กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-07-2022, 17:52
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,709 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-07-2022, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อีกวาระหนึ่ง ยังคงอยู่รอดปลอดภัย แต่บุคคลใกล้ชิดติดไปเรียบร้อยแล้ว..!

ตรงส่วนนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าบุคคลเราไม่ได้สร้างกรรมเอาไว้ อย่างไรเสียก็ไม่สามารถที่จะมีสิ่งหนึ่งประการใดมาทำให้ต้องรับกรรมส่วนนั้นได้ แต่ถ้าหากว่าได้สร้างกรรมเอาไว้ ต่อให้หลบหลีกไปจนสุดขอบฟ้า อยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร อยู่ภายใต้ถ้ำลึกในขุนเขา กรรมก็ยังสามารถที่จะตามไปสนองจนได้

สำหรับวันนี้กิจกรรมหลักของ
กระผม/อาตมภาพก็คือ การเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ของสำนักเรียนวัดท่าขนุน ซึ่งการเปิดโรงเรียนนี้ โดยปกติแล้วทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิจะมีการแบ่งกันว่า ตำบลไหนต้องร่วมกับตำบลไหนในการเปิดสำนักเรียน ๑ สำนัก เพราะว่าการเปิดสำนักเรียนนั้น จะต้องมีผู้เรียนอย่างน้อย ๒๐ รูป/คน ถึงจะเหมาะสม

แต่คราวนี้ทางวัดท่าขนุน ในแต่ละปีมักจะมีพระภิกษุสามเณร ๔๐ กว่า ๕๐ รูป จึงสามารถที่จะเปิดสำนักเรียนโดยเฉพาะของตนเองได้ ทั้งการเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่าการเรียนนักธรรม และการเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางวัดท่าขนุนซึ่งปกติแล้วก็มีการเรียนการสอนค่อนข้างจะเข้มงวด จึงต้องทำการเปิดเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่
หลังจากที่สอนจนครบหลักสูตรแล้ว จะได้มีเวลาพอเพียงในการทบทวนบทเรียน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สำนักเรียนวัดท่าขนุนเท่ากับว่า สามารถกำหนดวันเวลาในการเปิดสำนักเรียนของตนเองได้ตามใจตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2022 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-07-2022, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การเรียนการสอนในพระพุทธศาสนานั้น โดยหลักเลยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และ ปัญญา แต่ว่าการเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมก็ดี แผนกบาลีก็ดี แผนกสามัญก็ดี มีประโยชน์ตรงที่ว่า

อันดับแรกเลย เปรียบเสมือนกับการมีแผนที่อยู่ในมือ ช่วยให้สามารถเดินทางได้อย่างมั่นอกมั่นใจยิ่งขึ้น

ประการที่สองก็คือ ได้ศึกษาความรู้ในพระพุทธศาสนา เมื่อกำหนดจดจำได้ แล้วมีการถ่ายทอดสืบต่อกันไป ก็ทำให้คำสอนในพระพุทธศาสนานั้น สามารถสืบทอดไปอย่างยั่งยืนมั่นคงได้

และประการสุดท้ายก็คือ เมื่อศึกษาแล้ว ให้เร่งการปฏิบัติตามสิ่งที่เราเรียนรู้มา จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้วางแนวทางเอาไว้

ก็แปลว่าปริยัติ คือการเรียนตามตำรา ปฏิบัติ คือการลงมือทำให้เกิดผล จึงจะก่อให้เกิดปฏิเวธ คือผลจากการเรียนและการปฏิบัติธรรมนั้นเกิดขึ้นแก่ตัวตนของเราได้

แต่ถ้าเรียนแล้วไม่สามารถที่จะนำมาใช้การได้ ซ้ำยังทำให้เกิดการหยิ่งผยอง อย่างเช่นว่า "เราจบนักธรรมชั้นเอก เราจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค เราจบปริยัติสามัญระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก" ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็จะกลายเป็น "เถรใบลานเปล่า" ไม่สามารถที่จะนำมาใช้งานได้ยังไม่พอ ยังเพิ่มตัวมานะและสักกายทิฎฐิ คือเพิ่มความถือตัวถือตน ความเป็นตัวกูของกูให้หนักยิ่งขึ้น

วิธีการศึกษาแบบนี้ ในบาลีเรียกว่า อลคัททูปมปริยัติ ก็คือการเรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะทำให้โดนงูนั้นแว้งกัด จนบาดเจ็บล้มตายลงไปในภายหลัง ซึ่งตัวอย่างก็มีอยู่มากมายทั่วไป อย่างเช่นว่าเรียนแล้วสอนคนอื่น แต่ไม่สามารถที่จะสอนตนเองได้ เรียนแล้วสอนคนอื่นประสบความสำเร็จมากมาย แต่ตนเองไม่ได้อะไรเลย เรียนแล้วสอนคนอื่นได้ แต่ตนเองต้องสึกหาลาเพศออกไป เพราะว่าไม่สามารถนำคำสอนมาก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนได้ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2022 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-07-2022, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับภารกิจสำคัญเรื่องต่อไปก็คือ ร่วมกันเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่สาย อคฺควํโส หรือหลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปที่ ๓ อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งได้มรณภาพมาเป็นระยะเวลา ๓๐ ปีเต็ม จะย่างขึ้น ๓๑ ปีแล้ว

ตลอด ๒๔ ปีแรกนั้น กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่เป็นผู้เปลี่ยนผ้าครองให้ต่อเนื่องกันมาทุกปี เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสรูปถัดมา ก็คือท่านพระอธิการสมเด็จ วราสโยนั้น ท่านกลัวผีอย่างสุดจิตสุดใจ แม้แต่มองก็ไม่กล้ามอง กระผม/อาตมภาพในฐานะศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงปู่สาย จึงได้อาสาเป็นผู้เปลี่ยนผ้าครองถวายครูบาอาจารย์ต่อเนื่องกันมาถึง ๒๔ ปี

หลังจากนั้นก็ได้เป็นพี่เลี้ยงอยู่ห่าง ๆ ให้บรรดาพระภิกษุสามเณรได้ฝึกฝนในการเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่สายสืบกันมา ซึ่งปีที่แล้วกับปีนี้ กระผม/อาตมภาพก็ทำหน้าที่เพียงเล็กน้อยในการให้คำแนะนำแก่พระภิกษุสามเณร เพื่อที่จะได้หาบุคคลที่มีความรู้ความคล่องตัว ทำการเปลี่ยนผ้าถวายต่อสังขารของครูบาอาจารย์

หลวงปู่สาย อคฺควํโส ท่านมรณภาพลงในวันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๕ มรณภาพก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงประมาณ ๖ สัปดาห์ ช่วง ๑๐๐ วันของทั้ง ๒ องค์นั้น กระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปวิ่งมาอยู่ระหว่างวัดท่าซุงกับวัดท่าขนุน เพื่อร่วมงานของครูบาอาจารย์ทั้ง ๒ องค์ โดยพยายามที่จะแบ่งเวลาให้ลงตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วท้ายที่สุดก็ต้องมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนี้เสียเอง..!

ต้องบอกว่าทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ หากแต่ว่าเป็น "ธรรมะจัดสรร" หรือว่า "กรรมบันดาล" ให้เป็นไปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราทั้งหลาย สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้หรือไม่เท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2022 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-07-2022, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำการเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่สายเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพได้มารับการถวายเทียนพรรษาจากคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณนั้น เป็นหน่วยงานสำคัญหน่วยงานหนึ่ง ที่จะมาถวายเทียนพรรษากับทางวัดท่าขนุนเป็นประจำ แต่ว่าโดยปกติแล้ว ก็จะนัดแนะกับทางส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมเพรียงกันมาถวายในวันเดียวกัน

เพียงแต่ว่าปีนี้อาจจะมีภารกิจสำคัญ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณจึงได้เดินทางมาถวายเทียนพรรษาล่วงหน้า ปล่อยให้ส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกระทั่งโรงเรียนต่าง ๆ มาร่วมกันถวายเทียนพรรษาในวันรุ่งขึ้น

การถวายเทียนพรรษานั้น ในสมัยโบราณมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่า ให้พระภิกษุสามเณรได้อาศัยแสงไฟในการศึกษาเล่าเรียน และโดยเฉพาะมีการเจาะจงว่า ถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระพุทธรูปในโบสถ์บ้าง ในศาลาบ้าง มาถึงในยุคปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีหลอดไฟฟ้า ตลอดจนกระทั่งหลอดประหยัดไฟต่าง ๆ แล้วก็ตาม ความนิยมในการถวายเทียนพรรษาก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปมากนัก

หากแต่ว่าทางวัดท่าขนุนนั้น เมื่อรับเทียนพรรษามาแล้ว ก็นำไปหลอมเป็นผางประทีป เพื่อที่จะตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวงถวายเป็นพุทธบูชา ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา โดยแถมวันลอยกระทงเข้าไปอีกวันหนึ่ง

จนกระทั่งทำให้งานตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ถวายเป็นพุทธบูชาของวัดท่าขนุน ซึ่งมีปีละ ๔ วันนี้ ได้รับการยกขึ้นเป็น Unseen Thailand โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี เป็นงานสำคัญงานหนึ่งที่ทางนักท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ มุ่งหมายที่จะมาร่วมงานนี้ให้ได้

อานิสงส์ของการถวายไฟเป็นพุทธบูชานี้ จะทำให้มีผลานิสงส์ในด้านทิพจักขุญาณ โดยมีตัวอย่างคือพระอนุรุทธเถระ ซึ่งท่านเป็นพระอรหันต์วิชชา ๓

ถ้าหากว่านับพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเป็นระดับ A พระอรหันต์อภิญญา ๖ เป็นระดับ B พระอรหันต์วิชชา ๓ เป็นระดับ C และพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกเป็นระดับ D แล้ว

ต้องบอกว่าพระอรหันต์วิชชา ๓ นั้นอยู่ในระดับที่ ๓ แต่ว่าพระอนุรุทธเถระกลับมีทิพจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพระอรหันต์ที่เป็นพระอัครสาวกและมหาสาวกปฏิสัมภิทาญาณทั้งหลายเสียอีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2022 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-07-2022, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุเพราะในอดีตกาลชาติหนึ่ง ท่านได้ตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทำให้เกิดมาชาตินี้ ท่านมีทิพจักขุญาณแจ่มใสเป็นพิเศษ ถามว่าแจ่มใสถึงระดับไหน ? ก็ถึงระดับที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่จะปรินิพพานนั้น ในขณะนี้ทรงเข้าฌานสมาบัติในระดับไหน ทรงพักอยู่ในฌานสมาบัติในระดับไหน เป็นระยะเวลามากน้อยเท่าไร โดยที่พระอรหันต์อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาญาณ ๔ อื่น ๆ ไม่สามารถที่จะบอกได้ในลักษณะนั้น

ดังนั้น...ในสิ่งที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณนำเทียนพรรษามาถวาย นอกจากเป็นการรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามทางพระพุทธศาสนาของเราแล้ว ยังเป็นการสร้างอานิสงส์พิเศษให้เกิดขึ้นแก่ตน ถ้าหากว่ามีการเกิดต่อไปในภายภาคหน้า แล้วฝึกปฏิบัติในเรื่องของกรรมฐาน ก็จะมีทิพจักขุญาณแจ่มใสเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะการที่ตั้งใจถวายเป็นพุทธบูชา มีบาลีกล่าวว่า พุทธะปูชา มหาเตชะวันโต การบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เป็นผู้มีเดชมีอำนาจมาก ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนหรือสัตว์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่เล็กหรือว่าใหญ่ขนาดไหนก็ตาม มักจะต้องเป็นผู้นำของเขาอยู่เสมอ

ดังนั้น...ในส่วนกิจกรรมงานวันนี้ ซึ่งเป็นการเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งเป็นการสร้างธรรมทานให้เกิดขึ้นก็ดี การเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่สาย เป็นอาจริยบูชาในสังฆานุสติก็ดี การรับถวายเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาและมีอานิสงส์เป็นทิพจักขุญาณก็ตาม ขอให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งแม่ชี และฆราวาสญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ จงได้อนุโมทนา และมีส่วนร่วมกันในบุญกุศลครั้งนี้ทุกท่านทุกคนโดยถ้วนหน้ากันเทอญ


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-07-2022 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว