กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-11-2021, 20:41
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,092 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-11-2021, 23:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อเช้าพระเกือบ ๓๐ รูป ที่ตามกระผม/อาตมภาพไปบิณฑบาตสายตลาดเทศบาล ก็คงจะเจอประสบการณ์ชีวิต ซึ่งเรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติของสมัยนี้ ก็คือมีเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์คนหนึ่ง ซ้อนท้ายคนหนึ่ง มาพร้อมกับถาดใส่โจ๊ก ๒๐ ถุง ตะโกนมาว่า "พระจอดด้วย..หนูจะใส่บาตร..!" อาตมภาพก็เลยบอกว่า "เอ้า...จอดก็จอดวะ" เห็นอย่างชัดเจนว่าเด็กสมัยนี้ห่างวัดมาก ห่างชนิดที่ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดที่ถูกต้องกับพระอย่างไร

เมื่อหลายปีก่อนนั้น
กระผม/อาตมภาพก็เจอเด็กวัยรุ่นเหมือนกัน น่าจะสอบเอ็นทรานซ์ติด ขับรถญี่ปุ่นคันเล็ก ๆ น่ารักมา ยี่ห้ออะไรช่างมันเถอะ ลงมาถึง เจอกระผม/อาตมภาพเข้าพอดี ยกมือไหว้ พูดจาแบบฉะฉานมาก "ท่านเจ้าคะ ช่วยนิมนต์พระให้อาตมา ๕ รูป อาตมาจะถวายสังฆทาน..!" อืมม์...เล่นเอากระผม/อาตมภาพยืนงงอยู่นานว่า "ตกลงใครเป็นพระกันแน่วะ ?" แต่ในเมื่อพอสื่อสารกันเข้าใจ..ก็เอาเถอะ เหมือนกับพูดภาษาต่างประเทศนั่นแหละ อย่าไปเอาอะไรแน่นอนเลย คุยกันรู้เรื่องก็พอ..ใช่ไหม ?

ตรงจุดนี้ที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา และเกิดมากขึ้นทุกที เกิดจากการที่เด็ก ๆ ไม่มีใครทำตัวอย่างให้ดู สมัยโน้นที่ไปประเทศพม่าใหม่ ๆ ไปด้วยความรู้สึกของผู้ที่เหนือกว่า ว่าเรามาจากประเทศที่เจริญ ถ้ามีอะไรพอที่จะแนะนำสั่งสอนเขาได้ เราจะทำอย่างเต็มที่ ปรากฏว่าไปถึงประเทศพม่า
กระผม/อาตมภาพอายแทบจะมุดดินหนี บ้านเขาผู้คนทั้งหญิงและชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เข้าวัดเหมือนกับบ้านเราไปเดินห้างที่เพิ่งเปิดใหม่ ทุกคนสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิกันเป็นปกติ เพราะเขามีคนทำให้ดู

ดูตัวอย่างจากงานตักบาตรเทโววัดท่าขนุนก็พอ ประเภทอายุ ๗๐-๘๐ ปี ลูกหลานต้องจูงมาบ้าง ใส่รถเข็นมาบ้าง รองลงไปก็ระดับ ๕๐-๖๐ ปี ลูกหลานล้อมหน้าล้อมหลังมา แล้วก็มีระดับ ๓๐-๔๐ ปี ลูกกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แล้วก็มีประมาณ ๒๐ ปี อุ้มคนจูงคน แล้วก็ยังมีพวกเด็กวัยรุ่นประมาณ ๑๐ กว่าปี แล้วก็ยังมีเด็กเล็ก ๆ ที่แน่ที่สุดก็คือทารกเพิ่งจะเกิด เขาก็กล้าอุ้มมาด้วย ถามว่า "กี่เดือนแล้ว ?" เขาบอกว่า "๒ อาทิตย์..!"

เขาทำแบบนี้กันทั้งบ้าน ทำแบบนี้กันทั้งหมู่บ้าน ทำแบบนี้กันทั้งประเทศ เด็ก ๆ เขาเห็นตัวอย่างตลอด พอรู้ภาษาขึ้นมาก็ทำตามโดยไม่เคอะเขิน เพราะว่ามีผู้ใหญ่นำให้ แต่บ้านเราตรงนี้หายไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่บ้าน ส่วนหนึ่งก็คือ ใส่บาตรปีละครั้งตอนวันเกิดตัวเอง แล้วก็เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก ถามพระด้วยว่า "จะต้องใส่ข้าวก่อน หรือจะใส่กับข้าวก่อน ?" เอาที่โยมสบายใจก็แล้วกัน...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-11-2021 เมื่อ 21:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-11-2021, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จากตรงจุดนี้ จะว่าไปแล้วก็สามารถที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ ประการแรกก็คือ พอมีปัญหาขึ้นมาแล้ว เด็กสมัยนี้ยังนึกถึงพระ ยังอยากจะทำบุญ แม้ว่าจะเป็นการตัดเคราะห์ตัดกรรมอะไร แล้วแต่หมอดูจะว่าก็เถอะ ก็ยังอุตส่าห์ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามมา เรียกให้พระจอดก่อน..! ก็แปลว่า ถ้าหากว่าเรานำเสนอสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไป เด็กก็พอที่จะรับกันได้อยู่

คราวนี้เราจะนำเสนอแบบไหน ? ตรงนี้ต้องการต้นทุนที่สูงมาก ถ้าในทองผาภูมิ ต้นทุนของวัดท่าขนุนมีเพียงพอ ถามว่าต้นทุนสูงมากตรงไหน ? ตรงที่ว่าเจ้าอาวาสสร้างชื่อเสียงเอาไว้เป็นที่เลื่องลือ จนเขาบอกกันว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุอย่างกับหมา ตรงเวลาจนน่าเกลียด..!" ความจริงก็ภูมิใจนะ ก็คืออย่างน้อย ๆ ญาติโยมเขายังรู้ข่าวรู้คราว ก็แปลว่าเขาก็ให้ความสนใจกับวัดอยู่

คราวนี้ในเมื่อต้นทุนพอ ถ้าหากว่าเราไปบอกไปกล่าว เด็กเขาจะฟัง แล้วยิ่งกระผม/อาตมภาพจบปริญญาเอกมา แถมยังคะแนนยอดเยี่ยมอีกต่างหาก พูดอะไรเด็กก็เชื่ออยู่แล้ว แล้ววัดที่เหลือล่ะ ? ทองผาภูมิมี ๕๒ วัด กับ ๒๓ สำนักสงฆ์ มีอยู่แค่ ๓-๔ วัดเท่านั้นนะที่มีต้นทุนเพียงพอ

ตรงจุดนี้ทำอย่างไรที่จะให้ทุกวัดมีต้นทุนที่เพียงพอ ? ก็ต้องฝากความหวังไว้กับพระเณรรุ่นใหม่ ๆ ถามว่าทำไมต้องฝากไว้กับรุ่นใหม่ ? เพราะว่ารุ่นเก่าเป็นไม้แก่ ดัดไม่ไปแล้ว อย่างพระวัดท่าขนุนของเรา
ถ้าหากว่าหลวงพ่ออยู่วัด ได้ฟังการอบรมอยู่ตลอดเวลา ก็จะรู้แนวคิด รู้วิธีการ ถ้าหากว่าใครตั้งใจศึกษา หาหน้าที่การงานรับผิดชอบ ก็จะรู้ด้วยว่าแนวทางการบริหารจัดการเป็นอย่างไร แต่วัดอื่นเขาไม่มีตรงนี้ ในเมื่อไม่มีตรงนี้ จะให้เหมือนกันทุกวัดก็ยาก จึงเป็นเรื่องของพระอุปัชฌาย์อาจารย์และเจ้าอาวาส ที่ทำอย่างไรจะเข้มงวดกับพระเณรของตนเอง

อย่างที่กระผม/อาตมภาพตั้งเป้าไว้ ไม่มากหรอก แค่บวชเข้ามาแล้ว ให้โยมไหว้ได้เต็มมือก็พอ ไม่ต้องไปบรรลุมรรคบรรลุผลอะไรทั้งนั้นแหละ คือต่อให้เป็นสมมติสงฆ์ ก็เป็นสมมติสงฆ์แบบที่พระพุทธเจ้าทรงตั้งเป้าไว้ ก็คือมีศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิทรงตัวบ้าง ไม่ใช่โดนกิเลสกินอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไม่ได้เป็นพระโสดาบันยันพระอรหันต์ก็ไม่เป็นไร

แต่คราวนี้มีจุดบกพร่องที่บุคลากรซึ่งจะเข้ามาบวช ส่วนใหญ่ "เหลือเลือก" แล้ว แทบทุกวัดในปัจจุบันนี้ พอพ่อแม่เอาไม่อยู่ก็ส่งลูกไปบวช หวังว่าหลวงพ่อจะเอาอยู่ แล้วส่วนใหญ่ก็ไปเจอหลวงพ่อที่เกรงใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่กล้าดุด่าว่ากล่าว ไม่กล้าลงโทษ จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณพยอมท่านบอกว่า "สมัยก่อนเขามีแต่เอาหมูหมากาไก่ไปปล่อยวัด สมัยนี้คนเราก็แปลก ชอบเอาเหี้ยมาปล่อยวัด..!"

ก็คือส่วนใหญ่พ่อแม่เอาไม่อยู่แล้ว ไปฝากความหวังไว้กับวัด มาถึงก็ "ท่านเจ้าขา..ช่วยทีเถอะ อบรมลูกอิฉันให้เป็นคนดีหน่อย" "แล้วโยมจะให้ลูกบวชกี่วัน ?" "๗ วันเจ้าค่ะ" กูเป็นเทวดาหรือเปล่าวะ ? โยมเลี้ยงลูกมาจนกระทั่งบวช อย่างน้อยก็ ๒๐ ปี ยังเอาดีไม่ได้เลย แล้วให้เวลาพระ ๗ วัน ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2021 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-11-2021, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้เป็นเรื่องอัศจรรย์ตรงที่ว่า วัตถุดิบที่เข้าขบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบประมาณโน่น..เกรดดีลบเลย เกรดดี เกรดซีโน่น แต่ผลิตไปผลิตมา ออกมาเป็นสินค้าเกรดเอได้เหมือนกันนะ เพียงแต่ว่ามีไม่มากเท่านั้น

ตรงนี้ก็ต้องบอกว่า บางอย่างกุศลกรรมเข้ามา ก็ทำให้บุคคลนั้นคิดได้ ในเมื่อบุคคลนั้นคิดได้ ถึงเวลาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเสียใหม่ ประมาณว่า "โจรกลับใจ" แล้วถ้าเป็นโจรกลับใจนี่จะดีมากเลย เพราะรู้ว่าโจรจะทำอะไร ตัวเองเคยเป็นมาก่อน ประเภทนี้ถ้าไปเป็นครูบาอาจารย์เขา ลูกศิษย์แสบแค่ไหนก็เอาอยู่หมด เพราะว่าตัวเองเคยทำมาก่อน

ดังนั้น...ตรงจุดนี้ที่ปรารภให้พระเณรของเราฟัง ก็เพื่อเป็นแนวทาง และขณะเดียวกันก็ให้ญาติโยมได้รู้ไว้ว่า
ถ้าลองว่านิมนต์ให้พระจอดล่ะก็...สถานการณ์พระพุทธศาสนาของเรานั้นร่อแร่เต็มทีแล้ว..!

พวกเราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาจนปรากฏผล คำว่าปรากฏผลในที่นี้ก็คือ สามารถนำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่เราฝึกหัดขัดเกลาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นศีล เป็นสมาธิ หรือเป็นปัญญา ไปใช้งานจริงได้

บุคคลที่ทำได้จริง จะเป็นธรรมชาติของเขาเลย การแสดงออกด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คนอื่นจะเห็นความต่างอย่างชัดเจน รู้เลยว่านี่ของแท้ เพราะว่าถ้าเป็นของปลอม จะดัดจริตทำอย่างนั้นหลาย ๆ ปีไม่ได้หรอก ระยะเวลาไม่นานเดี๋ยว
ก็หางโผล่..! แต่ถ้าของแท้นี่ทนต่อการพิสูจน์ ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถ้าหากว่าเราเป็นของแท้ สิ่งที่เราพูด คนจะฟัง สิ่งที่เราทำ คนจะทำตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-11-2021 เมื่อ 21:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-11-2021, 23:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในการที่เราจะกอบกู้พุทธศาสนาอย่างแท้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับตัวญาติโยมทุกคน ว่าสามารถจะทำตนเองให้เข้าถึงธรรมของพระพุทธเจ้าได้ จนกระทั่งกลายเป็นของแท้หรือเปล่า ?

ถ้าสามารถทำได้ พระพุทธศาสนาของเราตั้งมั่นครบ ๕,๐๐๐ ปีอย่างแน่นอน ถ้าทำไม่ได้ กรุณาส่งต่อให้รุ่นต่อไปด้วย ซึ่งจะต้องมีอัจฉริยะมาเกิดจนได้แหละ พวกที่สร้างสมบุญกุศลมา หน้ามืดตามัวลงมาเกิดไม่ดูทิศไม่ดูทาง ดันทะลึ่งมาเกิดกับเราหรือคนรอบข้างเรา เดี๋ยวคนเหล่านี้พอรับถ่ายทอดต่อไป เขาจะเกิดการแตกฉานขึ้นมาเอง เพราะว่ามีบุญเก่าสร้างสมไว้ดี

ดังนั้น...หน้าที่ของเราในปัจจุบันนี้ก็คือ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้เป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นเขา ขณะเดียวกันอย่าลืมส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่มีแนวทางในการยึดถือและปฏิบัติ ก็จะ "หลุด ๆ รั่ว ๆ" อย่างที่เห็น ถ้าเราทำด้วยตนเองเต็มที่ ส่งต่อให้คนรุ่นหลังด้วย พระพุทธศาสนาของเราจะเจริญมั่นคงอย่างแน่นอน

วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2021 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว