|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
ถาม : อันนี้ใช่เหล็กไหลไหมครับ ?
ตอบ : เสียดาย...ถ้าออกเขียวหน่อย ตูจะตีเป็นลูกอมเมฆสิทธิ์ของหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม แต่บังเอิญว่าไม่เขียว อันนี้เป็นโลหะที่เขาเรียกออกมา บางคนเรียกเหล็กไหล แต่ให้รู้ว่าจริง ๆ คือเหล็กเหลวไหล..! ถาม : ปรอทสำเร็จใช่ไหมครับ ? ตอบ : ไม่ใช่ ปรอทจะลื่นกว่านี้ ถาม : อันนี้ใช่สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบไหมครับ ? ตอบ : อะไรนักหนาวะ...! ตกลงมึงไม่เอาพระเลยใช่ไหม ? ต้องบอกว่าอย่างไรละ คนใช้ไม่เป็นใช้อย่างไรก็ไม่ได้เรื่องหรอก ถาม : สีผึ้งอันดับ ๑ ของประเทศ คือ หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งใช่ไหมครับ ? ตอบ : อย่างของหลวงปู่ทาบได้ชื่อว่าเป็นสีผึ้งอันดับ ๑ ของเมืองไทย แต่คนใช้สีผึ้งหลวงพ่อกวยจะบอกว่าของหลวงพ่อกวยเจ๋งกว่า ก็อยู่ที่ว่าใครใช้แล้วมีประสบการณ์ แต่ที่ขำที่สุดก็คือมีลูกศิษย์หลวงพ่อกวยคนหนึ่งอยากได้เมีย ไปหาหลวงพ่อกวยขอการสงเคราะห์พิเศษ วันนั้นหลวงพ่อท่านก็ว่างพอดี แล้วก็ดันใจดีขึ้นมาอีก ท่านบอก “มึงไปเอาน้ำมันใส่ผมมา” เขาก็ไปเอาน้ำมันใส่ผมยี่ห้อตันโจ เคยได้ยินไหม ? เด็กรุ่นนี้รู้จักหรือเปล่า ? เอาไปให้หลวงพ่อกวยท่านเสกให้ หลวงพ่อกวยท่านก็บอกว่า “มึงอย่าให้คนอื่นใช้เชียวนะ ต้องใช้คนเดียว” เพราะท่านถามชื่อ ถามนามสกุลแล้ว เสกเฉพาะคนนี้คนเดียว โยมคนนั้นปัจจุบันต้องเรียก "ปู่บาง" แต่ตอนนั้นหลวงพ่อกวยเรียก "ไอ้บาง" ปรากฏว่าตาบางได้น้ำมันใส่ผมของหลวงพ่อกวยไปก็สบายใจ เอาไปวางไว้หัวนอน...ลืมใช้ พอดีเพื่อนมาที่บ้าน ประเภทซี้กัน ไปกินไปนอน อาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพเรียบร้อยก็เอาน้ำมันมาใส่ผม หวีเสียอย่างดี พอตาบางกลับมาบ้าน เพื่อนก็กระโดดกอดเลย “พี่บางจ๋า หนูรักพี่บาง” ซวยฉิบหา...! ต้องช่วยกันจับ ช่วยกันปล้ำ เอาไปให้หลวงพ่อกวยท่านรดน้ำมนต์แก้ให้ หลวงพ่อกวยท่านด่าตาบางเสียจมดินเลย “กูบอกแล้วว่าอย่าเผลอไปให้คนอื่นใช้” “ผมไม่ได้ให้ใช้ครับ มันไปเอามาใช้เอง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:30 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
ถาม : ผมไปของานเทวดามา ขอแบบนี้ครับ ถ้าได้งานครั้งที่หนึ่งให้ยกมือขึ้น แล้วก็ไล่ไปเรื่อย กล้ามากครับ ยกไม่ขึ้นเลยครับ ๒๐ กว่าครั้ง ?
ตอบ : ไปลองทำบ่อย ๆ ดูสิ ไม่โดนเทวดาเหยียบเอาก็บุญแล้ว ถึงได้บอกว่าคิดแต่เรื่องวิตถาร คิดแต่เรื่องมักง่าย...! ไม่เคยคิดในเรื่องทำมาหากินเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:30 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
ถาม : เราภาวนาคาถาเงินล้าน แต่เราทำบุญเก่าไว้น้อย จะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...ให้ทำจริง ๆ และสม่ำเสมอเท่านั้น บุญเก่าเราทำไว้มากก็ได้มาก บุญเก่าเราทำไว้น้อยก็ได้น้อย แต่ถ้าทำสม่ำเสมอต่อเนื่องได้ ๒ เดือนก็จะได้ จะมากน้อยก็ต้องได้ แต่จริง ๆ คนที่ต้องใช้คาถา ต้องใช้สีผึ้ง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่สรรเสริญนะ บางทีท่านด่าเลย ท่านบอกว่า “กับผู้หญิงถ้าทำดี พูดดีกับเขา เขาก็รักเราเอง จะต้องไปใช้อะไรมากมายวะ ?” เพราะฉะนั้น...อาตมาตั้งแต่ต้นจนจบ ขอเรื่องนี้ไม่ได้เลยสักเรื่อง ขอเมื่อไรท่านไม่เคยให้ แต่ถ้าจะไปตีกับชาวบ้านนี่ขออะไรท่านให้หมด ท่านเล่าเรื่องของหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) วัดอนงคารามให้ฟัง ท่านว่าฟังมาจากหลวงพ่อสมเด็จฯ อีกทีหนึ่ง ตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านบวชใหม่ ๆ ก็ยังเป็นพระหนุ่มน้อยอยู่ คราวนี้อาหมวยที่ใส่บาตรหน้าตาสวยมาก เขาเปิดร้านขายของ หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านสมัยพระหนุ่มก็แสดงความจริงใจ ท่านบอกว่าตกค่ำก็เอาบาตรไปนอนที่หน้าร้าน พอเขาเปิดร้านก็ยืนถือบาตรรอรับบาตรก่อนใครเลย ...(หัวเราะ)... นิทานเรื่องนี้หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านสอนให้รู้ว่า กูบ้ามากกว่ามึงอีก กูยังต้องบวชจนเป็นสมเด็จฯ เลย ...(หัวเราะ)... หมดอารมณ์เลยใช่ไหม ? อาตมายังไม่เคยทำถึงขนาดนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 01:46 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
ถาม : ผมไปซื้อปรอทจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มาต้มในหม้อดิน ต้องใช้ดักหรือใช้ฆ่าครับ ?
ตอบ : ใช้ฆ่า ถาม : ต้องเตรียมน้ำมันชาตรีกันระเบิดใช่ไหมครับ จะระเบิดไหมครับ ? ตอบ : กูละเบื่อ ไอ้พวกรู้งู ๆ ปลา ๆ สมควรตาย...! ถาม : ทีหลวงพ่อยังใส่น้ำมันชาตรี ? ตอบ : นั่นปรอทแข็งตัวแล้วเอามาหลอมใหม่ เดี๋ยวเตะก้านคอเลย...! ตายห่..ไปนี่ไม่ต้องคิดเลย ได้ปรอทมาใหม่ ๆ เขาต้องฆ่าพิษเสียก่อน ปรอทยังเป็น ๆ ไปต้มส่งเดชพิษฟุ้งขึ้นมาก็ตายห่..สิวะ รักจะศึกษาก็ไปศึกษาให้จริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่รู้งู ๆ ปลา ๆ แล้วกูก็ไปทำ ตายยกครัวขึ้นมาก็ไม่ต้องไปโทษใครเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
ถาม : ปรอทสำเร็จเพราะฆ่าออกมาจะแข็งตัวหรืออย่างไรครับ ?
ตอบ : ต้องทำให้แข็งตัวได้ก่อน หลังจากนั้นเราจะเสกอะไรก็ต้องหลอมต้องไปเรื่อย ถ้าสำเร็จจริง ๆ หลอมกี่ครั้งก็จะแข็งตัวเหมือนเดิม ถาม : ปรอทสำเร็จ ท่านที่สำเร็จอภิญญาอธิษฐานเข้าไปเหมือนชาร์จแบตฯ ไหมครับ เวลาเสก ? ตอบ : อธิบายไปเอ็งจะรู้เรื่องไหมนี่ ? คือบุคคลที่สำเร็จปรอทเขาจะต้องหลอมไป ภาวนาไป จนกระทั่งทรงฌานโดยอัตโนมัติ สรุปว่าที่สำเร็จไม่ใช่ที่ปรอทหรอก อยู่ที่ตัวคนนั่นแหละ ปรอทเป็นเพียงแต่เครื่องโยงให้เกิดศรัทธาในการทำเท่านั้น ถาม : ไม่ว่าจะได้กสิณอะไรมา ก็เหาะได้ทุกคน ? ตอบ : แต่ถ้าหากว่าถึงขนาดสำเร็จปรอทแล้วนี่ก็เหาะได้ทั้งนั้นแหละ ถาม : ต้องอมใช่ไหมครับ ? ตอบ : กลืนลงท้องไปก็ได้...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:02 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
ถาม : แล้วที่บอกว่าสำเร็จปรอทขั้น ๑ เป็นมหาเสน่ห์ ขั้น ๒ เป็นป้องกันภัย พอถึงขั้น ๒ แล้วจะซ้อนทับของเดิมไหมครับ ?
ตอบ : เหมือนกัน แต่ของใหม่จะแรงกว่า หมายความ ถ้าเป็นมหาเสน่ห์พอไปถึงขึ้นป้องกันภัยตัวมหาเสน่ห์ยังอยู่ แต่ป้องกันภัยจะออกหน้า ถ้าขั้นรักษาโรค ตัวรักษาโรคจะออกหน้า ตัวป้องกันภัยยังอยู่ แต่อยู่ข้างหลัง ถาม : แล้วขั้นไหนที่ปรอทจะกินทองครับ? ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วถ้ายังไม่ได้เริ่มต้นนี่กินกระจายเลย หลังจากนั้นแล้วก็กินน้อยลง ถาม : แล้วปรอทที่บรรจุในเบี้ยแก้ ? ตอบ : ใช้ปรอทวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่เขาต้องเรียกลงเบี้ย ไม่ใช่แค่กรอกเข้าไปเฉย ๆ อย่างหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ท่านเอาใบหญ้าคาพาดจากตัวเบี้ยไปหาภาชนะใส่ปรอท แล้วเรียกปรอทให้ไต่ใบหญ้าคาลงไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:05 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
ถาม : แล้วการทำปรอทกรอ ?
ตอบ : ปรอทกรอทำยากมาก ปรอทกรอเป็นวัสดุชนิดหนึ่ง คนที่เขาผ่าออกมาบอกว่าข้างในจะเป็นแผ่นสัมฤทธิ์บางเหมือนปีกจักจั่น ซ้อน ๆ สับกันไปสับกันมาเหมือนหวี แล้วมีเม็ดปรอทอยู่เม็ดหนึ่ง พอถึงเวลากระทบแล้วจะเกิดเสียง ถาม : แล้วการแบ่งตัวผู้ตัวเมีย เป็นเพราะเราแบ่งว่าเป็นลูกใหญ่ลูกเล็กหรือครับ ? ตอบ : จริง ๆ อยากจะบอกว่าคนทำขี้เกียจใช้วัสดุเยอะก็เลยทำลูกเล็ก แต่คราวนี้เขาก็เรียกลูกเล็กว่าตัวผู้ ลูกใหญ่ว่าตัวเมีย แต่จริง ๆ แล้วลูกเล็กน่าจะทำยากกว่า เราลองไปนึกว่าโลหะชิ้นหนึ่งถ้ากว้างสักนิ้วหนึ่งก็ใส่ง่ายใช่ไหม ? แต่ถ้ากว้างครึ่งเซ็นติเมตรจะไปใส่อย่างไร ? ก็ต้องเล็งกันตาเหล่ไปข้างหนึ่ง ถาม : พอทำไปถึงเป็นแก้วจักรพรรดิ เหาะได้ เลี้ยงคนได้ คุ้มครองคนได้ทั้งโลก เอาไปติดหินรูปปั้นแล้วล้มลุกได้ ยังทำอะไรได้อีกครับ ? ตอบ : แค่นั้นยังไม่พออีกหรือวะ เออ...แต่ว่ามาถามตรงนี้แล้วก็นึกได้ พวกที่ไปติดรูปแล้วเคลื่อนไหวได้ก็ยังย่องไปกินทองอยู่ดี แสดงว่ากินทุกขั้นตอนเลย ที่เขาติดเต่า ติดสิงโต ติดช้าง พวกนั้นก็ไปกินทอง กินเสร็จแล้วค่อยกลับ แสดงว่ากินทุกขั้นตอน อยากศึกษาก็ข้ามไปฝั่งพม่า ไม่ต้องไกลหรอก...ที่เมียวดีก็มีคนหนึ่ง ความจริงที่ทองผาภูมิก็มีคนสอนได้นะ เพียงแต่ว่าท่านไม่ค่อยอยากจะสอนใครเท่านั้นเอง ถาม : ใช่ฤๅษีใช่ไหมครับ ? ตอบ : ใช่...ที่อยู่ผาอ้น เพียงแต่ว่าท่านไม่ค่อยจะสอนใคร โดยเฉพาะว่าพูดคนละภาษาแล้วจะไปเรียนกันอย่างไร ? พอท่านบอกชื่อตัวยาที่เอามาฆ่าพิษปรอทนี่ปวดกบาลเลย เพราะเราไม่รู้ว่าชื่อกะเหรี่ยงพอเป็นไทยแล้วคืออะไร ต้องให้ท่านหาตัวอย่างมาให้ดูสักชิ้นหนึ่งถึงจะรู้ เรื่องอุปสรรคระหว่างภาษาก็ยุ่งเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:07 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
ถาม : ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ จะต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : อ๋อ...ต้องใช้คาถามหาเสน่ห์ของพระพุทธเจ้า ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:08 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงปู่เทพโลกอุดร ถ้าผมตั้งใจเดินตรงเข้าไป ท่านจะมารับไหมครับ หรือท่านจะลองใจผมครับ ?
ตอบ : คนตั้งใจไปหาท่านต้องอยากจะเอาดี ไม่ใช่ตั้งใจไปหาท่านอยากจะไปดูฤทธิ์ดูเดช ถาม : ผมอยากไปเรียนวิชาครับ ? ตอบ : ทำดูสิ ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้เอง ถาม : หลวงปู่ฤๅษีลิงขาวกับหลวงปู่ฤๅษีลิงเล็กยังอยู่ไหมครับ ? ตอบ : มรณภาพไปตั้งนานแล้ว ถาม : แล้วพระอรหันต์ ๗๐ กว่ารูปที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยกล่าวถึง ? ตอบ : มรณภาพไปเยอะแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:09 |
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
ถาม : มีคนเขาฝากปลาเค็มมาให้ทอดถวายพระอาจารย์ แต่ไม่สะดวกหนูเลยแบ่งมาถวายบางส่วน ?
ตอบ : หาทางถวายวัดไหนไปก็ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายวัด ถาม : หนูก็แบ่งมาถวาย ๒ ชิ้นแล้ว ? ตอบ : เขาตั้งใจถวายทั้งตัว หรือถวายแค่ ๒ ชิ้น ? ทำอะไรอย่ามักง่าย เดี๋ยวจะซวยไม่รู้ตัว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2016 เมื่อ 20:09 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#151
|
||||
|
||||
ถาม : .....ต้องธาตุลมใช่ไหมครับ เปิดลมเข้าไป ?
ตอบ : ไปถามท่านเอง...พอได้แล้ว สารพัดปัญหาที่ถามมา กูไม่เห็นมีการปฏิบัติของมึงอยู่เลย สงสัยเหี้...อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด ถาม : มีอีกตัวหนึ่งครับ ? ตอบ : คำว่าพอแล้วนี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหม ? หรือต้องฟาดกบาลด้วยไมค์...! การถามปัญหาต้องหวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ไม่ใช่ถามเพื่อหวังรวย..! ถาม : พระคาถาเงินล้าน ถ้าเราท่องได้ตามจบ ก็จะได้ใช่ไหมครับ ? ตอบ : เขาให้ทำ ไม่ใช่ให้ถาม อยากรู้ก็ไปทำ ถาม : การภาวนาคาถาเงินล้าน ภายในสองเดือน จะได้ของเก่าหรือไม่ได้ ถ้าทำถึงฌานสี่ก็ได้ผลหรือครับ ? ตอบ : แค่สมาธิเล็กน้อยก็ได้ เพียงแต่ให้ทำจริง ๆ และสม่ำเสมอเท่านั้น ถาม : สัมปะจิตฉามิ ภาวนาแบ่งแบบไหนดีครับ ? ตอบ : อยู่ที่เราสะดวกในการภาวนา จะเอากี่คำก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2016 เมื่อ 19:02 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#152
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "ประมาณกลางเดือนที่แล้วกรรมการวัดท่านหนึ่ง ก็คือ มิสเตอร์เดวิด คันนิ่งแฮม (ลุงเดฟ) เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ตายแล้วไปดี ลุงเดฟของพวกเราไม่ใช่โชคดี แต่เป็นเพราะความพยายามในการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาจริง ๆ
ลุงเดฟแต่งงานกับป้าอุ๋ย ป้าอุ๋ยบังคับลุงเดฟใส่บาตรทุกวัน ด้วยความรักเมียลุงเดฟก็ต้องลุกขึ้นมาใส่บาตร ใส่ไปใส่มา จนบางวันป้าอุ๋ยขี้เกียจ นอนเขลง ลุงเดฟก็ยืนใส่บาตรคนเดียว พอนานไปลุงเดฟก็ชักสงสัย "นี่ตกลงว่าศาสนาของเธอหรือศาสนาของฉันกันแน่ ?" พออาตมาสอนให้ภาวนา ลุงเดฟกลับทำได้ดี โดยเฉพาะภาวนาแล้วเห็นภาพพระพุทธรูปชัดมาก ขนาดอาตมาสร้างพระใหญ่หน้าวัด ทาสีขาว ลุงเดฟบอกว่าไม่ใช่ พระที่ท่านเห็นเป็นสีทอง ที่อาตมาทาสีขาวเพราะต้องการให้คนเห็นแต่ไกล ไม่ใช่ว่ากันตามที่ลุงเดฟเห็น คราวนี้ลุงเดฟป่วยเป็นมะเร็ง เวลาเข้าโรงพยาบาลไม่ต้องฉีดมอร์ฟีน ลุงเดฟก็ภาวนา พอเห็นภาพพระก็หายปวด...สบาย ลูกหลานเห็นลุงเดฟนิ่ง ๆ ก็ไปเขย่าเรียก พอหลุดจากสมาธิก็มาโอดโอยกับความปวด ก็ต้องเข้าสมาธิภาวนาใหม่ บางทีลูกหลานไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำอะไร แหม...น่าฆ่าให้ตายจริง ๆ คนภาวนาจนกำลังใจทรงตัวดันไปเขย่าให้หลุด ท้ายสุดลุงเดฟก็ไปสบาย เพราะเห็นพระอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว สมัยก่อนที่ลุงจะเป็นมะเร็ง เวลาวัดท่าขนุนมีงาน เราจะเห็นฝรั่งแก่ ๆ มาช่วยทำกับข้าวเลี้ยงโยมเลี้ยงพระ นั่นแหละ...ลุงเดฟของพวกเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2016 เมื่อ 03:33 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#153
|
||||
|
||||
"ลุงเดฟแต่งงานกับป้าอุ๋ยเพราะมีเพื่อนแต่งเมียคนไทย แล้วเมียเพื่อนทำกับข้าวเก่งมาก ลุงเดฟชอบกินอาหารไทยก็เลยแต่งกับป้าอุ๋ย โดยที่ไม่รู้ว่าป้าอุ๋ยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ท้ายสุดลุงเดฟจึงต้องไปหัดทำกับข้าวเสียเอง ตกลงว่าแต่งเมียจะเอาไปอวดชาวบ้าน ว่ามีเมียคนไทยทำกับข้าวเก่ง ก็เลยอวดไม่ได้ ต้องทำเอง
ไป ๆ มา ๆ ก็หัดใส่บาตร ทำกับข้าวใส่บาตรทุกวันจนชิน พอถึงเวลาให้ภาวนาก็ง่าย เพราะจิตใจเคยชินกับการจดจ่อทำกับข้าวถวายอาหารพระทุกเช้า ฉะนั้น...พวกเราเป็นคนไทยแท้ ๆ อย่างน้อย ๆ อย่าให้แพ้ลุงเดฟเขานะ ...(หัวเราะ)... อาตมาเชื่อว่ามีน้อยมาก วัดในประเทศไทยที่มีกรรมการวัดเป็นฝรั่ง แต่วัดท่าขนุนมี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2016 เมื่อ 03:34 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#154
|
||||
|
||||
"วีรกรรมของป้าอุ๋ยกับลุงเดฟมีเยอะมาก อาตมาบอกให้ป้าอุ๋ยไปเขียนหนังสือ ป้าอุ๋ยบอกว่าเขียนไม่เป็นหรอก แต่เล่าเป็น ป้าอุ๋ยเล่าให้ฟังแต่ละเรื่อง หัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง
เมื่อตอนที่ป้าอุ๋ยเพิ่งแต่งงานไป ลุงเดฟก็นัดเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน เพราะมั่นใจว่าป้าอุ๋ยทำกับข้าวเก่งเหมือนกับเมียเพื่อน ...(หัวเราะ)... แต่ความจริงป้าอุ๋ยทำอะไรไม่เป็น ป้าอุ๋ยโทรกลับมาบ้าน ให้แม่ซื้อหม้อหุงข้าวส่งไปทางเรือ สมัยก่อนยังไม่นิยมเครื่องบิน กว่าของจะไปถึงก็เป็นเดือน พอหม้อหุงข้าวไปถึง ป้าอุ๋ยก็คิดว่าสบายแล้ว ผัวว่าอยู่ทุกวันว่าทำกับข้าวไม่เป็นเสียชาติเกิด หุงข้าวไม่เป็นเสียชาติเกิด ป้าอุ๋ยก็ดูคู่มือการใช้หม้อไฟฟ้า ใส่ข้าวแค่นี้ ใส่น้ำแค่นี้ เสียบปลั๊ก จัดการเรียบร้อย ครบ ๑๕ นาที ปรากฏว่าพอเปิดหม้อดูยังเป็นน้ำใส ๆ เหมือนเดิม ป้าอุ๋ยจึงโทรมาหาแม่ บอกว่าทำตามที่เขาบอกแล้ว ทำไมข้าวไม่สุก แม่ถามว่า "แกได้กดปุ่มหรือเปล่า ?" ปรากฏว่าป้าอุ๋ยเสียบปลั๊กเฉย ๆ แต่ไม่ได้กดสวิตซ์...! หลังจากนั้นแม่ก็ดุป้าอุ๋ย "คราวหน้าแกจะโทรศัพท์ แกแหกตาดูเวลาด้วย ที่เมืองไทยนี่ยังไม่ตีสองเลยนะ" ...(หัวเราะ)... แต่ทางโน้นบ่ายโมงกว่าแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2016 เมื่อ 03:36 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#155
|
||||
|
||||
ถาม : อย่างฝรั่งที่เขาศรัทธาพุทธศาสนาในภายหลัง แต่เขาไปเกิดผิดที่ เกิดไกลไปหน่อย ?
ตอบ : บุคคลที่เคยสร้างบุญไว้ในขอบเขตของพระพุทธศาสนา ไปอยู่ไกลขนาดไหนเดี๋ยวบุญก็ส่งให้ก็เข้ามาได้เอง ถาม : อย่างตอนไปปากีสถาน แล้วคนปากีสถานถวายอาหารมา เขาจะได้อานิสงส์เกิดในพระพุทธศาสนาไหมคะ ? ตอบ : ต้องดูว่าก่อนตายใจเขาเกาะอะไร แต่ท้ายสุดอานิสงส์ก็จะส่งผลให้เขาจนได้ เขาจะรู้หรือไม่รู้ก็ต้องได้ ถ้าไม่เคยเนื่องกันมา เขาก็ไม่เคยนึกอยากจะถวายอยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2016 เมื่อ 04:58 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#156
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้พวกเราส่วนหนึ่งไปบ้านสายลมกันมา แม้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะจากเราไป ๒๔ ปีแล้ว พวกเราก็ยังคงจัดงานวันเกิดให้ท่านตามปกติ เหมือนกับว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ลักษณะอย่างนี้แหละที่โบราณกล่าวว่า "ตัวตายแต่ชื่อยัง" ก็คือ แม้ว่าหลวงพ่อท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว ด้วยความที่ท่านสร้างสมคุณงามความดีเอาไว้มาก ถึงเวลาชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านก็ยังเป็นที่เคารพนับถืออยู่ในหมู่คณะศิษย์ มีการจัดงานเพื่อการระลึกถึงอยู่เสมอ
ญาติโยมลองนึกดูว่า ในสมัยที่หลวงพ่อท่านยังอยู่ เวลาจัดงานแต่ละครั้ง มีบรรดาพระที่ให้ความเคารพเลื่อมใสท่าน ไปในฐานะลูกศิษย์ประมาณสามร้อยรูปเศษ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านกล่าวว่า "พระเหล่านี้ที่มา ต่อไปข้างหน้าถ้าท่านไปบอกกับคนอื่นว่าเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ให้พวกแกดูด้วยว่า มีใครที่ดำเนินรอยตามปฏิปทาของข้าหรือไม่ ? ถ้าท่านดำเนินตามปฏิปทาเดิมที่ข้าได้ทำเอาไว้ ท่านเหล่านั้นจึงจะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของข้าที่แท้จริง" ถ้าเรานึกย้อนไปสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่ปานจัดงานแต่ละที เรือจอดแน่นแม่น้ำชนิดเดินข้ามฝั่งได้เลย คนเป็นหมื่น อาตมาถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "ระหว่างหลวงพ่อกับหลวงปู่ปาน ถ้านับแล้วใครดังกว่ากัน ?" หลวงพ่อตอบว่า "หลวงปู่ปานดังกว่า ข้าจัดงานสมัยนี้คนเป็นแสน แต่มีวิทยุ มีหนังสือพิมพ์ มีทั้งโทรศัพท์ สมัยโน้นหลวงปู่ไม่มีอะไรเลย นอกจากบอกกันปากต่อปาก" หลวงปู่ท่านเลี้ยงทั้งพระทั้งเณรเอาไว้จำนวนมหาศาล เพราะท่านเปิดสอนบาลีด้วย หลวงปู่ปานเรียนบาลี ถ้าสมัยนี้ท่านต้องจบประโยค ๘ เพราะท่านแปลวิสุทธิมรรคได้ ชนิดตั้งวิเคราะห์ได้ทุกตัว แต่หลวงปู่ปานไม่ได้ไปสอบ เรียนเอาความรู้เฉย ๆ เพื่อไปแปลพระไตรปิฎกแล้วปฏิบัติให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน ลูกศิษย์พระเณรที่ศึกษากับหลวงปู่ปาน ไม่ว่าจะศึกษาบาลีก็ดี ศึกษากรรมฐาน หรือศึกษาวิชารักษาโรคก็ตามเกินสามร้อยรูป แล้วทำไมถึงได้มีบุคคลที่กล่าวได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ปานอยู่แค่นับนิ้วได้ ? แค่มือเดียวยังนับไม่หมดอีกด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2016 เมื่อ 05:01 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#157
|
||||
|
||||
"มาถึงยุคสมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็เหมือนกัน พระเณรที่ไปงานแต่ละครั้งเกินสามร้อยรูป พระเณรที่บวชอยู่ในวัด ทั้งที่หลวงพ่อท่านบวชให้ตั้งแต่แรกเริ่มก็ดี และอยู่ในวัดจนกระทั่งท่านมรณภาพก็ตาม ทั้งใหม่ทั้งเก่าเกินสี่สิบรูป ทำไมปัจจุบันนี้บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ปรากฏมีอยู่แค่ไม่กี่รูป ? พวกเราต้องนึกถึงตรงจุดนี้เอาไว้
อย่างที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ คือ ต้องดูว่าได้ปฏิบัติตามที่ท่านสอนไว้หรือเปล่า ? บุคคลที่ยึดถือปฏิปทาหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค สืบสายลงมา สามารถเสริมสร้างเกียรติคุณครูบาอาจารย์ได้อย่างชัดเจน ก็คือ หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ลำดับต่อจากนี้ ก็คือ บุคคลที่สืบสายปฏิปทาของหลวงพ่อวัดท่าซุงไป จะมีใครที่สามารถหนุนเสริมให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ขจรขจายไปมากกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่ ? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะพิสูจน์ได้ในระยะเวลาอีกไม่นาน สำคัญตรงที่ญาติโยมทั้งหลายต้องจับจุดให้ได้ ปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอนมา หรือสิ่งที่ท่านทำให้เราดู หลังจากนี้ไปในรุ่นของหลานศิษย์ เหลนศิษย์ จะมีใครสืบทอดปฏิปทาต่อไปได้ ก็จะเป็นเครื่องวัดได้เช่นกันว่า เราเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง จริงหรือเปล่า ? นี่เป็นเรื่องที่ฝากไว้ให้เป็นข้อคิดว่า ทำไมหลวงพ่อท่านมรณภาพไปนานแล้ว หลวงปู่ปานท่านมรณภาพไปนานยิ่งกว่านั้น หลวงปู่เนียมมรณภาพไปนานยิ่งกว่านั้นอีก หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายจึงยังมีชื่อเสียงเกียรติคุณ เป็นที่นับถือของคนทั้งในและต่างประเทศ ลองนำเอาไปตรองดูแล้วปฏิบัติตาม จะได้เกิดผลดีแก่ตัวของเราเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2016 เมื่อ 05:04 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#158
|
||||
|
||||
มีโยมเอาหนุมานเชิญธงมาถวาย "หนุมานเชิญธงตนนี้เป็นของหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน หนุมานเชิญธงนี่ต้องพร้อมลุยนะ เพราะเป็นธงนำทัพ ส่วนหนุมานหักศรนี่กำลังลุยอยู่ ถ้าจะเอาสบายต้องหนุมานครองเมือง แต่ก็สบายเกิน ท้ายสุดหนุมานก็หนีออกบวช เพราะขี้เกียจครองเมืองต่อ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2016 เมื่อ 16:44 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#159
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "กฐินปีนี้อาตมาจะเข้ากรรมฐานก่อนสามวัน จะอดข้าวลดน้ำหนักเสียหน่อย เพราะเริ่มอ้วนแล้ว สามวันน่าจะลดได้หลายกิโลกรัม
วันตักบาตรเทโวให้พวกเราไปแข่งกันเดินขึ้นเขา ว่าใครจะเดินถึงก่อนกัน ปีที่แล้วอาตมาอดข้าวสามวัน เดินขึ้นยอดเขารวดเดียวจบ ส่วนสมุห์กอล์ฟไม่ได้อดสักวัน พักสักสามพักกว่าจะถึงยอดเขา...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-10-2016 เมื่อ 17:20 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#160
|
||||
|
||||
ถาม : กำลังติดอยู่ในหล่ม ?
ตอบ : รู้ว่าติดหล่มก็รีบถอนตัว ไม่อย่างนั้นก็จมลึกไปเรื่อย ๆ หัดล้มเหลวเสียบ้าง ถ้าสำเร็จทุกอย่างชีวิตก็ไร้รสชาติ เรื่องของงานจำไว้ว่าขอให้ได้ทำ ไม่ได้แปลว่าทำแล้วต้องสำเร็จ ทำแล้วอย่าไปเสียใจ แต่ถ้าไม่ได้ทำก็น่าเสียดาย เราจะไม่รู้ว่าบทเรียนดี ๆ อย่างนี้ยังมีอยู่อีกเยอะเลย แต่อย่ามาให้ตูขุดออกจากหลุมบ่อยนักก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2016 เมื่อ 16:45 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|