กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-07-2021, 20:17
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,963 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-07-2021, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,054 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก่อนอื่นก็ขอเจริญพรขอบพระคุณคณะของท่านฤๅษีพุทธบุตร ที่นำเอาปัจจัยไทยธรรมพร้อมกับหน่อพระศรีมหาโพธิ์มาถวาย เพื่อร่วมบุญกับทางวัดท่าขนุน

แต่คราวนี้ในส่วนอื่น ๆ ที่ถวายไว้นั้น บางอย่างเช่นพระพุทธรูป จะดูแลจัดการยากมาก เนื่องเพราะครูบาอาจารย์สั่งสอนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า พระพุทธรูปก็คือองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต้องตั้งเอาไว้ในสถานที่ซึ่งเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ตั้งทิ้งขว้างส่งเดชไว้ตรงไหนก็ได้ แล้วหน่อพระศรีมหาโพธิ์ที่หายากนักหนา หลายวัดทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสที่จะมีได้ ทางคณะก็เคยถวายให้กับวัดท่าขนุนมาแล้ว ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ทำการปลูกไปเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือไม่มีสถานที่อันเหมาะสม จึงต้องมอบคืนให้กับทางคณะ เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อในสถานที่อื่น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเป็นพระภิกษุสามเณร หรือว่าบุคคลที่อยู่ภายในวัดท่าขนุนก็จะไม่แปลกใจ เพราะว่าพระพุทธเจ้าคือ "พ่อ" ของพวกเรา เราต้องเคารพและแสดงออกในลักษณะของการบูชา ให้มีเกียรติสูงสุดเท่าที่เราจะทำได้

ดังนั้น..เวลาไปเจอวัดไหนที่ตั้งพระพุทธรูปส่งเดช บางทีก็วางไว้เต็มไปครึ่งค่อนศาลา มีทั้งองค์ใหญ่องค์เล็ก ปล่อยให้หมาขี้บ้าง ปล่อยให้แมวนอนบ้าง ปล่อยให้ไก่ไปทำรังฟักไข่บ้าง ผมเห็นแล้วเกิดความไม่สบายใจทุกครั้ง เพราะถ้าหากว่า "พ่อ" ของเราเองแล้วเรายังไม่เคารพ คนอื่นใครเขาจะมาเคารพด้วย ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-07-2021, 22:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,054 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของการปฏิบัติธรรมที่กระผม/อาตมภาพย้ำกับทุกท่านบ่อย ๆ ว่า ยิ่งทำกำลังใจต้องยิ่งละเอียด โดยเฉพาะกำลังใจในการเคารพพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นเบื้องต้นที่จะนำพวกเราเข้าถึงธรรม พวกท่านอาจจะเห็นว่า เวลาผ่านที่ไหนที่มีพระพุทธรูปผมไหว้หมด เราไหว้ "พ่อ" ของเรา ไม่เห็นจะต้องไปอายใคร แม้แต่มีเพียงโครงเป็นรูปพระที่ยังสร้างไม่เสร็จ ในความรู้สึกของกระผม/อาตมภาพก็คือ นั่นคือพระพุทธเจ้า เราก็ไหว้ได้แล้ว

อีกส่วนหนึ่งที่เคยเตือนพวกเราไว้ และก็ขอบอกกล่าวแก่ญาติโยม ทั้งที่นี่และที่บ้าน ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศที่ฟังอยู่ สิ่งที่ท่านฤๅษีพุทธบุตรพร้อมกับคณะได้ทำนั้นเป็นการสร้างบารมี บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่บวชพระให้รู้แล้วรู้รอดไป ?

การเป็นพระภิกษุสามเณรนั้น บางอย่างทำได้ยาก เพราะว่าต้องโดนตีกรอบด้วยพระธรรมวินัย ด้วยกฎหมายบ้านเมือง ด้วยจารีตประเพณี แบบเดียวกับท่านอูคันตีมหาฤๅษีโพธิสัตว์ ที่กระผม/อาตมภาพไปพบเจอที่ประเทศพม่า ท่านบวชจนเป็นพระเถระแล้ว พอไปทำการก่อสร้างก็โดนคนตำหนิ ท่านก็เลยสึกมาเป็นฤๅษี แล้วทำงานต่อไป พูดง่าย ๆ ก็คือตั้งใจสร้างบารมี ความเป็นพระเป็นเณรท่านถือว่าอยู่กับใจ

อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการสร้างบารมีนั้น ทานบารมีช่วยส่งผลให้เราเป็นผู้อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติในชาติต่อ ๆ ไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องดี แต่เราต้องไม่ลืมว่าทานบารมีนั้น ถ้าสำหรับคนทั่วไปแล้วก็ไปได้แค่กามาวจรสวรรค์ ไม่สามารถไปสูงกว่านั้นได้ ยกเว้นบุคคลที่ให้ทานจนชิน ถ้าอย่างนั้นท่านสามารถที่จะไปพรหมได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-07-2021, 22:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,054 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ถ้าท่านทั้งหลายสามารถที่จะปล่อยวาง มีอุเบกขาในทาน รู้ว่าการให้เป็นการตัดโลภะหรือความโลภในใจของเรา เราพร้อมที่จะให้ได้ทุกเวลา ให้แล้วก็แล้วกัน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านสามารถที่จะปล่อยวางได้ โอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานก็มีอยู่

แต่ว่าการที่จะทำเช่นนั้นได้ ยังต้องมีศีลและมีการเจริญภาวนาประกอบ เพื่อช่วยให้บารมีของเราเข้มแข็งทรงตัวยิ่งขึ้น และขณะเดียวกัน ปัญญาก็จะได้เกิด เห็นลู่ทางว่าเราจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของบุญของกุศล ตลอดจนกระทั่งขัดเกลาจิตใจของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โดยเฉพาะในส่วนของการให้ทาน มีผลเป็นร้อยส่วน การรักษาศีลมีผลเป็นหมื่นส่วน การเจริญภาวนามีผลเป็นล้านส่วน

การให้ทานนั้น อรรถกถาจารย์ท่านบอกว่า ให้ด้วยกายอย่างเดียวก็ได้ ก็เป็นเรื่องจริง แต่ความจริงถ้าใจไม่เสียสละ กายก็ไม่สามารถที่จะให้ทานได้ เรื่องของศีลนั้น ท่านอธิบายว่า ที่อานิสงส์มากกว่าทานเป็นร้อยเท่า เพราะว่าต้องควบคุมทั้งกายและวาจาไปพร้อมกัน แต่ความจริงตรงนี้ก็คือ ถ้าคุมที่ใจทุกอย่างจบเลย ส่วนการเจริญภาวนานั้น ท่านอธิบายว่า ต้องคุมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ จึงมีอานิสงส์มากกว่าทานเป็นล้านเท่า มากกว่าศีลเป็นหมื่นเท่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-07-2021, 22:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,054 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็ควรที่จะกระทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็คือ เมื่อมีโอกาสเราก็ให้ทาน พร้อมกับทรงศีลให้เป็นปกติ ถ้าสะดวกเมื่อไรก็เจริญภาวนา แต่ถ้าสามารถเจริญภาวนาได้ในทุกอิริยาบถ ก็จะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก

อานิสงส์ของการให้ทานก็คือ ถ้าเราเกิดใหม่ จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติต่าง ๆ พูดภาษาชาวบ้าน ก็คือ "เกิดมารวย" เรื่องของศีลนั้น ทำให้เราเป็นผู้มีรูปร่างสวยงาม มีจิตใจดีงาม เรื่องของการเจริญภาวนา ทำให้เรามีปัญญามาก มีปัญหาทางโลกก็สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย พบกับปัญหาทางธรรม ก็สามารถใช้ปัญญาตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเข้าสู่พระนิพพานได้

ถ้าเราทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง สมมติว่าให้ทานอย่างเดียว เกิดมารวย แต่หน้าตาไม่สวยงาม ปัญญาไม่มี เราก็อาจจะเดือดร้อนด้วยทรัพย์สมบัติของตน ถ้าหากว่าเรารักษาศีลอย่างเดียว เกิดมาหน้าตาสวยงาม แต่ไม่มีเงินทองไม่มีปัญญา ก็เป็นเรื่องที่อยู่ยากอีก หรือถ้าเราเจริญภาวนาอย่างเดียว เป็นผู้มีปัญญามาก แต่ขาดโภคสมบัติต่าง ๆ ก็คงจะดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากเช่นกัน

ดังนั้น...ในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา จึงต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งเชื่อว่าคณะของท่านฤๅษีพุทธบุตรทำครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ทุกด้านแล้ว เพราะว่าเป็นผู้ที่ตั้งใจนำพาหมู่คณะสร้างบุญสร้างบารมี ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นปกติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ญาติโยมที่ฟังอยู่ทางบ้าน ถ้าหากว่าเราจะเลียนแบบทำตาม ก็ทำดังที่อาตมภาพได้กล่าวไป ก็คือทำให้ครบถ้วน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-07-2021 เมื่อ 17:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 03-07-2021, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,054 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในเรื่องของทาน ไม่ใช่ว่าทำมากแล้วจะดีเสมอไป เรื่องของทาน สำคัญตรงที่ทำบ่อย ๆ ทำน้อย ๆ ก็ได้ ขอให้ได้ทำ พอสภาพจิตของเราเคยชินกับการสละออก ก็จะสามารถทำมากขึ้นไปได้ ถ้าหากว่าเราทำมากทีเดียว สภาพจิตของเรายังมีมัจฉริยะ มีความตระหนี่ความหวงแหนอยู่ ทานที่เราทำก็ได้ผลไม่เต็มที่

การที่เราให้ทานเพื่อให้ได้ผลเต็มที่ อันดับแรก..วัตถุทานต้องได้มาโดยบริสุทธิ์ อันดับที่สอง...เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์ อันดับสาม...ผู้ให้คือตัวเราเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ อันดับสุดท้าย...ผู้รับต้องมีศีลบริสุทธิ์ อานิสงส์ถึงจะได้เต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง อานิสงส์ก็พร่องไปตามส่วน


ดังนั้น..ในเรื่องของการให้ทาน สำหรับพวกเราแล้ว ระดับบารมีสูง สามารถให้ได้ง่าย ให้ได้สะดวก เราก็เพิ่มการรักษาศีลและเจริญภาวนาเข้าไป โดยเฉพาะศีล ถือว่าเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ตัวตายดีกว่าศีลขาด ตอนแรกเราอาจจะต้องพยายามรักษาศีล แต่พอรักษาไปจนชิน ศีลจะย้อนกลับมารักษาเรา

ส่วนการภาวนานั้น อย่างน้อย ๆ เช้าเย็นต้องมีอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการสัก ๒๐ - ๓๐ นาทีต่อครั้งก็ยังดี ส่วนในแต่ละวัน ถ้าหากว่าเราทำงาน เอาใจจดจ่ออยู่กับงาน เราว่างเมื่อไร กำลังใจค่อยกลับมาอยู่กับการภาวนา ถ้าทำอย่างนี้ ไม่ว่าทาน ไม่ว่าศีล ไม่ว่าภาวนา ท่านทั้งหลายก็จะเจริญก้าวหน้า สมดังความปรารถนาของตน

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว