กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 29-11-2024, 17:12
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 439
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 22,561 ครั้ง ใน 920 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-11-2024, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,649
ได้ให้อนุโมทนา: 155,183
ได้รับอนุโมทนา 4,452,686 ครั้ง ใน 35,254 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไม่ได้ออกบิณฑบาต เนื่องเพราะว่ามีงานโครงการปฐมนิเทศครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ที่ วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ถ้าบิณฑบาตแล้วจะไปไม่ทันพิธีเปิด ขนาดนั้นเมื่อไปถึงก็ยัง ๘ นาฬิกาเศษ บรรดาครูพระสอนศีลธรรมของจังหวัดกาญจนบุรี กำลังลงทะเบียนและต่อใบอนุญาตกันอยู่อย่างขะมักเขม้น

เนื่องเพราะว่าครูพระสอนศีลธรรมนั้น จะต้องมีการส่งรายงานการสอนประจำทุกเดือน เพื่อที่จะรับเงินเดือนครูสอน ซึ่งอยู่ที่ ๒,๕๐๐ บาท ถ้าหากว่าขาดการส่งรายงาน ก็เท่ากับว่าขาดการสอน ทำให้ต้องโดนคัดออก แล้วบุคคลที่สอนครบถ้วน ก็ยังต้องต่อใบอนุญาตกันปีต่อปี ซึ่งลักษณะแบบนี้ก็เป็นความดีอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะว่าทำให้การบริหารจัดการนั้นเป็นไปโดยทันเหตุการณ์ ไม่ใช่ว่าทิ้งการสอนไปเป็นปี ๆ แล้ว แต่ว่ายังได้รับการโอนเงินเดือนให้ทุกปีแบบสมัยก่อน

เมื่อมีระบบการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ครูพระหน้าใหม่ ๆ ก็จะสอดแทรกเข้ามาแทนคนเก่าที่หลุดวงโคจรไป แต่กระนั้นก็ตาม..จำนวนโควต้าครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ๓๕๐ รูปของจังหวัดกาญจนบุรี ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่ ๒๘ รูป สาเหตุที่ว่างก็ไม่มีอะไรมาก ๑.) มรณภาพ ๒.) ลาออก ๓.) โยกย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องสรรหาบุคคลเข้าไปแทน

เมื่อพิธีเปิดโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมพระวิปัสสนาจารย์ซึ่งเข้าอบรมอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีเมตตาบอกว่า "ช่วยให้โอวาทแก่ครูพระสอนศีลธรรมสักหน่อยครับ ไม่ต้องมากก็ได้"

กระผม/อาตมภาพจึงใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที ในการเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของการที่ครูพระของเราต้องปลูกฝังหลักธรรมต่าง ๆ ให้กับเด็ก ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นภาระหน้าที่อันหนักมาก จำเป็นที่จะต้องเสียสละความสุขส่วนตน เพื่อเด็กเยาวชนที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2024 เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-11-2024, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,649
ได้ให้อนุโมทนา: 155,183
ได้รับอนุโมทนา 4,452,686 ครั้ง ใน 35,254 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครูพระทุกรูปจึงต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของความเป็นครู ที่ภาษาบาลีเรียกว่า "กัลยาณมิตรธรรมทั้ง ๗ ประการ" แล้วก็อธิบายคร่าว ๆ ตั้งแต่ปิโย เป็นครูที่น่ารัก นักเรียนอยากจะเรียนด้วย ไปจนถึง โน จัฏฐาเน นิโยชะเย คือไม่ชักนำศิษย์ไปในทางที่เสียหาย นอกจากสอนให้คิดดี พูดดี ทำดีแล้ว ยังต้องระมัดระวังคอยป้องกัน ไม่ให้ศิษย์ไปในทางที่ชั่ว ทางที่ผิดพลาดอีกด้วย

หลังจากนั้นก็รีบเดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แต่ปรากฏว่าเลยเวลาไปเสียก่อน ถ้าหากว่าอยู่ในช่วงระหว่างฉันเพลและพักผ่อนของพระวิปัสสนาจารย์ ถึงเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ประกอบกับยังมีการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ตั้งแต่ระดับเจ้าคณะจังหวัด ลงไปจนถึงรองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ อีกด้วย

แม้จะเป็นการประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting Online ก็ตาม แต่ว่าพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ก็เมตตามาเป็นประธานในการประชุมทุกครั้ง กระผม/อาตมภาพจึงต้องละทิ้งการเดินทางเข้าไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตรงไปยังที่พักวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อที่จะได้รีบเข้าระบบ Zoom Meeting Online ให้ทันการประชุม

ในการประชุมนั้นส่วนที่น่าหนักใจก็คือบรรดาเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ของเรา
ไม่ว่าเราจะทำสิ่งที่ดีที่งามขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าแทบจะไม่ปรากฏเป็นข่าวคราวต่อสาธารณชนเลย นอกจากในส่วนประชาสัมพันธ์ของทางคณะสงฆ์เท่านั้น อย่างในปัจจุบันนี้ ก็มีโครงการปฐมนิเทศครูพระสอนศีลธรรมของจังหวัดกาญจนบุรี โครงการอบรมพัฒนาศักยภาพพระวิปัสสนาจารย์ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โครงการอบรมพระคิลานุปัฏฐาก ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งโครงการทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อพุทธศาสนิกชนบ้าง เป็นไปเพื่อเยาวชนของเราบ้าง เป็นไปเพื่อพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วไม่มีใครคอยดูแลบ้าง

แต่โครงการดี ๆ เหล่านี้ เขาไม่เอาไปออกข่าว เนื่องเพราะว่าออกข่าวไปแล้วคนก็ไม่สนใจ หากแต่ว่าไปสนใจในเรื่องไม่ดีไม่งามเสียหมด เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงทำไปเท่าไรก็ไม่ปรากฏออกสู่สาธารณชน แต่ถ้าหากว่ามีพระภิกษุสามเณรประพฤติบกพร่องในพระธรรมวินัยบางอย่าง ก็จะมีการออกสื่อออกข่าวกันแทบจะทุกช่องทาง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2024 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 29-11-2024, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,649
ได้ให้อนุโมทนา: 155,183
ได้รับอนุโมทนา 4,452,686 ครั้ง ใน 35,254 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัจจุบันนี้ในส่วนที่น่าหนักใจก็คือ ส่วนที่ญาติโยมทั้งหลายมักจะกล่าวว่า คณะสงฆ์ของเราล้าสมัย มีการสอนลักษณะเดิม ๆ ไม่ทันสมัย ไม่น่าสนใจ ไม่ตื่นเต้น ทำให้ทุกคนห่างวัดออกไปเรื่อย แต่ถ้าหากว่ามีบุคคลที่ตั้งใจทำคอนเทนต์ สร้างความตื่นเต้นให้ก็แห่กันไปหา..!

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า บุคคลที่อยู่ในลักษณะนั้นยังเป็น "ผู้ถือมงคลตื่นข่าว" ก็คือที่ไหนเขาว่าดีก็แห่กันไปที่นั่น เป็นบุคคลที่ไม่มีความมั่นคงในตนเอง เพราะว่าถ้ามีความมั่นคงในตนเอง ยึดหลักธรรมการปฏิบัติได้ ก็จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไปเพื่อให้เกิดผลดีแก่ตนเอง


ในส่วนนี้ทางคณะสงฆ์ของเราก็จำเป็นที่จะต้องพัฒนา แต่ว่าต้องเป็นการพัฒนาที่เรายึดแก่น ก็คือหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา เอาไว้ให้มั่น ไม่เช่นนั้นแล้วในส่วนอื่นถ้าพัฒนาตามไป ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค วิธีการ หรือว่าเทคโนโลยีอะไรก็ตาม มีแต่จะพาให้เราเป๋ออกนอกทาง

เหมือนอย่างกับที่บางประเทศ ถึงขนาดพระภิกษุของเขาไปเล่นดนตรี ไปร้องเพลงแร็ป เพื่อที่จะสร้างความสนใจให้กับวัยรุ่น แล้วจะได้มาสนใจในพระพุทธศาสนา กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า บุคคลที่สนใจนั้นก็ได้เป็นแค่สะเก็ดติดเปลือกไม้เท่านั้น แม้กระทั่งเปลือกก็ยังเข้าไม่ถึง แล้วจะไปเอากระพี้เอาแก่นธรรมได้ที่ไหน ?

เรื่องพวกนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่ว่าในสมัยก่อน ๆ นั้น เรื่องของสื่อต่าง ๆ ไม่ได้ไปทั่วโลกในพริบตาเดียวเหมือนกับสมัยนี้ การที่พระภิกษุสามเณรกระทำในสิ่งที่ผิดพลาด เพราะว่าเป็นปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส จึงไม่ได้ออกข่าวไปทั่ว จนกระทั่งกลายเป็นที่เอือมระอาของพุทธศาสนิกชนเหมือนอย่างในปัจจุบัน

เหตุที่เป็นเช่นนั้นมี ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือพุทธศาสนิกชนในสมัยนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าถึงธรรมอย่างแท้จริง แยกแยะออกว่าอะไรเป็นเปลือก อะไรเป็นแก่น อะไรเป็นเพียงกาฝากที่มาอาศัยเกาะพระพุทธศาสนา จึงให้การสนับสนุนแก่นแท้โดยที่ไม่หลงผิดทาง ไม่ใช่เหมือนกับสมัยนี้ที่ไปหลงสนับสนุนบุคคลบางประเภทที่คิดว่าเป็นแก่น แต่ถ้าพิจารณาจริง ๆ แล้วก็เป็นแค่สะเก็ดติดเปลือกไม้เท่านั้น

ประการต่อมาก็คือ ปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลสในปัจจุบันนี้มีจำนวนมากมายมหาศาล ตั้งแง่เรียกร้องจากคณะสงฆ์ต่าง ๆ นา ๆ แถมยังรู้ไม่จริงเสียด้วย ก็เลยเอาเรื่องของพระภิกษุสามเณรปุถุชนไปปะปนกับพระภิกษุสามเณรที่เป็นพระอริยเจ้า ไปเรียกร้องให้ปุถุชนกระทำตนแบบพระอริยเจ้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2024 เมื่อ 00:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 29-11-2024, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,649
ได้ให้อนุโมทนา: 155,183
ได้รับอนุโมทนา 4,452,686 ครั้ง ใน 35,254 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะตนเองเป็นปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าพระอริยเจ้านั้นมีความประพฤติปฏิบัติอย่างไร อยู่ในลักษณะที่ว่า เมื่อมืดบอดก็มองไม่เห็นว่าความจริงแท้เป็นอย่างไร ครั้นไปเจอบุคคลที่มืดบอดด้วยกัน อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน กิเลสใกล้เคียงกัน พูดอะไรออกมาตรงกับกิเลสของตนเอง ก็ไปคิดว่าใช่..!

ถ้าอยู่ในลักษณะแบบนี้ พระพุทธศาสนาของเราก็จะอยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ จึงเป็นภาระ เป็นหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ หรือว่าเจ้าอาวาส จำเป็นที่จะต้องกวดขัน เข้มงวดกับพระภิกษุสามเณรของตน โดยเฉพาะบรรดาท่านที่เป็นครูพระสอนศีลธรรม จะต้องอดทนอดกลั้น รู้สำนึกในสมณสารูปของตน มีสมณสัญญา รู้ว่าต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร จึงจะไม่เสียหายต่อตนเอง ไม่เสียหายต่อครูบาอาจารย์ และไม่เสียหายต่อพระพุทธศาสนา

ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนอย่างกับปล่อยให้บุคคลที่เพิ่งจะฝึกหัดทหาร ได้แค่ท่าบุคคลมือเปล่าเท่านั้น แต่ไปออกรบในแนวหน้า โอกาสที่จะรอดกลับมานั้นมีน้อยเหลือเกิน แต่ว่าท่านทั้งหลายก็ไม่ย่อท้อ อุตส่าห์ไปต่อสู้ฟันฝ่าในสนามจริง จนกระทั่งหลายต่อหลายท่านสามารถยืนหยัดเป็นธรรมเสนา คือทหารผู้แกร่งกล้าในกองทัพธรรมได้อย่างแท้จริง

ต้องขอชื่นชมต่อท่านทั้งหลายที่สละตนเองเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อเยาวชนของเรา แล้วก็ใช้การสั่งสอนเด็ก ๆ นั่นแหละ เป็นการขัดเกลาตนเองไปในตัวด้วย จนกระทั่งสามารถที่จะยืนหยัดเป็นหลักหนึ่งในพระพุทธศาสนาของเราได้ ต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ไม่ทอดทิ้งภาระในตรงนี้ ถ้าพวกเราร่วมด้วยช่วยกันในลักษณะอย่างนี้ พระพุทธศาสนาของเราก็ยังสามารถที่เจริญมั่นคงต่อไปได้อย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2024 เมื่อ 00:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว