#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ สิ้นเดือนอีกแล้ว กระผม/อาตมภาพออกบิณฑบาตตามปกติ กลับมาฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขนไทยธรรมขึ้นรถ ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พาวิ่งไปยังวัดปรังกาสี เพื่อถวายมุทิตาสักการะพระครูวรกาญจนโชติ (ฉลอง โชติวโร) เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเจริญอายุวัฒนมงคล ๕๘ ปี และฉลองสมณศักดิ์ที่ได้รับเลื่อนเป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก (จอ.ชอ.)
เมื่อไปถึงพร้อมกับพระครูวิบูลกาญจโนภาส, ดร. เจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ที่มาถวายสักการะเช่นกัน กระผม/อาตมภาพจึงให้ท่านพระครูวิบูลกาญจโนภาส เข้าถวายสักการะก่อน เพราะว่าท่านมาไกลกว่า สิ่งที่น่าชื่นใจก็คือ พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น เมื่อเห็นพระเถระที่อายุกาลพรรษามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพระครูวิบูลกาญจโนภาสก็ดี ไม่ว่าจะเป็นกระผม/อาตมภาพก็ตาม ท่านก็ลดตัวลงเป็นผู้น้อย กราบก่อน เมื่อเวลาถวายไทยธรรม พวกกระผม/อาตมภาพยืนอยู่ ท่านก็คุกเข่าลงถวาย นี่เป็นสิ่งที่พระเถระระดับเจ้าคณะอำเภอ แต่ว่ายังปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ไม่ได้คิดว่าท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ท่านมีสมณศักดิ์สูงกว่า ท่านมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่กว่า ท่านคิดอยู่เพียงอย่างเดียวว่า พระธรรมวินัยให้เคารพกันตามพรรษา ท่านก็ทำตามนั้น เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพและพระเถรานุเถระ เจ้าคณะปกครองของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นแล้ว แม้ว่าญาติโยมจำนวนมาก ตลอดจนพระสังฆาธิการที่ทยอยกันมา จะกราบทักทาย หรือว่าสวัสดีทักทายก็ตาม กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอท่าน ได้มอบหมายให้เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้า - เพล แก่ผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๖ สนามที่ ๑ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า วันนี้กระผม/อาตมภาพนั้น คงต้องเป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียว ของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิอย่างแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะลามไปถึงคณะสงฆ์จังหวัดเกินครึ่งจังหวัดอีกด้วย..! เนื่องเพราะว่าเมื่อวานที่อยู่ในพิธีเปิดนั้น พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙, ดร.) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้ปรารภว่า "ติดงานสอบแบบนี้ ผมคงจะไม่ไปวัดปรังกาสีแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงเรียนถวายหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดว่า "เมตตาไปให้ท่านหน่อยครับ เพราะว่าวันเกิดก็มีปีละครั้งเดียว การฉลองเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ชีวิตนี้ท่านก็มีแค่ครั้งเดียว ถ้าหากว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดในจังหวัดไม่ไป ก็จะกระไรอยู่ เพราะว่าท่านอื่น ๆ ก็ไปกันหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2023 เมื่อ 00:33 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีปรารภว่า "ผมห่วงพระผู้ใหญ่ที่ท่านจะมาเยี่ยมสนามสอบ" กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายท่านว่า "ถ้ามีพระผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯ มา กระผม/อาตมภาพจะรับหน้าที่ต้อนรับแทนเองครับ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้นหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีจึงรับปากว่า จะไปฉลองวันเกิดและฉลองสมณศักดิ์ให้กับเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ
เมื่อเดินทางไปถึงวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ก็เป็นจริงอย่างว่า เนื่องจากว่าวันนี้คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิและคณะสงฆ์อำเภอไทรโยค เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้า - เพล แก่ผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ของวันที่สองนี้ ปรากฏว่าตัวแทนของคณะสงฆ์อำเภอไทรโยค ก็คือพระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดน้ำตก อดีตเจ้าคณะอำเภอไทรโยค ซึ่งอายุกาลผ่านวัยมาถึง ๘๓ ปีแล้ว มาเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์อำเภอไทรโยค ส่วนอำเภอทองผาภูมินั้นก็เป็นดังที่ได้คาดไว้ คือกระผม/อาตมภาพนั้นมาแต่เพียงผู้เดียว..! ครั้นได้เวลา ก็เป็นเจ้าภาพในการถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสามเณรที่เข้าสอบทั้งหมด รวมทั้งคณะกรรมการ รวมแล้วเกือบ ๓๐๐ รูป โดยมีท่านเจ้าคุณพระเมธีปริยัติวิบูล (ศิริ สิริธโร ป.ธ.๙), ดร. เจ้าคณะอำเภอเมือง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) เป็นตัวแทนในการรับปัจจัยไทยธรรมค่าภัตตาหารในวันนี้ หลังจากนั้นแล้ว พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ก็เป็นประธานในพิธีเปิดการสอบในวันที่สอง และให้โอวาทแก่ผู้เข้าสอบ ซึ่งเป็นที่น่าชื่นใจว่า หลวงปู่ท่านยังเสียงดังฟังชัด สมองยังแจ่มใส สามารถให้โอวาทได้ชนิดที่ต่อเนื่อง และพูดเป็นภาษาบาลีประโยคยาว ๆ ได้ โดยไม่สะดุดติดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว..! ครั้นเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปยังวัดท่ามะขาม หรือชื่อเป็นทางการคือวัดราษฎร์ประชุมชนาราม เนื่องเพราะว่าท่านพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) หรือพระครูบ่าว ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส อดีตเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จ อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท และอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสพัฒนาวัดอยู่ที่นี่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2023 เมื่อ 00:36 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
วัดท่ามะขามนั้นมีภารกิจสำคัญประจำปีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ต้องไปออกร้านในงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว ทั้ง ๗ วัน หรือ ๙ วัน แล้วแต่ทางราชการจะจัดมา ซึ่งสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพเป็นประธานอยู่นั้น ก็ได้จัดการแสดงของพี่น้องชนเผ่ากะเหรี่ยงมาให้ชุดใหญ่ ขณะเดียวกันก็ยังจัดให้นำเอาสินค้าพื้นบ้านมาออกร้านร่วมกันอีกด้วย แต่ว่าของวัดท่ามะขามนี้ถือว่าเป็นเจ้าภาพหลักเลย
เนื่องเพราะว่าตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามแห่งนี้ ท่านได้ไปสร้างมณฑปพระพุทธรูปเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ ในเมื่อถึงเวลา ทางผู้จัดงานจึงให้ไปจัดเต็นท์ที่จะเป็นกำลังใจแก่ญาติโยมทั้งหลายที่มาเที่ยวงานด้วย ถ้าหากว่าญาติโยมมีใจจะทำบุญ ก็จะได้ร่วมบุญกับทางวัดท่ามะขาม หรือถ้าหากเห็นแล้วอยากได้วัตถุมงคลก็เข้าไปขอรับฟรีได้เลย ท่านพระครูบ่าวจึงได้จัดเตรียมวัตถุมงคลสำหรับแจกในงานสะพานข้ามแม่น้ำแควปี ๒๕๖๖ โดยนิมนต์กระผม/อาตมภาพมาเป็นผู้บวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคลในวันนี้ จึงต้องละจากสนามสอบมาทำหน้าที่ทางด้านนี้ก่อน ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อย เข้าสู่ที่พักแล้ว รู้สึกว่าอากาศเย็นจัดมาก ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเปิดเครื่องปรับอากาศที่ ๒๗ องศาเซลเซียสเป็นปกติ ขนาดขยับขึ้นไปที่ ๒๘ แล้ว ยังต้องห่มผ้าห่มอีกผืนหนึ่ง ดูอาการร่างกายของตนเองแล้ว ไม่น่าจะเกิดจากการจับไข้ เพราะรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายยังเป็นปกติอยู่ แปลว่าอากาศน่าจะเย็นขึ้น ทำให้นึกถึงทริปที่จะ "ไปดูหิมะที่เมืองซาปา" ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เกือบจะติดอยู่กับประเทศจีนแล้ว และมีหิมะลงบ่อย ๆ ถ้าอากาศหนาวแบบนี้ คาดว่าคงจะมีหวังแน่นอนว่าเราจะได้เห็นหิมะกันเป็นแน่..! กระผม/อาตมภาพได้หาวันว่างให้แล้ว คือวันที่ ๑ - ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ และได้แจ้งให้กับลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ผู้ถือใบอนุญาตเติมเต็มทราเวล และเจ้าของเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ไปแล้ว ว่าถ้าหากว่าจะจัดไปในครั้งนี้ "หลวงตา" ก็ยินดีที่จะไปร่วมงานด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไปฟรีนั่นเอง ในขณะเดียวกัน เพื่อนพระอุปัชฌาย์ซึ่งจะเดินทางไปร่วมบุญที่ประเทศศรีลังกาก็เชิญชวนมา เห็นรายการแล้วรู้สึกว่าน้ำลายหก เนื่องเพราะว่าลูกศิษย์ของพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ.๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพนั้น จัดการท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นการจัดแบบเอาบุญจริง ๆ เพราะว่าคิดค่าหัวคนละ ๓๕,๐๐๐ บาท แต่พักโรงแรม ๔ ดาว ๕ ดาวทุกคืน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2023 เมื่อ 00:39 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพได้บอกกับทางด้านอาจารย์มหาสมคิดไปว่า ถ้าหากว่าได้ไป ก็จะถวายสมเด็จองค์ปฐมทองคำเลี่ยมทอง พร้อมกับสร้อยคอทองคำอีก ๕ บาท เพื่อบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แต่ถ้าหากว่าไม่มีเจ้าภาพมอบตั๋วให้ ๒ ที่นั่ง คือตัวกระผม/อาตมภาพและผู้ติดตามเองแล้ว ก็จะไม่ไปด้วย
อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ความจริงตั้งใจจะให้กระผม/อาตมภาพไปเป็น "ตัวประกัน" ให้กับคณะนั่นเอง เนื่องเพราะว่าเวลาไปไหนแล้ว สามารถคุยกับเจ้าที่เจ้าทางได้รู้เรื่อง และโดยเฉพาะเจ้าที่สองพี่น้อง ที่ถ้าเปรียบกับบ้านเราแล้ว ก็คือเจ้าพ่อหลักเมืองศรีลังกานั่นเอง ทั้งสองไม่อนุญาตให้เอ่ยชื่อของท่าน แต่ว่าคราวที่แล้วก็ไปรบกวนท่านเสียเต็มที่มาแล้ว ด้วยการวนรอบเกาะลังกา โดยใช้ชื่อทริปว่า "ไปเยี่ยมบ้านทศกัณฐ์" การที่ไปในครั้งนี้ จะมีส่วนเกินที่กระผม/อาตมภาพคราวที่แล้วยังไม่ได้ไป ก็คือการเข้ากราบพบท่านมหานายกะ ฝ่ายอัสคีรียะ หรือว่าฝ่ายอรัญวาสี ซึ่งท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว เพราะว่าไปช่วยท่านสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของประเทศศรีลังกา การไปในครั้งนี้ เป้าหมายหลักเลยก็คือการไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วที่วัดมัลลิกาวะ และไปทอดผ้าป่าร่วมสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในศรีลังกา ก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กุศล ว่าจะมีใครเป็นเจ้าภาพอุดหนุนให้หรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็จะได้ไปถวายสมเด็จองค์ปฐมทองคำเลี่ยมทอง พร้อมกับสร้อยคอทองคำหนัก ๕ บาท บูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากว่าไม่ได้ไป ก็จะถวายบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วของวัดท่าขนุนไปก่อน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2023 เมื่อ 00:41 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|