วนของเดือนมีนาคมก็ยังมีตามปกติ คือ วันที่ ๔-๕-๖ มีนาคม ๒๕๕๙
แต่ถ้ามีคำสั่งด่วนมาให้พระอุปัชฌาย์ใหม่ไปปฏิบัติธรรม ก็ต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการที่ได้กำหนดเอาไว้ จนกว่าจะพ้นการปฏิบัติธรรมของพระอุปัชฌาย์ใหม่ไปแล้ว จึงสามารถกำหนดการรับสังฆทานและสอนกรรมฐาน ให้เป็นไปตามกรอบที่เคยทำอยู่ ระยะนี้อาจจะทำให้บางท่านกำหนดวันลาลำบากหน่อย ก็เลือกเอาวันที่พวกเรามาทำบุญได้ ถ้ามาไม่ได้ก็ฝากคนอื่นมาทำบุญก็แล้วกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2016 เมื่อ 03:39 |
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
"ถ้าอาตมาเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ก็อาจจะบวชพระปีละครั้งเดียว โดยปีนี้ก็จะบวชหมู่ถวายหลวงพ่อฤๅษีครบ ๑๐๐ ปี ประมาณเดือนมิถุนายน บรรดานาคทั้งหลายถ้าจะบวชก็ให้เข้าวัดตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ อยู่ปฏิบัติเป็นนาคประมาณ ๑ อาทิตย์
การบวชคาดว่าจะเป็นวันที่ ๑๕ และ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ และบวชอยู่อีกประมาณ ๑๐ วัน ไปสึกเอาวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ หรือใครจะอยู่จำพรรษาเลยก็เท่ากับบวชนานขึ้นอีกนิด ที่ต้องบวช ๒ วันเพราะว่าบวชเป็นร้อยรูป แล้วมีพระอุปัชฌาย์อยู่รูปเดียว วันเดียวย่อมไม่เสร็จแน่นอน ยกเว้นว่าท่านใดยอมไปบวชที่วัดอื่น ถ้าใครจะบวชก็วางแผนลายาว ๆ หน่อย หรือถ้าเจ้านายไล่ออก เราก็ฝืนบวชต่อจนเป็นพระอรหันต์ไปเลย..! เหตุที่ไม่บวชเองทั้งสี่ครั้ง เพราะพระอุปัชฌาย์ท่านอื่นของทองผาภูมิจะไม่มีผลงานไปรายงาน ถ้าไม่มีผลงานเดี๋ยวเจอข้อหาละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดนปลดออกก็ซวยอีก จึงแบ่งให้ท่านอื่นได้บวชบ้าง แต่จะมีอีกครั้งหนึ่งที่บวช คือ บวชสามเณรภาคฤดูร้อน ซึ่งจะเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี น่าจะประมาณ ๑๐ วัน แต่สามเณรชุดนั้นจะระบุชัดเจนว่าเป็นของโรงเรียนไหน เพราะวันสึกจะได้รับทุนการศึกษาด้วย เป็นทุนพิเศษที่ทางวัดท่าขนุนมอบให้ โทษฐานที่ยอมมาบวชโดยไม่กลัวโดนฟาดตูด..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-02-2016 เมื่อ 12:17 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องการเลี้ยงสัตว์ ถ้าเราไม่ได้รักจริง ๆ อย่าไปเลี้ยงเขา เพราะเราจะเลี้ยงเฉพาะตอนที่เขาตัวเล็ก ๆ น่ารักเท่านั้น พอโตขึ้นมาหน่อย เราเห็นว่าเขาหมดความน่ารัก เราก็ไม่ต้องการอีกแล้ว แต่เวลาสัตว์เขารักเรานั้นเขารักจริง และจดจำไปตลอดชีวิต เคยดูคลิปที่เขาเอาสิงโตมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ พอโตขึ้นเจ้าของเลี้ยงไม่ไหว ก็เลยเอาไปปล่อยที่อุทยาน ผ่านไปปีกว่าย้อนกลับไปเยี่ยม สิงโตกระโดดกอดเลย ทั้ง ๆ ที่สิงโตล่าสัตว์กินเองมาตั้งนานแล้วนะ เขายังจำคนที่เลี้ยงเขาได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2016 เมื่อ 20:10 |
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|