กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-09-2024, 17:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 219,216
ได้รับอนุโมทนา 764,129 ครั้ง ใน 37,392 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-09-2024, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,317
ได้ให้อนุโมทนา: 154,005
ได้รับอนุโมทนา 4,440,877 ครั้ง ใน 34,922 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพคิดว่า ภาระในการเป็นกรรมการตรวจยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ คงจะสิ้นสุดลงในวันนี้

ปีที่แล้วกระผม/อาตมภาพไปได้แค่ ๒๒ ใน ๒๓ จังหวัด ขาดจังหวัดชลบุรีไป ๑ จังหวัด เนื่องเพราะว่าต้องไปรับโล่ผู้สนับสนุนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในปีนี้จึงตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องไปให้ครบทุกจังหวัด จึงมอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยานไปรับโล่แทน

แต่เจ้ากรรมเถอะ..! กระผม/อาตมภาพกลับติดหวัดเสียจนกระทั่งแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ด้วยเหตุเพราะว่าจากการเป็นคนไข้ตัวอย่างในการรักษาโรคมาลาเรียเรื้อรังมานาน ในการรักษาคราวหนึ่ง หมอยืนยันว่ายาตัวใหม่นั้นสามารถรักษาหายได้ถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แต่มีผลข้างเคียงว่าอาจจะไปกดภูมิคุ้มกันในร่างกายลงได้

กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า ถ้ารักษาหายถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยินดีให้ทดลองยาตัวนั้น แต่ปรากฏว่านอกจากจะรักษาไม่หายแล้ว กระผม/อาตมภาพยังพลอยไม่มีภูมิคุ้มกันไปด้วย ดังนั้น..ผู้ใดที่ป่วยไข้เป็นหวัดติดเชื้อมา กระผม/อาตมภาพแค่เดินผ่านก็ติดเชื้อไปด้วยทันที..!

ในวันนี้ด้วยความที่ถอดหน้ากากอนามัยตอนฉันเช้าจึงติดหวัดเข้าไปเต็ม ๆ แม้ว่าจะรีบฉันยาแล้ว แต่ก็ต้องทรงตัวแบบมึน ๆ งง ๆ ไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำอะไรผิดพลาดในตอนไหน ?! แต่ก็เดินทางฝ่ารถติดไปยังวัดวชิรธรรมสาธิต วรวิหาร ซอยสุขุมวิท ๑๐๑/๑ แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อทำการตรวจยกชุมชนวชิรธรรมสาธิต ขึ้นเป็นชุมชนรักษาศีล ๕ ต้นแบบ

ในระหว่างที่ฉันเพลร่วมกับพรรคพวกเพื่อนฝูง คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลางอยู่นั้น
กระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตนเองฉันไปมากหรือว่าน้อย ? เพราะว่าอาการไข้นั้นทำให้รู้สึกมึนไปหมด แต่ด้วยความที่ตนเองเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย โดยเฉพาะเวลามาลาเรียกำเริบ ถ้าหากว่าไม่พยายามฉันอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะทรุดโทรมนาน อาจจะต้องถึงขนาดให้น้ำเกลือกันเลย กระผม/อาตมภาพจึงเคยชินกับการพยายามยัดอาหารลงท้องไป ต่อให้ไม่รู้รสก็พยายามกลืนลงไป เพื่อที่ให้ร่างกายมีอาหาร จะได้ไม่ทรุดโทรมมากนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 00:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-09-2024, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,317
ได้ให้อนุโมทนา: 154,005
ได้รับอนุโมทนา 4,440,877 ครั้ง ใน 34,922 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นเมื่อถึงเวลาพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประธานอำนวยการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เดินทางมาเป็นประธานในการตรวจยกชุมชนศีล ๕ ต้นแบบในครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะหาทางให้คะแนน ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ชุมชนวชิรธรรมสาธิตนั้น ต้องบอกว่าเป็นชุมชนชาวล้านนาในกรุงเทพฯ ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ครูบาธรรมชัย - พระครูวรเวทย์วิสิฐ (กองแก้ว ธมฺมชโย) แห่งวัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าหากว่าท่านจัดงานวันเกิดเมื่อไร ทางวัดวชิรธรรมสาธิตก็จะยกขบวนกันไปช่วยงานกันเป็นประจำ จึงมีบุคคลที่ยังคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่จำนวนมากต่อมากด้วยกัน

เพียงแต่ว่าเอกสารที่ทำมาอย่างเลิศเลอนั้น กลับกลายเป็นเอกสารที่ยกผลงานเรื่องวัฒนธรรมล้านนามาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีข้อมูลตามหมวดที่ควรจะตรวจประเมินเลย พวกเราจึงต้องเปิดเข้าไปดูในข้อมูลออนไลน์ พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะได้มากได้ จะได้ลงคะแนนให้เขาถูก

จากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ให้ท่านเจ้าคุณกิตติชัย - พระเทพวชิรกิตติ วิ. (กิตติชัย อภิชโย ป.ธ. ๕) วัดโสมนัส ราชวรวิหาร และท่านเจ้าคุณทินน์ - พระโสภณพัฒนคุณ (ทินน์ สุทินฺโน) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๓ วัดพุน้อย (เศรษฐีเรือทอง) ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจประเมินในหมวดเดียวกันเซ็นร่วม แล้วก็มอบเอกสารใบประเมินให้กับหลวงพ่อท่านเจ้าคุณทินน์ - พระโสภณพัฒนคุณเอาไว้ ตนเองก็หลบฝ่าฝนออกมา เพื่อที่จะเดินทางกลับที่พัก

ไม่ทราบเหมือนกันว่าเดินแบบมึน ๆ งง ๆ ขึ้นรถไปตอนไหน..!? แล้วรถจะติดมากติดน้อยเท่าไรก็ไม่ทราบ ? ทราบแต่ว่าถ้าฝนตกยาว ๆ แบบนี้ นอกจากงานที่เขาเตรียมเอาไว้จะกร่อยแล้ว บรรดาคณะกรรมการที่จะต้องเดินทางไปดูงานในชุมชน ตลอดจนกระทั่งจะต้องประชุมแล้วค่อยเดินทางกลับ รับประกันได้ว่าเจอรถติดหนักหนาสาหัสอย่างแน่นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 00:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-09-2024, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,317
ได้ให้อนุโมทนา: 154,005
ได้รับอนุโมทนา 4,440,877 ครั้ง ใน 34,922 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนกระผม/อาตมภาพ เมื่อกลับถึงที่พักแล้วก็ยังไม่ได้พักผ่อน นอกจากฉันยาประทังอาการเอาไว้ แล้วก็ทำงานต่าง ๆ ที่ยังตกค้างอยู่ โดยเฉพาะการลงบัญชีประจำวัน ต้องตั้งสติอย่างที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเลขมีการผิดพลาด ในช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เราจะรู้ว่าต้นทุนของตนเองนั้นมีเท่าไร ? จากที่เวลาเดิน รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้งาน โดยเฉพาะในเรื่องของตัวเลข กำลังสมาธิที่เราจดจ่อลงไปตรงหน้า ทำให้ทุกอย่างสว่างไสวชัดเจน เหมือนกับไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลย..!

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม แล้วในขณะเดียวกันถ้าทำมาถึงตรงจุดนี้ ขอให้รู้ว่า อาการเหล่านี้แหละคือการทรงสมาธิแบบใช้งานจริง เมื่อถึงเวลาร่างกายจะเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดไหนก็ตาม เราก็สามารถที่จะสั่งให้ร่างกายนั้นทำงานไปก่อน หมดงานเมื่อไรแล้วค่อยไปนอนแผ่หรากันทีหลัง..!

เรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพเคยใช้คำพูดประมาณว่า "ในเมื่อร่างกายไม่ใช่ของเรา เราก็ต้องเป็นผู้บังคับร่างกาย ไม่ใช่ให้ร่างกายมาบังคับเรา" แต่บุคคลที่จะทำแบบนี้ได้ต้องซักซ้อมในเรื่องสมาธิมาอย่างช่ำชอง ไม่เช่นนั้นแล้วพอถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะออกอาการเหมือนกับหลวงปู่พระโคธิกเถระ ก็คือไม่สามารถที่จะเข้าสมาธิได้

หลวงปู่พระโคธิกะท่านเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย จนกระทั่งไม่สามารถที่จะทรงสมาธิได้ ทำให้กำลังสมาธิไม่เพียงพอที่จะตัดกิเลส เนื่องเพราะว่าบุคคลที่จะตัดกิเลสได้นั้น ต้องถึงพร้อมด้วยมรรค ๘ ที่ย่อลงมาแล้วก็คือศีล สมาธิ และปัญญา ในเมื่อสมาธิไม่มี กำลังก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยปัญญาในการตัดกิเลส

หลวงปู่โคธิกเถระท่านเห็นถึงความเป็นทุกข์เป็นโทษของร่างกายนี้ ท่านจึงตัดสินใจว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่หาความดีไม่ได้นี้ ท่านไม่ต้องการอีกแล้ว จากนั้นก็ตัดใจใช้มีดโกนเชือดคอตนเองมรณภาพ บุคคลที่จะทำเช่นนั้นได้ กำลังใจต้องตัดขาดได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะพลาดลงอบายภูมิมีสูงมาก..!

พญามารเมื่อเห็นพระโคธิกเถระเชือดคอตาย ก็พยายามที่จะเสาะหาดวงจิตของท่าน จะได้นำไปเยาะเย้ยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "โคธิกะบุตรของท่านอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว" แต่ปรากฏว่าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ จึงปลอมเป็นมาณพหนุ่ม ถือพิณสีเหลืองเหมือนผลมะตูมสุก เข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ตรัสหลอกลวงตามแบบพญามารว่า "โคธิกะบุตรของท่านอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 00:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-09-2024, 23:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,317
ได้ให้อนุโมทนา: 154,005
ได้รับอนุโมทนา 4,440,877 ครั้ง ใน 34,922 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงตรัสตอบว่า "ปาปิมะ..ดูก่อน..มารผู้มีบาป โคธิกะบุตรของเรา หลุดพ้นจากมือของเธอแล้ว" เมื่อพญามารทราบว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ทัน ก็เกิดความเสียใจ พยายามที่จะมุ่งไปยังทิศทั้ง ๔ เพื่อเสาะหาดวงจิตของพระโคธิกเถระ แต่ก็หาไม่เจอ เนื่องเพราะว่าดวงจิตของท่านเข้าสู่แดนพระนิพพาน ซึ่งละเอียดเกินกว่ากำลังของพญามารจะเข้าถึงได้

ในลักษณะแบบนี้แหละ ที่มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่คนหนึ่ง ไม่ทราบเหมือนกันว่าคิดวิปริตผิดเพี้ยนไปท่าไหน จึงได้เข้าสมาธิแล้วขอให้เพื่อนช่วยเชือดคอให้ ในลักษณะแบบนั้นแปลว่ากำลังของท่านไปไม่ถึงจุดที่ต้องการ เพราะว่ายังมีความหวาดหวั่น ไม่สามารถที่จะทำด้วยตนเองได้ ไม่เหมือนกับหลวงปู่โคธิกเถระที่ท่านปราศจากความหวาดกลัวต่อความตายอย่างสิ้นเชิงแล้ว สภาพจิตก้าวพ้นความห่วงใย หรือยึดมั่นถือมั่นในร่างกายทั้งหมดแล้ว ท่านสามารถที่จะเชือดคอตนเองได้โดยไม่รู้สึกหวาดหวั่นอะไรเลย

ดังนั้น..จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกศิษย์หลวงพ่อท่านนั้น ปัจจุบันนี้ไปอยู่ที่ไหน ?! เนื่องเพราะว่าตอนที่บุคคลอื่นเชือดคอให้ ก็ดิ้นรนจนกระทั่งท้ายที่สุดก็ต้องออกมา เพื่อที่จะเรียกร้องให้คนช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล แต่ท้ายที่สุดถึงมือหมอแล้วก็ช่วยอะไรไม่ทัน เสียชีวิตไปในขณะที่ตนเองยังรักยังห่วงร่างกายอยู่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะต้องทนทุกขเวทนาจากความเจ็บปวดที่โดนเชือดคออย่างถึงที่สุด จึงทำให้กำลังใจเศร้าหมองต้องลงสู่อบายภูมิอย่างน่าเสียดาย

เรื่องความเข้าใจผิด หรือวิปริตผิดเพี้ยนในลักษณะนี้ เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ และเป็นตัวอย่างที่ควรจะทำความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ถ้ากำลังใจของเราไม่ถึงแล้ว เพียรพยายามไปทำสิ่งที่เกินกำลังตนเอง ก็ย่อมเกิดโทษมากกว่าที่จะเกิดประโยชน์อย่างที่คาดหวังเอาไว้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 00:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว