กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-01-2022, 03:32
รุ้งทรงกลด รุ้งทรงกลด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2015
ข้อความ: 337
ได้ให้อนุโมทนา: 61
ได้รับอนุโมทนา 12,291 ครั้ง ใน 561 โพสต์
รุ้งทรงกลด is on a distinguished road
Default การเข้าสมาธิเพื่อให้เกิดผลที่ต้องการ

เนื่องจากผมได้เคยทำสมาธิจนถึงจุดที่จิตรวมเป็นจุดเดียว พอถึงจุดนั้นแล้ว
จะมีความรู้สึกแน่นหนามั่นคง นิ่งสงบ เป็นจุดที่รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ
บางทีก็อยู่ได้นานสองชั่งโมง บางทีก็อยู่ได้นานถึงหกชั่วโมง

พอทำแบบนั้นได้แล้ว ก็สามารถเข้าได้บ่อย ๆ จนวันหนึ่งได้มีคนบอกว่าหลวงพ่อชา สุภัทโท
ท่านเคยบอกให้คนภาวนาเพื่อให้ลูกหนี้นำเงินมาคืน
เพราะลูกหนี้ค้างเงินเป็นแสนแล้วไม่นำมาคืนสักที
โดยให้ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยง่าย ๆ ว่าขอให้เขานำเงินมาคืน
ปรากฎว่า คนนั้นได้ทำตามที่หลวงพ่อชาท่านบอก ภาวนาไปจนจิตสงบ
ไม่กี่วันต่อมา ลูกหนี้ก็นำเงินมาคืนจริง ๆ

ผมสนใจวิธีการนั้น ก็เลยลองทำดูบ้าง คือ
ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยในใจให้เข้าจังหวะกันกับลมหายใจเข้าออก
ทำไปจนจิตถึงจุดที่แน่นหนามั่นคง สงบ
และรู้สึกว่า จุดนี้แหละที่คำขอต้องได้ผล พอค้างอยู่อย่างนั้นสักพักก็หยุด

หลายวันต่อมา สิ่งที่ขอก็ปรากฎว่าได้ผลจริง ๆ
จากนั้นก็เลยคิดว่า อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
คิดว่าตัวเองจะเข้าสมาธิถึงระดับนั้นได้อีกเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เลยประมาท
ไม่ค่อยจะฝึกสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เข้าสังคมอยู่ นาน ๆ ทีจะทำ

และการจะขออะไรสักอย่าง ก็ต้องรู้สึกอยากได้จริง ๆ จึงจะทำ
แต่ในช่วงนั้นไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่ได้ขออะไร

มาช่วงนี้ รู้สึกมีสิ่งที่อยากได้เยอะมาก แต่พอลองเข้าสมาธิแล้ว
ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นได้ ยิ่งพอภาวนาคำพูดที่ต้องการด้วย ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
พอรู้สึกว่าสมาธิใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว ก็รีบพูดคำที่ต้องการ สมาธิก็คลายตัว

แต่พอลองพยายามไม่พูดในใจ พอจิตเริ่มที่จะรวมตัว
ก็รู้สึกว่า ถ้าถึงจุดที่สงบนั้นจริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องการอะไรอีก
เพียงแค่เข้าไปแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ก็เลยรีบพูดคำที่ต้องการใหม่ สมาธิก็คลายตัวอีก แล้วก็วนกันอยู่อย่างนี้

เท่าที่ผมคิด ผมคงมีแต่ต้องเข้าสมาธิให้ถึงระดับนั้นจริง ๆ ไปก่อน
ก็อาจจะต้องเข้าบ่อย ๆ เพื่อให้ชำนาญ

แม้ความต้องการของผมจะไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก
แต่ก็กลัวว่า พอเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นแล้ว
อาจจะเกิดอาการพอใจแค่นั้นขึ้นมา แล้วก็อาจจะไม่รู้สึกอยากได้อะไรอีกเลย เหมือนที่เคยทำมา

ไม่ทราบว่า คนที่ทำไสยศาสตร์นั้น
เขาทำอย่างไรถึงทำให้สามารถเข้าสมาธิได้แม้จะมีเจตนาไม่ดีครับ

และขั้นตอนที่เขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบที่ใช้วิธีเข้าสมาธิแล้วอธิษฐานเอาเหมือนทั่ว ๆ ไปหรือไม่ครับ
__________________
ที่อยู่สำหรับจัดส่งของเวลาผมร่วมบูชาวัตถุมงคลในเว็บนี้คือ
นาย ปริวัฒน์ วงศ์มาศ บ้านเลขที่ ๓ ถ.เกษมวัน ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๙๐ โทร ๐๙๖-๙๕๔-๔๗๒๙ เท่านั้น

(คำอวยพรประจำฤดูกาล) หน้าฝนเศรษฐี หน้าหนาวมั่งมี หน้าร้อนรวยทรัพย์

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งทรงกลด : 25-01-2022 เมื่อ 03:40
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ รุ้งทรงกลด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-02-2022, 05:09
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,766
ได้ให้อนุโมทนา: 268,838
ได้รับอนุโมทนา 838,050 ครั้ง ใน 12,778 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื่องจากผมได้เคยทำสมาธิจนถึงจุดที่จิตรวมเป็นจุดเดียว พอถึงจุดนั้นแล้ว
จะมีความรู้สึกแน่นหนามั่นคง นิ่งสงบ เป็นจุดที่รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ
บางทีก็อยู่ได้นานสองชั่งโมง บางทีก็อยู่ได้นานถึงหกชั่วโมง

พอทำแบบนั้นได้แล้ว ก็สามารถเข้าได้บ่อย ๆ จนวันหนึ่งได้มีคนบอกว่าหลวงพ่อชา สุภัทโท
ท่านเคยบอกให้คนภาวนาเพื่อให้ลูกหนี้นำเงินมาคืน
เพราะลูกหนี้ค้างเงินเป็นแสนแล้วไม่นำมาคืนสักที
โดยให้ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยง่าย ๆ ว่าขอให้เขานำเงินมาคืน
ปรากฎว่า คนนั้นได้ทำตามที่หลวงพ่อชาท่านบอก ภาวนาไปจนจิตสงบ
ไม่กี่วันต่อมา ลูกหนี้ก็นำเงินมาคืนจริง ๆ

ผมสนใจวิธีการนั้น ก็เลยลองทำดูบ้าง คือ
ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยในใจให้เข้าจังหวะกันกับลมหายใจเข้าออก
ทำไปจนจิตถึงจุดที่แน่นหนามั่นคง สงบ
และรู้สึกว่า จุดนี้แหละที่คำขอต้องได้ผล พอค้างอยู่อย่างนั้นสักพักก็หยุด

หลายวันต่อมา สิ่งที่ขอก็ปรากฎว่าได้ผลจริง ๆ
จากนั้นก็เลยคิดว่า อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
คิดว่าตัวเองจะเข้าสมาธิถึงระดับนั้นได้อีกเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เลยประมาท
ไม่ค่อยจะฝึกสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เข้าสังคมอยู่ นาน ๆ ทีจะทำ

และการจะขออะไรสักอย่าง ก็ต้องรู้สึกอยากได้จริง ๆ จึงจะทำ
แต่ในช่วงนั้นไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่ได้ขออะไร

มาช่วงนี้ รู้สึกมีสิ่งที่อยากได้เยอะมาก แต่พอลองเข้าสมาธิแล้ว
ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นได้ ยิ่งพอภาวนาคำพูดที่ต้องการด้วย ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
พอรู้สึกว่าสมาธิใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว ก็รีบพูดคำที่ต้องการ สมาธิก็คลายตัว

แต่พอลองพยายามไม่พูดในใจ พอจิตเริ่มที่จะรวมตัว
ก็รู้สึกว่า ถ้าถึงจุดที่สงบนั้นจริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องการอะไรอีก
เพียงแค่เข้าไปแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ก็เลยรีบพูดคำที่ต้องการใหม่ สมาธิก็คลายตัวอีก แล้วก็วนกันอยู่อย่างนี้

เท่าที่ผมคิด ผมคงมีแต่ต้องเข้าสมาธิให้ถึงระดับนั้นจริง ๆ ไปก่อน
ก็อาจจะต้องเข้าบ่อย ๆ เพื่อให้ชำนาญ

แม้ความต้องการของผมจะไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก
แต่ก็กลัวว่า พอเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นแล้ว
อาจจะเกิดอาการพอใจแค่นั้นขึ้นมา แล้วก็อาจจะไม่รู้สึกอยากได้อะไรอีกเลย เหมือนที่เคยทำมา

ไม่ทราบว่า คนที่ทำไสยศาสตร์นั้น
เขาทำอย่างไรถึงทำให้สามารถเข้าสมาธิได้แม้จะมีเจตนาไม่ดีครับ

และขั้นตอนที่เขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบที่ใช้วิธีเข้าสมาธิแล้วอธิษฐานเอาเหมือนทั่ว ๆ ไปหรือไม่ครับ


ตอบ : ถ้าทำด้วยความอยาก ทำให้ใจไม่นิ่งพอ จึงไม่ได้ผล
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด

Tags
สมาธิ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว