กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-10-2021, 05:28
นารีมีธรรมะ นารีมีธรรมะ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2021
ข้อความ: 17
ได้ให้อนุโมทนา: 102
ได้รับอนุโมทนา 409 ครั้ง ใน 24 โพสต์
นารีมีธรรมะ is on a distinguished road
Default ลูกทำไม่ดีกับพ่อแม่นั้นเป็นบาป แต่ถ้าพ่อแม่ที่ทำไม่ดีกับลูกนั้นบาปหรือไม่คะ

กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ

บุพการีดิฉันเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ปากร้าย เอาแต่ใจ และชอบบังคับลูก ๆ ให้เป็นดังใจค่ะ

สมัยก่อนดิฉันเป็นคนที่เลวร้ายมาก มักโต้เถียงกับพ่อแม่ และคนในครอบครัวด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ก้าวร้าว มีภาวะผิดปกติทางจิตเวช ทำให้ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้ จนเมื่อ ๘ ปีก่อน ดิฉันได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกในชีวิต ได้เกิดสภาวะธรรมหลาย ๆ ประการที่ไม่เคยคาดคิด ซึ่งทำให้ชีวิต และความคิดของดิฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ จากเป็นคนไม่กลัวบาปกรรม ไม่กลัวกระทั่งนรก ก็กลัวเอามาก ๆ จากคนไม่สนใจในธรรมะ ไม่เคยเชื่อเรื่องการนั่งสมาธิ ก็เริ่มสนใจในธรรมะ หันมาสวดมนต์ หันมาวิปัสสนากรรมฐาน รวมทั้งเข้ารับการรักษาอาการทางจิตเวชด้วย

ตั้งแต่นั้นมาดิฉันมักปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน ถึงจะขี้เกียจไปบ้าง แต่ไม่เคยขาดหาย เมื่อมีโอกาสก็ไปปฏิบัติธรรมข้างนอกบ้าง ซึ่งอานิสงส์หลัก ๆ ที่ดิฉันต้องการคือการเจริญสติ ดิฉันต้องการควบคุมสติตัวเอง ต้องการเลิกทะเลาะกับพ่อแม่ และทุกคนในครอบครัว ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวร้อนเป็นไฟอีกต่อไป

จนได้มาฟังบันทึกเสียงธรรมเทศนาของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง จึงทำให้ดิฉันมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นไปอีกคือพระนิพพานชาตินี้ ทุกวันนี้ในทางธรรมดิฉันปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อฤาษี ฯ ด้วยการรักษาศีล ๕ ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันรักษาได้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งใช้พรหมวิหาร ๔ เพื่อปล่อยวาง ให้อภัยพ่อแม่ และพยายามรักษากรรมบถ ๑๐ โดยเฉพาะเรื่องกรรมบถ ดิฉันรู้ตัวดีว่ายังรักษาไม่สมบูรณ์ เพราะยังติดเรื่องพ่อแม่ ยังมีโต้เถียงบ้าง แต่จะทุเลาเบาบางลง ใช้สติมีเหตุผลมากขึ้น

ส่วนพ่อแม่ของดิฉันนั้น ดิฉันเข้าใจดีว่ากายภาพของคนอายุ ๗๐ กว่า ย่อมเสื่อมลงตามวัย จึงทำให้ตรรกะบางอย่างที่เป็นปัญหามาก่อนหน้านี้นั้น ยิ่งหนักขึ้นไปอีก ดิฉันเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จในทางโลก ดิฉันเลยตั้งใจทำตัวเองให้ประสบความสำเร็จในทางธรรม ทำเพื่อตัวเองเป็นสำคัญ และหวังช่วยให้พ่อแม่เห็นธรรมด้วยค่ะ อย่างน้อยที่สุดอยากช่วยให้ท่านจิตสงบในวันสุดท้ายของชีวิต ท่านจะได้ไปภพภูมิที่ดี ดิฉันรักพ่อแม่มาก และอยากตอบแทนท่านด้วยสิ่งที่ดิฉันทำให้ได้นั่นคือ “บุญ” ค่ะ

ทุกวันนี้พ่อแม่ก็ยังด่าว่าดิฉันร้าย ๆ มักใช้วจีกรรมทำร้ายจิตใจ บ้างก็เบียดเบียนที่เข้าข่ายผิดศีลจนทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจ กระทั่งพี่สาวแท้ ๆ ของดิฉัน ที่มาทางธรรมหวังพระนิพพานเช่นกันก็ร่วมชะตากรรมด้วย ประดุจกิเลสมารที่ทดสอบจิตใจเราสองคนพี่น้อง ดิฉันนิ่งได้บ้าง เดินหนีบ้าง เถียงบ้าง แต่พยายามอธิบายตอบอย่างมีเหตุผล ใช้ธรรมะ ไม่ให้ผิดศีล พยายามไม่ให้ผิดกรรมบถ ๑๐ ไม่ปล่อยให้ตัวเองขาดสติเช่นแต่ก่อน บางครั้งพ่อแม่ก็มีปรามาสเรื่องการปฏิบัติธรรมของดิฉันด้วย ว่าไม่ได้เรื่องบ้าง ไม่เห็นดีขึ้นบ้าง สบประมาทว่า “นี่น่ะหรือคนปฏิบัติธรรม” หรือมองว่าดิฉันบ้าที่มาทางนี้ อยากให้ดิฉันมุ่งทางโลก จนหลายครั้งดิฉันรู้สึกเสียกำลังใจ และรู้สึกผิด บางครั้งทนไม่ไหวจนต้องเถียงกลับ ถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผลก็ตาม

เรื่องพฤติกรรมของดิฉันนั้น พี่สาวของดิฉัน รวมทั้งคนรอบข้างอีกหลายคน ยืนยันว่าดิฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นชัดเจน ตอนนี้คนที่อยู่เคียงข้างที่เข้าใจดิฉันที่สุด คือพี่สาวซึ่งแต่ก่อนไม่ชอบหน้ากัน เพราะนิสัยแย่ ๆ ในอดีตของดิฉัน ทุกวันนี้พี่สาวกับดิฉันดีต่อกัน พูดคุยกันรู้เรื่อง หันมาเห็นอกเห็นใจ ใฝ่ธรรมด้วยกันค่ะ

ดิฉันไม่ได้คาดหวังให้พ่อแม่เปลี่ยนค่ะ เข้าใจค่ะว่าท่านอายุมากแล้ว เปลี่ยนไม่น่าจะได้แล้ว เลยพอจะปล่อยวางได้บ้าง ดิฉันไม่เคยท้อแท้กับบททดสอบนี้ค่ะ ยอมรับว่าเป็นกรรมของดิฉันเองที่เคยทำมาทั้งอดีตชาติ และปัจจุบันชาติ ดิฉันยังคงปรารถนาพระนิพพานชาตินี้อย่างมุ่งมั่น มาสายเต่าค่ะ เดินช้าแต่ไม่หยุดเดิน และดิฉันทราบดีค่ะว่าการทำไม่ดีกับพ่อแม่นั้นเป็นบาป รวมทั้งเข้าใจด้วยว่าการที่พ่อแม่ด่าว่า ถ้าเป็นไปเพราะเมตตาสั่งสอน พ่อแม่จะไม่บาป แต่ในกรณีพ่อแม่ด่าว่าด้วยอารมณ์ รุนแรง หยาบคาย ไม่คำนึงถึงหัวจิตหัวใจ ไม่มองเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวเรา จนบางทีลามไปปรามาสการปฏิบัติธรรมของดิฉัน แล้วบอกว่าพ่อแม่สั่งสอนลูกไม่บาป เช่นนี้ พ่อแม่จะบาปไหมคะ ดิฉันควรวางตัวอย่างไร ควรพยายามช่วยพ่อแม่ในทางธรรมต่อไป หรือปล่อยวาง แล้วนำพาแค่ตัวเองให้รอดก็พอ ขอพระอาจารย์ชี้แนะทางที่ถูกที่ควรให้แก่ผู้มากด้วยอวิชชาเช่นดิฉันด้วยค่ะ

ยาวหน่อยนะคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นารีมีธรรมะ : 03-10-2021 เมื่อ 05:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นารีมีธรรมะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-10-2021, 16:58
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,769
ได้ให้อนุโมทนา: 268,934
ได้รับอนุโมทนา 838,120 ครั้ง ใน 12,781 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : บุพการีดิฉันเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ปากร้าย เอาแต่ใจ และชอบบังคับลูก ๆ ให้เป็นดังใจค่ะ

สมัยก่อนดิฉันเป็นคนที่เลวร้ายมาก มักโต้เถียงกับพ่อแม่ และคนในครอบครัวด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ก้าวร้าว มีภาวะผิดปกติทางจิตเวช ทำให้ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้ จนเมื่อ ๘ ปีก่อน ดิฉันได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกในชีวิต ได้เกิดสภาวธรรมหลาย ๆ ประการที่ไม่เคยคาดคิด ซึ่งทำให้ชีวิต และความคิดของดิฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ จากเป็นคนไม่กลัวบาปกรรม ไม่กลัวกระทั่งนรก ก็กลัวเอามาก ๆ จากคนไม่สนใจในธรรมะ ไม่เคยเชื่อเรื่องการนั่งสมาธิ ก็เริ่มสนใจในธรรมะ หันมาสวดมนต์ หันมาวิปัสสนากรรมฐาน รวมทั้งเข้ารับการรักษาอาการทางจิตเวชด้วย

ตั้งแต่นั้นมาดิฉันมักปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน ถึงจะขี้เกียจไปบ้าง แต่ไม่เคยขาดหาย เมื่อมีโอกาสก็ไปปฏิบัติธรรมข้างนอกบ้าง ซึ่งอานิสงส์หลัก ๆ ที่ดิฉันต้องการคือการเจริญสติ ดิฉันต้องการควบคุมสติตัวเอง ต้องการเลิกทะเลาะกับพ่อแม่ และทุกคนในครอบครัว ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวร้อนเป็นไฟอีกต่อไป

จนได้มาฟังบันทึกเสียงธรรมเทศนาของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จึงทำให้ดิฉันมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นไปอีกคือพระนิพพานชาตินี้ ทุกวันนี้ในทางธรรมดิฉันปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีฯ ด้วยการรักษาศีล ๕ ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันรักษาได้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งใช้พรหมวิหาร ๔ เพื่อปล่อยวาง ให้อภัยพ่อแม่ และพยายามรักษากรรมบถ ๑๐ โดยเฉพาะเรื่องกรรมบถ ดิฉันรู้ตัวดีว่ายังรักษาไม่สมบูรณ์ เพราะยังติดเรื่องพ่อแม่ ยังมีโต้เถียงบ้าง แต่จะทุเลาเบาบางลง ใช้สติมีเหตุผลมากขึ้น

ส่วนพ่อแม่ของดิฉันนั้น ดิฉันเข้าใจดีว่ากายภาพของคนอายุ ๗๐ กว่า ย่อมเสื่อมลงตามวัย จึงทำให้ตรรกะบางอย่างที่เป็นปัญหามาก่อนหน้านี้นั้น ยิ่งหนักขึ้นไปอีก ดิฉันเป็นคนไม่ประสบความสำเร็จในทางโลก ดิฉันเลยตั้งใจทำตัวเองให้ประสบความสำเร็จในทางธรรม ทำเพื่อตัวเองเป็นสำคัญ และหวังช่วยให้พ่อแม่เห็นธรรมด้วยค่ะ อย่างน้อยที่สุดอยากช่วยให้ท่านจิตสงบในวันสุดท้ายของชีวิต ท่านจะได้ไปภพภูมิที่ดี ดิฉันรักพ่อแม่มาก และอยากตอบแทนท่านด้วยสิ่งที่ดิฉันทำให้ได้นั่นคือ “บุญ” ค่ะ

ทุกวันนี้พ่อแม่ก็ยังด่าว่าดิฉันร้าย ๆ มักใช้วจีกรรมทำร้ายจิตใจ บ้างก็เบียดเบียนที่เข้าข่ายผิดศีลจนทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจ กระทั่งพี่สาวแท้ ๆ ของดิฉัน ที่มาทางธรรมหวังพระนิพพานเช่นกันก็ร่วมชะตากรรมด้วย ประดุจกิเลสมารที่ทดสอบจิตใจเราสองคนพี่น้อง ดิฉันนิ่งได้บ้าง เดินหนีบ้าง เถียงบ้าง แต่พยายามอธิบายตอบอย่างมีเหตุผล ใช้ธรรมะ ไม่ให้ผิดศีล พยายามไม่ให้ผิดกรรมบถ ๑๐ ไม่ปล่อยให้ตัวเองขาดสติเช่นแต่ก่อน บางครั้งพ่อแม่ก็มีปรามาสเรื่องการปฏิบัติธรรมของดิฉันด้วย ว่าไม่ได้เรื่องบ้าง ไม่เห็นดีขึ้นบ้าง สบประมาทว่า “นี่น่ะหรือคนปฏิบัติธรรม” หรือมองว่าดิฉันบ้าที่มาทางนี้ อยากให้ดิฉันมุ่งทางโลก จนหลายครั้งดิฉันรู้สึกเสียกำลังใจ และรู้สึกผิด บางครั้งทนไม่ไหวจนต้องเถียงกลับ ถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผลก็ตาม

เรื่องพฤติกรรมของดิฉันนั้น พี่สาวของดิฉัน รวมทั้งคนรอบข้างอีกหลายคน ยืนยันว่าดิฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นชัดเจน ตอนนี้คนที่อยู่เคียงข้างที่เข้าใจดิฉันที่สุด คือพี่สาวซึ่งแต่ก่อนไม่ชอบหน้ากัน เพราะนิสัยแย่ ๆ ในอดีตของดิฉัน ทุกวันนี้พี่สาวกับดิฉันดีต่อกัน พูดคุยกันรู้เรื่อง หันมาเห็นอกเห็นใจ ใฝ่ธรรมด้วยกันค่ะ

ดิฉันไม่ได้คาดหวังให้พ่อแม่เปลี่ยนค่ะ เข้าใจค่ะว่าท่านอายุมากแล้ว เปลี่ยนไม่น่าจะได้แล้ว เลยพอจะปล่อยวางได้บ้าง ดิฉันไม่เคยท้อแท้กับบททดสอบนี้ค่ะ ยอมรับว่าเป็นกรรมของดิฉันเองที่เคยทำมาทั้งอดีตชาติ และปัจจุบันชาติ ดิฉันยังคงปรารถนาพระนิพพานชาตินี้อย่างมุ่งมั่น มาสายเต่าค่ะ เดินช้าแต่ไม่หยุดเดิน และดิฉันทราบดีค่ะว่าการทำไม่ดีกับพ่อแม่นั้นเป็นบาป รวมทั้งเข้าใจด้วยว่าการที่พ่อแม่ด่าว่า ถ้าเป็นไปเพราะเมตตาสั่งสอน พ่อแม่จะไม่บาป แต่ในกรณีพ่อแม่ด่าว่าด้วยอารมณ์ รุนแรง หยาบคาย ไม่คำนึงถึงหัวจิตหัวใจ ไม่มองเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวเรา จนบางทีลามไปปรามาสการปฏิบัติธรรมของดิฉัน แล้วบอกว่าพ่อแม่สั่งสอนลูกไม่บาป เช่นนี้ พ่อแม่จะบาปไหมคะ ดิฉันควรวางตัวอย่างไร ควรพยายามช่วยพ่อแม่ในทางธรรมต่อไป หรือปล่อยวาง แล้วนำพาแค่ตัวเองให้รอดก็พอ ขอพระอาจารย์ชี้แนะทางที่ถูกที่ควรให้แก่ผู้มากด้วยอวิชชาเช่นดิฉันด้วยค่ะ
ตอบ : ธรรมดาของการเกิดมาก็ต้องเจอกับทุกข์แบบนี้ แต่ถ้าเราข้ามพ้นไปพระนิพพานได้ในชาตินี้ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราแค่นี้ก็ไม่มีความหมายอะไร อีกไม่กี่วันพ่อแม่ท่านก็ไม่อยู่แล้ว ชั่วระยะสั้น ๆ แค่นี้ทำไมเราจะอดออมถนอมใจไม่ได้ ?
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว