#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ฝนฟ้าก็ตก อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังมีอยู่เป็นปกติ เมื่อครู่นี้กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งไปเป็นเจ้าภาพงานศพที่วัดปรังกาสีกลับมา พอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ก็ต้องไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ถวายหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิอีก
เรื่องของกำลังใจคน ถ้าหากว่าต่างกันไม่สามารถที่จะเอามาประเมินกันได้ ถ้าเป็นพวกเราเจ็บไข้ได้ป่วย ก็คง "ล้มหมอนนอนเสื่อ" ไป ๓ วัน ๗ วัน แต่กระผม/อาตมภาพเอง เจ็บป่วยแค่ไหนก็ยังทำงานตามปกติ ก็ถือว่าทำทุกอย่างเป็นวันสุดท้ายของชีวิต พวกเราที่มักจะประมาท เห็นว่าครูบาอาจารย์ยังแข็งแรง กูไม่ต้องรีบทำอะไรก็ได้ อย่างไรท่านก็อยู่ให้กูเกาะไปอีกนาน ถ้าคิดลักษณะแบบนี้ กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมาแล้ว จนกระทั่งครูบาอาจารย์มรณภาพไปหลายรูป พวกนี้ก็ยังเอาดีอะไรไม่ได้ เพราะหวังแต่จะอาศัยเกาะอย่างเดียว ไม่ได้คิดที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองเลย..! สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่ที่วัดท่าซุง ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจะอยู่ได้เกินวันนี้ ถ้าเห็นว่าดินฟ้าอากาศผิดปกติ ก็จะลุกมาเจริญกรรมฐาน เพื่อดูว่าท่านไปแล้วหรือยัง ? ดังนั้น..ทุกวินาทีจึงมีค่ามาก เราต้องช่วงชิงกับเวลา กอบโกยเอาสิ่งที่ท่านสอนเราไว้กับตัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้ามีอะไรสงสัยจะได้ถามท่านได้ ไม่ใช่รอจนท่านมรณภาพแล้วไม่รู้ว่าจะไปถามใคร ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลายท่านอาจจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพบวชอยู่กับท่านแค่ ๗ พรรษาเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่อีก ๑๐ กว่าปีนั้นเป็นฆราวาสอยู่ แล้วในวัดก็มีรุ่นพี่ที่อยู่กับท่านมา ๑๐ กว่าพรรษา ๒๐ พรรษา แต่ก็เอาดีอะไรได้ยาก หลายท่านพอมรณภาพไป หลวงพ่อท่านก็บอกว่า "รายนี้ลงอเวจีมหานรก..!" เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ว่า สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์จะดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่ตั้งใจเอาดีด้วยตนเอง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ว่าเราจะได้ดีแบบคนอื่นเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2025 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
โดยเฉพาะในการปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องเป็นผู้ไม่ประมาท แบบหลวงปู่พระพาหิยะ ที่ท่านทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ ก็รีบเร่งเดินทางไปหา แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังบิณฑบาตอยู่ ก็ยังเข้าไปขวางทางไว้ เพื่อถามปัญหาที่ตนเองติดขัดอยู่ ด้วยความที่เกรงว่าถ้ามัวแต่รอช้า ไม่ใช่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่จะตายไปเสียก่อน..!
แต่พวกเราแล้วส่วนใหญ่ประมาทมาก ไปดูเปลือกนอกว่ากระผม/อาตมภาพยังแข็งแรงอยู่ ซึ่งเรื่องของเปลือกนั้นเป็นเรื่องที่หลอกตากันได้ แทบจะไม่มีใครคิดว่ากระผม/อาตมภาพจะมรณภาพลงไปวันนี้..! คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะอยู่ให้เกาะไปอีกนาน คิดได้แค่ประเภทพวกเห็บพวกเหา ก็คืออาศัยเกาะไปวัน ๆ ไม่คิดจะทำอะไรด้วยตนเองเลย..! ขนาดมีพระนำปฏิบัติธรรม หลวงพ่อป่วยจะตาย พวกเรายังอยากจะให้หลวงพ่อลงมานำ ไม่ได้คิดที่จะขวนขวายด้วยตนเอง พากเพียรด้วยตนเอง รออยู่อย่างเดียวว่าจะอาศัยเกาะ ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์เสียชีวิตเมื่อไร ท่านก็จะกลายเป็นสวะลอยน้ำ หาทิศทางชีวิตไม่ได้ แล้วพอเจอครูบาอาจารย์ใหม่ก็ไปเกาะเหมือนเดิม พูดง่าย ๆ ว่าครูบาอาจาย์ตาย หรือมรณภาพไปองค์แล้วองค์เล่า เราก็เอาดีไม่ได้เสียที ดังนั้น..ต้องเอาอย่างหลวงปู่พระพาหิยะ ก็คือถ้าไม่ใช่เราตาย ก็ครูบาอาจารย์ตายจากเราไป เพราะฉะนั้น..ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ยังเห็นกันอยู่ เราต้องกอบโกยเอาคุณงามความดีใส่ตัวของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถึงเวลาจะได้อาศัยตัวเองเป็นเกาะ ได้อาศัยตัวเองเป็นฝั่ง หยั่งกายอยู่ท่ามกลางกระแสเชี่ยวของวัฏสงสาร ไม่ต้องเป็นสวะลอยน้ำเหมือนกับคนอื่นเขา แต่เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าตราบใดที่เรายังไม่เข็ด เราก็ยังไม่เพียรพยายามด้วยตนเอง คิดแต่จะอาศัยเกาะครูบาอาจารย์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเกาะที่ผิด การเกาะครูบาอาจารย์ก็คือเกาะปฏิปทาแนวทางการดำเนินชีวิตของท่าน ไม่ใช่ไปเกาะตัวท่านที่จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ?! ความจริงเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องมาพูดก็ได้ แต่ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่พูด พวกเราก็ยังคงประมาทกันต่อไป โดยเฉพาะช่วงเช้ามืด อาตมภาพไม่มีแรงที่จะสอน ไม่มีเสียงที่จะสอน พวกเราก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอ ทำตัวเหมือนกับลูกนกรออาหาร ไม่คิดที่จะหากินด้วยตนเอง ถ้าลักษณะอย่างนี้ ชีวิตนี้ก็เอาดีได้ยาก..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2025 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|