กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-08-2022, 16:58
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,708 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-08-2022, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,020 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพรับบิณฑบาตตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ปรากฏว่าวันอาทิตย์นี้เทวดาฟ้าดินเห็นใจ จึงช่วยให้ฝนไม่ตก ญาติโยมที่มาใส่บาตรเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดล้นลงไปตามสะพานคอนกรีต จนกระทั่งเกือบถึงสะพานแขวนหลวงปู่สาย จึงไม่มีใครจะต้องเปียก

หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้นำญาติโยมทุกท่านที่มาร่วมงาน ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งในงานก็ให้พวกเจ้าตัวเล็กช่วยกันขนเอาวัตถุมงคลบางอย่างที่พอมีเหลืออยู่นำมาเข้าพิธี เพื่อที่จะได้ออกในกระทู้ให้ญาติโยมทั้งหลายได้บูชา แล้วก็ได้เดินทางฝ่ารถติด เพื่อที่จะเข้าสู่สถานที่พักของคืนนี้ โดยที่ได้ขออนุญาตออกจากวัดช่วงเข้าพรรษาโดยสัตตาหกรณียะมาตั้งแต่หลังทำวัตรเช้าแล้ว

ส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง ที่อยากจะกล่าวถึงนั้นมีหลายเรื่อง ก็ว่ากันไปตามลำดับ ตามแต่เวลาจะอำนวย ได้มากได้น้อยเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่พอจะมีเหลืออยู่

เรื่องแรกก็คือ การที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับครูบาบุญชุ่มเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ คราวนี้สิ่งที่ครูบาบุญชุ่มท่านเป็น และกระผม/อาตมภาพมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าเกิดจากอาการมาลาเรียขึ้นสมอง ก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นโรคนี้มาตั้งแต่อายุ ๒๒ ปี จนกระทั่งถึงบัดนี้อายุ ๖๓ ปีเต็ม ขึ้น ๖๔ ปีมาหลายเดือนแล้ว ไม่มียาไทย ยาฝรั่งอะไรรักษาหายแม้แต่อย่างเดียว..!

ยาอะไรที่ว่าดี กระผม/อาตมภาพลองมาหมดแล้ว แม้กระทั่งควินินก็ฉันจนกระทั่งลมออกหู ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องไปเป็นเดือน ๆ จนคิดว่าหูเสียไปแล้ว แต่ก็รักษาไม่หาย ยาบางตัวฉันไป ๑ เม็ด เมาไป ๓๓ วัน..ก็ไม่หาย สมุนไพรบางอย่าง ฉันวันนี้ขมติดคอไปอีกสี่ห้าวัน..ก็ไม่หาย

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ นั้นมาจากกรรมเก่าทั้งสิ้น ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้เมตตาบอกกระผม/อาตมภาพเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะบวชว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก เศษกรรมปาณาติบาตจะทำให้ป่วยหนักตลอดเวลา ให้แกไปปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า อย่างเช่นว่าปลาหน้าเขียงในตลาดสักเดือนละตัวสองตัว ให้ทำเป็นประจำ จะได้บรรเทาอาการตรงนี้ลงได้"

กระผม/อาตมภาพก็ยังอวดดี กราบเรียนหลวงพ่อว่า "การปล่อยปลาเป็นการต่ออายุไม่ใช่หรือครับ ? ในเมื่อกระผมไม่ต้องการที่จะอายุยืนอยู่แล้ว จะปล่อยให้เสียเวลาไปทำไมครับ ?"

พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็ยังอุตส่าห์เมตตาอธิบายว่า "แกอย่าเพิ่งเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์จะต่ออายุขัยให้ ก็ต่อเมื่อช่วงนั้นมีอุปฆาตกรรมเข้ามาตัดรอน แต่ถ้าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามา การที่แกปล่อยให้เขารอดชีวิต ได้รับความสุข ได้รับความสะดวกสบาย ต่อไปแกทำอะไรก็จะสะดวกคล่องตัวไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2022 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-08-2022, 22:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,020 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงเริ่มปล่อยปลาและชีวิตสัตว์อื่น ๆ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ แล้วปล่อยต่อเนื่องกันมาตลอด ก็แปลว่าตนเองบวชมากี่พรรษา ก็ปล่อยมาเท่านั้นปี จากปี ๒๕๒๙ หลังจากผ่านไป ๓๐ ปีเต็ม ๆ อาการป่วยก็บรรเทาลงเล็กน้อย นอกจากบรรเทาแล้ว ยังเจอหมอดี ยาดี ที่ช่วยปะทะประทังให้ร่างกายนี้ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องระมัดระวังสุดชีวิต เพราะว่าเรื่องของมาลาเรียนั้น สำคัญที่สุดก็คือต้องพักผ่อนให้พอ ถ้าพักไม่พอเมื่อไร โรคภัยไข้เจ็บจะกำเริบทันที

แล้วมาลาเรียเป็นโรคที่มีเพื่อนมาก เมื่อถึงเวลากำเริบขึ้นมาแล้ว ก็จะชักชวนโรคเก่า ๆ ที่เคยเป็นทุกโรคให้กำเริบขึ้นมาหมด ตรงไหนเคยแตก ตรงไหนเคยหัก เคยผ่าตัดมา จะเจ็บจะอักเสบขึ้นมาหมด อักเสบถึงขนาดที่ว่ารากผม เหมือนอย่างกับเข็มฝังอยู่บนหัว ถ้าเอามือแตะเส้นผม เหมือนกับมีเข็มแทงหัวตัวเอง กระดูกทุกข้อเจ็บปวดจนกระทั่งรู้ชัดเจนว่ามีกระดูกอยู่กี่ท่อน จึงได้เข้าใจว่า อาการที่คนตายเพราะมาลาเรียนั้น ส่วนใหญ่ก็คือตายเพราะทนการอักเสบไม่ไหว

เรื่องของมาลาเรียนั้นตรวจเจอเชื้อยากมาก ต่อให้ครูบาบุญชุ่มอยู่โรงพยาบาลดีขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าเมื่อตรวจหาเชื้อแล้วจะไม่มีทางพบเลย ด้วยสาเหตุ ๓ ประการ

ประการที่ ๑ คือ กรรมบัง ถ้าหากว่ากรรมเก่าที่เราสร้างเอาไว้นั้นหนักหนาสาหัส ยังไม่ถึงวาระที่จะคลายตัว ต่อให้อาการหนักหนาขนาดไหน เครื่องไม้เครื่องมือหมอก็ไม่สามารถที่จะตรวจหาเจอได้

ประการที่ ๒ คนตรวจไม่เก่งพอ เนื่องเพราะว่าเชื้อมาลาเรียนั้นมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวเองไปหลายระยะด้วยกัน ในระยะฟักตัว เชื้อจะมีหน้าตาอย่างหนึ่ง ในระยะเติบโตจะมีหน้าตาอีกอย่างหนึ่ง ในระยะแก่ตัวจะมีหน้าตาอีกอย่างหนึ่ง

ถ้าหากว่าบุคคลที่ศึกษาเกี่ยวกับมาลาเรียมา เคยเจอเชื้อในระยะไหน แล้วไปจดจำว่าหน้าตาของเชื้อมาลาเรียเป็นหน้าตาแบบนี้ เมื่อไปเจอเชื้อมาลาเรียที่เติบโตหรือว่าแก่ตัว ซึ่งอยู่ในอีกระยะหนึ่ง ก็อาจจะไม่เข้าใจและมองข้ามไป คิดว่าไม่ใช่มาลาเรีย

ประการที่ ๓ เชื้อมาลาเรียนั้นเก่งมาก ถ้าหากว่าเรากินยาอะไรลงไป เชื้อมาลาเรียจะหลบทันที ซึ่งอาการนี้หมอบางท่านเข้าใจ และใช้คำว่า "เชื้อหลบยา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2022 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-08-2022, 22:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,020 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเอง แม้ว่าป่วยเป็นมาลาเรียมาเกิน ๔๐ ปีแล้ว แต่ว่าที่หมอตรวจเจอจริง ๆ ทุกครั้ง ก็คือการที่ต้องทน ไม่แตะต้องยาใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งอาการไข้ขึ้นเต็มที่แล้วค่อยไปให้หมอตรวจ ดังที่ได้กล่าวว่า อาการไข้ขึ้นถึง ๔๒ องศาเซลเซียส หมอถึงจะตรวจเจอเชื้อได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากว่ากรรมบัง หรือว่าคนตรวจไปเจอเชื้อในระยะอื่นแล้วคิดว่าไม่ใช่ ตลอดจนกระทั่งคนไข้กินยาเข้าไปแล้วเชื้อหลบ ก็ไม่สามารถที่จะตรวจหาเชื้อทั้งหลายเหล่านี้เจอได้

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย อย่าได้รบกวนธาตุขันธ์ของครูบาบุญชุ่มท่านมากนัก เหตุที่อาการกำเริบ ก็เพราะว่าทันทีที่ท่านออกจากถ้ำ หลังจากเข้ากรรมฐานมา ๓ ปี ๓ เดือน ๓ วัน ลูกศิษย์ไม่ได้เจอหน้ามานานมาก คิดถึงมาก จึงพาท่านตระเวนไปตลอด ๑๑ วันเต็ม ๆ เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมเป็นพันเป็นหมื่นในแต่ละเมือง ไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงทำให้โรคมาลาเรียกำเริบขึ้นมาได้แล้วออกอาการอย่างที่เห็น

นี่คือสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกอยากจะกล่าวกับญาติโยมทั้งหลายในตรงนี้ ให้ท่านได้ทราบว่า ต่อให้ตรวจไม่เจอเชื้อ เมื่อได้รับการพักผ่อนพอเพียง ร่างกายก็เหมือนกับคนปกติ อยู่ในลักษณะที่ว่า เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำงาน แต่พอหายดีขึ้นมาก็แข็งแรง กินได้ตามปกติ จนกระทั่งมีคนกล่าวว่าโรคมาลาเรียนั้นเป็น "โรคพ่อตาหน่าย แม่ยายชัง" เพราะว่าทำงานหนักไม่ได้ แถมยังเมื่อหายดีขึ้นมา ยังกินกระจายอีกต่างหาก..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันดูแลธาตุขันธ์ครูบาอาจารย์ ในแต่ละวันอย่างน้อยต้องให้ท่านได้พักผ่อนเพียงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วอาการของโรคภัยไข้เจ็บนี้ก็จะกำเริบขึ้นมาได้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2022 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-08-2022, 22:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,020 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวกับทุกท่านก็คือว่า การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบครั้งที่แล้ว ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทางวัดนำเอาข้าวปากหม้อมาเข้าพิธี เพื่อทำเป็นผงคำข้าววิเศษในการสร้างพระต่อไปตามที่พระท่านได้สั่งเอาไว้

แต่ปรากฏว่าลูกศิษย์ไม่เข้าใจคำว่า "ข้าวปากหม้อ" จึงกลายเป็น "ข้าวทั้งหม้อ" โดยการอัดมาเสียจนกระทั่งแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อถึงเวลาอบแห้งและทำเป็นผงแล้ว ได้ผงคำข้าวมาถึง ๘ ขีดครึ่ง เกือบ ๑ กิโลกรัมเต็ม ๆ..! งานในวันนี้จึงไม่ได้ทำการเสกคำข้าวเพิ่มเติม เพราะว่าผงที่มีอยู่นั้นก็เพียงพอแล้ว

ในส่วนของการสร้างพระสมเด็จคำข้าวนั้น กระผม/อาตมภาพจะพยายามดึงเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องเพราะว่าพระสมเด็จคำข้าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ในท้องตลาดยังมีอยู่มากและพอที่จะหาได้ ถ้าหากว่าออกของใหม่มาแข่ง คนก็จะเลิกสนใจของเก่าแล้วก็มาหาบูชาของใหม่ ทำให้พระสมเด็จคำข้าวของวัดท่าซุงนั้นไปได้ไม่ไกลกว่านี้

ประการต่อไปที่อยากจะบอกกล่าวกับทุกท่านก็คือว่า วัตถุมงคลของทางวัดท่าขนุนนั้น ถ้าเป็นวัดท่าขนุนสร้างเองจะมีอยู่ในทำเนียบของวัด ซึ่งปรากฏอยู่ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ท่านทั้งหลายสามารถเข้าไปดูได้ แต่อย่าพยายามไปหาไปสั่ง เพราะว่าวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ส่วนใหญ่ออกมาแล้วก็มักจะหมดไปเลย

ส่วนท่านทั้งหลายที่ไปเจอวัตถุมงคลที่กระผม/อาตมภาพไปเสกให้ตามวัดต่าง ๆ แล้วพยายามจะมาซื้อหาบูชาที่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าทางวัดไม่มี นอกจากบางวัดที่ท่านถวายพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมงานปลุกเสกมา ส่วนใหญ่ก็จะถวายมาประมาณ ๑๐๐ - ๒๐๐ องค์เท่านั้น ไม่ได้มีมากมาย

แล้วกระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะสร้างความต่างให้เกิด อย่างเช่นว่ามีการจารเพิ่มเป็นต้น จึงทำให้วัตถุมงคลส่วนนี้ไม่ใช่ราคาเดียวกับที่ทางวัดต้นสังกัดเขาออก ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องมาต่อว่ากันที่นี่ แล้วขณะเดียวกัน ถ้าอยากได้ของถูกก็ให้ไปบูชาที่ทางวัดต้นสังกัด ไม่ใช่โทรมาเพื่อขอบูชาจากวัดท่าขนุน

ส่วนที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ โทรมาขอบูชาวัตถุมงคลวัดท่าซุงที่วัดท่าขนุน ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้อวัยวะส่วนไหนคิด...! ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์ต้องปวดหัววันหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายให้ทราบตามนี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2022 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว