กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-10-2023, 19:55
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,532
ได้ให้อนุโมทนา: 216,757
ได้รับอนุโมทนา 743,843 ครั้ง ใน 36,244 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-10-2023, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,048 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ พรุ่งนี้ก็เริ่มสอบนักธรรมชั้นตรีสนามหลวงกันแล้ว สนามสอบอำเภอทองผาภูมินั้น พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี กับท่านเจ้าคุณอ๋อ (พระวชิรปัญญาภรณ์, ดร.) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ จะเป็นผู้มาตรวจเยี่ยมสนาม แต่คราวนี้ในระหว่างกลาง กระผม/อาตมภาพมีงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแทรกอยู่ ถ้าหากว่าท่านมาในวันที่ไม่อยู่พอดี ก็เป็นภาระของท่านอื่นรับไปก็แล้วกัน

สำหรับวันนี้ เมื่อกระผม/อาตมภาพเดินทางกลับมาถึงวัด ก็ได้เข้าระบบซูมมีตติ้งออนไลน์ ไปร่วมการบรรยายเรื่อง "พุทธนวัตกรรมการสื่อสารกับโลกในภาวะวิกฤต" โดยท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชวัชรสารบัณฑิต,รศ.ดร. (ประสาร จนฺทสาโร) แต่คราวนี้ในสิ่งที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์กล่าวมา ก็ต้องบอกว่า เป็นการให้กำลังใจกับผู้ที่ทำงานมากกว่า แล้วบางส่วนกระผม/อาตมภาพก็เห็นค้านกับท่าน สิ่งที่ท่านพูดมานั้นใช่ทั้งหมด แต่ไปเน้นในเรื่องทางโลกจนเกินไป

อันดับแรก ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจคำว่านวัตกรรมก่อน นวัตกรรมก็คือการเอาของเดิมมาทำให้ดีขึ้น มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ว่าดีขึ้น หลากหลายมากขึ้น อย่างเช่นว่าก่อนหน้านี้ เรามีแค่จักรยานยนต์ แล้วก็มีคนคิดใช้งานให้มากขึ้นด้วยการต่อพ่วงข้างขึ้นมา กลายเป็นจักรยานยนต์พ่วงข้าง จาก ๒ ล้อ กลายเป็น ๓ ล้อ ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าซาเล้ง นั่นคือนวัตกรรมที่มาจากจักรยานยนต์ หรือว่าจากจักรยานยนต์ที่กินน้ำมัน จากสองจังหวะ พัฒนามาเป็นเครื่องยนต์สี่จังหวะ นั่นคือนวัตกรรม แต่ถ้าหากว่าเราสร้างใหม่ขึ้นมาเลย เขาเรียกประดิษฐกรรม

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราเข้าใจตรงนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า สิ่งที่เราใช้คำว่านวัตกรรมการสื่อสารในพระพุทธศาสนานั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างในระยะแรก ถ้าหากว่าเป็นการสอนหนังสือ เราก็ใช้วิธีเขียนกระดานดำบ้าง กระดานขาวบ้าง แล้วต่อมาก็มีการเขียนลงแผ่นใส ฉายขึ้นจอ หลังจากที่ปิ้งแผ่นใสอยู่หลายปี ก็มีการใช้พาวเวอร์พ้อยท์ ปัจจุบันนี้ก็สารพัดแอพพลิเคชั่น ที่กำลังนิยมอย่าง Canva เป็นต้น

กระผม/อาตมภาพไม่เห็นว่าเป็นนวัตกรรมที่ก้าวหน้าเลย เพราะอะไร ? สมัยพุทธกาลท่านมีทิพจักขุญาณ มีทิพโสตญาณ สมัยนี้มีอะไร ? มีโทรศัพท์มือถือ มีโทรทัศน์ หรือว่าใช้โทรศัพท์เป็นโทรทัศน์ หรือในเรื่องของปฏิสัมภิทาญาณ อยากรู้เรื่องอะไร รู้เดี๋ยวนั้นเลย สมัยนี้ยังต้องเสียเวลาไปถามกูเกิ้ล ถามไป ดีไม่ดีกูเกิ้ลก็บอก "ขอโทษ..ฟังไม่เข้าใจ" กูจะบ้า..!

ดังนั้น..เราจะเห็นว่านวัตกรรมในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ไปทางวิชามัยฤทธิ์ ก็คือสิ่งที่เสริมสร้างขึ้นมาจากวิชาความรู้เทคนิคสารพัด แต่ในส่วนของวิกุพพนาฤทธิ์ ตลอดจนกระทั่งอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ แทบจะสาบสูญไปแล้ว ถ้าหากว่าใครไปหัดอยู่ ไปฝึกอยู่ ก็กลายเป็นว่าล้าหลัง ทั้ง ๆ ที่ถ้าท่านทำได้ ท่านนั่นแหละที่จะก้าวหน้ากว่าคนอื่นเขา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2023 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-10-2023, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,048 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินสายหนึ่ง เงยขึ้นไปเห็นเขาเขียนไว้ว่า Everybody can fly กูจะบ้า..! สมัยก่อนกูฝึกแทบตาย สมัยนี้ใคร ๆ ก็เหาะได้ เพราะว่าไปกับเครื่องบิน..!

แล้วในส่วนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือการศึกษาที่มากเกินไป จะทำให้พระภิกษุสามเณรของเราหลงทาง โดยเฉพาะการศึกษาที่เราไปวิ่งตามทางโลกมากจนเกินไป เนื่องเพราะว่าปัจจุบันของเรา การเรียนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกในวงการสงฆ์นี่ถือว่าฟู่ฟ่ามาก

สมัยที่กระผม/อาตมภาพจบปริญญาเอก เป็นรูปที่สามของจังหวัดกาญจนบุรี รูปแรกก็คือ พระครูศุภชัย (พระครูสิริกาญจนาภิรักษ์, ดร. ) เจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย รูปที่สองก็คือ ท่านเจ้าคุณศิริ (พระเมธีปริยัติวิบูล, ป.ธ.๙ ดร.) เจ้าคณะอำเภอเมือง รูปที่สามเป็นกระผม/อาตมภาพเอง แต่สมัยนี้พระที่จบปริญญาเอกของจังหวัดกาญจนบุรี มีประมาณ ๒๐ รูปเป็นอย่างต่ำ..!

ถ้าหากว่าเราไปวิ่งตามโลก กระผม/อาตมภาพนึกถึงหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ ป.ธ. ๖ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านเขียนกลอนของแม่เฒ่าปักษ์ใต้ แปะติดหัวเตียงไว้เลย วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ พื้นพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล วิชาธรรมเรียนและทำจนชำนาญ ย่อมพบพานจุดจบสบสุขเอย

แล้วก็นึกไปถึงพระสำคัญของวัดเทพศิรินทราวาสอีกรูปหนึ่ง ก็คือหลวงพ่อมหาธนิต ปญฺญาปสุตฺโต ป.ธ.๙ ถ้าหากว่าท่านไม่ธุดงค์ออกป่า แสวงหาธรรม มั่นใจได้เลยว่าท่านจะต้องเป็นอย่างน้อยก็ต้องรองสมเด็จพระราชาคณะ หรือไม่ก็เป็นสมเด็จพระราชาคณะไปนานแล้ว..!

แต่ท่านเรียนจบแล้ว ท่านเห็นว่าตัวเองไม่ได้อะไรเลย นอกจากแปลบาลีได้ ในเมื่อการแปลบาลี คือการแปลพระไตรปิฎก ท่านก็เอาความรู้ที่แปลได้นั่นแหละ มาใช้งานให้สมกับที่เรียนมา ก็คือวิ่งเข้าหาหลักการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ทิ้งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทั้งหมดที่ควรจะมี ควรจะได้ ธุดงค์ออกป่าไปเลย แล้วก็มรณภาพในป่าแบบนักปฏิบัติแท้..!

คราวนี้การที่บรรดาพระภิกษุสามเณรศึกษา ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก กระผม/อาตมภาพอยากจะให้ศึกษาในลักษณะช่วยให้เราเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดีขึ้น ไม่ใช่ศึกษาแล้วเอาไปอวดว่าเราเรียนรู้มากกว่าคนอื่นเขา มีใบปริญญาบัตรเป็นเครื่องรับประกันความรู้ความสามารถ แต่ว่าไม่รู้จักแม้กระทั่งหิริโปตัปปะ..! ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่า เรียนไปแบบที่ภาษาบาลีเรียกว่า อลคัททูปมปริยัติ เรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะโดนงูกัด บาดเจ็บล้มตายเสียเปล่า ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2023 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-10-2023, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,411,048 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเราศึกษาเอาไว้ เพื่อที่จะได้บอกกล่าวสั่งสอนคนอื่นต่อไป ก็ยังจัดอยู่ในประเภทภัณฑาคาริกปริยัติ เรียนแบบคลังเก็บความรู้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากมาย ต้องเป็นนิสสรณัตถปริยัติ ก็คือเรียนแล้วนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดความหลุดพ้น

ดังนั้น..ในเรื่องของพุทธนวัตกรรมการสื่อสารนั้น ถ้าหากว่าเราเน้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ทำจนเกิดผลแล้วค่อยไปบอกกล่าวคนอื่น จะเป็นเรื่องที่บอกแล้วคนเชื่อ บอกแล้วขลัง แต่ถ้าเราทำไม่ได้ ไปบอกไปกล่าวคนอื่นเขา ก็จะเข้าไม่ถึงความเป็นอรรถเป็นธรรมที่แท้จริง

แบบเดียวกับพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (หลวงพ่อเจ้าคุณทอมสันต์) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนหน้านี้ท่านสอนวิชาวิสุทธิมรรคศึกษาอยู่ แล้วท้ายสุดท่านก็บอกว่า "อาจารย์เล็ก..ช่วยสอนแทนผมหน่อยเถอะ ผมเองอ่านยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะไปสอนให้ลูกศิษย์เข้าใจได้อย่างไร ?"

เพราะว่าท่านเป็นพระนักวิชาการ จบปริญญาโทจากอินเดียมา ต้องบอกว่าหลวงพ่อเจ้าคุณทอมสันต์ท่านเป็นบุคคลที่รู้ตัวเอง แล้วก็ยอมรับในข้อด้อยของตัวเอง ในเมื่อไม่ถนัด ไม่ชำนาญ ก็ไม่อยากทำให้ลูกศิษย์หลงทางหรือว่าไม่เข้าใจเหมือนกับตนเอง กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องไปสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนท่านอยู่หลายปีเหมือนกัน

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราเน้นในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา หลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่แล้วว่า สันทัสสนา ต้องบอกเล่าให้แจ่มแจ้ง ถ้าทำไม่ถึง จะไปแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก สมาทปนา ต้องจูงใจให้อยากปฏิบัติตาม สมุตเตชนา ต้องอาจหาญแกล้วกล้า พร้อมที่จะมอบกายถวายชีวิตได้ และสัมปหังสนา ต้องมีความรื่นเริงด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ให้แห้งแล้งห่อเหี่ยวจนเกินไป

ส่วนวิธีการก็มีสารพัดวิธี ตั้งแต่อุปนิสินนกถา ประมาณว่าจับเข่าคุยกัน คำว่าอุปนิสินนะ แปลว่า เข้าไปนั่งใกล้ หรือธรรมีกถา บรรยายธรรม หรือปาฐกถา กล่าวในเรื่องต่าง ๆ ที่เขากำหนดให้ในที่สาธารณะ ไล่ไปจนกระทั่งถึงอนุสาสนีกถา จ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะอยู่ทุกวันอย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่นี่..!

วิธีการเหล่านี้มีมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าเป็นนวัตกรรมก็แค่ใช้เครื่องมือและวิธีการต่าง ๆ ของยุคสมัยนี้มาผสมผสานเข้าไป เพื่อให้สามารถเผยแผ่ได้ดีขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น..ในเรื่องพุทธนวัตกรรมการสื่อสาร กระผม/อาตมภาพอยากจะฟันธงว่า ไม่มีความก้าวหน้า มีแต่ถอยหลัง เนื่องเพราะว่าเราพึ่งพาอาศัยเครื่องมือมากจนเกินไป โดยที่ไม่ได้ฝึกฝนตนเองให้ก้าวหน้าขึ้นเลย..!

สำหรับวันนี้ก็เรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2023 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว