|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#121
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เรามีโอกาสที่จะได้เจอเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงไหมคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็คือพวกที่ไม่หมดอายุขัยนั่นแหละ เขาจะตามไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เจ้ากรรมนายเวรคือผลกรรม แต่ที่มีตัวตนคือพวกนี้แหละ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานหรอก หมดอายุความเป็นมนุษย์แล้วก็ไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2013 เมื่อ 14:12 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : พญานาคเป็นพวกอะไรครับ ?
ตอบ : เป็นเดรัจฉานแต่ว่าอยู่ในเขตของความเป็นทิพย์ ต้องบอกว่าบุญใหญ่เขาก็มี แต่ว่าขณะเดียวกันจิตก็ไปเกาะในส่วนความเป็นอกุศลหน่อยหนึ่ง ก็มักจะไปเกิดเป็นเดรัจฉานกึ่งทิพย์ ตัวอย่างก็เอรกปัตตนาคราช เอรกปัตตนาคราชเดิมบวชเป็นพระ ถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่สองหมื่นปี แต่ว่าศีลขาด ไปทำต้นไม้ขาด เป็นการพรากของเขียวแล้วไม่ได้ปลงอาบัติ เลยไปเกิดเป็นพญานาค
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2013 เมื่อ 14:12 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่มีสายตามีอำนาจมาก ที่จะมองใครแล้วทำให้ตายมีไหมคะ ?
ตอบ : พระยายมมีอาวุธคือสายตา เคยอ่านคาถาเทพอาวุธไหม ? ยะมัสสะ นะยะนาวุธัง พระยายมมีสายตาเป็นอาวุธ อาตมาเจอมาเอง สมัยที่เรียนชั้นมัธยม เพื่อนผู้หญิงคนนี้ชื่อนันทา วงศ์สุวรรณ เวลาเขามองนี่ อาตมาเข่าอ่อนกองกับพื้นเลย เหมือนหัวใจจะขาด ตาเขามีอำนาจมาก แต่เขารู้ตัวนะ..เขามักจะหลบ ๆ ตาลง ไม่ค่อยมองใคร ตอนแรกที่อ่านในวินีตวัตถุของปาราชิกที่ว่า ภิกษุฆ่ามนุษย์ให้ตาย ต้องอาบัติปาราชิก มีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า “ผู้มีดวงตามีอำนาจ ถลึงตาจ้องมองผู้อื่นตั้งใจให้ตาย ถ้าเขาตาย ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระ” ถ้าไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มาจะไม่รู้เลยว่าเป็นอย่างไร แต่พอเจอมาแล้วรู้จริง ๆ แค่เขามองธรรมดาอาตมาร่วงไปกองกับพื้นเลย ถาม : มีเด็กคนหนึ่งพ่อแม่เขาบอกว่าชอบหลบตาคน หนูเห็นรู้เลยว่าตาเขามีอำนาจ ตอบ : คงจะลักษณะเดียวกับของนันทา นันทานี่เพื่อนทั้งห้องกลัวหมด เขาเป็นคนเงียบ ๆ แล้วนั่งเหลือบตาลงต่ำอยู่เรื่อย แม้กระทั่งครูยังไม่กล้าถามเลย คงจะประเภทลูกหลานพระยายมมาเกิด ตาเขามีอำนาจรุนแรงมากเลย ถาม : เป็นกรรมหรือเปล่าคะ ? ตอบ : อันนี้เขาเรียกกัมมวิปากชาฤทธิ์ เป็นฤทธิ์ที่เกิดขึ้นโดยวิบากกรรม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:37 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่ทำบุญตั้งใจไปเกิดเป็นพญานาค ?
ตอบ : ไปได้..นั่นเป็นความตั้งใจของเขา จัดเป็นอธิษฐานบารมี ในเมื่อเจตนาเขามุ่งมั่นอย่างนั้น บวกกับแรงบุญหนุนส่ง เขาก็จะไปเกิดในสถานที่นั้น เขาตั้งใจไปว่าจะเป็นอย่างนั้น ถึงเวลากรรมก็ปรุงแต่งให้เขาเป็นอย่างนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-09-2013 เมื่อ 17:27 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่เกิดที่พรหมชั้นที่ ๑๑ เป็นคนประเภทไหน ?
ตอบ : เป็นบุคคลที่ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิระดับฌาน ๔ แล้วมีความสุขอยู่ในสมาธิ ไม่ยอมคลายออกมา ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็เลยไม่รับรู้เรื่องภายนอก ก็อยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ถาม : แสดงว่าท่านอยู่ในอภิญญาสมาบัติ ? ตอบ : เป็นอำนาจของฌานสมาบัติ แต่ท่านไปด้วยฌาน ๔ อย่างเดียว แล้วมีความสุขอยู่ในฌานนั้นไม่ยอมคลายจิตออกมา เกาะมั่นเลย ในเมื่อเกาะมั่นไม่ยอมคลายก็เลยเป็นอย่างนั้น ถึงเวลารับรู้อะไรไม่ได้ เพราะว่าสมาธิดำเนินอยู่ข้างในอย่างเดียว ถึงเป็นรูปพรหมอยู่ก็กลายเป็นหมันไปเลย ก็คือรับรู้อะไรข้างนอกไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:40 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การหลุดจากลมหายใจเข้าออกคืออะไรคะ ?
ตอบ : คิดเรื่องอื่น ไม่ได้อยู่กับลมหายใจเข้าออก พูดง่าย ๆ คือฟุ้ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:40 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนรอบข้างเขาบอกว่า เวลาหนูทำงานมีสมาธิกับงานมากเกินไป ไม่ได้ยินเสียงคนอื่น จริง ๆ แล้วเราทำงานหนักแต่จิตเราก็นิ่ง หนูก็เลยไม่รู้ต้องแก้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ ถ้าสภาพจิตนิ่ง ข้างนอกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เป็นลักษณะของสมาธิใช้งาน เหมือนกับน้ำก้นบ่อลึก ๆ ปากบ่อกระเพื่อมไปตามแรงลม แต่น้ำก้นบ่อยังนิ่งอยู่ ถ้าอย่างนั้นถึงจะใช้ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:41 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : บางทีเห็นของกินสิ่งนี้่แล้วบอกว่าไม่กิน เพราะต้องจ่าย แต่ก็อดไม่ได้ ?
ตอบ : เป็นเพราะกิเลสชวน ที่เขาบอกว่า “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ไม่ตายดอกถ้าอดเสน่หา” ไม่ตายหรอกแต่ทรมาน ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:42 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#129
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทางไปสวรรค์ไปอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าตรงไปข้างหน้าเป็นนรก ถ้าซ้ายมือหน่อยจะเป็นสวรรค์ ถ้าขวามือเป็นพรหม เลือกเอาว่าจะเลี้ยวไปทางไหน ? แต่ถ้าไปในสภาพจิตที่ละเอียดจริง ๆ ตรงทาง ๓ แพร่งจะมีเสาใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง เขาเรียกเสาอินทขีล เป็นการกั้นเขตระหว่างโลกมนุษย์กับโลกอื่น ตรงนั้นจะมีเทวดารักษาอยู่ท่านหนึ่งเรียกท่านว่า "ลุงอิน" ก็ได้ ถ้าไปไหนไม่ถูกให้ถามท่าน ท่านจะบอกทางได้ ส่วนใหญ่ลูกหลานหลวงพ่อวัดท่าซุงไร้มารยาท ไปทีเดียวก็พรวดข้ามหัวท่านไปทุกที คราวหน้าหัดไปช้า ๆ ดูบ้าง จะได้รู้รายละเอียดว่าอะไรอยู่ที่ไหน แล้วเราจะได้รู้ว่าทำไมวัดทางเหนือถึงได้นิยมสร้างเสาอินทขีล อินทขีลจริง ๆ ก็คือหลักเขต เหมือนกับปัจจุบันเวลาเราซื้อที่ก็มีหมุดหลักของกรมที่ดิน เขาจะแสดงอาณาเขตให้เรารู้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2013 เมื่อ 03:44 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#130
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : องค์พระมาลัยมีจริงไหมครับ ?
ตอบ : มัวแต่สงสัยอยู่นั่นแหละ..เราก็คิดว่ามีองค์จริงก็แล้วกัน ถาม : ถ้ามีจริงแล้วถ้าเราเอาเรื่องพระมาลัยมาตีความ ? ตอบ : แล้วทำไมถึงต้องตีความ ? ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)......เป็นการปรามาส ? ตอบ : ไม่สมควร ประวัติพระมาลัยมีอยู่ บอกไว้ชัดว่าเป็นคนที่ไหน เกิดเมื่อไร หาในอินเตอร์เน็ตก็มี ถาม : เราสามารถแต่งเติมเนื้อหาเข้าไปได้ไหมครับ ? ตอบ : เติมเข้าไปได้ แต่เติมในลักษณะเสริมเกียรติของท่าน อย่าไปเติมในลักษณะทำให้ท่านเสียหาย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#131
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ฤกษ์ที่จะสร้างโบสถ์ ไปตรงกับวันอัฏฐเสาร์ นวศุกร์ สร้างบ้านได้ไหมครับ ?
ตอบ : เขาบังคับว่าพวกนี้เป็นฤกษ์สร้างอุโบสถ ห้ามสร้างบ้าน คุณไปตีความตรงกันข้ามหมด ศุกร์ ๙ ค่ำ เสาร์ ๘ ค่ำ ให้สร้างโบสถ์อย่างเดียว ห้ามทำอย่างอื่น ถาม : ใช้ตอนวางศิลาฤกษ์ ? ตอบ : เอาไว้วางศิลาฤกษ์หรือยกเสาเอก ถาม : ต้องใช้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์หรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าหาฤกษ์ที่ตรงกับพรหมประสิทธิ์ได้ดีกว่า ไหน ๆ ก็ทำแล้วให้ก็สบายใจว่าดีทุกอย่าง คุณเรียนจุฬาฯ มาหรือเปล่า ? ถาม : ครับ ตอบ : คนจบจากจุฬาฯ จะมีการพูดลักษณะเดียวกันหมด อาตมาฟังดูจะรู้ ไม่ต้องใช้ความเป็นทิพย์เลย พวกเราต้องหัดสังเกตดู พวกนิสิตจุฬาฯ จบมาจะพูดแบบเดียวกันหมด เราต้องช่างสังเกต คิดดูว่ากิเลสละเอียดมาก ถ้าเราไม่ช่างสังเกตจะกันกิเลสไม่ทัน พอช่างสังเกตเรื่องพวกนี้ก็กลายเป็นเรื่องหยาบ ๆ เท่านั้น ไปเจอพวกนิสิตจุฬาฯ มากี่คนพูดลักษณะเดียวกันหมดเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#132
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ดู่ท่านสร้างพระอัศจรรย์มาก ถ้าพระธาตุขึ้นนี่ขึ้นเต็มองค์เลย ท่านสร้างพระเหนือพรหมเป็นรูปของท้าวพกพรหม แล้วมีพระพุทธเจ้าองค์เล็ก ๆ อยู่บนเศียร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#133
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ในเรื่องศีลห้า ผมไปอ่านเจอเขาบอกว่าศีลข้อ ๑ ห้ามฆ่าสัตว์ ต้องมีเมตตา กรุณา มีความละอาย ?
ตอบ : เมื่อวันวิสาขะฯ ที่ผ่านมา อาตมาอธิบายให้เด็กฟังว่า เราจะไม่ฆ่าสัตว์และไม่ทำร้ายสัตว์โดยเจตนา ถึงเวลาให้ศีลจะให้เป็นบาลีแล้วแปลไทยทีละข้อ เช่น ข้อที่ ๒ อทินนาทานา เวรมณี ข้าพเจ้าจะเว้นจากการลักขโมยและเว้นจากการหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ อธิบายให้เขาฟังทีละข้อ กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี ข้าพเจ้าจะงดเว้นจากการแย่งคนรักของคนอื่น แย่งของรักของคนอื่น เด็ก ๆ นี่แย่งของเล่นก็ไม่ได้นะ แย่งก็ผิดศีล ถาม : รวมถึงของเล่นด้วยหรือครับ ไม่ได้อยู่ในข่ายศีลข้อที่ ๒ หรือครับ ? ตอบ : อยู่ในข่ายกาเมสุมิจฉาจาร ก็คือไปแย่งของรักของคนอื่น ถ้าเป็นของเล่นเขา บางทีเด็กเขาไม่ได้ตั้งใจขโมยหรอก แต่เห็นคนอื่นเล่นแล้วตัวเองก็อยากเล่นบ้าง ไปกระชากเขามาเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 14:04 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#134
|
||||
|
||||
![]()
เราต้องอธิบายให้ละเอียด เรื่องจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ในปัจจุบันไม่มีพระรูปไหนทำได้ครบ เพราะถ้าอธิบายแล้วทำได้ครบนี่ตายเลย กระดิกไม่ได้เลย แม้กระทั่งในเรื่องของการปลุกเสกเลขยันต์ก็แตะไม่ได้เลย การดูหมอ ดูดวงก็ไม่ได้เลย
ถาม : อยู่ที่เจตนาหรือเปล่าครับ ? ตอบ : เจตนาเขาต้องตั้งไว้ในการสงเคราะห์คน ไม่ได้ทำเพื่อลาภ ถาม : ถือว่าเป็นการผิดวินัยสงฆ์ไหมครับ ? ตอบ : พระวินัยสงฆ์ไม่ได้บอกรายละเอียดไว้มากขนาดนั้น แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านอธิบายเพราะว่าคนอินเดียสมัยนั้นส่วนใหญ่ไปสุดโต่ง ในเมื่อไปสุดโต่ง อธิบายละเอียดหน่อยก็เป็นการดีสำหรับพวกเขา ที่พราหมณ์เขาบอกว่าสมณโคดมก้มหน้ากินหรือเงยหน้ากิน พระพุทธเจ้าบอกว่าท่านไม่ได้พินิจแผ่นดิน ไม่ได้ดูหมอดูดวงอะไร ท่านจึงไม่ได้ก้มหน้ากิน และไม่ได้เงยหน้ากิน เพราะการดูดวงต้องพิจารณาจากดวงดาวต่าง ๆ ก็ต้องเงยดู
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 14:05 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#135
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ถ้าต้องอาบัติปาราชิก ไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นพระได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : หมดสิทธิ์เลยจ้ะ บวชใหม่ก็ไม่เป็นพระ เอาผ้าเหลืองไปห่มตอดีกว่า อย่างน้อยไหว้ผ้าเหลืองก็ยังได้อนุสติอยู่บ้าง ถาม : ถ้าปาราชิกวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ทำสังฆกรรม ? ตอบ : เจ๊งตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอก สมัยนี้สังฆกรรมที่บริสุทธิ์หายากขึ้นเรื่อย ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 14:05 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#136
|
||||
|
||||
![]()
(คุยกับเด็ก) "น้องญาไปโดนอะไรมาจ๊ะ ? เห็นเป็นแผล"
ถาม : โดยยุงกัดค่ะ ขาลายไปหมด ตอบ : ราคาค่าตัวตกหมดเลย น้องญาต้องฝึกสมาธิให้ได้ฌาน ๔ แล้วยุงจะไม่กิน เมื่อสมาธิทรงตัว ลมหายใจจะเหลือแต่ลมละเอียด ลมละเอียดก็เท่ากับไม่มีลมหายใจในความรู้สึกของคนทั่วไป ในเมื่อถึงระดับนั้นร่างกายก็เหมือนกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง พวกยุงมาแล้วตามความร้อนไม่ได้ จะเลยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าไม่กินนะ ถ้ายุงตามความร้อนได้ก็กิน แต่นี่ตามไม่ได้ คิดว่าเป็นท่อนไม้ก็เลยไม่กิน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2013 เมื่อ 02:30 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#137
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผู้นับถือศาสนาอื่นสามารถปฏิบัติในกุศลกรรมบถ ๑๐ ได้ไหมคะ ?
ตอบ : จริง ๆ จะว่าไปแล้ว ถ้าศาสนาอื่นเขารู้วิธีทำ เขาก็ทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ แต่มีอยู่ข้อหนึ่ง คือ ทิฎฐุชุกรรม การมีความเห็นเป็นสัมมาทิฐิ บางศาสนาจะทำไม่ได้ เพราะว่าหลักการผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว ถาม : เผอิญว่าหนูมีเพื่อนต่างชาติเป็นคริสต์ค่ะ ตอบ : ถ้าเป็นพวกคริสต์ จะคาทอลิก โปรแตสแตนต์ มอร์มอน หรือ ออร์โธดอกซ์ทำได้ทั้งนั้น ถาม : ในเรื่องของทาน ? ตอบ : เขากันทำเป็นปกติ เพียงแต่เขาทำในลักษณะที่ว่า ช่วยเหลือเฉพาะคนของเขา ถาม : เคยถามเขา เขาจะมีอธิษฐานด้วย ตอบ : อาตมาอยู่กลางดงอิสลามมาหลายปี ไปกินบุญเขามานับงานไม่ถ้วนแล้ว ชอบงานอิสลามอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเราไปแล้วขากลับเขาจะให้ค่ารถกลับ ปกติงานบ้านคนไทยเราต้องเอาเงินไปช่วยเขา แต่งานบ้านอิสลามนี่ต้องให้เงินคนไปร่วมงาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2013 เมื่อ 14:28 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#138
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การเจริญอนิจสัญญาทำอย่างไร ?
ตอบ : เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง คน สัตว์ วัตถุสิ่งของ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด พูดง่าย ๆ ว่ามองไปทางไหนก็ต้องเห็นให้ได้อย่างนั้น อย่างเช่น เห็นต้นไม้ก็จากต้นเล็ก ๆ โตขึ้นมาสูงสักคืบ สูงสักศอก สูงสักวา ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ท้ายสุดก็ตาย เห็นคนก็คิดว่า นี่เด็กเล็ก นี่เด็กโต นี่หนุ่มสาว นี่วัยกลางคน นี่คนแก่ เดี๋ยวก็ตายเหมือนกัน จะเห็นลักษณะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีแต่ความเป็นอนิจจัง หาความแน่นอนไม่ได้ ของทุกอย่างก็เห็นลักษณะเดียวกัน แม้แต่ของที่แข็งแรงอย่างเรือนชานบ้านช่อง ตอนนี้ใหม่อยู่อีกไม่นานก็ค่อย ๆ เก่า ท้ายสุดไม่เกิน ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีก็พังหมดเหมือนกัน ถาม : แรก ๆ ก็คือจำ ? ตอบ : ตอนแรกก็คือรู้ในลักษณะที่ศึกษามาว่าเป็นอย่างนั้น แต่พอพิจารณาไป ๆ ปัญญาถึง สภาพจิตจะยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นอย่างนั้น ถ้ายอมรับจริง ๆ เมื่อไรนั้นถึงจะเป็นของแท้ ถาม : แล้วนิโรธสัญญา ? ตอบ : อันนั้นอยู่ในลักษณะของนิโรธสมาบัติเลย เข้าถึงความดับ โลกียะก็ไม่เอา โลกุตระก็ไม่เอา ผ่ากลางไปพอดี ๆ เลย อันนี้เป็นเรื่องอธิบายยาก ค่อย ๆ ทำให้ถึง ถาม : ถ้า... ? ตอบ : อย่าเดา ถ้าเดาเดี๋ยวผิด เรื่องของธรรมะ “คิดว่า คาดว่า” ไม่ได้ ต้องประเภทเข้าถึงแล้วเป็นปัจจัตตัง อธิบายเป็นภาษาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนอื่นพูดมาเราจะรู้ว่าใช่ ถาม : นิโรธสัญญาเป็นกรรมฐานที่นอกจากกรรมฐาน ๔๐ หรือครับ ? ตอบ : จะว่าไปแล้วก็อยู่ในกรรมฐาน ๔๐ นั่นแหละ เพียงแต่ว่าบุคคลที่ทำจนคล่องตัวจริง ๆ ก็เหมือนอย่างกับต่อยอดขึ้นไปได้อีกหน่อย อยู่ในระหว่างของโลกียะและโลกุตระ อยู่ในระหว่างกึ่งกลางของสมถะและวิปัสสนา ไม่เอาอะไรเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2013 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#139
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ปฏิฆานุสัย ก็คืออารมณ์กระทบกระทั่งทั้งด้านดีและด้านร้าย ?
ตอบ : ต้องบอกว่าทั้งด้านดีและด้านร้าย ถ้าดีเราไปยินดี ถ้าร้ายเราไปยินร้าย ทำให้เกิดการปรุงแต่งได้ทั้งคู่ ปฏิฆะเหมือนกับสะเก็ดไฟที่เริ่มติด ถ้าเราไปปรุงแต่งต่อก็จะเป็นราคะหรือโทสะ กลายเป็นราคัคคิ โทสัคคิ ไฟราคะหรือไฟโทสะก็ผลาญเรา ปฏิฆะเหมือนกับเอาหินเหล็กไฟมากระแทกกัน ถาม : กามราคานุสัยเป็นผลเนื่องมาจากปฏิฆานุสัย ? ตอบ : กามราคานุสัยส่วนใหญ่ไปทางราคะและโลภะ ปฏิฆานุสัยส่วนใหญ่จะไปทางโทสะ ฉะนั้น..จะว่าเนื่องกันไหม ? ก็มีสิทธิ์เนื่องกันได้ เพราะว่าในเมื่อไม่ได้อย่างใจก็จะโกรธ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2013 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#140
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : บุคคลที่ยอมรับกฎของกรรมต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไปหรือคะ ?
ตอบ : ตั้งแต่พระโสดาบันไปเขาก็ยอมรับกฎของกรรมกันหมดแล้วจ้ะ ถาม : แล้วท่านไม่ช่วยเลยหรือคะ ? ตอบ : ช่วย...แต่ต้องดูว่าเกินวิสัยหรือเปล่า ? เมตตาได้ กรุณาได้ แต่ถ้าเกินวิสัย เกินกำลัง ท่านก็อุเบกขา แล้วถ้าท่านทั้งหลายเหล่านี้อุเบกขาก็เบรกได้หนักกว่าเรา เพราะกำลังใจของท่านสูงกว่ามาก ถาม : คนที่ยังตามหลังก็ต้องระวังตัวเอง ตอบ : อัตตา หิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน รับรองได้ว่าอาศัยได้แน่นอน ถ้าหวังจะพึ่งพระท่านก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2013 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|