กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-06-2021, 20:06
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,092 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-06-2021, 22:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,149 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก็ต้องบอกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่รู้เห็นแล้วไม่สบายใจ ที่ไม่สบายใจไม่ใช่ว่าทำให้ตนเองไม่สบายใจ แต่ไม่สบายใจเพราะเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนเราเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่ไม่สมควร อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวย้ำอยู่เสมอว่า ผู้ปฏิบัติธรรมยิ่งทำก็ต้องยิ่งละเอียดขึ้น ไม่ใช่ว่ายิ่งทำก็ยิ่งหยาบขึ้น

เอาแค่สมัยผมยังเด็กอยู่ ใครจะไปวัดวาอารามต้องแต่งตัวให้มิดชิดรัดกุม แต่วันนี้ผมเห็นนักท่องเที่ยวที่มาวัดเรา พยายามจะใส่ให้สั้นที่สุดทั้งบนทั้งล่าง ต้องบอกว่าคนรุ่นใหม่ ๆ ของเราจิตใจหยาบกระด้าง โดยเฉพาะขาดกาลเทศะ ก็คือไม่รู้ว่าเมื่อไรเป็นเวลาเหมาะสม เมื่อไรจึงเป็นสถานที่เหมาะสม แต่คราวนี้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นเรื่องของความหยาบทางใจที่เราเข้าไม่ถึง จึงไม่เห็นว่าเป็นโทษ

อย่างเช่นว่าญาติโยมใส่บาตร ปกติที่รู้กัน ผู้ใหญ่จะสอนมาตั้งแต่เด็กก็คือถอดรองเท้า เพราะว่าการถอดรองเท้านั้น เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพอย่างหนึ่งตั้งแต่โบราณมา อย่างที่มีกล่าวไว้ใน "วินัยมุข" ว่า เมื่อเข้าสู่เขตพุทธาวาสหรือสังฆาวาส ก็ให้ถอดรองเท้า ห่มผ้าเฉวียงบ่า ลดร่ม เป็นต้น

ญาติโยมส่วนใหญ่ถอดรองเท้าใส่บาตร แต่ยืนอยู่บนรองเท้า แล้วจะถอดไปทำไม ? บางรายหนักกว่านั้น ใส่รองเท้าใส่บาตรหน้าตาเฉย..! ถ้าหากว่าทุกท่านได้ศึกษาพุทธประวัติในส่วนของพระเจ้าพิมพิสาร จะเห็นว่าท่านโดนลูกชายคือพระเจ้าอชาตศัตรู สั่งนายช่างกัลบกเอามีดโกนกรีดฝ่าเท้าเพื่อไม่ให้เดินจงกรมได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่านั่นเป็นบุรพกรรมที่มาจากในอดีตชาติที่เคยใส่รองเท้าเข้าไปในลานเจดีย์..!

ถ้าท่านทั้งหลายไปประเทศพม่า จะเห็นว่าคนพม่าพอเริ่มจะเข้าประตูวัดก็ถอดรองเท้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นนายพล เป็นนายพัน เป็นคุณหญิง เป็นคุณนาย ทุกคนถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่ากันหมด แม้แต่ถุงเท้าก็ไม่ใส่ เพราะว่าถ้าใส่แล้วจะสูงกว่าพระ นั่นคือข้างบ้านของเราที่ยังนับถือพระพุทธศาสนาแบบเคร่งครัดอยู่

ส่วนบ้านเราทุกวันนี้ไม่มี แม้แต่ในวัดของเราก็เหมือนกัน บางคนก็ใส่รองเท้าเดินในโรงครัว ประเคนของทั้งที่ใส่รองเท้าก็มี..! เรื่องพวกนี้เป็นโทษแก่ตัวเองทั้งนั้น แต่เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ แสดงว่าสภาพจิตหยาบมาก ปฏิบัติธรรมไปก็ไร้ผล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2021 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-06-2021, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,149 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกพวกหนึ่งหนักกว่านั้น เห็นพระเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงกันในสมัยที่บวชอยู่ แล้วตนเองสึกหาลาเพศไปแล้วก็ดี หรือว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่รับใช้ใกล้ชิดพระ จนกระทั่งคุ้นเคยกันก็ดี ถึงเวลาก็มีการพูด การแซวกันเล่น โดยที่ลืมไปว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพระ เขาเรียกว่า หานรกใส่ตัวด้วยความเต็มอกเต็มใจ..!

ถ้าท่านศึกษาในเปตวัตถุหรือวิมานวัตถุก็จะเห็นว่า มีพระที่ต้องอาบัติปาราชิก ก็คือขาดความเป็นพระไปแล้ว แต่ท่านเองจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่ยังห่มผ้าเหลืองอยู่ แล้วมีคนไปด่าว่าติเตียนท่าน พูดง่าย ๆ ก็คือ "กูเป็นคนดี กูต้องด่ามึง" แล้วคนที่ด่าลงนรก..! เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ท่านก็ยังห่มผ้าเหลืองที่เป็นธงชัยของพระอรหันต์อยู่ การที่พวกเราคุ้นเคยกับพระ แล้วก็ใช้ความคุ้นเคยทำในสิ่งที่เป็นโทษแก่ตนเอง โดยที่ลืมคิดไปว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครทำ ท่านทำตัวของท่านเอง..!

แล้วที่หนักไปกว่านั้นก็คือ ในเรื่องของการสร้างพระ ผมเคยย้ำนักย้ำหนาว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนคุณ นึกอยากจะทำก็ทำ นึกอยากจะสร้างก็สร้าง ผมเองถือหลักว่า ถ้าท่านไม่สั่ง ผมไม่สร้าง..!

ดังนั้น..หลายแห่งก็จะสงสัย อย่างเช่นว่าการหล่อพระของวัดท่าขนุน ใช้ฤกษ์เดียวกัน ช่างปั้นแบบคนเดียวกัน ช่างหล่อคณะเดียวกัน ของวัดท่าขนุนหล่อเสร็จโดยแทบไม่ต้องตกแต่งอะไรเลย อย่างหลวงพ่อทองคำ ใช้เวลาแค่ ๙ วัน แต่วัดอื่นพังแล้วพังอีก ๔ รอบ ๕ รอบ หล่อไม่สำเร็จ..! ก็เพราะว่าไม่รู้จักพระท่านยังไม่พอ ไม่มีการขออนุญาตอีกด้วย คิดอยากจะทำก็ทำ คิดอยากจะสร้างก็สร้าง และโดยเฉพาะที่อยากจะสร้าง เพราะเห็นว่าสมเด็จองค์ปฐมขายได้..! ผมถึงได้บอกว่า "ให้ใช้หัวแม่เท้าตรองดูก็รู้ว่าไม่สมควร ไม่ต้องใช้สมองคิด..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2021 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-06-2021, 22:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,149 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในเมื่อเห็นว่าท่านทั้งหลายกำลังหานรกใส่ตัว ก็เลยเกิดความรู้สึกเป็นห่วงและสงสารขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างพระพุทธรูปก็ดี สร้างวัตถุมงคลก็ตาม หลักการที่ถูกต้องก็คือ ต้องบวงสรวงขออนุญาตเสียก่อน ถ้าไม่ได้มีทิพจักขุญาณ ไม่สามารถติดต่อกับผีกับเทวดาหรือพระท่านได้ ก็ให้อธิษฐานขอนิมิต ไม่ว่าจะเป็นนิมิตในขณะที่กำลังบวงสรวง หรือว่านิมิตในขณะที่เราหลับก็ดี ถ้าหากว่าเป็นการไม่สมควร ก็จะปรากฏขึ้นให้เราเห็นเอง หรือถ้าหากว่าเป็นการสมควร ก็จะปรากฏนิมิตที่ดีให้เราเห็นเอง

ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า นอกจากการบวงสรวงขออนุญาตแล้ว แม้แต่การปั้นแบบผมก็บวงสรวงขออนุญาต การหล่อพระก็บวงสรวงขออนุญาต หล่อสำเร็จก็มีบายศรีอัญเชิญท่านเข้าสู่ที่ประดิษฐาน

เมื่อประมาณ ๒ อาทิตย์ที่ผ่านมา มีญาติโยมนำพระแก้วมรกตองค์ใหญ่มาถวายวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพไล่กลับไปเลย บอกไปหาวัดถวายเอาเอง ที่นี่ไม่มีที่ตั้งที่เหมาะสม จะไม่รับไว้ ไม่ใช่นึกอยากจะสร้างก็สร้าง นึกอยากจะทำก็ทำ โดยที่คิดอย่างเดียวว่าจะเอาบุญ แต่ความจริงแล้วได้บาปมากกว่า..!

ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าหลายวัดทิ้งพระไว้ให้ฝุ่นจับ ให้หยากไย่ขึ้น ไม่มีการกราบไหว้บูชาที่เหมาะสมยังไม่พอ ตั้งไว้ในสถานที่ไม่เหมาะสมอีกต่างหาก บางวัดผมเห็นพระพุทธรูปเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ครึ่งค่อนศาลา แมวไปขี้บ้าง หมาไปเยี่ยวรดบ้าง ไก่ไปทำรังฟักไข่บ้าง..! เป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวกันได้ เพราะว่าจิตของท่านหยาบ ก็เลยไม่เห็นโทษ

แต่อยากจะตักเตือนทุกคนเอาไว้ว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ขวางมรรคผลอย่างแรง เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาข้อหนึ่งของการจะเข้ามรรคเข้าผลได้ก็คือ ต้องเคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2021 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-06-2021, 22:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,149 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณรหรือฆราวาส ทั้งที่อยู่ในวัดและที่อยู่ที่บ้าน ในประเทศก็ดี ต่างประเทศก็ดี สิ่งที่ว่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ให้ท่านทั้งหลายพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อที่อย่างน้อย ๆ ถ้าเข้าไม่ถึงมรรคไม่ถึงผลในชาตินี้ เราก็จะได้มีสุคติเป็นที่ไป ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เรื่องของการล่วงเกินพระรัตนตรัย มีอเวจีเป็นที่ไปอย่างเดียว..!

เมื่อเห็นแล้วรู้สึกว่าสะดุดตาสะดุดใจ ก็จึงได้นำมาบอกกล่าวให้กับทุกท่านให้รับทราบเอาไว้และพยายามแก้ไข เพื่อที่จะได้ไม่ให้เกิดโทษแก่ตัวเอง และเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลังได้รู้ว่า สิ่งที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร อย่าทำตัวเป็นกันเองกับพระรัตนตรัย ไม่เช่นนั้นแล้วเท่ากับท่านกำลังสร้างนรกให้กับตนเอง..!

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2021 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว