กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-11-2009, 12:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,519 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default อาการตกใจ

พวกเด็กที่ไปอบรมที่วัด เขาสงสัยว่าทำไมอาจารย์ไม่ตกใจอะไรกับเขาบ้าง ? ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าถ้าใจเราอยู่กับตัวก็จะไม่ตกใจ อาการตกใจเกิดจากการที่เราส่งใจไปที่อื่น พอเกิดอะไรขึ้นใจก็จะรีบวิ่งกลับมา เพื่อบังคับประสาทร่างกายให้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาการที่ใจวิ่งกลับมาเร็วเกินไป เขาเรียกว่าตกใจ คราวนี้คนที่ใจอยู่กับตัว ไม่ไปไหน ก็เลยไม่ตกใจกับใครเขา

ตอนนั้นไปที่บึงลับแล ตั้งใจว่าไปอยู่กันหลายวัน ก็เลยทำแคร่นอน สำหรับแคร่นอนก็ทำง่าย ๆ ไปตัดไม้ไผ่มาทำเสา วางเสาสี่เสา เอาไม้พาดแล้วก็ตีฟากปูนอน ก็พออยู่ได้ คราวนี้ตอนกลางคืนนอนภาวนาไปกำลังเพลิน ๆ ปรากฏว่าแคร่พังโครม..! พังลงทางด้านหัว ตอนนั้นใจของอาตมานิ่งมากเลย จะพังหรือไม่พังไม่สนใจ เอาแต่การภาวนาของตน พอแคร่พังหัวก็ทิ่มลง ตัวก็เลยไหลลงมาเรื่อย ๆ อาตมาก็ภาวนาไป ในที่สุดก็ไหลลงไปจนหัวค้ำพื้น น้ำหนักตัวทั้งหมดกดลงไปตรงนั้น ทีนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าเจ็บ ก็เลยลุกขึ้น ตั้งใจว่าจะซ่อมแคร่

ปรากฏว่าพอลุกขึ้นมาแล้ว เจอพระรูปหนึ่ง ท่านยืนเหมือนกับพิงก้อนหินอยู่ ตรงที่ตั้งแคร่มีหินใหญ่อยู่ก้อนหนึ่งสูงท่วมหัว ก็สงสัยว่าพระธุดงค์ท่านมาตั้งแต่เมื่อไร เดี๋ยวจะถามท่านสักหน่อยว่ามาจากไหน กำลังคิดว่าถ้าซ่อมแคร่เสร็จแล้วจะถามท่าน ปรากฏว่าทิดกอล์ฟตอนนั้นยังบวชอยู่ ได้ยินเสียงแคร่พังโครมไปตั้งนานแล้ว อาจารย์ยังเงียบอยู่ เขาก็เลยส่องไฟดู ตอนส่องไฟเขาก็เขย่าไฟฉาย ตอนที่เขาเขย่าไฟฉาย อาตมาก็เห็นพระธุดงค์รูปนั้นเต้นระบำได้ จึงคิดว่า เออหนอ...ผีหลอกกูซึ่ง ๆ หน้าเลย แต่ด้วยความที่ใจนิ่ง ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้กลัวอะไร ตะโกนบอกทิดกอล์ฟไปว่า ไม่มีอะไรหรอก แคร่พัง เดี๋ยวจะนั่งกรรมฐานต่อ เขาก็ปิดไฟฉายนั่งกรรมฐานต่อ จะเห็นได้ว่าใจนิ่งในลักษณะนั้น และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จึงกลายเป็นคนตกใจไม่เป็น

สองเรื่องติดกัน เรื่องแรกก็คือแคร่พังในขณะที่นอนภาวนาแล้วใจของตนเฉยมาก ไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือตื่นเต้นอะไรกับใคร เรื่องที่สองเจอผีหลอกซึ่ง ๆ หน้า ก็เฉยเหมือนกัน เฉยชนิดที่ไม่รับรู้อะไรเลย อยากหลอกก็หลอกไป และหลังจากนั้นมาก็กลายเป็นคนตายด้าน อะไรเกิดขึ้นมาฉุกเฉินขนาดไหน อย่างเมื่อครู่ โยมเขาถวายสังฆทานแล้วพระพุทธรูปกำลังจะหล่นลง หลายคนก็ตกใจ ส่วนอาตมาก็ให้พรไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2014 เมื่อ 13:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-11-2009, 12:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,519 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่เล่าให้ฟังก็เพื่อที่จะบอกว่า พัฒนาการของการปฏิบัติจะมีการก้าวขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าเราทำจริงจังและสม่ำเสมอ เพียงแต่ว่าจุดที่ผ่านแล้วเราเห็นชัดเจนที่สุด เราจึงจะได้รู้ว่าตอนนี้เราก้าวหน้าแล้ว ส่วนจุดที่ยังไม่ชัดเจน ถ้าเราไม่ใช่คนช่างสังเกตจริง ๆ ก็จะไม่เห็น

เหมือนอย่างพวกเราที่คิดว่าทำมาจนป่านนี้ยังไม่ได้อะไรเลย ไม่จริงหรอก...ได้ทุกคน ให้ลองมองย้อนกลับไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีศีลสักกี่ข้อ ? แล้วปัจจุบันนี้เรารักษาได้ตั้งเท่าไรแล้ว ? ก่อนหน้านี้เราทำสมาธิได้ครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาทีได้ไหม ? เดี๋ยวนี้ครึ่งชั่วโมงเราก็นั่งได้อยู่ ถ้ารู้จักสังเกตก็จะเห็นความก้าวหน้าพัฒนามาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าต้องจริงจังและสม่ำเสมอนะ ทำ ๆ ทิ้ง ๆ ผลจะไม่เกิด ถ้าหากทำ ๆ ทิ้ง ๆ จะเห็นความก้าวหน้าของกิเลส คือเวลากิเลสตีกลับ มักจะเล่นงานเราหนักกว่าเดิมทุกทีเลย

ฉะนั้น..ทำจริงและทำให้ต่อเนื่อง แล้วทุกคนก็จะสามารถทำได้แบบนี้ พอถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นก็เฉย อย่างรถชนตูม อาตมาเปิดประตูลงไป ไม่ได้ดูว่ารถจะเสียหายอย่างไร ก็ไปถามคนอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่ามีใครเจ็บไหม ? รถมีประกันไหม ? ดูแลเขาเรียบร้อยแล้วค่อยมาดูว่ารถของเราพังแค่ไหน ไม่ได้ตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2014 เมื่อ 13:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว