กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-05-2021, 22:11
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,880 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-05-2021, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันฉัตรมงคลของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งทางวัดท่าขนุนก็ได้จัดโต๊ะหมู่บูชา และสมุดลงนามถวายพระพรไว้ตามที่เคยทำมา

เรื่องของสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักของประเทศเรามาช้านาน และก็ยังคงจะเป็นต่อไปอีกนานแสนนาน ถ้านับกับชีวิตของมนุษย์

วันนี้มีเรื่อง ๒ - ๓ เรื่องที่อยากจะนำขึ้นมาพูดคุยกัน

เรื่องแรก ความจริงเกิดมาประมาณ ๔ วันแล้วก็คือ #ย้ายประเทศกันเถอะ ซึ่งเรื่องนี้อาตมาเองไม่มีความเห็น ไม่ว่าท่านจะอยากย้ายประเทศด้วยเหตุผลใดก็ตาม ต้องบอกว่าเชิญตามสบาย แต่ส่วนที่อาตมาอยากจะบอกก็คือว่า

บางประเทศที่ท่านย้ายไป จะเผชิญหน้ากับวินาศภัยที่น่ากลัว
บางประเทศที่ย้ายไป ท่านจะกลายเป็นพลเมืองชั้น ๒ พูดง่าย ๆ ก็คือคนอื่นเขารังเกียจเราหมด
บางประเทศที่ท่านย้ายไป เท่ากับย้ายไปหานิวเคลียร์
บางประเทศที่ท่านย้ายไป จะเกิดภัยพิบัติชนิดพื้นที่บางส่วนสูญหายไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2021 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-05-2021, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ใครอยากจะย้าย เชิญตามสบาย...! ถ้ารู้ตัวว่าคิดผิด ต้องรีบกลับประเทศไทยให้ทัน ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะไม่มีโอกาสกลับสู่แผ่นดินแม่นี้อีกเลย ถ้าย้ายไปแค่ไม่กี่เดือน แล้วเรื่องเกิด ก็ต้องบอกว่าเป็นกรรมที่ท่านทั้งหลายได้ทำเอาไว้เอง คำพูดนี้ไม่ใช่คำขู่ ถ้าท่านกัดฟันอยู่ อีกไม่นานก็จะพิสูจน์ได้

เรื่องที่สองก็คือ เรื่องที่พระมหานักเทศน์ชื่อดัง โดนมหาเถรสมาคมตำหนิติติงในสิ่งที่ท่านได้กระทำไป ปกติแล้วเวลาสื่อพาดหัวว่า "วัดดัง" "พระดัง" อาตมาเองตามอ่านข่าวแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตนเองอยู่ในวงการสงฆ์ แต่ไม่รู้จักชื่อวัดนั้น ไม่รู้จักพระรูปนั้นเลย แต่สื่อตั้งใจแค่จะขายข่าว ก็ลงไปว่า "วัดดัง" ทุกวัดที่เกิดเรื่อง "พระดัง" ทุกรูปที่เกิดเรื่อง ต้องบอกว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก เจตนาขายข่าวโดยไม่ได้คิดถึงความเสียหายของพระพุทธศาสนา

อาตมาเคยทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดอยู่ระยะหนึ่ง กาญจนบุรีมีวัดและสำนักสงฆ์รวมกันแล้วราว ๆ ๖๐๐ เศษ ตีเสียกว่า ๖๐๐ ถ้วนก็แล้วกัน ถ้าหากว่ามีเรื่องวันละหนึ่งวัด ใช้เวลาประมาณสองปีถึงจะครบ แปลว่าเปอร์เซ็นต์การเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามมีน้อยมาก แต่ท่านทั้งหลายนำมาขยายความ ซ้ำเติม เอามันในชีวิต จนกระทั่งกลายเป็นเหมือนอย่างกับว่า พระภิกษุสามเณรทำความชั่วกันอยู่ทุกวัน แต่ในส่วนที่ท่านทั้งหลายทำความดีนั้น สื่อกลับทำตัวเป็นคนตาบอด ใจบอด มองไม่เห็น ไม่มีใครช่วยเชียร์ มีแต่คอยกระทืบซ้ำเติมตอนที่ท่านพลาด คิดว่าสิ่งที่สื่อทั้งหลายทำมานี้ ยุติธรรมกับทางพระพุทธศาสนาแล้วหรือไม่ ?

แต่ว่างานนี้ อาตมากลับรู้สึกว่า นาน ๆ ทีสื่อจะคืนความยุติธรรมให้ เพราะพาดหัวว่า "พระนักเทศน์ชื่อดัง" แล้วท่านก็ดังจริง ๆ ต้องขอชมว่าหลังจากที่พาดมาประมาณ ๑๐๘ ครั้ง ก็มีถูกต้องสักครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะยังนับเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ก็ถือว่ามีความถูกต้องอยู่บ้าง

ในส่วนนี้นั้น เมื่อองค์กรสูงสุดของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย คือ มหาเถรสมาคมมีมติตำหนิโทษ และให้ทำการสอบสวนแล้ว ก็ต้องรอผลการสอบสวนกัน แต่ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ ในความเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อส่วนรวมประมาณหนึ่ง สิ่งที่เราต้องควรระวังที่สุดก็คือความประพฤติ ทั้งกาย วาจา แล้วก็ใจของเรา โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์สามเณรของเรา อยู่ในสายตาของชาวบ้านเขาโดยตลอด อย่าคิดว่าเราทำอะไรแล้วคนอื่นไม่รู้ ต่อให้คนไม่รู้ ผีสางเทวดาก็รู้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2021 เมื่อ 15:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-05-2021, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือความละอายชั่ว กลัวบาป เนื่องจากว่าคนเรานั้น ตราบใดที่ยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ ก็จะโดนกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรมชักนำไป แล้วโดยวิสัยก็คือ ถ้าหากว่าคนอื่นทำ เราเห็นว่าผิด แต่ถ้าตัวเราทำ ไม่เป็นไร สมมติว่าคนอื่นกู้เงินสองแสนล้าน จะโดนตำหนิว่าติดหนี้ไป ๕๐ ชั่วโคตร แต่เรากู้เงินสักหนึ่งล้านล้าน กลับไม่เป็นอะไร เพราะว่าเราทำเอง นี่คือลักษณะการให้อภัยต่อตัวเอง..!

คราวนี้ในความที่เราให้อภัยต่อตนเองนั้น ถ้าขาดสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง ก็จะเกิดเหตุการณ์แบบท่านนักเทศน์ชื่อดังนี้ ก็คือทำหลายสิ่งหลายอย่างไป ไม่มีใครตำหนิ แม้ว่าบางอย่างจะล่อแหลมบ้าง เห็นเป็นเรื่องสนุกเฮฮาบ้าง ก็ทำให้เราทำในสิ่งที่ล่อแหลมมากยิ่งขึ้นไปตามกาลตามเวลา แล้วในที่สุดก็พลาดไปทำในสิ่งที่กลายเป็นโลกวัชชะ คือโลกติเตียน แล้วก็มีโทษทางพระวินัยด้วย อย่างที่มหาเถรสมาคมใช้คำว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์

สิ่งนี้พระภิกษุสงฆ์สามเณรทุกรูปจำเป็นต้องตระหนัก ไม่อย่างนั้นแล้วท่านทั้งหลายก็จะให้อภัยตัวเองไปเรื่อย โดยมีข้อแก้ตัวเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดมากว่า "คราวที่แล้วยังได้เลย" แล้วก็กลายเป็นทำชั่วมากขึ้นทุกที ๆ จนกระทั่งท้ายสุด ก็อาจจะละเมิดอาบัติหนักจนขาดความเป็นพระไปเลย..!

เมื่อเป็นเช่นนี้ สาเหตุที่เกิดขึ้น เรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้องถือว่าเป็นบทเรียนของทุกคน ไม่ใช่แค่ของท่านรูปเดียวเท่านั้น ท่านเองต้องถือว่าเป็นผู้เสียสละ เป็นเรือนำร่อง เสียสละให้เรารู้เห็นว่า สิ่งที่ท่านทำนั้น ไม่เหมาะไม่ควรแก่เพศภาวะของพระภิกษุสามเณร ท่านเป็นเรือนำร่องที่เดินพลาด เรืออาจจะได้รับความเสียหาย และต่อไปอาจจะถึงอับปางได้ แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น อาตมาอยากจะขอว่า อย่าให้เป็นการทำลายล้างกันทางการเมือง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2021 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-05-2021, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระภิกษุสงฆ์องค์เณรกว่าที่จะบวชขึ้นมาได้ มีกฎเกณฑ์กติกายากลำบากมาก กว่าที่จะทรงตัวอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์จนเป็นที่เคารพนับถือของคนจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเป็นไปได้ การลงโทษมีหลายขั้นตอน มีทั้ง ตักเตือน ตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ ไล่ไปจนกระทั่งถึงระดับหนัก ๆ ก็ ให้ออก ไล่ออก ปลดออก ได้แต่หวังว่ายังมีความเมตตากันอยู่ เปิดโอกาสให้ท่านได้แก้ตัว เพราะว่าสิ่งที่ทำ จะว่าไปแล้ว ถ้าในความเป็นฆราวาสก็ไม่ถือว่าผิด เพราะว่าฆราวาสก็วิจารณ์การเมืองกันอยู่ทุกวัน แต่พอพระไปทำ ถือว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์

อาตมากลัวอยู่ตรงที่ว่า สิ่งที่ตำหนิท่าน โดยเฉพาะในเรื่องของการไปรีวิวอาหารเสริม เป็นแค่การโยนหินถามทางเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงก็คือเรื่องที่ท่านวิจารณ์การเมือง ก่อนหน้านี้พระภิกษุสงฆ์ของเรา มีหลายท่านที่วิจารณ์การเมืองอยู่แล้ว แต่เพียงแต่ว่าไม่ได้รับการตำหนิอย่างชัดเจนแบบท่านนักเทศน์ชื่อดังท่านนี้

ดังนั้นในส่วนนี้ก็ต้องบอกว่า จะตัดสินโทษอะไร อันดับแรก พิจารณาพระวินัยที่พระภิกษุสามเณรยึดถือเป็นหลัก หลังจากนั้นแล้วถึงจะเป็นกฎหมายบ้านเมือง ถัดไปแล้วถึงเป็นจารีตประเพณีที่ยึดถือกันมา ในส่วนนี้เมื่อกล่าวถึงการรีวิวอาหาร ก็ต้องบอกว่าท่านขาดคุณสมบัติของการเป็นกัลยาณมิตร

คุณสมบัติของกัลยาณมิตรมีอยู่ข้อหนึ่งว่า โน จัฎฐาเน นิโยชะเย ไม่ชักนำไปในทางเสียหาย เนื่องจากว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องพอดี พอเหมาะ พอควร เป็นทางสายกลาง จึงจะก่อประโยชน์ ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เป็นอาหารเสริมที่วิเศษเลิศลอยขนาดไหนก็ตาม ถ้ามากเกินไปก็จะก่อโทษให้กับร่างกายได้

มัชฌิมาปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม จะทำอะไรให้ดูความพอเหมาะ พอดี พอควร พยายามใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรือฆราวาส จึงจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของตน วันนี้ก็ขอให้ข้อคิดและเจริญพรทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2021 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว