กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๕

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๕ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๕

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-01-2022, 20:02
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,867 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-01-2022, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ระยะนี้ก็มีข่าวคราวด้านไม่ดีในวงการสงฆ์อยู่เป็นจำนวนมาก สาเหตุก็ต้องโทษสื่อมวลชนอย่างหนึ่ง ว่าข่าวดีไม่มีการนำเสนอ มักจะนำเสนอแต่ข่าวในด้านร้าย อย่างที่บางท่านพูดกันว่า "ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน"

ประการที่สองก็คือ ควรที่จะตำหนิติติงพวกที่เสพสื่อทั้งหลาย เพราะว่าท่านไปนิยมเสพสื่อไร้คุณภาพ ที่มีแต่จะทำให้จิตใจเกิด รัก โลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะในส่วนของพระภิกษุสามเณรหรือพระพุทธศาสนา ซึ่งโบราณนั้นกระทำได้ถูกต้องมาก เพราะใช้คำว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" ก็คือยกเอาไว้ในฐานที่เข้าใจว่า เราจะไม่กระโดดลงนรกไปด้วย..!

เหตุที่กล่าวดังนี้ก็เพราะว่า แม้แต่ในพระธรรมบทก็มีตัวอย่างที่ว่า พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปแล้ว แต่ว่ายังห่มผ้าเหลืองอยู่ แล้วชาวบ้านก็ไปด่าว่าติเตียนท่าน ปรากฏว่าชาวบ้านท่านนั้นลงนรก..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตนเองจิตใจเศร้าหมองจากการที่ไปด่าว่าติเตียนผู้อื่น จึงกลายเป็นกระโดดลงนรกตามเขาไป เพราะว่าคนอื่นทำความชั่วในผ้าเหลือง โทษก็ต้องลงอบายภูมิอยู่แล้ว แต่ว่าท่านเองซึ่งไม่ได้ทำความชั่วอย่างเขา กลับไปด่าว่าติเตียน ทำให้กำลังใจของตนเองเศร้าหมอง จึงบังเกิดโทษขึ้นมา

โดยเฉพาะบางเรื่องบางราว ที่ไม่ควรจะนำมาเป็นสาระและใส่ใจ อย่างเช่นเรื่องของ "๓ พส." ที่สึกหาลาเพศไป เพราะว่าการสึกหาลาเพศนั้น ถือว่าเป็นปกติธรรมดาของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ในเมื่อตอนบวชเราไม่แปลกใจ แล้วตอนสึกทำไมต้องแปลกใจ หรือว่าต้องไปให้คุณค่าขนาดนั้นด้วย ?

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เกิดจากกระแสสังคม โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ซึ่งพวกนี้ทำให้เราเข้าถึงข่าวคราวได้ง่ายมาก แต่ขณะเดียวกันโทษทัณฑ์ทั้งหลายก็เกิดมากขึ้นไปด้วย เนื่องเพราะว่าถ้าท่านรับเข้ามาแล้วโดยที่ขาดสติ ก็จะไปปรุงแต่งให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ตามเขาไป ก็แปลว่าเราทำให้จิตใจของเราตกต่ำเอง ดังนั้น...ในเรื่องของการเสพสื่อต่าง ๆ เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2022 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-01-2022, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองก็ดูข่าว อย่างเช่นว่า ข่าวคราวในกลุ่มไลน์ที่พรรคพวกเพื่อนฝูงส่งมา หรือว่าผู้บังคับบัญชาส่งมา ดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งลักษณะของการดูข่าวของกระผม/อาตมภาพนั้นก็คือ ดูแค่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ไหนเท่านั้น ไม่ได้ไปใส่ใจในเรื่องของรายละเอียดต่าง ๆ ยกเว้นว่าบางเรื่องเป็นส่วนที่สังคมให้ความสนใจมาก ก็จะดูไปถึงรายละเอียดว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เสร็จแล้วก็จบลงแค่นั้น ไม่ไปปรุงแต่งว่าผลที่เขาทำจะเป็นอย่างไร ไม่ไปคิดว่า คาดว่า เพราะว่ามีแต่จะทำให้กำลังใจของเรานั้น รัก โลภ โกรธ หลง ตามไปด้วย

การที่เรามีสื่อโซเชียลต่าง ๆ เข้าถึงเราได้ง่าย เราก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เหตุก็เพราะว่าข่าวคราวต่าง ๆ มีมากมายมหาศาล แต่ว่าข่าวทั้งหลายเหล่านั้นเป็นเพียงด้านเดียวเท่านั้น และเป็นด้านที่บุคคลผู้นำเสนอมองเห็น

ดังนั้น...จึงควรที่จะมีกระจก ๖ ด้านอย่างที่ผู้รู้เคยกล่าวกันเอาไว้ว่า ต้องมองทั้ง ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง เป็นอย่างน้อย ถึงจะพอที่จะรู้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายก็จะโดนสงครามข่าวสารต่าง ๆ หลอกลวงให้หลงทางไปโดยใช่เหตุ ในเมื่อเราหลงทางไป รัก โลภ โกรธ หลง ก็ก่อให้เกิดโทษแก่ตน เพราะว่ากำลังใจของเราเสียเอง

ตรงจุดนี้นักปฏิบัติธรรมต้องระมัดระวังให้จงหนัก ไม่มีอะไรที่สำคัญสำหรับนักปฏิบัติธรรม ยิ่งไปกว่าการรักษากำลังใจของตนเองให้ผ่องใสอยู่ในแต่ละวัน ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ท่านเพียรพยายามทำมาตลอดชีวิต ก็จะเท่ากับสูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ เนื่องจากว่าท่านเป็นคนไปทำให้กำลังใจของตนเศร้าหมองมืดมัวไปเอง ด้วยการไปกอบโกยเอา รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ที่สื่อส่งมาให้ เข้ามาอยู่ในใจของเรา

โดยเฉพาะในส่วนของพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ตลอดจนท่านผู้ปฏิบัติธรรม เรายิ่งต้องเลี่ยงให้ห่างจาก รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ บรรดาสื่อที่เราเสพก็ควรจะเสพอย่างมีสติ แบบที่กระผม/อาตมภาพได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็คือว่า "แค่รับรู้ แต่ไม่รับทราบ" การรับรู้ก็คือรู้ว่าโลกนี้เกิดอะไรขึ้น ประเทศของเราเกิดอะไรขึ้น บ้านเราเมืองเราเกิดอะไรขึ้น แต่อย่าไปปรุงแต่งตามไป เพราะมีแต่จะทำให้เกิดโทษไม่รู้จบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2022 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-01-2022, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว ตัวเราทั้งหลายเองที่เป็นนักปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากว่ากำลังใจมั่นคง ถึงระดับทรงฌานได้ ข่าวคราวทั้งหลายเหล่านี้ก็จะไม่มีอิทธิพลสำหรับตัวเราเลย เพราะว่าบุคคลที่ทรงฌานได้นั้น จะมีความสุขอยู่กับสมาธิตรงหน้า อยู่ในวิหารธรรมของผู้ที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว ความสุข ความสดชื่น ความแจ่มใสตรงนั้น ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายยังไปสนใจเรื่องราวภายนอกอยู่ ก็เป็นเครื่องวัดได้อย่างหนึ่งว่า ท่านทั้งหลายยังก้าวไม่พ้นกิเลสหยาบเบื้องต้น ก็คือนิวรณ์ ๕ เลย

นิวรณ์ ๕ นั้นประกอบไปด้วย กามฉันทะ คือความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ

เรื่องพยาบาท ก็คือ การโกรธ เกลียด คิดอาฆาตแค้นบุคคลอื่น

เรื่องของถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติ

เรื่องของอุทธัจจกุกกุจจะ คือความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน รำคาญใจ

และเรื่องของวิจิกิจฉา คือลังเลสงสัย เพราะว่าเข้าไม่ถึงผลของการปฏิบัติอย่างแท้จริง

ถ้าท่านทั้งหลายยังใส่ใจอยู่ในเรื่องของโลก ๆ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายยังไม่สามารถที่จะก้าวข้ามในเรื่องของนิวรณ์ ๕ ได้โดยเด็ดขาด โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะตกต่ำ กำลังใจตก สมาธิตก กรรมฐานแตกก็จะมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้จักประพฤติปฏิบัติในการที่จะรักษากำลังใจของตน ตามหลักของโอวาทปาฏิโมกข์ คือสัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง ให้ละเว้นจากการกระทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจทั้งปวง

กุสะลัสสูปะสัมปะทา ให้รู้จักสั่งสมบุญกุศลด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คือประกอบเฉพาะในส่วนของกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต และข้อสุดท้าย สำคัญที่สุดสำหรับนักปฏิบัติธรรมก็คือ สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากกิเลส แม้ว่าจะเป็นการปราศจากกิเลสชั่วคราวในลักษณะของโลกียฌาน ก็มีคุณค่าแก่เราอย่างสูงยิ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2022 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-01-2022, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าถ้าท่านสามารถทรงฌานสมาบัติได้เป็นปฐมฌาน ก็สามารถเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓

ถ้าหากว่าทรงทุติยฌานได้ ก็เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖

ถ้าสามารถทรงตติยฌานได้ ก็เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙

ถ้าสามารถทรงจตุตถฌาน คือฌาน ๔ ได้ ก็สามารถเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑๐ และชั้นที่ ๑๑

ถ้าท่านทั้งหลายทำต่อไปจนเข้าถึงอรูปฌานได้ ก็สามารถเข้าถึงอรูปพรหมอีก ๔ ชั้นเป็นอย่างน้อย

หลังจากนั้นก็นำเอากำลังสมาธิสมาบัติทั้งหลายเหล่านี้มาพิจารณาในวิปัสสนาญาณ ให้เห็นความไม่เที่ยงของร่างกายนี้ ของร่างกายคนอื่นและของโลกนี้ ให้เห็นความเป็นทุกข์ของร่างกายนี้ ของร่างกายผู้อื่นและของโลกนี้ ตลอดจนกระทั่งความไม่มีอะไรเป็นตัวตนให้ยึดถือมั่นหมายได้ ทั้งตัวเรา ทั้งผู้อื่น และทั้งโลกนี้ กำลังใจของเราก็จะค่อย ๆ สลัด ตัด ละ สิ่งที่ผูกพันทั้งหลายออกไปทีละน้อย ทีละน้อย ถ้ากำลังของท่านสูงพอ ก็อาจจะตัดเด็ดขาดเป็นสมุจเฉทปหานไปในทีเดียว

ดังนั้น...ในเรื่องของฌานสมาบัติ นอกจากจะรักษาตัวรักษาใจของเรา ไม่ให้ไปเกลือกกลั้วกับสิ่งเศร้าหมองแล้ว ยังมีคุณมหาศาลในการที่จะช่วยเราตัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพานได้

สำหรับลำดับต่อไป กระผม/อาตมภาพก็ต้องไปเป็นประธานในการประชุมเพลิงศพของท่านวิมละ อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ผาอ้น วันนี้จึงต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก่อนเวลาตามเคย เพื่อที่จะได้บริหารเวลาให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2022 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว