กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-01-2024, 20:19
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,658 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-01-2024, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,080 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อีกสักครู่กระผม/อาตมภาพต้องไปร่วมประชุมโครงการธุดงค์ธรรมยาตรา ของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเขาประชุมกันไปประมาณ ๒๐ นาทีแล้ว

สำหรับวันนี้
กระผม/อาตมภาพได้ไปเยี่ยมการปฏิบัติธรรมของพระนิสิตประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ วิทยาสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งปฏิบัติธรรมอยู่วัดปรังกาสี แล้วได้บรรยายธรรมให้บรรดานิสิตฟังไป ๑ ชั่วโมง

เพียงแต่ว่ามีข้อมูลที่ผิดพลาด ก็คือเรื่องอายุโดยประมาณของพระอัญญาโกณฑัญญเถระ เนื่องเพราะว่าในปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่งอุปัฏฐากรับใช้สิทธัตถราชกุมารที่ออกมหาภิเนษกรมณ์นั้น ใน ๑๐๘ พราหมณ์ที่เข้าทำนายลักษณะของสิทธัตถราชกุมารมีแค่เพียงหนึ่งเดียว ก็คือโกณฑัญญพราหมณ์ เนื่องเพราะว่าท่านเป็นคนเก่งระดับอัจฉริยะ เรียนจบไตรเพทตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ขณะที่พราหมณ์ท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็อาวุโสแก่เฒ่ากันแล้วทั้งนั้น

ดังนั้น..เมื่อถึงเวลาที่สิทธัตถราชกุมารออกบวช โกณฑัญญพราหมณ์จึงชวนได้เฉพาะลูกหลานของพราหมณ์ ๑๐๘ ที่เชื่อมั่นว่าสิทธัตถราชกุมาร ถ้าออกบวชจะเป็นศาสดาเอกของโลก ติดตามไปถวายการรับใช้

จนกระทั่งท้ายสุด เมื่อผ่านการทรมานตนมา ๖ ปี องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงคิดได้ว่า การทรมานตนก็ดี การคลุกคลีอยู่กับกามก็ตาม เป็นส่วนสุดทั้งสองด้าน ก็คือ สบายเกินไปกับลำบากเกินไป โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลนั้นเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่มัชฌิมาปฏิปทา คือความพอเหมาะพอดีเท่านั้น จึงหันมาเสวยพระกระยาหารใหม่ ทำให้บรรดาปัญจวัคคีย์ ซึ่งเชื่อมั่นในแนวทางการทรมานตน ว่าจะทำให้บรรลุโมกษะ คือความหลุดพ้นได้ หมดความศรัทธา จึงหนีไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี

จนกระทั่งสมด็จพระมหามุนีของเรา บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วตั้งใจที่จะเทศนาสั่งสอน เพื่อให้มีบุคคลที่ช่วยเป็นพยานในการบรรลุธรรมของพระองค์ท่าน ครั้นนึกถึงอาฬารดาบส กาลามโคตร ปรากฏว่าสิ้นชีวิตไป ๗ วันแล้ว ส่วนอุทกดาบส รามบุตร สิ้นชีวิตในวันที่พระองค์ท่านรำลึกถึงนั่นเอง แล้วท่านสองท่านไปเกิดเป็นอรูปพรหม ไม่มีอายตนะที่จะติดต่อกับผู้หนึ่งผู้ใดได้ นอกจากอยู่เสวยกุศลกรรมที่ได้สร้างมาจนหมด แล้วก็ต้องเลื่อนลงต่ำไปตามเศษกรรมของตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2024 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-01-2024, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,080 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระองค์ท่านจึงได้รำลึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่เคยดูแลรับใช้อยู่ ตั้งใจเสด็จไปโปรด เมื่อแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแล้ว โกณฑัญญพราหมณ์ได้ดวงตาเห็นธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงโปรดให้อุปสมบท ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา

คราวนี้ในการอุปสมบทครั้งนั้น วันนี้กระผม/อาตมภาพถามบรรดานิสิตว่า พระอัญญาโกณฑัญญะอายุโดยประมาณเท่าไร ? ปรากฏว่าช่วงบรรยาย นอกจากเหนื่อยมากแล้ว ยังมีอาการไข้ด้วย จึงสับสนกับชีวิตไปหน่อย..!

ถ้าเรามั่นใจว่าพระอัญญาโกณฑัญญะ ตอนเข้าไปทำนายลักษณะ อายุ ๑๖ ปีเป็นอย่างต่ำ เนื่องเพราะว่าถ้าจบไตรเพทตอนอายุ ๑๖ ปี กว่าที่ชื่อเสียงจะปรากฏทั่วแผ่นดิน จนกระทั่งพระเจ้าแผ่นดินเรียกหา อาจจะอีกหลายปี แต่เราถือเสียว่า ๑๖ ปีเป็นขั้นต่ำ เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ตอนอายุ ๒๙ พรรษา แสวงหาโมกขธรรมอยู่อีก ๖ พรรษา รวมแล้ว ๓๕ ปี จึงได้ไปเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ต้องเอา ๑๖ + ๓๕ เราจะได้อายุของท่านโกณฑัญญะโดยประมาณว่า ตอนที่ท่านบวชคืออายุอย่างต่ำ ๕๑ ปีแล้ว

คราวนี้ในการที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์จนสำเร็จแล้ว ยังมีบุคคลอยู่สองท่านที่ควรจะกล่าวถึงไว้ด้วย บุคคลแรกก็คืออุปกาชีวก อุปกาชีวกนั้นได้พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่เสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ก็คือพอเริ่มเดินทางก็ได้พบกันเลย เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีฉัพพรรณรังสี มีพระฉวีผุดผ่อง มีพุทธลักษณะเป็นเลิศ จึงได้ถามว่า "ดูก่อน..ท่านผู้เจริญ ท่านชอบใจในธรรมของใครหรือ ?" พูดง่าย ๆ ก็คือว่าปฏิบัติตามแนวไหน ถึงได้ออกมาดูดีอย่างนี้

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "เราเป็นสยัมภู" คือเป็นผู้รู้ด้วยตนเอง ตรงจุดนี้ไม่ว่าจะอรรถกถา หรือแม้กระทั่งฎีกา อนุฏีกาก็ตาม ได้อธิบายความที่อุปกาชีวก สั่นศีรษะ แลบลิ้น แล้วก็จากไป ว่าอุปกาชีวกไม่เชื่อ..!

แต่คราวนี้ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต โดยเฉพาะเมื่อไปอินเดีย ไปศรีลังกา จะเห็นว่าถ้าทางโน้นสั่นศีรษะแปลว่าใช่ แล้วการแลบลิ้นนั้นเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่งของคนโบราณ แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ อย่างเช่นว่าชนชาวทิเบต หรือว่าบรรดาชาวเผ่าเมารีในประเทศออสเตรเลีย ก็แปลว่าอุปกาชีวกน่าจะเชื่อ และแสดงความเคารพสูงสุดตามแบบที่ตนเองยึดถือและทำตามกันมา ก็คือสั่นศีรษะแปลว่าเชื่อ และการแลบลิ้นคือการแสดงความเคารพ

เนื่องเพราะว่าหลังจากที่อุปกาชีวกไปแต่งงานมีครอบครัว แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ได้ย้อนกลับไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รับการบวช แล้วบรรลุมรรคผลเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2024 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-01-2024, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,080 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกท่านหนึ่งก็คือพระนาลกเถระ น่าจะเป็นพระเถระรูปเดียวในพระไตรปิฎกที่เป็นชาวเมืองพาราณสี ต่อให้ปัญจวัคคีย์ท่านบรรลุมรรคผลที่เมืองพาราณสี แต่ก็ไม่ใช่คนที่นั่น พระนาลกเถระมรณภาพเสียตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะว่าปฏิบัติในโมเนยยปฏิปทา ซึ่งเป็นการบังคับตนอย่างเคร่งเครียด

มีส่วนหนึ่งของโมเนยยปฏิปทาที่ปรากฏอยู่ในธุดงควัตร ๑๓ ประการ ก็คือเนสัชชิกังคธุดงค์ ก็คือการนั่งโดยไม่นอน คราวนี้โมเนยยปฏิปทานั้นเป็นสิ่งที่ปฏิบัติลำบากมาก จึงทำให้พระนาลกเถระ เมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว ยังไม่ทันที่จะได้ช่วยประกาศพระพุทธศาสนา ก็มรณภาพเสียตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจจะอาวุโสกว่าพระยสกุลบุตรเสียอีก..!

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่เรียนเกี่ยวกับอสีติมหาสาวก ก็คือประวัติพระสาวกผู้ใหญ่ทั้ง ๘๐ รูป ลองไปศึกษาเพิ่มเติมดูว่า ประวัติพระนาลกเถระเป็นอย่างไร ? ทำไมถึงมีท่านเดียวที่เป็นชาวเมืองพาราณสี ? ก็เพราะว่าพาราณสีนั้นต้องบอกว่าเป็นเมืองหลวง หรือป้อมปราการของศาสนาฮินดูเลย เป็นฮินดูที่แข็งแกร่งสุดยอด..!

แม้กระทั่งทุกวันนี้พิธีกรรมต่าง ๆ ก็ยังสืบทอดกันมา การเผาศพแล้วทิ้งลงแม่น้ำคงคา เขาบอกว่าไฟบางกองไม่เคยดับมาเลยตลอดหลายพันปี แล้วในสถานที่ซึ่งช่วงเช้าช่วงเย็นมีคนเป็นหมื่น ๆ ลงไปเพื่ออาบน้ำล้างบาป มีการเผาศพอยู่ทุกวัน การปฏิบัติที่เข้มแข็งขนาดนั้น เขาคงไม่ฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่นั่น ต้องบอกว่ามีความยากเย็นแสนเข็ญเป็นที่สุด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพิจารณาแล้ว จึงได้ไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่แคว้นมคธก่อน เพราะว่าเป็นแคว้นใหญ่ มีผู้นำก็คือพระเจ้าพิมพิสารที่คุ้นเคยกัน ถึงขนาดออกปากแบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ตอนที่รู้ว่าพระองค์ท่านหนีมาบวช เมื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสาร พร้อมกับข้าราชบริพารได้แล้ว เรื่องอื่นก็ง่าย เพราะว่าในสมัยนั้น ชาวบ้านต้องเชื่อผู้นำอยู่แล้ว สั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เมื่อผู้นำมาถือศาสนาพุทธ ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีศรัทธาเลย แต่ถ้าอยากเอาใจผู้นำ ก็ต้องหันมาถือศาสนาพุทธด้วย

ถ้าจะดูตัวอย่างอาณาจักรศรีวิชัยของบ้านเรา ราชวงศ์ราชวงศ์ไศเลนทร์ถือพุทธศาสนามหายาน เจริญรุ่งเรืองสุด ๆ แต่พอไปถึงยุคของระเด่นปาทา ไปได้มเหสีที่เป็นมุสลิม จึงเปลี่ยนศาสนาตามมเหสีของตน ทำให้อาณาจักรพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ระดับอาณาจักรไศเลนทร์ หรืออาณาจักรศรีวิชัยนั้น เสื่อมสลายลงไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะว่าพระเจ้าแผ่นดินถือศาสนาไหน ข้าราชบริพารส่วนใหญ่ถ้าจะเอาใจก็ต้องถือตาม บรรดาชาวบ้านเห็นพระเจ้าแผ่นดินและข้าราชการผู้ใหญ่ถือศาสนาไหน ก็มักจะถือตามไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2024 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-01-2024, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,080 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นได้ว่าการที่ไม่มีพระเถระรูปอื่น ที่มีประวัติว่าเป็นชาวเมืองพาราณสีนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าพระพุทธเจ้ายังไม่เข้าไปเผยแผ่ศาสนาที่นั่นเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่เคี้ยวของยากให้เสียเวลา ด้วยไม่มั่นใจว่าจะอยู่ยงดำรงขันธ์ได้สักกี่ปี ถ้าเผยแผ่อยู่ที่นั่น ๔๕ ปีก็เป็นอันว่าจบกัน แต่นี่ ๔๕ พรรษา พระองค์ท่านเผยแผ่พระพุทธศาสนาไป ๗ แคว้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ๗ ประเทศ จนกระทั่งประดิษฐานพระพุทธศาสนามั่นคงมาตราบเท่าทุกวันนี้

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราศึกษาแล้วมีใจสงสัยสักนิดหน่อย แล้วไปค้นคว้าเพิ่มเติม ก็จะได้อะไร ๆ มากขึ้น แล้วที่กระผม/อาตมภาพเสียเวลาไปบรรยายให้กับพระที่ท่านปฏิบัติธรรมฟัง ก็เพราะว่าถ้าให้ท่านนั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง คาดว่ามีความดีงามอยู่แค่ไม่กี่นาที ที่เหลือก็คงแช่งชักหักกระดูก บ่นว่าพระวิปัสสนาจารย์ที่ให้ไปนั่งทรมานอยู่เป็นชั่วโมง ๆ

แต่พอฟังบรรยาย กลายเป็นว่าใจสงบ ไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง รบกวนชั่วคราว พูดถึงพระพุทธเจ้าก็ระลึกถึงเป็นพุทธานุสติ ตั้งใจฟังธรรมบรรยาย ก็เป็นธัมมานุสติ พูดถึงพระสงฆ์องค์ใด นึกถึงก็เป็นสังฆานุสติ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานใหญ่ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานเป็นชั่วโมงโดยไม่ฟุ้งซ่าน ก็เพราะว่าตั้งใจฟังธรรมบรรยายเท่านั้นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2024 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว