|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
"เพิ่งจะรู้ว่าช้างชอบกินทุเรียนมาก ชาวบ้านเขาเก็บทุเรียนเอาไว้ในโรงรถเพื่อจะรอเวลาพรุ่งนี้ขนไปตลาด ปรากฏว่าตื่นเช้าขึ้นมาเกือบจะเป็นลม ช้างแค่เอาหัวไถเบา ๆ กำแพงก็หายไปแล้ว เขาก็เลือกกินกันตามสบาย พวกนี้ฉลาดมาก เอาเท้าเหยียบก่อน แล้วหยิบกินทีละพู ลองคิดดูว่าช้างหนึ่งตัวกินทีขนาดไหน ? ทุเรียนประมาณรถกระบะหนึ่ง ช้าง ๑-๒ ตัวก็ไม่เหลือแล้ว
ระยะหลังเวลาเดินเข้ามาอยู่ในกล้องวงจรปิดก็จะเห็นรูป พยายามพิจารณาจำให้ได้ว่าอยู่โขลงไหน ตอนแรกเขาลงมาเป็นโขลงใหญ่ ๒๐-๓๐ ตัว พอบ้านจุดประทัดไล่บ้าง ยิงปืนไล่บ้าง เขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่ เปลี่ยนเป็นชุดเล็ก ๆ ๒ ตัว ๓ ตัว กระจายกันออกไป คราวนี้มีปัญญาไล่ก็ไล่ไปสิ ก็เลยต้องหาวิธีให้คนกับสัตว์อยู่ด้วยกันได้ คนก็ต้องเสียสละหน่อย ถึงเวลาปลูกพืชอาหารไว้ให้เขา แต่อย่างว่าแหละ กล้วยทั้งต้นถึงเวลาเขาดึงโค่นลงมาแล้ว เขาก็เหยียบกินแต่ไส้ใน สิ้นเปลืองอย่าบอกใครเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2018 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
"คราวนี้ก็รอกรมคชบาลไปพิสูจน์ว่าเจ้างาเล็กเป็นช้างเผือกหรือเปล่า ? ถ้าเป็นช้างเผือกทองผาภูมิก็ดังระเบิด เพราะว่าจะคล้องช้างเผือกเชือกแรกถวายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังลุ้นอยู่ว่าเป็นช้างเผือกหรือเปล่า ? ถ้าเป็นช้างเผือกเชือกแรกในรัชกาลคงทรงโปรดน่าดู
ที่ทองผาภูมิมีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง เรียกว่าหมู่บ้านห้วยปากคอก คนเขาสงสัยว่าคอกอะไร ก็คือคอกช้าง สมัยก่อนรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ยังมีการจับช้างส่งเข้าวังหลวงเป็นปกติ คอกช้างก็คือเพนียดช้าง ตอนนี้วัดห้วยปากคอกเขากำลังหาเจ้าอาวาส มาขอวัดท่าขนุนหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่ให้ไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2018 เมื่อ 19:59 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้แม่อาการดีขึ้น แต่เรื่องสมองเปลี่ยนไป ทำอย่างไรจะให้สมองดีขึ้นครับ ?
ตอบ : หาไข่ให้แม่กินทุกวัน ถาม : หมอให้กินแต่ไข่ขาววันละ ๑๐ ฟองครับ ? ตอบ : ให้กินแต่ไข่ขาว ไม่ให้กินไข่แดงแล้วจะได้เรื่องอะไร สมองต้องไข่แดง เพราะว่าสมองของเราเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็คือไขมัน แล้วไขมันที่ต้องการก็ไขมันจากไข่ หมอดันให้แต่โปรตีน ไม่ให้ไขมัน ถ้าให้โปรตีนมาก ๆ เกิดภาวะโปรตีนล้นเกิน ไตก็ต้องทำงานหนัก เดี๋ยวก็ไตวาย ต้องล้างไตกันอีก หมอสมัยใหม่เขารักษาเหมือนกับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละอย่าง รู้ไม่ครบเหมือนหมอโบราณ ในเมื่อรู้ไม่ครบ แก้ไปทีละอย่าง ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-05-2018 เมื่อ 22:38 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้รับสังฆทานเสร็จก็จะได้กลับวัด ปกติรับสังฆทานเสร็จวันจันทร์ต้องไปสอนหนังสือ แต่อาตมาขอเอาไว้ว่าช่วงซัมเมอร์ขอไม่สอน ต่อให้จัดตารางมาก็ไม่ไป ท้ายสุดก็ได้หยุดเดือนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเหนื่อยมาก เพราะว่าเทอมที่ผ่านมาโดนไป ๕ ห้อง ๑๐ ชั่วโมงในวันเดียว ตัดเกรดให้เขาเสร็จ กรอกเกรดออนไลน์เสร็จก็บ๊ายบายแล้ว
โดยปกติแล้วอาจารย์ประจำจะต้องมีชั่วโมงสอนอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง แต่คราวนี้ว่าลูกศิษย์เรียกร้องมา วิชานี้อาจารย์คนอื่นสอนไม่รู้เรื่อง ต้องพระอาจารย์เล็กเท่านั้น พระอาจารย์เล็กก็รับเละไป ที่ผ่านมามีงานวิจัยและวรรณกรรมในพุทธศาสนาที่เป็นข้อสอบกลาง คนอื่นสอนนี่ตกระเนระนาดเลย อาตมาสอนนี่สอบผ่านหมด อาจารย์ที่กรอกเกรดอยู่ด้วยกันบอกว่า ลูกศิษย์อาจารย์สอบได้คะแนนเยอะนะ บอกว่าใช่ครับ ถามว่าอาจารย์สอนอย่างไร ? ผมก็ไม่สอนอย่างไร เข้าห้องแล้วก็ขึ้นปัญหาบนกระดาน ให้เขาค้นมา เท่ากับบังคับให้อ่าน ไม่ต้องทำรายงาน ไม่ต้องสอบกลางภาค แต่ต้องส่งงานทุกชั่วโมง บังคับให้อ่านหนังสือ อาตมาก็อ่านด้วย นั่งอ่านกำลังภายในเป็นเพื่อน ไม่ต้องบรรยายด้วย เพียงแต่บอกเขาว่าคำไหนยาก เพราะว่าคำโบราณบางอย่างต้องแปลไทยเป็นไทย คำไหนยากคุณไม่เข้าใจถามมา เดี๋ยวจะอธิบายให้ แต่ว่าบางคนก็ขี้เกียจ นั่งรอจนพวกหาเจอว่าอยู่หน้าไหนก็ตะกายไปดูแล้วไปลอกมา ก็บอกว่าถ้าคุณเขียนตามนั้นคุณก็ได้คะแนนน้อย แต่ถ้าคุณรู้จักสรุปเนื้อหาสำคัญมาคุณก็จะได้เยอะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-05-2018 เมื่อ 22:36 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
"วิชาที่ยาก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็น ๓ หน่วยกิต งานวิจัยและวรรณกรรมในพระพุทธศาสนา วิสุทธิมรรคศึกษา โดยเฉพาะท่านเจ้าคุณโสภณกาญจนาภรณ์ท่านว่า
"อาจารย์เล็กช่วยสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนผมทีเถอะ" "ทำไมครับ ? ท่านเจ้าคุณอาจารย์สอนก็ดีแล้ว" "รู้ไหมว่าผมเองยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะสอนให้ลูกศิษย์ให้เข้าใจได้อย่างไร" ท่านไม่เคยปฏิบัติ พอพูดถึงวิสุทธิมรรคศึกษา สีลนิเทส สมาธินิเทส ปัญญานิเทส หนังสือหนาเกือบคืบแล้วย่อลงมาเหลือแค่เทอมเดียว ทำอย่างไรถึงจะให้เนื้อหาครบ กรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุงนี่คือวิสุทธิมรรคย่อเลย วิชาอื่น ๆ ก็อย่างเช่น การจัดการเชิงกลยุทธ์ เป็นพระเรียนการจัดการ ก็ต้องเน้นการจัดการในวัด อาตมาก็พยายามดึงเนื้อหาเข้าในวัด ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นคุณจะแก้ไขอย่างไร สมมติสถานการณ์มีคนมาเปิดคาราโอเกะข้างวัดแล้วลูกค้าดีเสียด้วย ร้องเพลงเช้ายันค่ำ คุณจะแก้ไขอย่างไร ? ฉะนั้น...วิธีการจัดการไม่ใช่เรียนหลักเฉย ๆ แต่สถานการณ์จริงต้องใช้งานได้ ชาวบ้านรุกที่วัดคุณจะจัดการอย่างไร ? เรียนเสร็จแล้วต้องใช้ได้ ที่สอนอาตมาสมมติสถานการณ์จริง ให้เขาเขียนแก้สถานการณ์มา ซึ่งแต่ละวัดจะมีปัญหาไม่เหมือนกัน วิธีแก้ไม่เหมือนกัน" ถาม : วิธีแก้อย่างไรบ้างคะ ? ตอบ : สารพัดที่บอกมา ประเภทไปถึงตักเตือนด้วย บางทีก็บอกว่าตอนนี้วัดต้องการความสงบในช่วงระยะเวลานี้ อย่างวัดท่าขนุนเราเปิดเสียงธรรมะวันละ ๔ เวลา เวลาไหนบ้างก็บอกกับเขา อย่าให้เขาดังแข่งกับเราอะไรอย่างนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ ซนได้...ไม่เป็นไร แต่ต้องสอนให้เขารู้ว่าที่ไหนควรที่ไหนไม่ควร เด็กที่ไม่รู้ที่ถูกที่ควรเราต้องสอน ถ้าสอนไม่ได้ให้ตี พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่าสรรพสัตว์ล้วนแต่กลัวอาชญา คือกลัวการลงโทษ
โบราณถึงบอกว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเด็กนรก..! ประเภทไปในห้างไม่ได้ของแล้วร้องกรี๊ด ดิ้นอยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นอาตมาจะปล่อยให้ดิ้นอยู่นั่นแหละ กูกลับบ้านเลย ดูสิว่าจะดิ้นได้นานแค่ไหน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2018 เมื่อ 20:05 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องชาวบ้านที่มาร้องคาราโอเกะข้างวัด ถ้าเขาไม่ยอม จะแก้ไขอย่างไรคะ ?
ตอบ : เขามีวิธีตามลำดับขั้น ดูสถานการณ์เฉพาะหน้า ถ้าหมดท่าขึ้นมา ก็เอาพระ ๙ รูปไปตั้งอาสนะสวดมนต์แข่งกับเขาเลย ดูว่าชาวบ้านยังจะเข้ามาร้องอีกไหม ? ถ้าร่วมมือกันก็ต่างคนต่างอยู่กันได้ แต่ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ จะจัดการด้วยวิธีนี้ ดูว่าชาวบ้านจะเข้าคาราโอเกะคุณอีกไหม ? วิธีบางอย่างบ้า ๆ บอ ๆ อยู่นอกเหตุเหนือผลแต่ก็ต้องทำ จริง ๆ แล้วเขาไม่ควรที่จะมาเปิดข้างวัด แต่ในเมื่อคุณเปิดข้างวัด อ้างว่าต้องทำมาหากิน ก็ต้องหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้ ก็ต้องยอมกันคนละครึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2018 เมื่อ 20:06 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
เรื่องกฎหมายคณะสงฆ์ อาตมาค้นคว้าฎีกาต่าง ๆ ที่ตัดสินเรื่องราวเกี่ยวกับพระ เกี่ยวกับวัดมาให้เขาดูเป็นตัวอย่าง จะได้รู้แนวทางว่าเวลาเรื่องไปถึงศาลแล้วเขาจะตัดสินอย่างไร ไม่ใช่ว่าศึกษาเสร็จก็ให้ท่องแต่กฎหมาย ๆ รุ่นอาตมาจะบ้าตาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นพัน ๆ มาตรา ออกสอบแค่ ๖ ข้อ ท้ายสุดอาตมาเดาแม่น เดาถูกว่าออกเกี่ยวกับมรดก เป็นพระห้ามฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดก แต่ถ้าญาติโยมแบ่งให้สามารถรับได้ ถ้าจะฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดกให้สึกไปก่อน จนกระทั่งเสร็จเรื่องแล้วค่อยกลับมาบวชใหม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับประมวลกฎหมายอาญามีที่เกี่ยวข้องกับวัดไม่มาก ในเมื่อไม่มาก ในรุ่นของอาตมาอาจารย์ท่านให้ท่องแทบตาย แล้วไม่ใบ้เลยว่าออกตรงไหน เมื่ออาตมารู้ว่าวิธีนี้ยากสำหรับลูกศิษย์ ก็ต้องหาวิธีง่ายให้เขา ก็คือไปค้นคว้าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มีการฟ้องมีการตัดสินไปแล้ว ไปถึงศาลฎีกาให้แนวทางว่าอย่างไร ถึงเวลาคุณศึกษาไว้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะได้รู้ว่าถ้าฟ้องแล้วจะชนะหรือแพ้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:31 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
มีตัวอย่างวัดชนะสงสารพิทยาธร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาสเห็นว่าพระลูกวัดไม่ฟังคำสั่ง บอกอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ทำวัตร ไม่สวดมนต์ ไม่บิณฑบาต ไม่ทำกรรมฐาน เอาคนนอกมาพักในวัดโดยไม่บอกกล่าวเจ้าอาวาส ท้ายสุดเจ้าอาวาสท่านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่านก็เลยต้องแจ้งความ ภาษาพระเรียกว่า ขอความคุ้มครองจากทางราชการ
เจ้าอาวาสออกคำสั่งเจ้าอาวาสให้พระลูกวัดพ้นไปจากวัดภายใน ๕ วัน อ่านคำสั่งให้แล้ว พระลูกวัดรับทราบแต่ไม่ยอมเซ็นรับคำสั่ง แล้วก็ดื้ออยู่ต่อ เจ้าอาวาสก็เลยต้องแจ้งความ เมื่อเรื่องไปถึงศาล พระลูกวัดสู้ว่าเจ้าอาวาสกลั่นแกล้ง เพราะว่าตนเองไม่เป็นที่นับถือของชาวบ้าน ชาวบ้านรังเกียจด้วยเรื่องนี้เรื่องนั้น ศาลพิพากษาว่า ความประพฤติส่วนตัวของเจ้าอาวาสไม่สามารถยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้ เพราะว่าเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย ในเมื่อพระลูกวัดทำผิดระเบียบวัด เจ้าอาวาสมีหน้าที่สั่งให้พ้นไปจากวัดได้ ศาลตัดสินได้แน่นอนมาก ท้ายสุดก็เลยปรับพระลูกวัด ๒๐๐ บาท แล้วให้ออกจากวัดไป จริง ๆ แล้วมีโทษจำ โทษปรับ และทั้งจำทั้งปรับ เพราะว่าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย โดนปรับไป ๒๐๐ บาท ข้อที่เขายกขึ้นมาอ้างว่า เจ้าอาวาสไม่เป็นที่นับถือของชาวบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีเมตตา เตะหมาเตะแมว ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะว่าเป็นความประพฤติส่วนตัว ท่านฟ้องเพราะว่าคุณขัดคำสั่งเจ้าอาวาส ศาลวิเคราะห์แต่ละประเด็นเป๊ะ ๆ ไม่มีพลาดเลย เพราะว่าคำพิพากษาศาลฎีกา จะเป็นแนวทางปฏิบัติไปเรื่อยจนชั่วฟ้าดินสลาย หรือจนกว่าจะมีการพิจารณายกเลิกของเก่า แล้วมีแนวทางการปฏิบัติแบบใหม่ขึ้นมาแทน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
ถ้าเรายกตัวอย่างอย่างนี้ขึ้นมาก็จะชัดเจนมาก พระในวัดจะได้รู้ด้วยว่าทำอะไรถูกทำอะไรผิด มีคนฟ้องพระวัดเขาวังที่ราชบุรี ไม่ใช่เขาวังเพชรบุรีนะ ฟ้องว่าพระพาผู้หญิงไปนอนในกุฏิ กุฏินั้นอยู่บนเขาวังซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา จึงฟ้องข้อหาเหยียดหยามพระศาสนาด้วย
ปรากฏศาลตัดสินว่า กุฏิเป็นที่จำวัดของพระภิกษุสงฆ์ ไม่ใช่สถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างเช่นโบสถ์ หรือว่าพระเจดีย์ หรือว่าพระประธาน เพราะฉะนั้น...การที่เอาผู้หญิงไปนอนในกุฏินั้นเป็นการผิดพระธรรมวินัย แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายข้อเหยียดหยามพระศาสนา ศาลพิจารณาประเด็นเด็ดขาดมาก ในเมื่อผิดตามพระวินัยก็แล้วแต่คณะสงฆ์จะจัดการ เรื่องพระวินัยศาลจัดการไม่ได้ ต้องคณะสงฆ์จัดการ คณะสงฆ์ก็ต้องไปหาทางว่าจะเล่นอย่างไร แต่ละอย่างตัดสินออกมาได้สุดยอดมาก อ่านแล้วยังชอบใจ ไม่เสียทีที่ไปค้น ไม่เหนื่อยเปล่า เห็นแนวทางชัดมาก เขาแยกประเด็นออกมาเป๊ะ ๆ เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#151
|
||||
|
||||
แบบเดียวกับนายจ๊อดที่เตะลุงซาเล้ง จริง ๆ แล้วถ้าว่ากันตามคำของหมอ นายจ๊อดไม่ผิด หมอวินิจฉัยว่าลุงซาเล้งตายเพราะโลหิตเป็นพิษ แต่คราวนี้ที่นายจ๊อดต้องรับผิดชอบเพราะสังคมเห็นว่า ลุงเข้าโรงพยาบาลเพราะนายจ๊อดเตะแกตกซาเล้ง ทำให้แกต้องนอนยาวในโรงพยาบาล จนท้ายสุดกลายเป็นคนไข้ติดเตียง ไตวาย โลหิตเป็นพิษ แล้วถึงตาย เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องหลายชั้น แต่ถ้าว่าตามกฎหมายเป๊ะ ๆ เลย นายจ๊อดไม่ผิด แต่นายจ๊อดคงได้บทเรียนประเภทใจร้อนใจเร็ว ตัวเองไปเฉี่ยวชนเขาแล้วยังเตะเขาอีก สุดท้ายยอมจ่ายค่าทำศพไป ๘๐,๐๐๐ บาท
สรุปว่าถ้าคดีนี้ ถ้าไม่ได้มีการยอมความกัน โดยทางนายจ๊อดยอมจ่าย ๘๐,๐๐๐ บาท ก็น่าจะเป็นเพียงทำร้ายร่างกายคนอื่นบาดเจ็บเท่านั้น เพราะว่าพิเคราะห์สถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ นายจ๊อดเตะลุงตกซาเล้ง ก็แค่ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ถ้าสู้คดีว่าทำร้ายโดยบันดาลโทสะ โทษก็จะเบาลงไปอีก แต่ลุงดันเข้าโรงพยาบาลแล้วตาย สังคมจึงเล่นนายจ๊อดจนเละเลย เวลาศึกษาพวกข้อกฎหมาย ดูคำพิพากษาแต่ละอย่าง ท่านแยกแยะประเด็นชัดเจนมาก จนเกิดความเคารพเลื่อมใสว่า ผู้พิพากษาแต่ละคนกว่าจะจบมาต้องแม่นประเด็นสุด ๆ แต่คราวนี้ในระยะหลังของเรา มีการใช้พวกแง่ประเด็นทางกฎหมายช่วยเหลือบุคคลบางคนหรือสถาบันบางแห่ง เพื่อให้รอดจากความผิด หนักกลายเป็นเบา เลยทำให้สถาบันตุลาการ “ชื่อเสีย” เริ่มมีมากขึ้น แต่ถ้าไปดูจากของเก่า ๆ อย่างที่ไปค้นคว้ามา แต่ละท่านล้วนแล้วแต่สมควรแก่การไปนั่งศาลยุติธรรมจริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#152
|
||||
|
||||
ถาม : การบวชพระทำไมจะต้องบวชเณรก่อนครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ถ้าหากว่าเราจะบวชพระเลยทีเดียว ก็เหมือนอย่างกับก้าวข้ามขั้นตอนมากเกินไป ท่านก็เลยค่อย ๆ ให้ศึกษาจากศีล ๕ เป็นศีล ๑๐ จากศีล ๑๐ เป็นศีล ๒๒๗ ก่อนหน้านี้ท่านให้เป็นเณรอยู่ชั่วระยะหนึ่งจึงค่อยให้เป็นพระ แต่มาระยะหลังเวลามีน้อย บวชเณรเสร็จก็บวชพระต่อเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2018 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#153
|
||||
|
||||
ถาม : พาเพื่อน ๆ มา เพื่อน ๆ กลัวว่าเข้าไม่ถึง ส่วนมากพระบางท่านเข้าไม่ค่อยถึง ?
ตอบ : เข้าไม่ค่อยถึงจึงจะดัง เข้าถึงอย่างอาตมาไม่ดังหรอก ลองนึกถึงว่าสมัยหลวงปู่ปานไม่มีอะไรเลย นอกจากบอกข่าวกันปากต่อปาก อย่างดีก็มีวิทยุทรานซิสเตอร์ พุทธาภิเษกครั้งหนึ่งเรือแพจอดหน้าวัด เดินข้ามน้ำได้โดยไม่ต้องแตะพื้นน้ำเลย สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงมีโทรศัพท์ มีโทรทัศน์ มีวิทยุ พอถึงเวลาคนมางานที ๒๐๐,๐๐๐ – ๓๐๐,๐๐๐ คน รุ่นของอาตมามีกระทั่งเฟซบุ๊กสารพัดสารเพ จัดงานทีคนไปแค่ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ คน แล้วจะไปดังได้อย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:17 |
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#154
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต่อไปการสร้างวัตถุมงคลน่าจะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ เพราะว่าทางเจ้าคณะปกครองท่านเห็นว่าทำกันจนเฟ้อ กลายเป็นพุทธพาณิชย์ วันนี้พระครูสมุห์อานนท์ วัดบึงลาดสวาย โทรมาแจ้งว่า "ฟ้าผ่าครับ..หลวงพ่อ" ถามว่าผ่าอย่างไร ? ท่านบอกว่า "เจ้าคณะภาคโทรมาด่าเรื่องวัตถุมงคล" แล้วท่านกับอาตมาก็อยู่ภาคเดียวกัน คือภาค ๑๔ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี เจ้าคณะภาค ๑๔ คือหลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล วัดนิมมานรดี เป็นเจ้าคณะภาคที่เฮี้ยบที่สุดในบรรดาเจ้าคณะภาคทั้ง ๑๘ รูป
ในเมื่อมีคำสั่งเจ้าคณะใหญ่มาเกี่ยวกับเรื่องการห้ามโฆษณาวัตถุมงคลด้วยการติดป้าย ห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลในบริเวณโบสถ์ ซึ่งไม่มีผลกระทบสำหรับวัดท่าขนุน เพราะว่าวัดท่าขนุนไม่เคยทำอยู่แล้ว แต่คราวนี้วัดที่ท่านทำจะลำบาก โดยเฉพาะวัดไร่ขิง ที่อะไร ๆ ก็อยู่รอบโบสถ์หมด จนท้ายสุดต้องขยับขยายออกไป คราวนี้ในเมื่อเข้มงวดมาในลักษณะอย่างนี้ ต่อไปคาดว่าการสร้างวัตถุมงคล คงต้องทำหนังสือขออนุญาต แล้วรับการอนุมัติเป็นราย ๆ ไป ตามแต่วัตถุประสงค์ในการสร้างว่าสมควรหรือไม่ ? ฉะนั้น...ตอนนี้ใครสร้างก่อนก็รอดตัวไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:19 |
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#155
|
||||
|
||||
"ของอย่างที่วัดท่าขนุนทำล่วงหน้าไปแล้ว อย่างเช่น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด การไม่โฆษณาจำหน่ายวัตถุมงคลด้วยการขึ้นป้าย ซึ่งพวกเราจะเห็นว่าแม้แต่การจัดงาน วัดท่าขนุนก็ไม่มีปักธง ไม่มีการโฆษณา จะรู้ต่อก็เมื่อเข้าไปถึงในวัดเท่านั้น ซึ่งวัดอื่นทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำก็จะเจ๊ง เพราะว่าไม่มีคนรู้ว่าวัดมีงาน
เลยกลายเป็นว่าเรื่องอะไรบางอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวเอาไว้ เราทำตามมีแต่จะปลอดภัย สมัยอาตมาออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ทำงานก่อสร้างไปได้ ๘ เดือนโดยประมาณ วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็มาหา ท่านถามว่า "แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?" กราบเรียนหลวงพ่อด้วยความภูมิใจว่า "ไม่มีครับ ผมผลักลงเงินสังฆทานหมดเลย เอาเป็นกองกลาง" ท่านถามว่า "ถ้าอย่างนั้นแกใช้เพื่อสงฆ์ไปเท่าไร ?" "ไม่ทราบครับ" "ใช้เพื่อส่วนตัวเท่าไร ?" "ไม่ทราบครับ" พอไม่ทราบ ๒ ครั้ง ไม้เท้าลงหัวโป๊กเลย ท่านบอกว่า "ไปทำบัญชีเสียใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์ รับมาจากใคร จ่ายไปเรื่องอะไร ถ้าเขาตรวจสอบต้องชี้แจงได้" อาตมาก็ต้องนั่งตูดด้านอยู่เป็นอาทิตย์เพื่อทำบัญชี แล้วก็สรุปว่าตั้งแต่ออกจากวัดมา ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว เพราะว่าแยกไม่ออก ต้องยกให้สงฆ์หมดเลย ไปเริ่มเดือนที่ ๙ ถึงจะมีเงินส่วนตัว เรื่องอย่างนี้อาตมาทำมาเป็นระยะเวลา ๒๐ กว่าปี แล้วอยู่ ๆ ทางคณะสงฆ์เข้มงวดขึ้นมา ก็ไม่รู้สึกกระทบ เพราะว่าทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ท่านที่ไม่ได้ทำจะตายเอา โดยเฉพาะท่านที่เป็นเจ้าอาวาส เริ่มขึ้นเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ช่วงไหน จะต้องมีบัญชีชัดเจน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:22 |
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#156
|
||||
|
||||
"อาตมาอยู่เกาะพระฤๅษี อยู่วัดทองผาภูมิ อยู่วัดท่าขนุน ก็ทำมาตลอด คุณอยากตรวจสอบเมื่อไรเชิญได้เลย ทันทีที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อาตมาก็สั่งให้รื้อวิหารเจ้าแม่กวนอิมกับพระพิฆเณศวร์ที่หน้าวัดทิ้ง โดยประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์ว่า "วัดไหนอยากได้มาขนไปเลย" ไม่ถึงสองชั่วโมงหายวับไปกับตา เพราะว่าวัดอื่นอยากได้
เนื่องจากว่าถ้ามีเจ้าแม่กวนอิม มีพระพิฆเณศวร์ มีพระพรหม พวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จะมากันเยอะมาก เขาเคารพของเขา แต่คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นฮินดูบ้าง เป็นมหายานบ้าง ถ้าสมัยเราชัดเจนก็ไม่เป็นไร ยังสามารถชี้แจงญาติโยมได้ แต่ถ้าต่อ ๆ ไปไม่ชัดเจน จะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป ก็คือศาสนาอื่นแทรกเข้ามา อาตมาเลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม รื้อเกลี้ยงเลย สรุปว่าปัจจุบันนี้ที่สั่งห้ามโน่นห้ามนี่ วัดโน้นต้องทุบ วัดนี้ต้องรื้อ วัดท่าขนุนไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะว่าทำไปนานแล้ว อะไรที่ครูบาอาจารย์บอก ให้เชื่อแล้วทำตามนั้น แต่สงสัยอยู่อย่างว่า เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอก เราจะรู้เรื่องไหม ? เพราะว่าครูบาอาจารย์บางท่าน มาบอกเอาตอนที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แบบเดียวกับตอนไปพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง ท่านไม่รู้จะด่าใครก็ด่าอาตมาแทน ด่าฝากไป ถามว่า "ทำไมย่ามาด่าผม ? ไม่ไปด่าเจ้าของงาน ?" ท่านบอกว่า "ไอ้พวกหูหนวกตาบอดด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็ต้องด่าแกนั่นแหละ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-06-2018 เมื่อ 09:16 |
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#157
|
||||
|
||||
พระอาจารย์ให้โอวาทพระลูกศิษย์ "ถ้าไปที่โน่นแล้วทำตามเขาอย่างเดียว อย่าไปค้านอะไรใคร บางทีสิ่งที่เราทำ ท่านที่ไม่เข้าใจจะทำให้เป็นโทษกับท่านได้ เรามีหน้าที่ทำอย่างเดียว คือ รักษาธรรมรักษาวินัย รักษารูปแบบปฏิบัติของสายครูบาอาจารย์เราเอาไว้ ส่วนข้างในจะทำได้แค่ไหนเรื่องของเรา เลือดเนื้อร่างกายของเราให้เห็นชัดว่าไม่ใช่ของเรา ก็จะไม่อยากได้ไปเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:26 |
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#158
|
||||
|
||||
ถาม : สามีเป็นชาวต่างชาติย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ครั้งแรกที่เขาฝัน คือ เห็นเรือสำเภาหลังใหญ่ มีคนสี่คนอยู่บนเรือมาชวนเขาไป เขาตกใจ เขาไม่ไป ?
ตอบ : เขาทำอะไรด้วยตัวเองได้ไหม ? หรือว่าต้องช่วยเขาตลอด ? (ช่วยตัวเองไม่ได้) ไม่ได้ใช่ไหม ? ยังต้องประคับประคองไป มีอยู่รายหนึ่งเกิดมาก็นอนติดพื้นอยู่ตลอด เหมือนเกิดมาเขาเป็นอย่างนั้นเลย สมองทำงานไม่สมบูรณ์ พ่อแม่เลี้ยงดูอยู่ ป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ ๑๗ ปีถึงจะไป ใจของพ่อแม่เขาสุดยอดเลย พ่อแม่เขาคิดว่า เขาเกิดมาก็ลำบากพอแล้ว ฉะนั้น...เราสามารถช่วยอำนวยความสะดวกอะไรเขาได้ก็ทำไป บุญกุศลเป็นของเราด้วย ถาม : ครั้งที่สองเขาฝันว่า มีชายมาสี่คนหอบตะกร้ามา แล้วชวนเขาไปด้วย ชายในฝันบอกว่าจะหาบไป เขาก็บอกว่า "พอดีเมียฉันบอกว่า ถ้ามีใครชวนไปอยู่ด้วยไม่ให้ไป" รอบที่สามเขาก็ฝันว่า มีคนร้อยกว่าคนมาเล่นอยู่ตรงหน้า มาชวนเขาไปอยู่ด้วย เขาก็บอกว่า "เมียสั่งไม่ให้ไป" ตอบ : ต้องบอกว่าคุณูปการยังมีอยู่ ถ้าไม่มีอาจจะตายไปหลายรอบแล้ว ถ้าไปกับเขาก็คือไปเลย บอกเขาว่าให้ปล่อยชีวิตสัตว์ โดยเฉพาะที่เขาขายให้ฆ่า อย่างพวกปลาในตลาด เป็ดไก่ก็ได้ ถ้ามีเงินหน่อยหมูหรือวัวควายก็ได้ เป็นการต่อชีวิต ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็มาอีก ถาม : จำเป็นต้องหลายตัวไหมคะ ? ตอบ : ไม่จำเป็น ครั้งละตัวสองตัวก็ได้ อย่างเช่นปล่อยปลา แต่ให้เขาปล่อย ถ้าเป็นไปได้พาเขาไปปล่อยเองเลย อุตส่าห์รอดมาได้รอบสองรอบเพราะความเชื่อเมีย สุดยอดจริง ๆ ต้องให้รางวัลสามีดีเด่น มีคนมาชวนไปอยู่ด้วย ๓ ครั้ง ๔ ครั้งก็ไม่ไป เพราะว่าเชื่อเมียก็เลยรอดมาได้ ต้องบอกว่าน่ารักสุด ๆ สามีแบบนี้เกิดใหม่ก็หาไม่ได้อีกแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:29 |
สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#159
|
||||
|
||||
ถาม : ความรู้สึกในหัวเหมือนเป็นคนมาคุยด้วย เขาบอกว่าเป็นตายาย ร่างทรงเดินมาบอก และก็มาบอกอดีต อนาคต ปัจจุบัน ?
ตอบ : บอกเขาว่าคราวหน้ามาให้เอาหวยมาด้วย ถ้าไม่เอาหวยมาก็ไม่ต้อง ถาม : ให้มาแล้วค่ะ ? ตอบ : แล้วถูกไหม ? ไม่ถูกอย่าให้ ถาม : ถูกค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อ ? ตอบ: ขอไปเลย เราก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเองร่ำรวยอะไรหรอก บางทีเราก็อาจจะเอาไปทำบุญทำทานก็ได้ ก็อุทิศให้ท่าน ถาม : บางทียิ่งทำบุญให้ก็ยิ่งเจอ ? ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก พวกนี้ส่วนใหญ่ก็คือเทวดารักษาตัว สภาพจิตเราอาจจะผ่องใสกว่าคนอื่น ท่านติดต่อได้ง่าย ท่านก็แสดงให้รู้ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว สบายดีออก ขอหวยได้ทุกงวด ถาม :ไม่อยากได้ค่ะ ? ตอบ :ก็บอกแล้วว่าได้มาก็ทำบุญให้ท่าน ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระอะไรก็อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ทำบุญถวายสังฆทานใส่บาตรอะไรก็อุทิศให้ท่านด้วย บอกท่านขอให้คุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัยก็พอ อย่างอื่นไม่เอา ถาม : มาเรื่อย ๆ ค่ะ ? ตอบ : ก็บอกว่าเรื่องปกติ เหมือนโทรศัพท์ เขารู้เบอร์โทรศัพท์เราก็โทรมาบ่อย ถาม : ทำไมละคะ ? หยุดไม่ได้ค่ะ ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าหากว่าเราขี้เกียจเจอ เราก็ทำชั่วเยอะ ๆ ท่านก็ไม่มา เราก็ทำใจไม่ได้อีกแหละ คือต้องมีความดีสนับสนุนในระดับหนึ่ง ท่านถึงจะมาได้ คราวนี้ความดีของเราถึง ท่านติดต่อมาก็เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นว่าถ้ามีช่องทางอะไรทำมาหากินแล้วเจริญรุ่งเรือง หรือมีอันตรายอย่างไรก็ขอให้ท่านช่วยบอกช่วยกล่าว บอกกันได้ คุยกันได้ คราวนี้เราเองดันไปกลัว คนอื่นอยากได้แทบตายดันไม่มี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:31 |
สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#160
|
||||
|
||||
ถาม : วันก่อนคนขับแท็กซี่มาทัก บอกว่ามีเด็กตามเราอยู่ ?
ตอบ : แล้วเชื่อแท็กซี่ไหม ? ถ้าแท็กซี่เก่งขนาดนั้นจะขับแท็กซี่ไปทำอะไร ? ถาม : แต่ตายายก็มาให้เรารู้สึกว่าจริง ? ตอบ : เอาที่เรารู้ อย่าไปฟังคนอื่น บางคนก็ทักให้เราตกใจ หาที่ให้เราไปแก้ไข แล้วเราก็เสียเงินเยอะ ๆ ถาม : เขาไม่ได้ให้เราแก้ไขอะไรค่ะ ? ตอบ : ถูก...ก็เพราะเราไม่ตกใจ ถาม : วันต่อมาก็ฝัน ตายายบอกว่า ถ้ายังไปผูกติดอยู่ เราก็เจอ ก็คิดได้ว่าอย่าไปสนใจ ทิ้งไปให้หมด ? ตอบ :ดูซิว่าจะทิ้งได้ไหม ? ของเขาอยู่กับเรา เทวดาที่เขารักษาตัวเรา เพราะว่าเคยมีบุญมีกรรมเนื่องกันมา ถ้าไม่เนื่องกันมาเขาไม่มาให้เสียเวลาหรอก เทวดาเขาเบื่อหน้าคนจะตายไป ถาม : เขาก็บอกว่าเราเกิดมามีหน้าที่ด้วย จะเชื่อเขาได้หรือคะ ? ตอบ : ก็พิสูจน์สิ ถ้าหากว่ามีหน้าที่จริงก็ต้องให้มีปรากฏการณ์อย่างนั้นอย่างนี้เกิดขึ้น เราถึงจะเชื่อก็ว่าไป รำคาญหน่อยเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้มีโทษอะไร ถาม : เขาบอกให้ปฏิบัติ ทำสมาธิเยอะขึ้น ตอบ : ทำไมไม่ฝึก ? ถาม :กลัวว่าจะเจอเยอะขึ้น ? ตอบ : ถ้าฝึกจะเจอน้อยลง พอสมาธิเราสูงเลยระดับ เขาก็ไม่สามารถที่จะยุ่งกับเราได้ เหมือนเราไปอยู่ในสังคมไฮโซฯ แล้ว ชาวบ้านทั่วไปจะเข้าถึงไหม ? ลักษณะแบบนั้นแหละ กำลังยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไร ส่วนที่จะมาหาเราได้ก็เหลือน้อยลง ถาม : เจอบางคนเขาบอกยิ่งปฏิบัติยิ่งเจอ ? ตอบ : เจอน้อยลง ถาม : ต้องปฏิบัติอย่างไรคะ ? ตอบ : ก็ภาวนาของเรา ถึงเวลานึกถึงลมหายใจเข้าออกหรือจับภาพพระเอาไว้ หายใจให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ให้ภาพพระไหลตามลมหายใจออกมา ดูอยู่แค่นี้ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็สว่างขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจ ถ้าเราอยู่ตรงนี้เขาไม่มายุ่งกับเราหรอก เพราะว่ากำลังของเราสูงกว่า ไปเถอะ...บอกให้ทำแล้วไม่ทำก็เจอไปเรื่อย ๆ ถาม : ให้ทำอานาปานสติ สวดมนต์จำเป็นไหมคะ ? ตอบ : สวดมนต์ไหว้พระอะไรที่เราถนัดก็ทำไปเถอะ แต่ว่าเรื่องอานาปานสติคืออยู่กับลมหายใจจำเป็นต้องมี ถ้าไม่มาอย่าร้องไห้ถามหานะ ถาม : ก็มีสองปีที่เขาไม่มา เราก็ร้องไห้โวยวาย แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มเยอะ ? ตอบ : มาก็บ่น ไม่มาก็บ่น รู้วิธีแล้วมาบ่นแต่ไม่ทำ น่าตีจริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2018 เมื่อ 21:34 |
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|