กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-08-2022, 19:22
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,618
ได้ให้อนุโมทนา: 216,321
ได้รับอนุโมทนา 741,372 ครั้ง ใน 36,110 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-08-2022, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,444 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมงานอบรมพระนวกะ ของคณะสงฆ์อำเภอห้วยกระเจา ซึ่งจัดร่วมกับคณะสงฆ์ของอำเภอพนมทวน โดยที่ทั้ง ๒ อำเภอนี้ผลัดกันเป็นเจ้าภาพคนละปี

โดยปกติแล้วถ้าหากว่ามีจำนวนพระนวกะมากพอ แต่ละอำเภอก็แยกสนามอบรมจัดกันเอง แต่ว่าปีที่แล้วทางด้านอำเภอพนมทวนและอำเภอห้วยกระเจา มีผู้บวชค่อนข้างน้อย จึงรวมกันจัดงาน โดยคณะสงฆ์อำเภอพนมทวนเป็นเจ้าภาพที่วัดดอนงิ้ว ปีนี้ทางด้านอำเภอห้วยกระเจาจึงต้องเป็นเจ้าภาพใช้หนี้ ไปจัดที่วัดเขารักษ์

ปรากฏว่าในงานอบรมนั้น กระผม/อาตมภาพไปเจอของดีที่คิดไม่ถึง ก็คือท่านนายอำเภอหญิง นางสาวเบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอห้วยกระเจา กับท่านสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรีเขตห้วยกระเจา คือนายชัยวัฒน์ ธนวัฒน์สุวรรณ

ทั้ง ๒ ท่านได้รับคำเชิญจากเจ้าภาพ ในฐานะผู้ปกครองฝ่ายบ้านเมืองในพื้นที่และตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ให้มาบอกกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นนโยบายของฝ่ายปกครอง เพื่อให้พระนวกะได้รู้ว่าทางฝ่ายปกครองมีนโยบายด้านการศาสนาอย่างไร แต่ปรากฏว่าท่านนายอำเภอเบญจวรรณ ขออนุญาตพระเถระและพระนวกะ บรรยายแนวทางในการปฏิบัติธรรม บรรยายแบบคนทำจริงด้วย และย้ำให้ด้วยว่าเป็นพระนวกะควรที่จะเน้นการปฏิบัติตรงจุดไหน..!

โดยที่ท่านนายอำเภอบอกว่าท่านปฏิบัติอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วส่วนของการปฏิบัติธรรมที่ช่วยได้อย่างชัดเจนที่สุด ก็คือทำให้เรียนเก่งมาก ตั้งแต่เรียนชั้น ป.๑ จนจบปริญญาตรี ไม่เคยมีใครแย่งที่ ๑ ไปจากคุณเธอได้เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2022 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-08-2022, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,444 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ก็มาตรงกับที่กระผม/อาตมภาพเองเป็นอยู่เหมือนกัน ก็คือถึงแม้ว่าจะปฏิบัติธรรมแบบไม่ได้เจตนา เพราะว่าโดนพ่อบังคับสวดมนต์ทุกวัน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เมื่อเราสวดมนต์ สร้างสมาธิ ก็ทำให้เรียนเก่ง เพียงแต่ว่าของกระผม/อาตมภาพมีมากกว่าท่านนายอำเภออยู่หน่อยหนึ่ง ก็คือตั้งแต่ชั้น ป.๑ ยันปริญญาเอก ยังไม่มีใครแย่งที่ ๑ ไปได้เหมือนกัน..!

พอมาท่าน สจ.ชัยวัฒน์ ท่านมีเวลาแค่ ๕ นาที เนื่องจากว่าพระจะต้องฉันเพล ท่านบอกว่าท่านเคยบวชมาก่อน แล้วก็ศึกษาเล่าเรียนนักธรรมบาลี โดยเฉพาะในส่วนของคิหิปฏิบัติ ก็คือหลักธรรมสำหรับคฤหัสถ์ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ท่านก็เน้นในส่วนสำคัญ ก็คือทิศทั้ง ๖ โดยเฉพาะในส่วนของสามีภรรยาจะต้องปฏิบัติต่อกัน โดยที่ท่านเน้นย้ำว่า พระใหม่ ถ้าสึกหาลาเพศไป ไม่ต้องถึงขนาดกล่าวธรรมให้คนอื่นฟังได้ เอาแค่ว่าสามารถเป็นศาสนพิธีกร อาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตรได้ก็เป็นที่พอใจมากแล้ว

พอไปเจอข้าราชการฝ่ายปกครองกับตัวแทนประชาชน ที่ศึกษาธรรมและนำไปใช้งานจริงในชีวิตได้ กระผม/อาตมภาพที่เคยไปบรรยายหลายแห่งว่าองค์กรพุทธบริษัท ๔ ของเราค่อนข้างจะพิกลพิการ

องค์กรภิกษุก็ไม่สามารถที่จะคัดคุณภาพได้ ถ้าหากว่าเป็นวัตถุดิบที่เข้าสู่กระบวนการผลิต ก็มักจะเป็นวัตถุดิบเกรด C เกรด D ไปโน่น หาวัตถุดิบเกรด A ได้ยากมาก

ส่วนของภิกษุณีก็ไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากว่าภิกษุณีของเถรวาทถือว่าขาดช่วงไปแล้ว ถ้าเป็นรถยนต์ องค์กรพุทธบริษัท ๔ ก็เหลือแค่ ๓ ล้อ..!

ปรากฏว่าอีก ๒ ล้อ ก็คืออุบาสกกับอุบาสิกาก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ก็คือปฏิบัติธรรมให้เกิดผลแล้วนำไปเผยแผ่ต่อ หรือว่าทำให้คนอื่นเห็นเป็นตัวอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2022 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-08-2022, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,444 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่กระผม/อาตมภาพบรรยายไปหลายแห่งในลักษณะอย่างนี้ พอมาเจองานอบรมพระนวกะในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอห้วยกระเจากับอำเภอพนมทวน แล้วเจอท่านนายอำเภอเบญจวรรณกับท่าน สจ.ชัยวัฒน์ กระผม/อาตมภาพอยากจะถอนคำพูดที่เคยบอกกล่าวไว้ทั้งหมด เพราะถือว่าทั้ง ๒ ทำหน้าที่อุบาสกอุบาสิกาได้เป็นอย่างดีมาก

ท่านนายอำเภอเบญจวรรณถึงขนาดฝากพระใหม่ว่าให้พยายามศึกษาในส่วนของปฏิจจสมุปบาทกับอริยสัจ ๔ ให้มากไว้ จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในการดำเนินชีวิตทั้งในความเป็นนักบวชและฆราวาสได้

กระผม/อาตมภาพได้ยินก็เกือบจะกลืนน้ำลายไม่ลง..! เพราะว่าจากการที่ทุ่มเทในการปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุ ๑๖ จนถึงปีนี้ ๖๓ เต็ม ขึ้น ๖๔ มาแล้ว ยังอธิบายปฏิจจสมุปบาทให้ชัดเจนจริง ๆ ไม่ได้เลย แต่ท่านนายอำเภอหญิงของเราฝากให้พระใหม่ไปดูตรงนี้..!

ปฏิจจสมุปบาทนั้น กล่าวถึงความสืบเนื่องของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน ถ้าสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้ก็จะเกิด ถ้าสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็จะดับ ส่วนในเรื่องของอริยสัจ ๔ ก็เช่นกัน ต้องมีสาเหตุ ทุกข์ถึงเกิด ถ้าเราไม่ไปสร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด

ต้องบอกว่านี่คือหลักธรรมในลักษณะของเพชรยอดมงกุฎในพระพุทธศาสนาของเรา แต่กล่าวออกมาจากปากของอุบาสิกาท่านหนึ่ง ที่เป็นข้าราชการฝ่ายปกครองเสียด้วย น่าเสียดายที่ท่าน สจ.ชัยวัฒน์มีเวลาน้อยมาก ไม่อย่างนั้นแล้ว
กระผม/อาตมภาพอยากจะฟังสิ่งที่ท่านบอกกล่าวแก่พระใหม่บ้างว่าท่านเองไปได้ไกลแค่ไหน..!

แต่ว่าแค่นี้ก็เป็นสิ่งที่น่าดีใจแทนคนห้วยกระเจาเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ดีใจแทนพระใหม่จากพนมทวนด้วย ที่ได้เข้าไปฟังทัศนคติของข้าราชการฝ่ายปกครองและตัวแทนประชาชนทั้ง ๒ ท่าน น่าจะได้รับแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างไป เช่นว่า ในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ต้องดูแลคนทั้งอำเภอ เป็นผู้หญิงด้วย ยังมีเวลาปฏิบัติธรรมเพื่อตัวเองขนาดนั้น แล้วเราที่บวชอยู่ หน้าที่การงานมีน้อย ย่อมมีเวลาที่จะปฏิบัติได้มากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2022 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-08-2022, 21:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,444 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าส่วนนี้ช่วยเสริมกำลังใจของกระผม/อาตมภาพมากว่า ความจริงแล้วผู้ปฏิบัติธรรมชั้นดี หรือว่าผู้ที่ศึกษาธรรมแล้วสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้นั้นมีอยู่ เพียงแต่เรามีโอกาสได้พบหรือไม่เท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ใช่แค่ราคาคุย คนที่จำมาพูด ไม่มีทางที่จะพูดได้อย่างท่านนายอำเภอเบญจวรรณ และท่าน สจ.ชัยวัฒน์ ทั้ง ๒ ท่านพูดแบบคนที่ทำได้จริง ๆ

คนที่ทำได้ พูดแล้วจะฟังง่าย เข้าใจง่าย ปฏิบัติต่อได้ง่ายด้วย ส่วนคนที่จำคนอื่นมาพูด ขาดความเข้าใจที่แท้จริง คนที่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อน แค่ฟังก็รู้แล้วว่านี่ของแท้หรือของเทียม

คราวนี้ก็มากล่าวถึงญาติโยมทั้งหลายที่ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ ว่าสิ่งที่ท่านนายอำเภอเบญจวรรณกับท่าน สจ.ชัยวัฒน์ทำได้ ถ้าเป็นอย่างหลวงพ่อฤๅษีฯ ครูบาอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพ ท่านจะใช้คำว่า "คนอื่นมีสิบนิ้วเท่ากัน เขาทำได้ เรามีสิบนิ้วเท่าเขา เราก็ต้องทำได้ด้วย แล้วถ้าหากว่าเราทำได้ ก็ต้องทำให้ดีกว่าเขาด้วย..!"

นี่จึงเป็นสิ่งที่อยากจะฝากไปถึงญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ว่า บุคคลอื่นสามารถนำเอาหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปใช้งานจริงได้ เหมือนกับมีโอกาสดื่มรสพระธรรมที่แท้จริง แล้วพวกเราทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ เราทำอะไรได้อย่างเขาบ้างหรือยัง ?


วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2022 เมื่อ 01:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว