กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-03-2022, 07:20
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,612
ได้ให้อนุโมทนา: 216,303
ได้รับอนุโมทนา 741,128 ครั้ง ใน 36,098 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-03-2022, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพได้มีโอกาสไปงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดบึงลาดสวาย มีหลายเรื่องที่อยากจะกล่าวถึง ณ ที่นี้

ประการแรกเลยก็คือ เมื่อเข้าไปในพระวิหารพระพุทธชินราชซึ่งเป็นสถานที่ปลุกเสกวัตถุมงคล เห็นหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านนั่งอยู่ จึงเข้าไปกราบท่านด้วยความดีใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า วัตถุมงคลของทางวัดบึงลาดสวายนี้ ส่วนใหญ่แล้วทำตามตำราวิชาสายมอญ ซึ่งหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั้น ท่านเป็นพระเถระชาวมอญที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชในสมัยกรุงศรีอยุธยายุคนั้น

วิชาการสายมอญแทบทั้งหมดเป็นวิชาการที่หลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านได้นำมาจากประเทศพม่าในยุคนั้น แล้วเอามาเผยแพร่ในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลบผงปถมัง อิทธิเจ มหาราช ตรีนิสิงเห หรือว่าพุทธคุณ เรื่องของการสร้างเบี้ยแก้ เรื่องของการสร้างผ้ายันต์ แหวนพิรอด สายคาดเอว ตะกรุดหนังเสือ หรือแม้กระทั่งตำราการสร้างแมลงภู่คำ

เมื่อหลวงปู่ใหญ่ท่านอยู่ในพิธีกรรม กระผม/อาตมภาพก็สบาย มีหน้าที่นั่งดูอย่างเดียวว่าท่านทำอะไรบ้าง เมื่อท่านบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำน้ำมนต์พรมวัตถุมงคลให้ หลังจากเสร็จพิธีทางเจ้าภาพมีการถวายปัจจัยไทยธรรม ไทยธรรมที่รับมานั้นมีหลายส่วนที่ควรกล่าวถึง

อันดับแรกเลยก็คือ ผงสัมฤทธิ์ที่ปั้นเป็นลูกอมแล้วทาชาดทับเอาไว้ ปกติแล้วผงอิทธิเจจากกรุวัดร้างสัมฤทธิ์ ก็มีอานุภาพเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือไปทั้งประเทศอยู่แล้ว นี่เมื่อนำมาปั้นเป็นลูกอม แล้วยังเอามาเข้าพิธีซ้ำอีก ก็ต้องบอกว่า "ในดี" มีการ "เพิ่มดี" ให้มากขึ้น โดยปกติผงอิทธิเจกรุวัดร้างสัมฤทธิ์นั้น ผู้ที่ได้ไปก็นำไปติดตัว หรือว่านำไปผสมใส่ในวัตถุมงคล แต่ว่านี่เป็นการนำมาปั้นเป็นลูกอมเลย ต้องบอกว่าเป็นการใช้ผงวิเศษอย่างสิ้นเปลืองมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-03-2022, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการต่อไปคือ ผ้ายันต์แมงมุมดักทรัพย์พระคาถาเงินล้าน ตรงนี้ต้องบอกว่าท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) มีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาจากยันต์แมงมุมดักทรัพย์ตามสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยดัดแปลงอักขระมาเป็นพระคาถาเงินล้านแทน

ในวิชาการต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าไม่มีการประยุกต์เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เกิดอาการตายนิ่ง ไม่มีความรู้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลย แต่ถ้าหากว่ามีบุคคลที่ศึกษาจนเชี่ยวชาญและชำนาญแล้ว ทำการประยุกต์ร่วมกับวิชาการสายอื่น ๆ ได้ก็จะเกิดเป็นของใหม่ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่จะกระทำในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ ต้องมาสายพุทธภูมิบารมีเข้มเท่านั้น

แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านประยุกต์คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ จนกลายเป็นพระคาถาเงินล้าน ที่บุคคลทั่วประเทศ ตลอดจนอาจจะกล่าวได้ว่าทั่วโลกนำไปใช้ แล้วมีผลดีเช่นเดียวกัน

อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับมาก็คือตัวยาจินดามณี ซึ่งพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านศึกษาและตามทางสายวัดกลางบางแก้ว ซึ่งก็คือวิชาการของหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั่นเอง

แต่คราวนี้ส่วนที่ปรากฏในตำราจะมีแค่ที่ทุกคนศึกษา ในส่วนที่เป็นการถ่ายทอดตรงจากครูสู่ศิษย์ ไม่มีการบันทึกเอาไว้ เป็นส่วนผสมพิเศษต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเกสรบัวแฝด เห็ดนมเสือ งาช้างกำจัด นอแรด เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้จะมีการบอกเพิ่มเติมขึ้นมา ตลอดกระทั่งอำพันทองที่ราคาแพงพอ ๆ กับนอแรด และหาได้ค่อนข้างจะยาก

แต่ว่าในปัจจุบันนี้นอแรดนั้น แม้กระทั่งการครอบครองก็ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากว่าเป็นชิ้นส่วนของสัตว์ป่าสงวน แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นมีเศษนอแรดที่เป็นผงอยู่ เกิดจากการที่นำเอานอแรดมากลึงเป็นลูกประคำ ซึ่งประคำเส้นนั้นได้มีผู้บูชาต่อไปแล้วในราคาที่แพงมาก เศษส่วนนั้นเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ปวารณาร่วมบุญกับทางท่านพระครูปลัดพิจารย์ ว่าจะแบ่งปันส่วนหนึ่งให้ท่านนำมาเป็นส่วนผสมในยาจินดามณีต่อไป

ตรงจุดนี้ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ก็ปรารภว่าจะสร้างยาจินดามณี ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ได้รับปากว่าจะแบ่งนอแรดส่วนหนึ่งให้กับท่านไปเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-03-2022, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราต้องเข้าใจว่า วิธีการที่จะนำนอแรดมาเป็นส่วนผสมของยาจินดามณีได้นั้น ก็อยู่ลักษณะเดียวกันกับการใช้ผงงาช้างกำจัด ก็คือต้องนำเอามาคั่วจนกรอบ แล้วตำเป็นผง ทำการกรองอย่างพิถีพิถัน ถึงจะนำมาเป็นส่วนผสมได้ และต้องพยายามผสมให้เข้ากัน คือกระจายไปทั่วเนื้อยาให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไปตกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง เมื่อทำเป็นตัวยาขึ้นมา ยาตรงจุดนั้นจะเย็นจนเกินไป ซึ่งอาจจะก่อผลร้ายให้กับผู้ที่มีไฟธาตุน้อย

ตรงจุดนี้เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญจริง ๆ ผสมแล้วเข้าไม่ทั่วถึงอย่างแท้จริง ผลดีที่เกิดขึ้นก็อาจจะเป็นผลร้ายสำหรับบางคนก็เป็นได้

อีกส่วนหนึ่งที่รับมาก็คือแมลงภู่คำ ซึ่งท่านพระครูปลัดพิจารย์ก็ได้ดัดแปลงจากการบรรจุเข็มอัคคียะตามแบบสายมอญพม่าในปัจจุบันนี้ มาเป็นการบรรจุเข็มทองเข็มนากแทน โดยนำมาเข้าพิธีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการประยุกต์วิชาการเช่นกัน

เพราะว่าในบางครั้งนั้น วิชาการต่าง ๆ จะดีขึ้น หรือว่าไม่ดีขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับการพลิกแพลงใช้งานเช่นกัน ท่านที่สามารถเข้าถึงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระคาถา หรือว่าการทำเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลใด ๆ ก็สามารถที่จะพลิกแพลงใช้งานให้ดีขึ้น

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องของแหวนพิรอด เราจะเห็นว่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือสำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักวัดหนองบัวของหลวงปู่ยิ้ม ตลอดจนกระทั่งพ่อปู่หมอน้อย จังหวัดอ่างทอง เป็นต้น

ถ้าหากว่าเป็นเชือกคาดก็ต้องสำนักหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว สำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักหลวงปู่โชติ วัดตะโน แล้วครูบาอาจารย์รุ่นต่อมาที่มีชื่อเสียง ก็อย่างเช่นว่า สำนักหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (วัดโฆสิตาราม)

ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายก็จะมีการประยุกต์เช่นกัน อย่างเช่นว่า บางท่านก็นำเอาลูกอมถักเป็นหัวเชือกคาด บางท่านก็บรรจุพระปิดตาเข้าไปแทน เป็นต้น บางท่านก็มีการประกบด้วยการสอดตะกรุดเป็นระยะ ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ก็แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านจะประยุกต์และพัฒนาวิชาการไปในแนวไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-03-2022, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งในเรื่องของการปฏิบัติธรรมตามสายกรรมฐาน ๔๐ พวกเราก็จะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสามารถที่จะประยุกต์ให้กรรมฐานทุกกอง เข้าถึงฌาน ๔ และสมาบัติ ๘ ได้ทั้งหมด

ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นว่าครูบาอาจารย์ท่านใดสอนได้แบบนี้เลย ซึ่งการฝึกปฏิบัติกรรมฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น โดยปกติแล้วพระองค์ท่านไม่ได้บอกกล่าวในรายละเอียดมากมาย แต่ว่าครูบาอาจารย์รุ่นหลังเมื่อทำเข้าถึงแล้ว ก็นำเอามาประยุกต์ สอนลูกศิษย์รุ่นหลัง ๆ ให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ทำให้เข้าถึงได้สะดวกขึ้น โดยที่ไม่ได้บอกว่าเป็นฌาน ๔ ไม่ได้บอกว่าเป็นสมาบัติ ๘ แต่ว่าท่านบอกแค่ว่าทำอย่างนี้แล้วผลจะได้อย่างนี้ ให้ลูกศิษย์ไปตระหนักรู้กันเอาเองในภายหลัง หรืออาจจะไม่รู้ต่อไป แต่ว่าทำได้ตามที่ครูบาอาจารย์บอกเท่านั้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สิ่งที่ท่านทำ เมื่อทำไปแล้วถึงระดับหนึ่ง ก็อย่าได้ยึดตายตัวว่าต้องเคารพครูบาอาจารย์ตน แตะต้องวิชาการเหล่านี้ไม่ได้เลย ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ผิด วิชาการต่าง ๆ สามารถที่จะประยุกต์ให้ดีขึ้น ให้ก้าวหน้าขึ้นมากกว่าที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษามา ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอภิชาตบุตร (อภิชาตศิษย์) อย่างที่ครูบอาจารย์ทั้งหลายท่านต้องการ แต่ถ้าหากว่าเราเคารพและทำตามเพียงอย่างเดียว ก็แค่สามารถรักษาสายวิชาการเอาไว้ โดยไม่ได้มีความก้าวหน้าอะไรขึ้นมาเลย เป็นต้น

วันนี้ที่กล่าวถึงตรงจุดนี้ก็เพราะว่า ทางคณะของพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ก็ดี ทางท่านพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวายก็ดี หรือทางท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ก็ตาม ท่านมีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาให้ก้าวหน้าขึ้น ให้ดีขึ้น ให้ใช้งานง่ายขึ้น ให้มีผลมากขึ้น ซึ่งต้องอนุโมทนาในสิ่งที่ท่านทั้งหลายกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ เพื่อให้เกิดผลดีต่อบุคคลที่นำวัตถุมงคลไปใช้ หรือว่าเพื่อให้ท่านที่ศึกษาต่อแล้ว มีแนวทางที่จะประยุกต์วิชาการทั้งหลายเหล่านี้ ให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว