กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-11-2022, 19:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,963 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-11-2022, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ พวกเรามีเพื่อนใหม่เพิ่มมาอีก ๑ รูป ก็คือท่านอิทธิพล วรลาโภ ย้ายมาจากวัดตะพังคี อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ท่านบวชเมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ พวกเราก็ดูแล้วกันว่าใครบวชก่อนใครบวชหลัง จัดให้ท่านลงตามลำดับไป โดยปกติการย้ายมาในลักษณะอย่างนี้ กระผม/อาตมภาพไม่รับหรอก ถ้าจะย้ายมาก็ต้องมาบอกมากล่าว มาตกลงกันให้แน่นอนก่อน ไม่ใช่นึกจะย้ายก็ย้ายมาเลยแบบนี้..!

แม้กระทั่งทางวัดท่าขนุนของเรา ถ้าหากว่าใครยังไม่ถึง ๕ พรรษา จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพไม่ให้ย้ายไปไหน เพราะว่าไปก็มีแต่สร้างความเสียหายให้กับครูบาอาจารย์ เนื่องจากว่ายังศึกษาพระธรรมวินัยไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จะย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ก็ต่อเมื่อเกิน ๕ พรรษาไปแล้ว ดังนั้น..ถ้าท่านติดตามในเว็บไซต์วัดท่าขนุน จะเห็นว่าใครก็ตามที่แหกคอกไปจากวัดก่อน ๕ พรรษา กระผม/อาตมภาพขึ้นบัญชีดำไว้หมด ไม่รับกลับเข้าสังกัดอีก มาก็ไม่รับเข้าพักด้วย..!

ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่เข้มงวดกับลูกศิษย์ของตน พระศาสนาของเราก็จะพังเร็วขึ้น เพราะว่าศาสนาพุทธของเราไม่มีใครทำลายได้ เนื่องจากว่าหลักธรรมทั้งหลายเป็นของจริง เป็นของแท้ ใครปฏิบัติตามก็ย่อมเกิดประโยชน์แก่คนนั้น แต่ว่าผู้ที่จะทำลายได้ก็คือบุคคลภายในอย่าง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา นั่นเอง

พระอุปัชฌาย์อาจารย์ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในลักษณะของ "พระอุปัชฌาย์เป็ด" ไข่แล้วก็ไป ไม่คิดจะฟูมฟักดูแลอะไรเลย ก็ขึ้นอยู่กับลูกศิษย์ว่ารู้จักจะเอาดีหรือเปล่า ? ถ้าไม่รู้จักที่จะเอาดี เดี๋ยวก็ไปเดินขบวนประท้วงการประชุมเอเปคกับเขาอีก..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องของความเข้มงวด แต่เป็นระเบียบปฏิบัติที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วว่า พระภิกษุตั้งแต่พรรษา ๑ ถึงพรรษา ๕ เรียกว่าพระนวกะ แปลว่าผู้ใหม่ ยังต้องรับนิสัย คืออยู่ร่วมกับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ถ้าพ้นพรรษา ๕ ไปแล้ว พระอุปัชฌาย์อาจารย์พิจารณาแล้วว่าเห็นสมควร จึงจะให้แยกย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ เรียกว่าได้นิสัยมุตตกะ คือพ้นจากการอาศัยครูบาอาจารย์ของตน แต่ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์พิจารณาแล้วว่า ความประพฤติ กาย วาจา ใจ ยังไม่ดีพอที่จะไปอยู่ที่อื่น ก็ยังให้ถือนิสัยต่อไป ก็คือยังไม่ได้นิสัยมุตตกะ แต่ปัจจุบันนี้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้แทบจะไม่มีใครปฏิบัติตามกันแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2022 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-11-2022, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะบวชพรรษาแรกพรรษาสอง รับหน้าที่ต้อนรับพระอาคันตุกะ ปรากฏว่าประมาณช่วง ๓ โมงกว่ายังไม่ ๔ โมงเย็น มีพระอาคันตุกะท่านหนึ่ง เดินจีวรลากพื้นมาแต่ไกลเลย พอขึ้นไปบนศาลานวราชบพิตร กระผม/อาตมภาพก็เตือนว่า "ท่าน..ห่มผ้าให้เรียบร้อยก่อน" ท่านบอกว่า "รบกวนช่วยห่มให้ผมหน่อยครับ ผมเพิ่งจะบวชวันนี้เอง บวชเสร็จปุ๊บ ผมก็ออกธุดงค์ปั๊บเลย..!"

นี่คือประเภทกลัวประวัติจะไม่สวย เกิดอยู่ต่อไปดังขึ้นมาได้ จะได้บรรยายว่าตนเองนั้นธุดงค์มาตั้งแต่วันแรกที่บวช หารู้ไม่ว่าผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง เพราะว่ายังไม่ได้นิสัยมุตตกะ ก็ออกพ้นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไปแล้ว เท่ากับโดนอาบัติกินตัวอยู่ทุกวัน เพราะไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย แล้วจะไปเอาดีได้อย่างไร ?

บุคคลประเภทนี้ปัจจุบันก็มีมากขึ้น คิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่อง โดยที่ไม่ได้คิดว่า ในเรื่องของพระภิกษุสามเณรของเรานั้นเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเราอยู่ในฐานะของปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ชาวบ้านเขาเคารพกราบไหว้ จะถวายอะไรก็ทูนหัวทูลเกล้าให้ แล้วถ้าเราประพฤติปฏิบัติไม่ดีพอ ก็มีแต่จะขาดทุนไปทุกวัน

อย่างที่ผมเคยยกตัวอย่างหลวงน้ามีชัย สุนฺทโร ที่ท่านบอกว่า "ญาติโยมแต่ละคนทำบุญกับเรา ก็หวังจะกอบโกยจากเราทั้งนั้น ถ้าเราทำเอาไว้ไม่พอ ก็แปลว่าขาดทุนไปทุกวัน ขาดทุนมาก ๆ ก็ล้มละลาย..!"

ฉะนั้น...ถ้ายังหวังที่จะเอาดีในพระพุทธศาสนา สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือพระธรรมวินัย เพราะว่าเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ต้นไม้ไม่มีราก ต้องตายอย่างแน่นอน..!

บางสำนักบอกว่า เอาหลักธรรมที่เป็นแก่นของพระพุทธศาสนาดีกว่า กระผม/อาตมภาพถามกลับไปว่า ต้นไม้ไม่มีรากอยู่ได้ไหม ? เพราะว่าพระธรรมวินัย โดยเฉพาะพระวินัยของพระ ถ้าเราถือเคร่งครัดสักหน่อย จะสร้างความศรัทธาเลื่อมใสให้กับญาติโยมได้มาก เมื่อมีบุคคลศรัทธาเลื่อมใสมาก ให้การสนับสนุนมาก เท่ากับมีคนช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนามากขึ้น ศาสนาของเราถึงจะตั้งมั่นคงอยู่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2022 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-11-2022, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างน้อยพวกท่านทั้งหลายก็ยังช่วยกันสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับวัดท่าขนุนไว้มาก ไม่ว่าท่านที่ออกไปเรียน หรือว่าไปช่วยงานที่อื่น มักจะได้รับคำชมจากผู้ใหญ่อยู่เสมอ บางท่านถึงขนาดถามผมว่า "ไปคัดตัวมาได้อย่างไร ?" กระผม/อาตมภาพต้องยืนยันว่าท่านทั้งหลายมาบวชเอง กระผม/อาตมภาพไม่ได้มีหน้าที่ไปคัดตัวใคร แต่พวกท่านต้องเข้าใจในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า "บุคคลคบหากันตามธาตุ" หมายถึงจริตนิสัย ตลอดจนกระทั่งความรักชอบที่ใกล้เคียงกัน

อย่างที่พระองค์ท่านถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายที่คบหาสมาคมกับสารีบุตรหรือไม่ ?" พระอานนท์ตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้มีปัญญามาก"

ทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายที่คลุกคลีอยู่กับโมคคัลลานะและปิณโฑลภารทวาชะหรือไม่ ?" พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า" พระองค์ท่านตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้ยินดีในฤทธิ์"

ทรงตรัสถามว่า "อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ พวกเธอเห็นภิกษุทั้งหลายที่คลุกคลีกับปุณณมันตานีบุตรหรือไม่ ?" พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้ยินดีในธรรมกถึก" คือชอบเป็นนักเทศน์

เราจะเห็นได้ว่าครูบาอาจารย์เป็นแบบไหน ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้น ถ้าคุณไปสายธรรมกาย ทุกคนต้องแต่งตัวเนี้ยบเหมือนกันหมด ถ้าเปลือกนอกไม่สวย ไม่มีทางที่จะได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าหากว่าคุณจะไปอยู่สันติอโศก จะเห็นว่าทุกคนทำตัวปอน ๆ กินน้อย นอนน้อย ใช้สิ่งของอำนวยความสะดวกน้อยมาก แม้แต่รองเท้าก็ไม่ใส่ แต่ถ้าหากว่าไปสายวัดป่า เราก็จะเห็นว่าท่านเดินจงกรมกันข้ามวันข้ามคืน นั่นคือลักษณะของการคบหาตามธาตุ ตามจริตนิสัย ตามความรักชอบกันเป็นส่วนตัว

คราวนี้สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำ เมื่อได้รับคำชมมา วัดวาของเราก็มีชื่อเสียง กระผม/อาตมภาพเองก็พลอยได้หน้าไปด้วย อย่างเมื่อวานนี้ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็กส่งพระมาช่วยงาน ๑๐ รูปก็เท่ากับ ๑๐๐ รูปของที่อื่น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2022 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-11-2022, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือไม่ก็อย่างที่พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ที่ท่านถามว่า "อาจารย์เล็กไปคัดตัวพระเหล่านี้มาได้อย่างไร ? เรื่องเรียนก็ขยัน เทศน์ก็ได้ นำปฏิบัติธรรมก็ได้ โดยเฉพาะปฏิบัติธรรมแล้วไม่เคยหนีเลย" กระผม/อาตมภาพก็ต้องเรียนถวายท่านไปว่า "ไม่เคยไปคัดตัวครับ หากแต่ว่าทุกคนมาขอบวชเอง"

ดังนั้น...ในสิ่งที่เราเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย มีแต่จะดีกับตัวเราและพระพุทธศาสนา เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่พระพุทธศาสนา ถ้าบอกว่าบอกว่าวัดเราเคร่งครัด กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าไม่เคร่ง เพราะว่าวัดวาอารามที่ท่านเคร่งครัดกว่านี้มีมาก แต่ท่านเคร่งเกินจนเขาอยู่ด้วยไม่ได้ แล้วที่หย่อนยานมีมากมายมหาศาล ท่านที่ต้องการความดีจริง ๆ ก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน

ต่างจังหวัดส่วนใหญ่พอออกพรรษาแล้วก็เหลือแต่เจ้าอาวาสบ้าง เหลือเจ้าอาวาสกับเณรรูปหนึ่ง สองรูปบ้าง อย่างสมัยก่อนที่รุ่นของท่านอาจารย์สมเด็จ ท่านอาจารย์สมพงษ์เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ โยมนิมนต์พระ ๙ รูป ต้องไปยืมวัดอื่นอีกสองวัดถึงได้ครบ..! แต่พอกระผม/อาตมภาพมาอยู่ด้วย ไม่เคยมีปีไหนที่น้อยกว่า ๒๐ รูป แล้วปัจจุบันก็ยืนอยู่ที่ ๔๐ - ๕๐ รูปเป็นปกติ

ก็แปลว่าสิ่งที่พวกเราทำ ท่านทั้งหลายเองก็เห็นด้วยถึงได้มาขออยู่ร่วมกัน แล้วชาวบ้านทั้งหลายก็เห็นอยู่ด้วย ท่านก็คงจะเห็นว่า ปัจจุบันนี้พระวัดท่าขนุนไปเป็นเจ้าอาวาสทั่วไปหมดแล้ว ถึงเวลาหาเจ้าอาวาสไม่ได้ก็มาขอที่นี่ ปัจจุบันนี้เจ้าคณะตำบลหาเลขานุการไม่ได้ ก็มาขอจากวัดท่าขนุนอีกเช่นกัน

แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องให้ท่านทั้งหลายมีสำนึกในการตั้งใจปฏิบัติดี ทั้งเพื่อตนเอง เพื่อวัดวาอาราม และเพื่อพระศาสนาด้วย เพราะฉะนั้น...การที่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้ายึดพระวินัยเป็นหลักจะไม่มีกระทบกระทั่งอะไรกันเลย แต่ถ้าหากว่าไม่ยึดพระธรรมวินัยเป็นหลัก ทำตามใจตัวเอง ก็มีแต่ปัญหาอยู่ตลอดเวลา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2022 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว