กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-09-2022, 19:43
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,532
ได้ให้อนุโมทนา: 216,107
ได้รับอนุโมทนา 737,092 ครั้ง ใน 35,914 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-09-2022, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ทั้งวันกระผม/อาตมภาพก็จมอยู่กับโครงการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าระยะนี้ทางคณะสงฆ์มีความตื่นตัวมาก นอกจากการบริหารงานคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน ซึ่งมีทั้งงานด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ด้านการศาสนศึกษา ด้านการสาธารณูปการ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันนี้มาเน้นในเรื่องของงานสาธารณสงเคราะห์

แต่คราวนี้การทำงานด้านสาธารณสงเคราะห์นั้น กระผม/อาตมภาพใช้คำพูดประมาณว่า ส่วนใหญ่ของพระสงฆ์เรา "เอาปลาไปให้เขา แต่ไม่ได้สอนให้เขาหาปลา" เมื่อชาวบ้านกินปลาหมด ก็กลับไปสู่สภาพเดิม แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ไปนาน ๆ ก็จะสร้างนิสัยที่ไม่ได้ให้กับชาวบ้าน ก็คือรอรับอย่างเดียว

คราวนี้นอกเหนือจากงานปกครองคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้านแล้ว ก็ยังมีโครงการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ซึ่งต้นตอก็มาจากหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งท่านทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็คือขอสัจจะจากบรรดาชาวกะเหรี่ยงที่มาอาศัยอยู่กับท่านว่า จะต้องรักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัด และโดยเฉพาะต้องกินมังสวิรัติ ไม่ข้องเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ด้วย

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นกินเจของปีนี้ ส่วนใหญ่ก็คืองดเว้นจากเนื้อสัตว์ แต่ถ้าเป็นเจที่เคร่งครัดจริง ๆ ก็จะเว้นจากผักที่มีกลิ่นฉุน อย่างพวกกระเทียม พวกกุยช่าย เพราะถือว่าผักทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งบำรุงกำหนัดมากกว่า

การกินเจ ถ้าวางกำลังใจถูก เป็นการแสดงออกซึ่งความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ต้องการเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ แต่ถ้าวางกำลังใจผิด ก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่า "กูดีกว่ามึง กูกินเจ กูกินผัก มึงยังกินเลือดกินเนื้ออยู่" ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็
กินเจไปด้วย แบกกิเลสใส่ตัวไปด้วย มีประโยชน์น้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2022 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-09-2022, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมา และเกิดโครงการจนกระทั่งแพร่กระจายไปทั่วประเทศไทย มีแม้กระทั่งที่ต่างประเทศ จากดำริของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในช่วงนั้น

ระยะแรกเป็นการเน้นเอาแค่ตัวเลข ก็คือจังหวัดไหนถ้าไม่สามารถให้คนลงชื่อร่วมโครงการได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ หลังจากนั้นจึงมีการเพิ่มเติมโครงการต่าง ๆ ตามขั้นตอน จนกระทั่งมีการมอบรางวัลให้หมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ

สิ่งที่กระผม/อาตมภาพ ต้องบอกว่า "หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้" ก็คือ วัดท่าขนุนเป็นวัดแรก ๆ ที่ได้รับการตรวจประเมินโครงการเพื่อยกขึ้นเป็นต้นแบบหมู่บ้านศีล ๕ ของประเทศไทย ที่บอกว่า "หัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้" ก็เพราะว่ายุคนั้นไม่มีข้อมูลอะไรให้เลย ให้เราเดาเอาเองว่ากรรมการอยากจะเห็นอะไร แต่มาสมัยนี้เขาจะมีการบอกมาเลยเป็นข้อ ๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

เพราะฉะนั้น..ทางด้านวัดท่าขนุน บ้านท่าขนุนของเราเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบได้ ต้องบอกว่าได้ด้วยฝีมือจริง ๆ เพราะว่าไม่มีใครบอกเราว่าเขาจะเอาอย่างไร มีแต่คณะกรรมการที่มีข้อมูลอยู่ในมือว่า จะต้องตรวจประเมินในเรื่องอะไรบ้าง

แล้วก็มาหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ซึ่งในช่วงนั้นอยู่ในลักษณะ "โตก็ไม่โต ตายก็ไม่ตาย" กระผม/อาตมภาพเองก็ทำงานตามปกติของตัวเอง แต่กลายเป็นว่าได้รับรางวัลหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่นของจังหวัดมา ๖ ปีซ้อนแล้ว..!

แล้วมาวันนี้ ก็มีโครงการสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ที่วัดไร่ขิง (พระอารมหลวง) โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการหน่วยอบรมประชาชนกลาง เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบรางวัลหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ตัวอย่างหรือต้นแบบ ซึ่งท่านที่รับรางวัลในวันนี้นั้น ได้ทีหลัง
กระผม/อาตมภาพหลายปี เพราะว่าช่วงที่วัดท่าขนุนได้นั้น ก็คือได้ก่อนเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จะอาละวาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2022 เมื่อ 11:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-09-2022, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นก็ยังมีโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. ซึ่งตอนนี้กระผม/อาตมภาพมอบให้ทางด้านมหาเสริฐ (พระมหาอุตรา อุตฺตโร ป.ธ.๖) เป็นผู้นำพวกท่านช่วยกันดูแลว่าส่วนไหนของวัดเราที่ยังเกะกะ รกเรื้อ ไม่เรียบร้อย ให้จัดการดำเนินการให้เรียบร้อย แล้วมอบให้ท่านภีม (พระกวีวัธน์ สทฺทาธิโก) ทำเอกสารเพื่อส่งรายงาน เพราะว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องมาตรวจที่วัดท่าขนุนแน่นอน อีกส่วนหนึ่งก็มอบหมายให้ท่านตี้ (พระวสุพล อภิปุญฺโญ) ไปทำป้ายบอกทางต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ที่ไม่เคยมาวัด จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง

ที่มาพูดเรื่องนี้นั้นไม่ได้มาอวดงานตัวเอง แต่อยากจะบอกว่าทางคณะสงฆ์ทำงานบางอย่างก็ค้านกันเอง คำว่าค้านกันเองในที่นี้ ก็คือ พระภิกษุสามเณรของเรามาบวช เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของทางโลก เพื่อปฏิบัติตนให้พ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

แต่งานของคณะสงฆ์ทั้งหมดที่ทำนี้ ทำอยู่ในลักษณะของพระโพธิสัตว์ ทำเพื่อเกื้อกูลต่อคนหมู่มาก จึงกลายเป็นว่าบางทีการดำรงอยู่ของพระภิกษุสามเณรของเรา ก็ถูกขัดด้วยความปรารถนาดีของผู้บังคับบัญชา เพราะท่านเล็งเห็นว่าพระภิกษุสามเณรของเราน้อยลงไปเรื่อย บทบาทสำคัญที่มีต่อชุมชนก็ลดน้อยถอยลง จึงพยายามทำโครงการต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อคงความสำคัญต่อชุมชนเอาไว้ที่วัด

อย่างที่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าวัดท่าขนุนของเรา ใครขาดอะไรก็มาหา จะเรียกว่าดีใจก็ใช่ ที่เขาเห็นวัดเป็นศูนย์กลางชุมชน แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือว่างบประมาณที่จะสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เนื่องจากแต่ละวัดไม่ได้มีความคล่องตัวเท่ากัน

ผู้บังคับบัญชาที่ไม่ได้มองตรงจุดนี้ บางทีอาจจะตำหนิว่า ทำไมวัดท่าขนุนทำโครงการได้ดีมาก แล้วทำไมวัดอื่นทำไม่ได้แบบนี้ ? ลักษณะอย่างนี้เหมือนกับเอาเต่าไปวิ่งแข่งกับกระต่าย ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่ากำลังศรัทธาของพระแต่ละรูป กำลังบุญบารมีของแต่ละท่านไม่เท่ากัน

แล้วพระสงฆ์จำนวนมากไม่ได้มีกำลังใจพระโพธิสัตว์ ไม่ได้คิดที่จะสงเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก จะมีความรู้สึกว่าผู้บังคับบัญชาเอางานมาเพิ่มให้ เอางานมายัดเยียดให้ แล้วก็จะเกิดภาพอย่างที่ท่านทั้งหลายเห็น ก็คืออะไร ๆ ก็วัดท่าขนุน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2022 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-09-2022, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,702
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า จากประสบการณ์ของกระผม/อาตมภาพเอง ผู้บังคับบัญชาถ้าใช้ใครแล้วได้อย่างใจ ก็จะใช้แต่คนนั้น โชคดีมากครับ ปกติวันนี้หมู่บ้านท่าขนุนต้องไปเปิดนิทรรศการที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แต่ดวงของกระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะแคล้วคลาด เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ส่งข้อความมาในไลน์แล้วกระผม/อาตมภาพไม่ได้อ่าน จนกระทั่งท่านไปได้วัดอินทราม (หมู่บ้านหนองขาว) ไปแทน แล้วก็ส่งข่าวซ้ำมาบอกว่า "ได้วัดอินทารามแล้วครับ ไม่รบกวนหลวงพ่อแล้ว" ท่านลองคิดดูว่า ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพเปิดอ่านก็เรียบร้อย เหมาเองไปอีกแล้ว

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของงานคณะสงฆ์ จะให้ทุกคนทำเหมือน ๆ กัน แล้วประสบความสำเร็จเหมือนกันนั้น เป็นไปไม่ได้

อันดับแรกเลยก็คือ วิสัยเดิมที่ตัวเองสร้างบารมีมา มาสายพระโพธิสัตว์ หรือว่ามาสายสาวกภูมิ

ประการที่สองก็คือ บุญบารมีที่สร้างมาของแต่ละท่านไม่เท่ากัน ท่านใดที่มีเอกลาภมาก มีบริวารมาก สามารถทำงานให้สำเร็จได้ง่าย แต่บางท่านแค่จะหาค่าน้ำค่าไฟให้พอเดือนก็ยากแล้ว


อันดับที่สาม การสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ มีน้อยมาก อย่างปีที่ผ่านมา แค่งบประมาณไม่กี่บาท ยังต้องแบ่งโอนเป็น ๒ งวด เป็นเรื่องที่หัวเราะไม่ออก งานจะรีบเอา แต่เงินช่วยเหลือต้องทยอยโอนให้

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างก็คือ ให้มา ๒,๕๐๐ บาท แต่ต้องส่งรายงานโครงการปีละ ๔ ครั้ง แค่กระดาษทำสมุดรายงานก็ยังไม่พอเลย บอกว่าไม่เอาก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาโอนตรงเข้าบัญชีวัดไปแล้ว เมื่อมีเงินมา ก็ต้องทำงานให้เขา แปลว่า ถ้าเราไม่มีญาติโยมศรัทธา คอยค้ำจุน คอยช่วยเหลือ จะให้งานคณะสงฆ์เป็นไปได้ดีอย่างที่ผู้บังคับบัญชาต้องการนี่เป็นไปไม่ได้เลย

เรื่องพวกนี้บางทีท่านทั้งหลายอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องมาปวดหัว ไอ้เด็กวัยรุ่นสมัยนี้บอกว่า "หัวจะปวด" ไม่ใช่จะหรอก "ปวดไปตั้งนานแล้ว" แต่ว่าให้ฟังเอาไว้ว่า ถ้าก้าวเข้ามาถึงจุดนี้แล้วจะเจออะไรบ้าง หลายต่อหลายอย่างไม่มีใครอยากทำ ไม่ได้คิดจะทำ แต่ถึงเวลาตำแหน่งหน้าที่มาแล้วก็ต้องทำ

กระผม/อาตมภาพถึงได้บอกกับผู้บังคับบัญชาหลายครั้งว่า
กระผม/อาตมภาพเองไม่ต้องมีตำแหน่งอะไรหรอก แค่เป็น "พระอาจารย์เล็ก" แค่เป็น "หลวงพ่อเล็ก" ก็พอแล้ว แต่ว่าท่านก็ไม่ฟัง อะไรพอที่จะจับยัดให้ได้ ท่านก็ยัดไปเรื่อย ปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพรับหน้าที่อยู่ ๓๐ กว่าตำแหน่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มเดินทางอีกแล้ว ญาติโยมที่มาวัด พอผมไม่อยู่ก็บ่น อยากจะบอกว่า ถ้าหากว่าโยมรับตำแหน่งเท่ากับอาตมภาพ แล้วยังมีเวลารับญาติโยมอยู่ที่วัดได้ มาช่วยทำให้ดูทีเถอะ..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-09-2022 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว