กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-10-2022, 18:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 319
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 17,589 ครั้ง ใน 791 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-10-2022, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ อากาศตอนเช้าอยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส หมอกลงหนักจนมองไม่เห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง กระผม/อาตมภาพออกมาถ่ายรูปทิวทัศน์รอบที่พักท่ามกลางสายหมอกเพื่อรอเวลาฉันเช้า เนื่องจากว่าทางห้องอาหารเซียงแก้ว ซึ่งเป็นห้องอาหารประจำโรงแรมแกรนด์หลวงพระบางได้นัดเวลาฉันเช้าเอาไว้ที่ ๖ โมงเช้า

คำว่า "เซียงแก้ว" นี้เป็นชื่อเล่นของ "เจ้าลุง" (ท่านเจ้าเพชรราช รัตนวงศา) เนื่องจากว่าท่านมีชื่อเล่นว่าแก้ว เมื่อบวชพระแล้วสึกออกมา คนลาวก็เรียกว่า "เซียงแก้ว" ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องเรียกว่า "ทิดแก้ว" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงเอาพระนามของท่านมาตั้งเป็นชื่อห้องอาหารของที่นี่

เมื่อรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็นั่งคุยกันรอเวลา จนกระทั่ง ๘ โมงครึ่งตรงเวลา "ท้าวนุ" มัคคุเทศก์ของเรา ซึ่งเพิ่งทราบว่าเป็นคนใหญ่คนโตในระดับประธานกลุ่มมัคคุเทศก์ประจำหลวงพระบาง หรือว่าประธานกลุ่มมัคคุเทศก์ประจำประเทศลาวเลยก็ไม่แน่ใจ ในเมื่อเป็นประธานกลุ่ม ต้องทำหน้าที่บริหารจัดการ โดยที่บอกว่าได้ดูแบบอย่างจากประเทศไทยและประเทศเวียดนาม พยายามที่จะปรับปรุงคุณภาพของมัคคุเทศก์เมืองลาวให้ทัดเทียมกับทั้ง ๒ ประเทศดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

"ท้าวนุ" ได้พาพวกเราวิ่งตรงไปยังธาตุพูสี (พระธาตุภูศรี) เมื่อไปถึง ปรากฏว่าพระธาตุภูศรีนั้นอยู่บนยอดเขา ตรงกันข้ามกับพระราชวังเก่าของเจ้ามหาชีวิตแห่งประเทศลาว เมื่อถามว่ายอดเขาพระธาตุภูศรีนี้มีไว้เพื่อตั้งพระธาตุประจำเมืองอย่างเดียวหรือไม่ ? ปรากฏว่า "ท้าวนุ" ให้คำตอบที่แปลกออกไปว่า

การสร้างเมืองหลวงหรือว่าวังหลวงของทางล้านช้างนั้น มักจะเลือกให้ภูเขาขวางหน้าไว้ ถ้าหากว่ากองทัพของศัตรูบุกเข้ามา ทหารของล้านช้างไม่สามารถที่จะต่อต้านได้ ศัตรูข้ามผ่านกองทัพล้านช้างแล้ว ก็ยังต้องเสียเวลาในการปีนเขาข้ามมา ทำให้ทางพระราชวังหลวงที่อยู่ริมแม่น้ำโขง มีเวลาจัดให้เจ้ามหาชีวิตล่องเรือหนีศัตรูได้ทัน ก็แปลว่า ถ้าหากว่ากองทัพของล้านช้างพ่ายแพ้ น่าจะมีการส่งสัญญาณให้ทางเจ้ามหาชีวิตได้ทราบ จะได้เสด็จพระราชดำเนินทางเรือออกจากวังหลวงไป ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพไม่เคยคิดมาก่อนว่า การสร้างเมืองนั้นจะมีแนวคิดในลักษณะแบบนี้อยู่ด้วย

พวกเราได้ถ่ายรูปกับหอพระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำประเทศลาวหรือว่าประจำเมืองหลวงพระบางนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ได้เดินขึ้นสู่พระธาตุภูศรี ซึ่งประกอบไปด้วยบันไดทั้งสิ้น ๓๒๘ ขั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-10-2022, 01:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนอื่นอาจจะท้อใจอยู่สักเล็กน้อย แต่กระผม/อาตมภาพที่เคยชินกับยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี สูง ๓๙๓ ขั้นของวัดท่าขนุน ตลอดจนกระทั่งยอดเขารอยพระพุทธบาท สูง ๑,๑๗๓ ขั้น จึงตั้งใจเดินให้ถึงยอดภายในรวดเดียว แต่ก็ยังมีรการโดนดึงให้หยุดถ่ายรูปเป็นระยะไป เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบางคนเดินไม่ไหว แต่อ้างว่าตรงจุดนี้ทิวทัศน์สวยมาก น่าที่จะหยุดถ่ายรูปกันก่อน ซึ่งเป็นการพักไปในตัว..!

เมื่อพวกเราได้ขึ้นไปกราบสักการะพระธาตุภูศรีข้างบนแล้ว เห็นว่ามีหินอธิษฐานอยู่ด้านข้าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ได้อธิษฐานอะไร ก็ยกปลิวติดมือมาตามเคย หลังจากนั้นก็ได้เดินดูทิวทัศน์มุมต่าง ๆ ของเมืองหลวงพระบาง ซึ่งช่วงนี้ฟ้าเปิด ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่า เมืองหลวงพระบางนั้นไม่สามารถที่จะสร้างตึกสูงได้ เนื่องจากว่าเป็นเขตมรดกโลกทั้งเมือง ซึ่ง "ท้าวนุ" มัคคุกเทศก์ของเราบอกง่าย ๆ ว่า "ห้ามสร้างเรือนสูงเกินยอดมะพร้าว" ซึ่งความจริงคงจะมีการกำหนดระยะความสูงที่ชัดเจนไว้ แต่นี่บอกกล่าวกันในภาษาชาวบ้านเท่านั้น

อีกสิ่งหนึ่งที่ "ท้าวนุ" ตื่นเต้นมากก็คือ ขณะที่พวกเรากำลังถ่ายรูปหมู่อยู่ ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มาเปิดหอกลองตีบูชาพระธาตุภูศรี เสียงกลองกระหึ่มไปทั้งยอดเขา ทำเอา "ท้าวนุ" รีบถ่ายวิดีโอเป็นการใหญ่ พร้อมกับบรรยายว่า การได้ฟังเสียงกลองนั้น เป็นบุญของพวกเราที่จะทำให้มีชื่อเสียงกึกก้องโด่งดัง เพราะว่าได้ถวายเป็นพุทธบูชาด้วยเสียง เป็นโอกาสที่น้อยคนจะได้พบ เพราะว่าถ้ามาไม่ตรงจังหวะ ก็ไม่มีโอกาสได้ชมอย่างใกล้ชิดแบบนี้

หลังจากนั้น พวกเราก็ค่อย ๆ เดินลง ซึ่งบางคนในคณะบ่นว่า เดินลงยากกว่าเดินขึ้นเสียอีก เพราะว่าต้องใช้กำลังในการยั้งตัวเวลาลง ทำให้เดินแล้วรู้สึกว่าเจ็บหัวเข่า

ลงมาถึงข้างล่าง กระผม/อาตมภาพเห็นมีคนที่ขายนกปล่อย ซึ่งอยู่ในกรงที่สานด้วยไม้ไผ่เป็นกรงเล็ก ๆ เหมือนอย่างกับกระปุกหรือว่ากล่อง ใส่นกกระติ๊ดเอาไว้คู่หนึ่ง พอถามราคาแล้วก็ต้องรีบวางโดยด่วน เพราะเขาบอกว่า "๑๐๐ บาท" ยืนยันเป็นเงินไทยอย่างชัดเจน ถ้าอย่างนั้นก็รอคนอื่นปล่อยไปก็แล้วกัน..!

พวกเราเดินถ่ายรูปหอพระบางจากมุมต่าง ๆ จนครบถ้วนแล้ว รอจนทุกคนลงมาครบ "ท้าวนุ" ก็พาข้ามไปพระราชวังเดิมของเจ้ามหาชีวิต ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหลวงพระบาง เข้าไปซื้อ "ปี้" คือตั๋วเข้าชม หลังจากนั้นแล้วก็ได้ถ่ายรูปกับหอพระบางทางด้านหน้าข้างล่าง เพราะว่าที่ด้านบนนั้น ไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้ด้วยประการทั้งปวง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-10-2022, 01:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพขึ้นไปเห็นพระบางแล้วก็รู้สึกทึ่งมากว่า ช่างสมัยโบราณมีความสามารถเหลือเกิน สร้างพระที่ทำให้เราเห็นก็รู้สึกเคารพเลื่อมใสแล้ว เพราะว่าประกอบไปด้วยพุทธลักษณะที่งดงามมากเป็นพิเศษ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเข้มขลังถึงขนาด..!

หลังจากที่ได้กราบสวด อิติปิ โส ฯ ๓ ห้อง
ถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศส่วนกุศลแล้ว "ท้าวนุ" ก็ได้พาพวกเราไปยังหอละครพระลักษณ์ - พระราม ซึ่งสมัยก่อนน่าจะเป็นสถานที่แสดงละครให้เจ้ามหาชีวิตทอดพระเนตร ซึ่งจะต้องเดินผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์ของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์

พวกเราเข้าไปตรงนั้นเพื่อที่จะได้ฝากของเอาไว้ ข้าวของทุกชิ้นถูกบังคับว่าต้องฝากเอาไว้ที่ "ห้องเคื่อง" คำว่า "เคื่อง" ก็คือ "สิ่งของ" ในภาษาไทยนั่นเอง ถ้ามีโทรศัพท์ติดตัวก็ห้ามเปิด หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปหมู่ที่หน้าพระราชวัง แล้วเดินเข้าไปชมสถานที่ข้างใน

ห้องแรกก็คือห้องฟังธรรม ซึ่งเจ้ามหาชีวิตจะนิมนต์พระมหาเถระมาถวายพระธรรมเทศนาทุกวันพระ แล้วก็เข้าไปยังห้องรับแขกบ้านแขกเมือง และห้องที่ประกอบไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ ที่บรรดามิตรประเทศได้มอบมาให้ วางจัดแสดงเป็นระยะ

แม้กระทั่งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ฉลองพระองค์ พระมหามงกุฎ ตลอดจนกระทั่งพระราชอาสน์ พระที่นั่งต่าง ๆ ก็มีอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะพระพุทธรูปงาม ๆ ที่ได้มาจากวัดวิชุนราช ซึ่งได้นำมาเอาไว้ในสถานที่นี้ เนื่องจากว่าได้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว พวกเราใช้ระยะเวลาในการชมข้างในนานมาก เป็นชั่วโมงทีเดียว

เมื่อหลุดออกมาถึงด้านนอก "ท้าวนุ" ยังพาพวกเราเดินไปเพื่อชมบรรดาราชรถ ราชยานต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นรถฟอร์ดสมัยโบราณ เช่น รถฟอร์ดคอนติเนนตัลแล้วก็รถซีตรอง
เป็นต้น แต่จุดที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ มีการติดรูปพลขับรถพระที่นั่งพร้อมกับประวัติสั้น ๆ เอาไว้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-10-2022, 01:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนหนึ่งที่เป็นประวัติศาสตร์เลยก็คือ มีสถานีบริการน้ำมันแห่งแรกของประเทศลาว ตั้งอยู่ภายในวังนี้เอง แต่ว่าเปิดประตูให้ชาวบ้านเข้ามาใช้บริการร่วมได้ เพราะว่าสมัยก่อนมีแต่เจ้ามหาชีวิตที่มีรถยนต์ มาภายหลังบรรดาเชื้อพระวงศ์ระดับสูง ตลอดจนกระทั่งพ่อค้าประชาชนที่มีฐานะ เมื่อซื้อรถยนต์แล้วก็ต้องเติมน้ำมัน ก็ได้อาศัยประตูข้างกำแพงวังเข้ามาเติมน้ำมันด้วย

เมื่อพวกเราย้อนกลับไปรับข้าวของคืนมาแล้ว ก็เดินออกเลาะโรงเก็บเรือพระราชพิธีมาออกประตูด้านข้างพระราชวัง ซึ่งทางด้านนี้มีร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ มากมายเต็มไปหมด แต่พวกเราไม่มีเวลาซื้อ เพราะว่าเลยเพลไปเล็กน้อยแล้ว..!

ทางด้านมัคคุเทศก์ของเราพาตรงไปยังร้านอาหาร ซึ่งตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าเป็นร้านประชานิยม ซึ่งทางเอ็นซีทัวร์แนะนำไว้ แต่ปรากฏว่ากลายเป็นร้านหลวงพระบาง ไบโอ แบมบู (Luang Prabang Bio Bamboo) ซึ่งตกแต่งร้านได้งดงามสุด ๆ ข้าวของแทบทุกอย่างทำขึ้นมาจากไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็นถ้วย เป็นจาน แก้วน้ำ หรือว่าช้อนส้อม ตะเกียบ ข้าวปลาอาหารต่าง ๆ ก็มาในกระบอกไม้ไผ่ผ่าซีก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เอร็ดอร่อยมาก โดยเฉพาะส่วนหนึ่งก็คือ "หลามอ่อม" ซึ่งจะมีการหลามมาในกระบอก แล้วค่อยนำมาเทให้ กำลังร้อนน่ากินทีเดียว

"ท้าวนุ" ชี้ให้ดูฝั่งแม่น้ำคานอีกฝั่งหนึ่ง บอกว่า "ตรงข้ามนั้นคือบ้านของกระผมเอง" ที่แท้เป็นบ้านของตนเอง จึงได้พามาอุดหนุนพรรคพวก แต่ว่าร้านอาหารก็ดูหรูหรามีระดับ ข้าวปลาอาหารก็อร่อยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปิ้งไก่ ซุปหน่อไม้ ไส้อั่ว หลามอ่อม ตลอดจนกระทั่งต้มซี่โครงหมูใส่ผัก ซึ่งกระผม/อาตมภาพกวาดผักเสียเรียบทุกชิ้น..! และโดยเฉพาะในส่วนที่คล้าย ๆ กับผักสลัด ทำมาได้อร่อยมาก แต่ว่าไม่มีท้องที่จะใส่เสียแล้ว เพราะว่ายังมีผลไม้ตามฤดูกาลอีกครึ่งกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่

กระบอกไม้ไผ่พวกนี้ทางด้านเมืองไทยของเราเรียกว่า "ไผ่หก" หรือว่า "ไผ่ล้อเกวียน" ซึ่งจะมีกระบอกใหญ่มากเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าบางกระบอกที่กระผม/อาตมภาพเคยเจอนั้น บรรจุน้ำได้ถึง ๒๐ ลิตรเลยทีเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-10-2022, 01:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเราอิ่มอร่อยกันแล้วก็นั่งรถต่อไป เพื่อที่จะขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่สถานีหลวงพระบาง แต่ "ท้าวนุ" ก็ยังขออนุญาตพวกเราพาแวะที่ศูนย์หัตถกรรมผานม ซึ่งเป็นศูนย์ตำแผ่น คำว่า "ตำแผ่น" ของภาษาลาวในที่นี้ก็คือ "การทอผ้า" จะมีผ้าทอมือต่าง ๆ จำหน่ายเยอะมาก ขนาดให้เวลาพวกเราแค่ ๒๐ นาที แต่ปรากฏว่าบางคนจ่ายไปหลายแสนกีบเลยทีเดียว..!

ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้น ไม่อยากไปเบียดเสียดกับสุภาพสตรีไทยสารพัดคณะ เมื่อหามุมถ่ายรูปได้แล้ว ก็ข้ามถนนไปยังร้านผลิตเครื่องเงินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่บรรดาช่างเงินกำลัง "นอนกลางวัน" กันอยู่ จึงเดินดูสิ่งของต่าง ๆ ในร้าน ไปสะดุดตาตู้เก็บของเก่าใบหนึ่ง ซึ่งมีมีดอุ่ม มีดน้อย ดาบเมืองหลูบเงิน ที่เป็นของเก่าแท้เสียด้วย..!

เมื่อขอดูทางร้านก็รีบเปิดตู้เปิดไฟให้ บอกว่า "เล่มไหนถ้ามีราคาติดก็จำหน่าย" แต่ปรากฏว่านอกจากเล่มงาม ๆ จะไม่มีราคาติดแล้ว เล่มที่มีราคาติดก็เป็นเงินไทย ตั้งแต่เล่มละ ๒๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป จึงบอก "ขอบใจ" ทางร้าน แล้วเดินกลับมาขึ้นรถ

หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางต่อมาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงพระบาง ซึ่งประกอบไปด้วยนักท่องเที่ยวไทยเป็นจำนวนมาก หันไปทางไหนก็ได้ยินแต่ภาษาไทย ภาษาลาว โดยมีภาษาญวนแทรกมาเป็นระยะ

บรรดาท่านทั้งหลายเข้าคิวเพื่อที่จะเข้าไปภายในสถานี ต้องผ่านการตรวจเอ็กซเรย์ต่าง ๆ แต่ว่าพระได้รับสิทธิพิเศษ เขาเปิดทางพิเศษให้ลัดเข้าไปได้เลย แล้วก็มีที่นั่งเฉพาะพระสงฆ์ให้ด้วย เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ประกาศ ทุกคนก็ต้องไปเข้าแถว แต่ว่านิมนต์พระสงฆ์นั่งรออยู่ก่อน จนได้เวลาเขาก็เปิดให้พระสงฆ์เข้าไปก่อน แล้วไปยืนรอตามลำดับตู้รถไฟ โดยปกติแล้วพวกเราได้จองรถตู้ชั้น ๑ แต่ว่าครั้งนี้ ทางมัคคุเทศก์เขาไม่สามารถที่จะหาตั๋วได้ครบ มีอยู่ ๖ คนที่ต้องหลุดไปนั่งที่ชั้น ๒ ซึ่งทางด้านนี้บอกว่าจะคิดเงินคืนให้

กระผม/อาตมภาพเองนั้นต้องเข้าระบบซูม เพื่อที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาหัวข้อวิทยานิพนธ์ต่าง ๆ วิพากย์ออกอากาศออนไลน์ให้กับลูกศิษย์ที่เป็นนักศึกษาปริญญาเอก ที่กำลังจะทำการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์อยู่ แต่เนื่องจากว่าอยู่ในระยะเวลาของการเดินทาง คลื่นโทรศัพท์มีบ้างไม่มีบ้าง จึงได้ฟังบ้างหลุดบ้าง

เมื่อรถไฟความเร็วสูงมาถึง พวกเราได้ขึ้นไปก่อน แล้วหลังจากนั้นญาติโยมถึงได้ตามขึ้นไป บรรดาท่านผู้เสียสละต้องไปนั่งที่ตู้ชั้น ๒ ซึ่งห่างกันหลายตู้ทีเดียว ถ้าเป็นภาษาของการรถไฟแห่งประเทศไทยคือห่างกันหลาย "คันรถ" หลังจากนั้นก็ออกวิ่งด้วยความเร็วประมาณ ๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเราก็มาลงที่สถานีรถไฟความเร็วสูงวังเวียง ปรากฏว่ารถตู้ทั้ง ๒ คันที่ข้ามไปรับเราถึงอุดรธานีมารอรับอยู่ที่นี่แล้ว พาพวกเราวิ่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นการท่องเที่ยวผจญภัย เรียกว่า "ถ้ำนางฟ้า" พวกเราได้ซื้อ "ปี้" แล้วก็เดินขึ้นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำมุดลอดถ้ำเข้าไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-10-2022, 01:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,014 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในสถานที่นั้น ถ้าหากว่าคนไม่เคยเข้าถ้ำก็น่าจะประทับใจมาก แต่ว่าในชีวิตกระผม/อาตมภาพนั้นมุดถ้ำมานับไม่ถ้วนแล้ว แม้กระทั่งถ้ำที่มีเสาหินสูงที่สุดในโลก ชนะเสาหินที่เคยติดกินเนสส์บุ๊ก ออฟ เรคคอร์ดของประเทศจีนมาแล้วก็เคยเข้าไป ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยเป็นรูปเหมือนถ้วยรางวัลจูลส์ ริเมต์ ขออภัย..ถ้วยรางวัลฟีฟ่า เวิลด์คัพ ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก ซึ่งเรียกว่าสั้น ๆ "ถ้วยเวิลด์คัพ" ก็เคยเข้าไปมาแล้ว จึงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น นอกจากถ่ายรูปเป็นระยะไป

จนกระทั่งวนกลับออกมาเพื่อขึ้นรถ ได้เห็นว่ามีรถตู้ของคณะทัวร์คันหนึ่ง ไม่ทราบว่าต้องการมีประสบการณ์แอดเวนเจอร์หนักหนาแค่ไหน ถึงได้ถอยตกลงไปในแม่น้ำ ทำให้ไม่สามารถที่จะขึ้นมาได้ และดับเครื่องก็ไม่ได้ เพราะว่าน้ำจะเข้าเครื่อง ต้องปล่อยให้ติดเครื่องทิ้งไว้แบบนั้น รอหารถมาลากขึ้นทีหลัง

พวกเราเองนั่งรถมาจนกระทั่งถึงที่พัก คือโรงแรมอมารีวังเวียง ซึ่งปรากฏว่าสถานที่หรูหรามาก ตรงนี้พวกเราได้จ่ายค่านั่งบอลลูนลอยฟ้าให้กับทางมัคคุเทศก์ เป็นจำนวน ๗ คน คนละ ๓,๕๐๐ บาทไทย นัดแนะเวลาในการนั่งบอลลูนเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็รับกุญแจแล้วก็เข้าสู่ห้องพัก

ไม่ทราบว่าของคนอื่นจะเป็นอย่างไร แต่ห้องพักของกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องบอกว่าหรูจนเกินเหตุ โดยเฉพาะตรงส่วนห้องน้ำนั้นเป็นกระจกทะลุมายังห้องนอนอีกด้วย..! ถ้าพักอยู่หลายคนก็คงต้องให้สัญญาณกันก่อนว่าใครจะเป็นคนอาบน้ำ ใครจะเป็นคนหันหลังให้ เป็นต้น

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2022 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว