กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-09-2024, 17:39
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 412
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 21,447 ครั้ง ใน 892 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-09-2024, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,313
ได้ให้อนุโมทนา: 153,989
ได้รับอนุโมทนา 4,440,714 ครั้ง ใน 34,918 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพตรงไปยังวัดประยุรวงศาวาส วรวิหารตั้งแต่เช้ามืด รบกวนท่านเจ้าคุณอาทิตย์ - พระโสภณวชิรวาที, ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) ดร. เลขานุการของหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ อาศัยที่ทำงานของท่านเป็นที่พัก บอกกับว่า "ถ้าหากว่าผมไม่มาเวลานี้ ก็คงจะรถติดจนท้อใจแล้วก็เลิกมาไปเลย..!"

โดยเฉพาะสถานที่จอดรถนั้น
กระผม/อาตมภาพไม่อยากจะไปรบกวนสถานที่จอดรถของพระเถระ จึงได้ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ถอยรถเข้าไปอุดหน้าสำนักงานเลขานุการเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร ไปเลย ทำเอาท่านเจ้าคุณอาทิตย์ซึ่งกราบกระผม/อาตมภาพแล้ว ขอตัวไปดูว่าหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. จะออกมาต้อนรับเมื่อไร ต้องเดินอ้อมโรงทานไปออกอีกฝั่งหนึ่ง เพราะว่าทางเข้าออกโดนปิดไปเสียแล้ว..!

พระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร, เมตตาลงมาตั้งแต่ ๗ โมงเช้า เพื่อให้กระผม/อาตมภาพถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่ท่านเจริญอายุวัฒนมงคล ๖๙ ปี กราบเรียนกับท่านว่า "ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันพระใหญ่ กระผมก็คงจะติดงานประเมินเพื่อยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ไม่มีโอกาสมากราบสักการะอย่างแน่นอน" แล้วถวายปัจจัยเพิ่มกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑๐๐,๐๐๐ บาท

จากนั้นก็กราบลาท่าน เดินทางฝ่ารถติดกลับที่พัก เมื่อมาถึงแล้วก็นอนสลบไสล เนื่องเพราะว่าอาการมาลาเรียนั้น ถ้าพักผ่อนไม่พอเมื่อไรไข้ก็จะจับทันที เพียงแต่ว่ารู้จักมักจี่กันมาจนคุ้นเคยกันดีแล้ว ถึงเวลาก็ระมัดระวังป้องกันตัวได้ทัน รู้ตัวก็รีบนอนพักโดยเร็ว

ครั้นลุกขึ้นมาจากการนอนภาวนาก็เป็นเรื่องอีก เพราะมีผู้ส่งคลิปมาให้ดูในกลุ่มไลน์ว่า มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งตีความว่า "ศีล ๘ นั้นห้ามค้าขาย..!" ก็คือต้องประพฤติอย่างพรหม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถึงจะเรียกว่าประพฤติอย่างพรหม ไม่ใช่ไปค้าขาย กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจว่า "สมัยนี้ทำไมผู้รู้ถึงได้มีมากขนาดนี้ ? แล้วแต่ละท่านก็หารู้จริงได้ยากเสียด้วย..!"

คำว่าศีล ๘ ที่เป็นศีลพรหมจรรย์นั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้เว้นจากเมถุนธรรม คือการร่วมเพศ แม้ว่าจะเป็นสามีภรรยาก็ต้องงดเว้น พูดง่าย ๆ ก็คือประพฤติอย่างพรหม ได้แก่อยู่คนเดียว

คำว่า พรหมจรรย์ หรือ พฺรหฺมจริยา แบบอย่างพรหมนั้น ในที่นี้หมายถึงการเว้นเมถุนธรรมด้วยการมีเพศสัมพันธ์แบบสามีภรรยา ถ้าหากว่าไม่มีเพศสัมพันธ์ สัมผัสจับต้องเนื้อตัวกันโดนบังเอิญหรือว่าขาดสติ ก็ถือว่าเป็นศีลด่าง ศีลพร้อย ไม่ใช่ว่ารักษาศีล ๘ แล้วไม่สามารถที่จะค้าขายได้ เรายังคงสามารถค้าขายได้ตามปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-09-2024, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,313
ได้ให้อนุโมทนา: 153,989
ได้รับอนุโมทนา 4,440,714 ครั้ง ใน 34,918 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุคคลที่รักษาศีล ๘ นั้นก็ย่อมที่จะมีสติระมัดระวังมากกว่าศีล ๕ ดังนั้น..การค้าขายก็จะเป็นไปโดยตรงไปตรงมามากกว่า ประกอบไปด้วยเมตตา กรุณามากกว่า แล้วทำไมถึงมากล่าวว่าศีล ๘ นั้นห้ามค้าขาย ? ถ้าเป็นเช่นนั้น บุคคลในยุคสมัยพุทธกาลซึ่งท่านเป็นมหาเศรษฐีบ้าง เป็นคหบดีบ้าง ก็คงไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันพอดี เพราะว่ายุคสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็ทำมาค้าขายกันทั้งสิ้น

อีกส่วนหนึ่งก็คือมีผู้ถามว่า แม้องค์สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระวินิจฉัยและกล่าวบอกบุคคลผู้หนึ่งไปว่า "ให้สอนธรรมให้ตรงกับพระไตรปิฎก" ก็ยังมีการนำเอาพระโอวาทไปแถข้างแบบสีข้างถลอกอีก..! กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวไปว่า ในเมื่อเรารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ ก็แปลว่าเราเป็นผู้ที่มีสภาพจิตละเอียดกว่า ก็จงให้อภัยแก่บุคคลผู้นั้น หวังว่าเขาจะพ้นจากความมืดบอดเสียที แม้องค์ประมุขสงฆ์ได้เมตตาบอกกล่าวไปขนาดนั้นแล้ว ก็ยังทำเป็น "ไขสือ" แถข้างไป กล่าวแต่ในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ตน

ทำให้กระผม/อาตมภาพอดที่จะชื่นชมบรรดาพระภิกษุในสมัยพุทธกาลไม่ได้ ในยุคนั้นแม้ว่าท่านจะทำในสิ่งที่น่าเกลียดน่าชัง ล่วงละเมิดศีลขนาดไหนก็ตาม เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอกระทำเช่นนั้นหรือ ?" "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอกล่าวเช่นนั้นหรือ ?" บุคคลผู้นั้นก็จะรับว่า "ใช่พระเจ้าข้า" หรือว่า "ใช่ ขอรับเจ้าข้า"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะตรัสตำหนิว่า การกระทำที่ผิดพลาดเช่นนั้นจะก่อให้เกิดโทษอย่างไร ถ้ากระทำถูกต้องแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ถ้าการกระทำนั้นยังไม่มีข้อห้าม ก็จะบัญญัติศีลขึ้นมา ถ้ามีศีลแล้วยังมีการแถข้างไป ก็จะทรงตั้งอนุบัญญัติขึ้นมา เพื่อห้ามบุคคลที่ชอบเลื้อยเป็นปลาไหล ไม่ยอมรับในสิ่งที่พระองค์ท่านบอกกล่าวไปตรง ๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กำลังใจของคนสมัยพุทธกาล แม้ว่าจะทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ตาม แต่ท่านมีคุณงามความดี ก็คือผิดก็ยอมรับว่าผิด ใช่ก็ยอมรับว่าใช่ ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ที่ถึงเวลาแล้วก็กล่าวเฉพาะในส่วนที่เป็นประโยชน์ของตนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-09-2024, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,313
ได้ให้อนุโมทนา: 153,989
ได้รับอนุโมทนา 4,440,714 ครั้ง ใน 34,918 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกคลิปหนึ่งที่เขาแชร์กันอยู่ในกลุ่มไลน์ก็คือความน่ารักของ "หมูเด้ง" ลูกฮิปโปแคระในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ซึ่งใช้คำว่า สามารถ "ตกแฟน" ได้ทั่วโลก แม้กระทั่งในประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลี จนกระทั่งนิตยสารไทม์ยังต้องนำเรื่องความน่ารักของลูกฮิปโปแคระตัวนี้ไปลง แปลว่าโด่งดังไปทั่วโลกจริง ๆ

กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าเกิดจากสองสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือ ไม่ว่าลูกคนหรือว่าลูกสัตว์ จะต้องมีความน่ารักถึงจะได้รับความเมตตาจากผู้ที่อยู่ร่วมฝูงซึ่งเป็นสัตว์โตแล้ว หรือว่าได้รับความเมตตาจากสัตว์หรือว่าคน ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดได้ เนื่องเพราะว่าถ้าน่าเกลียดน่าชัง ถ้าไม่โดนในฝูงของตนเองกำจัดทิ้งไป ก็จะโดนคนหรือว่าสัตว์อื่นกำจัดไปเอง

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าคำว่า กุมาร (กุ-มา-ระ) หรือว่า กุมารี ที่หมายถึงเด็กหญิงเด็กชายนั้น กล่าวรวมไปแล้วก็รวมทั้งลูกคนและลูกสัตว์เอาไว้ด้วย คำว่า กุ ธาตุ แปลว่า ในความเกลียด มาระ แปลว่า ผู้ฆ่า กุมารหรือว่ากุมารีในเพศหญิง จึงแปลว่า ผู้ฆ่าซึ่งความเกลียด ก็คือน่ารักนั่นเอง ดังนั้น..ในส่วนนี้ของธรรมชาติ ส่วนหนึ่งก็คือสัตว์นั้นต้องน่ารักตั้งแต่เล็ก ๆ จึงจะสามารถเอาชีวิตรอดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้

อีกส่วนหนึ่งก็คือ จิตใจของบุคคลทั้งหลายนั้นมีเมตตากรุณาเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าท่านทั้งหลายเมตตาต่อสัตว์ แล้วรู้จักสังเกตจะเห็นว่า ความเมตตาต่อสัตว์ของเรานั้นสามารถกระทำได้ง่าย แล้วขณะเดียวกันก็มีความกว้างขวางมากกว่าการเมตตาต่อคน

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ในการเมตตาต่อคนนั้น เรายังมีความหวังลึก ๆ อยู่ว่า เขาจะชมเชยเราบ้าง อย่างเช่นว่าเราเป็นคนดี หรือไม่ก็ยกย่องเราให้ปรากฏ ความเมตตานั้นจึงไม่ใช่อัปปมัญญาอย่างแท้จริง เพราะคำว่าอัปปมัญญานั้นหมายถึงไม่มีประมาณ แต่สำหรับบรรดาสัตว์ต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วเราก็ไม่ได้หวังการตอบแทนใด ๆ เป็นการเมตตาออกจากจิตใจอย่างแท้จริง เป็นอัปปมัญญาพรหมวิหาร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-09-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,313
ได้ให้อนุโมทนา: 153,989
ได้รับอนุโมทนา 4,440,714 ครั้ง ใน 34,918 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การที่ท่านทั้งหลายเห็นว่า "หมูเด้ง" เป็นสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู นอกจากในความที่เป็นลูกสัตว์ ที่ฆ่าเสียซึ่งความเกลียดชังในจิตในใจของเราแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือสภาพของพรหมวิหาร ๔ ในใจของเรานั้น เป็นไปโดยอัปปมัญญา แม้ว่าท่านจะรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาหรือว่าไม่รู้ ปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาหรือว่าไม่ปฏิบัติก็ตาม แต่สิ่งที่ออกจากจิตใจของท่านนั่นก็คือความเมตตาในพรหมวิหารทั้ง ๔ นั่นเอง จึงทำให้ "หมูเด้ง" กลายเป็น "ไวรัล" ที่โด่งดังไปทั่วโลก

การที่เรารู้สึกว่าบุคคลอื่นมีการกระทำที่น่ารัก ยังเป็นการมองในแง่บวก อย่างเช่นการช่วยเหลือบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยากจากน้ำท่วมของเรา บุคคลส่วนหนึ่งก็ทำงานทำการของตนเอง อย่างไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน ไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่ก็ยังมีบุคคลอีกประเภทหนึ่งที่ไม่เห็นคุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งสื่อต่าง ๆ ใช้คำว่า "คอยแซะ"

บุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ลบ จิตใจมืดบอด น่าสงสารมาก ถ้าไม่สามารถขัดเกลาจิตใจของตนเองให้มองโลกในแง่บวก เห็นคุณงามความดีของผู้อื่นแล้วชื่นชมอนุโมทนา สร้างกุศลเพิ่มขึ้นให้กับจิตใจของตนเองแล้ว บุคคลเหล่านั้นก็มีหวังที่จะลงสู่อบายภูมิมากกว่าที่จะไปสู่สุคติภูมิ..!

จึงขอโอกาสที่ได้กล่าวถึงเรื่องของการช่วยเหลือน้ำท่วมนี้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนภาคเหนือของไทยก็ดี หรือว่าน้ำท่วมในประเทศจีน ประเทศพม่า ประเทศลาวและประเทศเวียดนามก็ตาม ขอเอาใจช่วยให้ท่านทั้งหลายที่เดือดร้อนอยู่ ได้พ้นจากความทุกข์ยากเดือดร้อนและได้รับความช่วยเหลือโดยไว แล้วขณะเดียวกัน ก็ขอให้พ้นจากภัยภิบัติจากกรรมเก่าทั้งหลายเหล่านั้นโดยเร็ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว