กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 19-06-2019, 06:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กอบชัย ตัวนี้ ถ้าเป็นชื่อโบราณเขาใช้สะกดว่า กอปร นะ เขามาแผลงเป็นประกอบทีหลัง แบบเดียวกับ ตรวจ แผลงเป็น ตำรวจ

สมัยนี้ไม่ใช่แผลง สมัยนี้เพี้ยน คำแผลงสมัยก่อนพูดจากยาวเป็นสั้น จากสั้นเป็นยาว เขาเลยเรียกคำแผลง กอปรนี่ถ้าเด็กสมัยใหม่อ่านไม่ถูกจะอ่านเป็น กอ-ปอน ต้องบอกว่าเก่งภาษา สามารถอ่านไปได้...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 19-06-2019, 06:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมารับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภองวดนี้ไม่เปลืองสตางค์ เพราะว่าฉลองพร้อมกับงานอายุ ๖๐ ปี พรรคพวกค้อนกันขวับ จะกินอีกสักยกหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้านายเมตตาตั้งให้ก่อนอายุ ๖๐ ปีแค่ไม่กี่วัน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาแจ้งให้ทราบคืนวันที่ ๒๘ ตอนมางานศพของท่านอาจารย์มหาสันติ บอกว่า “อาจารย์...หลวงพ่อเจ้าคณะภาคโอเคแล้วนะ เดี๋ยวตราตั้งจะมาวันที่ ๓๐ นี้เลย ในงานประชุมพระสังฆาธิการที่วัดตะคร้ำเอน อาจารย์ต้องเตรียมไทยธรรมถวายท่าน แล้วก็เตรียมกรอบสำหรับตราตั้งไปด้วย” ปรากฏว่าไปถึงคณะกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ เตรียมมาเรียบร้อยหมดเลย อาตมาเตรียมกรอบไปเสียสตางค์เปล่า กรอบละตั้ง ๕๐๐ บาท..!"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 19-06-2019, 06:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ความแตกต่างของยันต์เกราะเพชร กับยันต์หมอกมุงเมือง ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกเลยที่มาก็ต่างกันแล้ว ยันต์หมอกมุงเมืองมาสายล้านนา ยันต์เกราะเพชรมาสายภาคกลาง แต่ก็เน้นไปทางป้องกันเหมือนกัน ก็คือครูบาอาจารย์แต่ละท่านมีวิชาการ ก็จะมีสายวิชาของแต่ละท่านอยู่ หมอกมุงเมืองของทางล้านนาน่าจะเหมือนพวกวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า ก็คืออยู่ในลักษณะที่เรียกว่าปิดกันเลย ป้องกันไม่ให้อันตรายต่าง ๆ เข้าไปในบริเวณนั้น แต่ว่ายันต์เกราะเพชรนี่เอาไว้สะท้อนกลับ

ถ้าจะเทียบความต่างก็ต่างกันตั้งแต่สายวิชาการแล้ว ในลักษณะการใช้งานก็คือ อันหนึ่งปิด ลักษณะเหมือนกับครอบไว้ ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามา แต่อีกอันหนึ่งนี่เข้ามาได้ แต่จะย้อนกลับ เพราะฉะนั้น..หมอกมุงเมืองนี่ดูเหมือนวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 14-03-2020 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 19-06-2019, 07:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมเอามีดหมอมาให้พระอาจารย์ดู "จำไว้ว่าเรื่องของงาช้างสีจะไม่เสมอกัน ถ้าสีเสมอกันแปลว่าถ้าไม่โดนทอดน้ำมันก็รมควันมา อันนี้รมควันมา สีเท่า ๆ กันทั้งอัน ปกติสีงาช้างมีอ่อนมีแก่ตามการใช้งาน

ใบมีดเก่าสนิมขุมจะกินลึกเข้าไปในเนื้อ ถ้าหากว่ากินในลักษณะนี้แสดงว่าเขาไปแช่น้ำกรดให้เป็นสนิม สนิมขุมเวลากินจะกินเสมอกัน ใหญ่บ้างเล็กบ้างนี่ประเภทตั้งใจทำมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 19-06-2019, 07:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีดหมอปากกาสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเดิมนั้นหายากสุด ๆ โดยเฉพาะสภาพสมบูรณ์ชนิดไม่มีหลุดไม่มีแหว่ง รับประกันซ่อมฟรีว่าถ้าใครได้ไป ก็เหมือนกับถูกรางวัลที่หนึ่งชัด ๆ คือสภาพอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพผิวหิ้ง คนได้ไปนี่ประเภทขึ้นหิ้งเก็บอย่างเดียวเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 19-06-2019, 07:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่าเสียกำลังใจ ถือว่าซื้อความรู้ ถ้าเป็นภาษาในวงการพระเขาเรียกว่าค่าหน่วยกิต จ่ายค่าหน่วยกิตเรียนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จบเอง แหม...หลายคนนี่โดนค่าหน่วยกิตเยอะเหลือเกิน..!

เริ่มแรกอย่าไปเล่นของแพง สำคัญที่สุดคือต้องได้เห็นของจริงก่อน แล้วที่หนักกว่านั้นคือต้องเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยทุกอย่าง อย่าไปฟังนิทานที่เขาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป แต่ให้ดูว่าของนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าไปฟังนิทานนี่เดี๋ยวเผลออยากได้ก็เสร็จเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 19-06-2019, 07:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้การเห่อกัญชาของบ้านเราต้องบอกว่ามากเกินไป ตำรายาแพทย์แผนไทยของเราใช้กัญชาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บอกให้ชัด ๆ แล้วกัญชาไม่ใช่ยาสารพัดประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกข้อได้

ไปนึกถึงตำราเวชศาสตร์วรรณาโบราณ สมัยก่อนหลวงปู่ธรรมชัยท่านศึกษา แล้วท่านก็บอกว่า โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย โรคบางอย่างต้องรักษาถึงจะหาย ถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย

พระอาจารย์มหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามหรือวัดท่ามะขาม เป็นมะเร็งตับอยู่ ๒ ปี รักษาด้วยกัญชาไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งอาตมาคาดว่า เพราะว่าท่านรักษาแบบแผนปัจจุบันด้วยการผ่าตัดแล้วก็ฉายรังสี การผ่าตัดฉายรังสีเท่ากับว่าตั้งใจฆ่ามะเร็ง คราวนี้มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่เกิดจากพัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ยากลำบาก เมื่อเป็นเช่นนั้นพอโดนรังสีเข้าไป เขาก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็มีการปรับปรุงสารพันธุกรรมของตัวเอง คราวนี้มะเร็งปรับเร็วจนยาตามไม่ทัน

สมมุติว่าเราเอารังสีเข้าไปเพื่อฆ่านายเอ แต่ไอ้นี่กลายเป็นนายบีไปแล้ว หรือจะฆ่านาย ก. แต่กลายเป็นนาย ข. ไป แล้วจะไปฆ่าอีท่าไหน ? พอจะฆ่านาย ข. กลายเป็นนาย ค. ไปอีกแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครไปรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดฉายรังสี โอกาสรอดมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ท่านอาจารย์มหาสันติ แม้ว่าเป็นในช่วงที่เขาเห่อเรื่องน้ำมันกัญชารักษาโรค อาตมาเองก็ยังถามว่าจะลองรักษาวิธีนี้ไหม ? ท่านถ่ายรูปมาให้ดู ถือน้ำมันกัญชากำอยู่ในมือ ๒ ขวด สรุปว่า...ตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 19-06-2019, 07:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย เพราะว่าวาระมาถึง เราจะไปคิดว่าท่านเป็นพระหนุ่ม เพิ่งจะอายุ ๔๕ ปี จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคมา ป้องกันกรรมได้ที่ไหนเล่า ?

ไปดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ สิ นั่นพระอรหันต์แท้ ๆ เลย ท่านก็เป็นมะเร็ง ท่านบอกว่าท่านจะเป็นมะเร็งที่ตับ รักษายาก ท่านก็เลยขอให้ออกมาเป็นข้างนอก ก็เลยมาเป็นที่คอ ช่วงที่หมอทำการรักษาอยู่ ตอนทำความสะอาดล้างแผล หมอบอกว่าบางทีเห็นเนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เป็นก้อน ๆ ขนาดหัวไม้ขีดเลย

หลวงปู่ท่านก่อนนอนให้เขาทำแผลไปเรื่อย พอถึงเวลาทำแผลเสร็จเรียบร้อยก็ลุกขึ้นมา...ยถาฯ สัพพีฯ อวยชัยให้พรกับหมอเหมือนคนปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นลองดูสิ...จะร้องไป ๓ บ้าน ๘ บ้านไหม ?

นั่นคือลักษณะของบุคคลที่ปล่อยวางเป็นสังขารุเปกขาญาณ เข้าถึงความปล่อยวางในสังขาร โดยเฉพาะจิตสังขารคือการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตไม่ไปปรุง ไม่ไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา เจ้าอยากจะเป็นอะไรก็เรื่องของเจ้าเถิด ก็จะมีสภาพแบบนั้น แต่ถ้าคนที่ทำไม่ถึงตรงจุดนี้ก็จะเจ็บปวดทรมานมาก

เพราะฉะนั้น..บ้านเราต่อให้กฎหมายอนุญาต เชื่อเถอะว่า..จะมีไอ้พวกเสียผู้เสียคนเพราะกัญชาอีกเยอะ เพราะว่าบ้านเราขาดหลักธรรมในมัชฌิมาปฏิปทา ไม่รู้จักความพอเหมาะพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 19-06-2019, 07:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเรื่องอยู่อย่างหนึ่งที่ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ บางคนคุณจะทำตัวเล็กขนาดไหนก็เล็กไม่ได้ โดยปกติการตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอหรือตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เขาจะประกาศแล้วส่งไปทางอำเภอ ทางอำเภอก็จัดพิธีรับ ส่วนมากก็จะนิมนต์เจ้าคณะตำบลทั้งหมดมา ถ้าหากว่าวัดไหนมีกำลังมาก ก็อาจจะนิมนต์เจ้าอาวาสทั้งหมดมา ก็แปลว่ารับรู้กันเฉพาะในเขตของตัวเอง

แต่ปรากฏว่าอาตมานี่รับ ๕๔๗ วัด ทั้งจังหวัดรู้กันหมดยังไม่พอ ยังกระโดดข้ามจังหวัดไปอีก มีแต่พวกมาแสดงความยินดี ทำไมรู้เร็วกว่าเราวะ ? นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็อย่างหลวงพ่อพระครูวิศาลกาญจนกิจ (หลวงพ่อพระครูโท) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน หลวงพ่อพระครูโทนี่มาแบบเดียวกันเลย ก็คือตอนตั้งท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมื่อปีที่แล้ว ก็ตั้งในที่ประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพราะฉะนั้น..เขารู้ทั้งภาคเลย

ของอาตมานี่ยังถือว่าเบา บารมียังสู้หลวงพ่อโทไม่ได้ แค่รู้กันทั้งจังหวัด ขณะที่อำเภออื่น ๆ รองอำเภออื่น ๆ เขาตั้งกันมา เขารู้กันแค่ในอำเภอของตัวเอง ยกเว้นว่าพรรคพวกสนิทใกล้ชิด เขาก็จะบอกกล่าวกัน หรือไม่ก็ไปรู้กันอีกทีตอนที่เขานิมนต์ไปงานฉลอง แต่ประเภทรู้กันตอนตั้ง รู้พร้อม ๆ กันทั้งจังหวัด...น้อยมาก อาตมาก็ว่า กูพยายามทำตัวเล็ก ๆ ลีบ ๆ แล้วนะ เล็กไม่ได้อย่างชื่อสักที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 19-06-2019, 07:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำบุญอย่างไรจึงจะไม่ให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วโดนหมอผีมารังแก ?
ตอบ : ถวายสังฆทานให้ไป ถ้ารับสังฆทานไปแล้วเขาจะมีกำลังเท่ากับเทวดา หมอผีที่ไหนก็เล่นเทวดาไม่ได้หรอก มีแต่จะโดน "ตื้บ" มีอยู่จำพวกหนึ่งประเภทถึงเวลาก็จะเรียกไปใช้งาน พวกนั้นต้องสั่งสอนให้เข็ด รีบ ๆ ถวายสังฆทานให้คนตายไปเยอะ ๆ เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 19-06-2019, 07:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นำเงินสังฆทาน หย่อนช่องธรรมทานกับวิหารทานได้ไหม ?
ตอบ : ได้...เงินสังฆทานทำสังฆทานได้ ทำสิ่งที่มีอานิสงส์มากกว่าสังฆทานได้ ถ้าน้อยกว่าทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น..วิหารทานกับธรรมทานอานิสงส์มากกว่าสังฆทาน สามารถที่จะทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 19-06-2019, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยไปอยู่วัดหนึ่ง มีป้าคนหนึ่งเอากฐินที่เก็บได้จากวัดนั้น แต่เป็นของวัดอื่นที่ทอดไปแล้ว จึงนำเงินใส่ซองแล้วเขียนว่าคืนเงินกฐิน เขาเอาไปคืนตรงที่เขาเจอ แล้วก็นึกถึงพระ อธิษฐานย้ายคืนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทันตายก็แก้ไขได้ ก็คือเรารู้ว่าเป็นของวัดไหนก็เอาไปถวายคืนให้วัดนั้น แต่มีข้อแม้ ข้อแม้นี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ถ้านานเกินไป มูลค่าก็เปลี่ยน สมมติว่าสมัยโน้นเขาทำบุญ ๒๐ บาทกับวัดที่หนึ่ง แต่พอผ่านไปหลายสิบปี มูลค่า ๒๐ บาทสมัยก่อนอาจจะได้ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง สมัยนี้อาจจะเหลือครึ่งชาม เราก็ต้องเพิ่มให้ได้กับมูลค่าปัจจุบันไป

ถาม : แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นของวัดอะไร ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าวัดอะไรก็เฮงซวยหน่อย เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแก้ไขได้ถูกต้องไหม

ถาม : แต่เอาไว้วัดที่เขาเจอได้ไหมครับ ?
ตอบ : แปลว่าได้ทำ คราวนี้ถ้าทำไม่ตรงก็ลำบาก เพราะเจตนาเขาระบุชัดเจนว่าเขาจะทำกับวัดไหน คราวหน้าอย่าไปยุ่งก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 19-06-2019, 07:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วถ้าหากว่าแยกเงินทำบุญไว้หลายอย่าง ใส่กล่องไว้ แล้วแม่บ้านเขาเอามารวมกันหมดเลย แล้วทิ้งกล่องไป ไม่รู้จะเอาเงินอันนั้นไปทำอะไร?
ตอบ : ก็ต้องบอกว่าเป็นความเฮงของแม่บ้านไป ให้พยายามทำในส่วนของสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานเอาไว้ก่อน ส่วนอื่นก็เหลือโทษน้อยแล้ว

ถาม : ส่วนที่ทำไว้จะแก้อย่างไร เรื่องที่เราไม่รู้ว่าเป็นวัดอะไรแล้วเอาไปคืนที่วัดไม่ได้ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไปเสี่ยงดวงเอาเอง หรือไม่ก็พยายามที่จะทำกฐินในลักษณะที่ตั้งใจว่าทำทดแทนตรงส่วนนั้น ก็คือตอนนี้ในเมื่อเราตั้งใจทำทดแทน แม้ว่าจะไม่ได้ตรง แต่อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้

อย่าไปใส่ใจมากนัก ถึงเวลาไม่มาเกิด กรรมที่ไหนก็ตามไม่ได้หรอก ใส่ใจมากเดี๋ยวก็เครียดเสียเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-06-2019, 07:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงโยมแม่ของท่านเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล, วิ.) ต้องบอกว่าคนแก่ส่งศพลูกนี่อนาถมากนะ ต้องดูโยมทองร่วม กลีบทอง แม่ของพระมหาสันติเป็นตัวอย่าง มีลูกชาย ๖ คน เผาลูกไป ๓ คน นี่เป็นคนที่ ๔ แล้ว..! ก็แปลว่าลูกชายตาย ๔ คน พอเช้าวันที่ ๑๙ อาตมายังอยู่ที่วัดท่ามะขามเพราะว่าไปค้างคืน เจอหน้าก็บอกกับโยมว่า “ไม่ต้องห่วงนะ มหาสันติไปดี แล้ว เขาเลือกไปวันพระใหญ่คือวันวิสาขบูชาด้วย โบราณเขาถือว่าไปอยู่กับพระพุทธเจ้า”

โยมแม่เขาบอก “อ้าว...ไปเมื่อวานหรือ ? นึกว่าไปเมื่อคืนเสียอีก พวกนี้ไม่มีใครบอกแม่เลย” ก็บอกว่าเขาคงกลัวแม่จะเสียใจ “โอ๊ย...แม่ทำใจมานานแล้ว” สรุปว่าห่วงเสียเปล่า ๆ คนแก่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพราะเห็นว่าป่วยหนักมา ๒ ปีแล้ว ทำใจไว้แล้ว เผาลูกไป ๓ ศพแล้ว ศพที่แล้วก็คือหมอฉลอง ไปเผาที่วัดท่าขนุน อาตมาเอาศพไปทางด้านโน้น ทั้ง ๆ ที่เขาจะเผาที่วัดท่ามะขาม โยมก็บอกว่าถ้าไม่ใช่อาจารย์เล็กนะ ไม่ให้มาหรอก ต้องบอกว่า..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้โยมแม่ตามไปดูก็แล้วกัน ว่าทำไมต้องเอาหมอฉลองไปเผาที่ทองผาภูมิ

ปรากฏว่าวันงานศพหมอฉลอง อาตมาเตรียมเก้าอี้เก่า ๔๐๐ ตัว เก้าอี้ใหม่อีก ๓๐๐ ตัว รวมแล้ว ๗๐๐ ตัวยังไม่พอให้แขกนั่ง เขามากันเกือบทั้งอำเภอ โยมแม่ทองร่วมถึงได้บอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเอาศพหมอฉลองมาเผาที่ทองผาภูมิ คือหมอฉลองเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่เคยคิด พูดง่าย ๆ ก็คือว่าใครมีอะไรให้ช่วย จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หมอช่วยเขาหมด ก็เลยกลายเป็นที่รักของคนทั้งอำเภอ

ทางทองผาภูมิก็บอกว่า อาจารย์..เมืองกาญจน์ฯ ไกลมาก โยมหลายคนก็แก่แล้ว ให้เดินทางที ๑๔๐ กว่ากิโลเมตรลงไปเผาหมอฉลองก็ไม่ไหวหรอก อาจารย์เอาศพขึ้นมาเผาบนนี้เถอะ ทางด้านโน้นก็บอกว่าทองผาภูมิไกล ญาติโยมก็อยู่กันแต่ทางนี้ สรุปว่าถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไปเอานี่ ญาติทางโน้นเขาไม่ให้ศพมาหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-06-2019 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-06-2019, 08:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้พอจัดพิธีให้เขาเห็น เขาก็..เออ...สมเกียรติ สมฐานะ แล้วก็คนมางานศพเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ญาติโยมเขาก็รับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้บ่นกัน เพราะว่าคนแก่อย่างลุงอ่อน อย่างแม่ทองร่วม อย่างแม่ทองเหมาะ แต่ละคนอายุเกิน ๘๐ ปีทั้งนั้น ต้องเดินทางไกลมาเผาหลานตัวเอง

สิ่งที่โยมแม่ทองร่วม กลีบทอง เขาทำ ต้องบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่เริ่มเห็นธรรมดาในชีวิตแล้ว แต่ถ้าจะเอาระดับนางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี อันนั้นต้องบอกว่าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จัดงานบุญทำบุญเลี้ยงพระ คนใช้มาสะกิดกระซิบบอกข่าวว่า สามีกับลูกชายออกไปปราบโจรที่ชายแดน โดนฆ่าตายหมดทั้งบ้านเลย

นางมัลลิกาก็ทำบุญใส่บาตร ฟังพระสวดตามปกติ ประเคนภัตตาหารรอพระฉันเสร็จ กรวดน้ำรับพรเรียบร้อย พระท่านก็สงสัย เมื่อครู่นี้คนใช้เข้ามากลางคัน น่าจะมีเรื่องสำคัญ อุบาสิกาพอจะบอกพระได้ไหม ? เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะว่าตอนนี้สามีกับลูก ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ ท่านก็บอก อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขามาบอกว่าสามีกับลูกที่ไปปราบโจรที่ชายแดน โดนโจรฆ่าตายหมดแล้ว

สรุปว่าพระตกใจ กลัวโยมจะเสียใจ แต่โยมเห็นธรรมดาในชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ในความรู้สึกก็คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ไม่ได้ตายด้วยกัน จีนเขามีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา ก็คือผัวเมียเหมือนนกป่าเดียวกัน พอเภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก พอมีภัยมาก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี ถึงเวลาก็ต่างคนต่างจากไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-06-2019, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปี ๒๕๒๓ อาตมาเป็นนักเรียนนายสิบ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เริ่มผลิตบะหมี่แห้ง Instant Noodle ตัวทดสอบคือทหารอย่างพวกอาตมา เขาส่งไปให้ลองกินดูก่อน ดูว่าใช้ได้ไหม ขอบอกว่าบะหมี่แห้งที่ผลิตมาใหม่ ๆ มีแต่บะหมี่อย่างเดียว ถึงเวลาเอาไปลวกน้ำแล้วก็เค็ม ๆ หน่อย

หลังจากนั้นก็มีการผลิตในลักษณะที่เรียกว่า เอาน้ำซุปไก่มาชุบ แล้วก็อบแห้งเพิ่มรสชาติ ท้ายสุดไม่ได้เรื่องสักอย่างหนึ่ง ก็เลยมีนักเลงดีคิดใส่เครื่องปรุง เออ...คราวนี้ใช้ได้ สมัยนั้นอาตมาเรียกว่าบะหมี่แก้ผ้า เพราะว่าไม่มีซองอะไร มาเป็นก้อน ๆ อย่างนั้นแหละ ถึงเวลาก็บรรจุถุงใหญ่มา ถุงละ ๕๐ ก้อน เอามาลองเลี้ยงทหาร

คราวนี้พอได้รับข้อติชมไปจนถึงระดับที่อยู่ตัว ก็คือรสชาติใช้ได้แล้ว ประเภทที่เรียกว่าจากที่ “แหลกไม่ได้” ก็กลายเป็น “ไม่ค่อยจะเหลือให้แหลก” เขาก็เริ่มใส่ยี่ห้อ ก็มีการผลิตซอง มียี่ห้อมีสีสันขึ้นมาบรรจุ ก็เลยเปลี่ยนจากบะหมี่แก้ผ้ามาเป็นบะหมี่ซอง นั่นก็คือบะหมี่แห้งยี่ห้อแรกของประเทศไทยที่ปรากฏขึ้นในโลก ชื่อ.... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าคุณจะมายี่ห้อไหน คนก็เรียกชื่อเหมือนกันหมด

ขอให้รู้ว่าบะหมี่สำเร็จรูปนี้มาจากค่ายทหาร มีพวกอาตมาเป็นหนูลองยา ปลากระป๋องแก้ผ้าก็กินมาไม่รู้ว่ากี่ยี่ห้อ แล้วพวกนี้พอผลิตเสร็จเอาไปส่งให้ทหารทดสอบดู ถ้าผ่านก็แปลว่าขายได้ ที่ดีที่สุดที่เคยกินมาก็คือปลาซาร์ดีนทอดรสเผ็ด อันนั้นต้องบอกว่าคนทำเก่งจริง ๆ แต่ของทหารไม่มีหรอกนะพวกฝาห่วง เขามีแต่ฝาปิดธรรมดาให้ไปเปิดกันเอง ฝาห่วงราคาแพง พอบอกว่ารสชาติผ่านก็ทำขาย ทหารทุกวันนี้น่าสงสารมาก ที่เหลืออยู่ก็คือรอดตายจากการทดลองอาหารมาทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะไม่เต็มเต็งบ้าง ขี้โมโหบ้าง อยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง ก็ต้องบอกว่าเป็นผลข้างเคียงของพวกอาหารทดลอง...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2019 เมื่อ 16:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-06-2019, 08:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครปฏิบัติธรรมงวดถัดจากฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา วุฒิบัตรใหม่โปรดสังเกตว่าตัวหนังสือเปลี่ยน จากเจ้าคณะตำบลเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เดี๋ยวมาคราวนี้วุฒิบัตรทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหรือ ? มี...ตราเปลี่ยน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-06-2019, 08:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า โม้ จริง ๆ แล้วเป็นภาษาอีสานนะ ความหมายเพี้ยนตอนไหนไม่รู้ อีสานไม่ได้ออกเสียงโม้ตรง ๆ แต่ออกเสียงเหมือนกับเป็นโม่ แปลว่าใหญ่ เพราะฉะนั้น..คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่นะ เอ้า...สาวอีสานออกเสียงให้หน่อยสิ คำว่าใหญ่ออกเสียงว่าอย่างไร ? ออกเสียงโม้ตรง ๆ ก็ไม่ได้ คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่ ต้องคุณหญิงโม่

"เขียดโม้เขียดขาคำ คือหมอลำพากันม่วน" เขียดโม้คือเขียดตัวใหญ่ "เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน" คนร้องไม่รู้จักภาษาอีสาน ก็เลยร้องว่า "หอมดอกผักขะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา" จริง ๆ แล้วต้องฟ้าแลง แลงก็คือเวลาค่ำ งายคือเวลาเช้า"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-06-2019, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "บางทีคนเขาเห็นอาตมาลงไปเก็บศพ ไปกอบกระดูก ฝุ่นกระจายว่อนเลย “อาจารย์ไม่กลัวติดโรคหรือ ?” จะไปเหลืออะไร เผาจนเป็นฝุ่นไปแล้ว ยกเว้นว่าเชื้อโรคมาจากต่างดาว ประเภททนความร้อนได้หลายพันองศาเซลเซียส ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นเถอะ..หายากนะ..โรคแบบนั้น

คราวก่อนเก็บศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร เก็บกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จคนอื่นก็ไม่กล้าแตะ อาตมาลงไปกอบจนกระทั่งฝุ่นสักนิดก็ไม่เหลือ ขึ้นมากระมอมกระแมม ดำ ๆ ด่าง ๆ ไปทั้งตัว ญาติพี่น้องของหลวงพ่อเขาร้องว่า “โอ้โฮ...อาจารย์ลงทุนขนาดนั้นเลย” ก็ตอนเป็นรักกัน ตอนตายดันจะไปรังเกียจกันทำไม ? ของอาตมานี่ราคาเท่ากัน จะคนเป็นคนตาย ก็ปฏิบัติเหมือน ๆ กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 19-06-2019, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกอาตมาไม่รู้ว่าการฝึกทหารนั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหน เมื่อวานนี้รับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ รูปที่เขาถ่ายออกมาทั้งหมด เห็นว่าตัวเองหลังตรงมาก ติดมาตั้งแต่สมัยนั้น ฝึกจนกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของตัวเอง แก้ไม่ได้แล้ว พอถึงเวลานั่งก็ต้องหลังตรง

ยิ่งมาปฏิบัติกรรมฐาน บาลีในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกไว้ชัด ๆ อุชุง กายัง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า ก็เลยยิ่งกลายเป็นความเคยชินหนักเข้าไปใหญ่ มาดาบสุดท้ายที่โดนบี้เสียเกือบตายเลยก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พอถึงเวลาท่านจะใช้งาน ท่านซ้อนลงมาตัวตรงเป๊ะ กระดิกไม่ออกเลย เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างพอรวม ๆ กันแล้ว ผลออกมาก็คือรูปที่เห็น ไม่นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นคนหลังแข็ง ก้มไม่เป็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว