กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-10-2022, 02:40
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default เรื่องอารมณ์กิเลส

๑.ผมอ่านเรื่องหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านกล่าวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พระโพธิสัตว์ท่านเรียนวิชาครู ผมเลยอยากถามหลวงพ่อเล็กว่า พระโพธิสัตว์นอกเหนือจากการศึกษาและเข้าถึงอารมณ์ในฌานสมาบัติในกรรมฐาน ๔๐ พระโพธิสัตว์ก็ต้องรู้จักหน้าตาอารมณ์ลักษณะในด้านอกุศลธรรม เช่น อุปกิเลส ๑๖, วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ เป็นต้น ด้วยใช่ไหมครับ?

๒. ผมได้ฟังเรื่องหลวงพ่อเล็กเทศน์เรื่องสังขารุเปกขาญาณ และเวลาในชีวิตประจำวันเวลาผมไม่ได้ทำสมาธิ เช่นผมกำลังทำกับข้าวอยู่ หรือว่าเดินเล่น บางทีรู้สึกว่า กำลังของกิเลสตัวฟุ้งซ่านกำลังจะมาแล้ว จะอยากให้เราคิดไม่มีที่สิ้นสุด คิดวนเวียนไปเรื่อย ๆ ตัวผมรู้สึกว่าจิตไวกว่ากำลังกิเลส เลยใช้อุเบกขาบารมี ช่างมันไม่สนใจไม่เก็บเอามาคิด และกำหนดรู้ลมหายใจยาว ๆ ไอ้ตัวความรู้สึกอยากจะฟุ้งซ่านก็หายไปชั่วคราว แต่บางครั้งความรู้สึกฟุ้งซ่านที่เล่ามาก็เกิด ผมก็หยิบความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้มาคิดหาเหตุผล หาโทษว่ามันมีโทษมีประโยชน์อะไร แต่ทำแบบนี้รู้สึกว่าเสียเวลามาพิจารณา เพราะผมรู้ชัดว่ามันมีโทษตั้งแต่แรกแล้ว และไม่น่าจะเก็บความคิดพวกนี้มาคิดพิจารณาซ้ำ ๆ ซาก ๆ คำถามคือจากที่ผมเล่ามา ในเรื่องสังขารุเปกขาญาณถ้าสติและจิตว่องไวมากด้วยสมาธิและปัญญา เราจะควรจะช่างมันไม่ไปสนใจ ความคิดที่จะทำให้จิตมีความฟุ้งซ่านไม่มีที่สิ้นสุดไหมครับ หรือว่า ควรจะหยิบมันมาพิจารณาให้เห็นโทษดีครับ ต่อให้เรารู้แล้ว่าความคิดพวกนี้มันคือไฟ คือตัวฟุ้งซ่าน

๓.ผมฟังบทสวดอภิธรรมที่ขึ้นต้นว่า "กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา" ในเรื่องอัพยากตธรรม ตามที่ผมอ่านมาคือ สภาวะกลาง ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ไม่ไปคิดในด้านกุศลและด้านอกุศล อัพยากตธรรมนี่คืออารมณ์เดียวกับสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ หรือเป็นฌาน ๔ เพราะตอนนั้นจิตดิ่งอยู่ตรงกลางของร่างกายบริเวณท้องไป ไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รับรู้อะไรแล้ว ขอให้หลวงพ่ออธิบายให้ผมเข้าใจทีครับ

๔.ในเรื่องวิปัสสนาญาณ ในข้อนิพพิทาญาณ สมมุติว่าคนทำงานพอเป็นวันจันทร์ก็บ่นว่า วันจันทร์แล้วต้องไปทำงาน ไปโรงเรียน เราไม่น่าเกิดเลย แบบนี้จัดเป็นนิพพิทาญาณได้ไหมครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 06-10-2022 เมื่อ 10:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-10-2022, 05:19
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,770
ได้ให้อนุโมทนา: 268,991
ได้รับอนุโมทนา 838,144 ครั้ง ใน 12,782 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอ่านเรื่องหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านกล่าวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พระโพธิสัตว์ท่านเรียนวิชาครู ผมเลยอยากถามหลวงพ่อเล็กว่า พระโพธิสัตว์นอกเหนือจากการศึกษาและเข้าถึงอารมณ์ในฌานสมาบัติในกรรมฐาน ๔๐ พระโพธิสัตว์ก็ต้องรู้จักหน้าตาอารมณ์ลักษณะในด้านอกุศลธรรม เช่น อุปกิเลส ๑๖, วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ เป็นต้น ด้วยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : สร้างบารมีจนเต็ม พอตรัสรู้ก็จะรู้ทุกเรื่องเอง

ถาม : ผมได้ฟังเรื่องหลวงพ่อเล็กเทศน์เรื่องสังขารุเปกขาญาณ และเวลาในชีวิตประจำวันเวลาผมไม่ได้ทำสมาธิ เช่นผมกำลังทำกับข้าวอยู่ หรือว่าเดินเล่น บางทีรู้สึกว่า กำลังของกิเลสตัวฟุ้งซ่านกำลังจะมาแล้ว จะอยากให้เราคิดไม่มีที่สิ้นสุด คิดวนเวียนไปเรื่อย ๆ ตัวผมรู้สึกว่าจิตไวกว่ากำลังกิเลส เลยใช้อุเบกขาบารมี ช่างมันไม่สนใจไม่เก็บเอามาคิด และกำหนดรู้ลมหายใจยาว ๆ ไอ้ตัวความรู้สึกอยากจะฟุ้งซ่านก็หายไปชั่วคราว แต่บางครั้งความรู้สึกฟุ้งซ่านที่เล่ามาก็เกิด ผมก็หยิบความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้มาคิดหาเหตุผล หาโทษว่ามันมีโทษมีประโยชน์อะไร แต่ทำแบบนี้รู้สึกว่าเสียเวลามาพิจารณา เพราะผมรู้ชัดว่ามันมีโทษตั้งแต่แรกแล้ว และไม่น่าจะเก็บความคิดพวกนี้มาคิดพิจารณาซ้ำ ๆ ซาก ๆ คำถามคือจากที่ผมเล่ามา ในเรื่องสังขารุเปกขาญาณถ้าสติและจิตว่องไวมากด้วยสมาธิและปัญญา เราจะควรจะช่างมันไม่ไปสนใจ ความคิดที่จะทำให้จิตมีความฟุ้งซ่านไม่มีที่สิ้นสุดไหมครับ หรือว่า ควรจะหยิบมันมาพิจารณาให้เห็นโทษดีครับ ต่อให้เรารู้แล้ว่าความคิดพวกนี้มันคือไฟ คือตัวฟุ้งซ่าน ?
ตอบ : ถนัดแบบไหนให้ทำแบบนั้น

ถาม : ผมฟังบทสวดอภิธรรมที่ขึ้นต้นว่า "กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา" ในเรื่องอัพยากตธรรม ตามที่ผมอ่านมาคือ สภาวะกลาง ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ไม่ไปคิดในด้านกุศลและด้านอกุศล อัพยากตธรรมนี่คืออารมณ์เดียวกับสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ หรือเป็นฌาน ๔ เพราะตอนนั้นจิตดิ่งอยู่ตรงกลางของร่างกายบริเวณท้องไป ไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รับรู้อะไรแล้ว ขอให้หลวงพ่ออธิบายให้ผมเข้าใจทีครับ ?
ตอบ : แค่นอนหลับก็เป็นกลาง ๆ สังขารุเปกขาญาณต้องเห็นจริงจนปล่อยวาง

ถาม : ในเรื่องวิปัสสนาญาณ ในข้อนิพพิทาญาณ สมมุติว่าคนทำงานพอเป็นวันจันทร์ก็บ่นว่า วันจันทร์แล้วต้องไปทำงาน ไปโรงเรียน เราไม่น่าเกิดเลย แบบนี้จัดเป็นนิพพิทาญาณได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น เพราะเบื่อโดยไม่มีปัญญาประกอบ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว