|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#121
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราเอาพระเครื่องไว้ที่บ้าน อาราธนาและนึกถึงตอนออกจากบ้านมา ?
ตอบ : นึกถึงได้ แต่เรานึกถึงได้ตลอดเวลาไหม ? ถ้าไม่ได้ตลอดเวลา ก็ต้องพกติดตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2016 เมื่อ 19:55 |
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาที่ตัวสั่น รู้สึกเหนื่อยค่ะ ?
ตอบ : นอกจากตัดใจได้ อย่างอื่นก็ไม่มี ต้องตัดใจได้ว่าตายเป็นตาย ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเรารู้จักสังเกตจะเห็นว่าตัวสั่น แต่ใจเรานิ่งมาก สนใจแต่ใจ ไม่ต้องไปสนใจร่างกาย ตายลงไปยิ่งดี เพราะเราไม่อยากอยู่บนโลกนี้อยู่แล้ว ถาม : ปกติไม่เคยกลัวค่ะ แต่พอมาภาวนาโสตัตตะรู้สึกสั่นจนกลัวค่ะ ? ตอบ : ก็บอกแล้วว่ากำลังคนละระดับกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2016 เมื่อ 19:56 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
||||
|
||||
ถาม : หนูอยากทราบเกี่ยวกับ ๑๒ นักษัตร ว่าทำไมสัตว์ทั้ง ๑๒ ตัวจึงได้มาประจำแต่ละปี ?
ตอบ : เหมือนกับเป็นนิทานอย่างหนึ่ง เล่าว่าพระเจ้าเรียกสัตว์ทั้งหลายมาประชุมกัน เพื่อจะพิจารณาว่าใครที่เหมาะสมกับการที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นสัตว์ประจำในแต่ละปี ถ้าสัตว์ชนิดไหนมาถึงก่อนก็จะตั้งให้ประจำแต่ละปีไป และ ๑๒ ตัวนี้เขามาถึงก่อน แต่ของทางเหนือไม่เหมือนกับของเรา ของเราปีกุน ของภาคเหนือปีช้าง ถาม : คนที่เกิดตามนักษัตรแต่ละปี มีผลไหมคะ ? ตอบ : มีผลน้อย ถ้าเราไปคิดว่ามีก็จะมี เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ถาม : อย่างคนที่เกิดปีไก่จะมีนิสัยแบบไก่ไหมคะ ? ตอบ : ไม่แน่ ยังมีรายละเอียดอีกเยอะมาก เอาอย่างนี้...ถ้าสนใจไปอ่านตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ เขาจะบอกไว้เลย เช่น ปีไก่ เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เป็นอย่างไร เดือนสี่ เดือนห้า เดือนหก เป็นอย่างไร ยังมีรายละเอียดสอดแทรกอีกเยอะ เราจะเป็นไก่ป่า หรือเป็นไก่พระยาเลี้ยง แต่ส่วนใหญ่เป็นคำทำนายแบบรวม ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 02:11 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาบอกว่าโลกนี้คือละคร ผู้คนก็โลดแล่นไปตามบทบาทของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วน้อยคนที่จะมีสติทำตัวเป็นผู้ดู มักจะสิ้นสติโดดลงไปเป็นผู้เล่น แล้วก็โดน รัก โลภ โกรธ หลง ครอบงำให้ติดอยู่อยู่กับบทบาทนั้น ๆ
ถ้าเราทำตัวเป็นผู้ดูได้ ก็เหมือนกับเราอยู่นอกเวที ในเมื่อเราอยู่นอกเวที เราจะสะบัดก้นจากไปเมื่อไรก็ได้ แต่คนที่อยู่บนเวทีถ้าเล่นไม่จบบทบาทก็เลิกไม่ได้ แล้วขณะเดียวกันเลิกไม่ได้ไม่ว่า บางทีก็ยึดติดบทบาทต่อไปอีก ไม่ยอมเลิก ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมันเถอะนะ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 19:42 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วัดท่าขนุนเป็นเจ้าภาพจัดอบรมพระใหม่ก่อนสอบ ก็แค่ ๑๕๙ รูป ไม่มากไม่มายอะไร รวมบรรดาอาจารย์ด้วยก็เฉลี่ยราว ๆ ๒๐๐ รูป ก็แปลว่าเราจะเลี้ยงพระประมาณ ๒๐๐ รูปอยู่ ๕ วันติดต่อกัน แล้วเขาก็จะทิ้งขยะไว้ให้เราเก็บกัน
จากการคาดการณ์ของอาตมาโดยไม่ต้องใช้ความเป็นทิพย์เลยนะ ต่อไปการอบรมพระใหม่ก็จะลงหลักปักฐานที่วัดท่าขนุน ถึงเวลาก็จะมาอบรมที่นี่ เพราะว่าสถานที่พร้อม บุคลากรพร้อม ที่พักอาหารพร้อม แล้วโดยเฉพาะเจ้าอาวาสเต็มใจที่จะจ่าย เพราะถือว่าทำบุญ การเลี้ยงพระก็เป็นสังฆทาน อบรมพระก็เป็นธรรมทาน มีแต่ได้กับได้ ความจริงแล้วสงสารเจ้าคณะอำเภอ ท่านหาพระที่จะทุ่มเทให้กับคณะสงฆ์ไม่ค่อยได้ เลยวนเวียนอยู่แค่ ๒-๓ วัดนี้ ผลัดกันเป็นเจ้าภาพคนละทีสองที รองเจ้าคณะอำเภอถึงกับบ่นเลย “โอ้โฮ...อาจารย์เล็ก ตั้งแต่ผมรับตำแหน่งมานี่เลือดไหลไม่หยุดเลย” คำว่าเลือดไหลไม่หยุดของท่านก็คือ รายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็อยากตะเกียกตะกายขึ้นไปเองแล้วจะไปโทษใครเล่า ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 19:44 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปหาพระอาจารย์ศิริชัย มีใครรู้จักบ้างไหม ? บอกชื่อว่าพระอาจารย์ศิริชัยไม่มีใครรู้จัก ต้องบอกอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังการ์ ค่อยรู้จัก
เนื่องจากว่าไปแล้วคนเยอะ อาตมาก็นั่งอยู่ข้างหลังรอเวลา เพราะว่าถ้าไม่ถึงเวลาท่านก็รักษาไม่ได้ พอได้เวลาปุ๊บ ท่านก็ “เอ้า...นิมนต์พระก่อนครับ” ในเมื่อนิมนต์พระก่อนอาตมาก็แซงคิว ด้วยความที่เพิ่งจะเจอตัวเป็น ๆ กันเป็นครั้งแรก อาตมาก็ทำให้ท่านลำบากใจ เพราะว่านั่งรออยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง ท่านก็ไม่สูบบุหรี่ ไม่มึงมาพาโวย นั่งเรียบร้อย พอถึงเวลาไปรักษา อาตมาเป็นคนไม่โลภมาก รู้ว่าท่านรักษาลำบาก ก็เลยเอาทีละโรค ก็เป็นอันว่าอาตมาก็เข้าใจท่าน ท่านก็เข้าใจอาตมา ประเภทไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ อะไรประมาณนั้น ก็เลยไม่ต้องเสียเวลาคุยอะไรกัน รักษาเสร็จก็ต่างคนต่างไป พอครั้งที่สองไปก็เหมือนเดิม แต่พอเผลอหน่อยเดียวโยมไปกราบท่าน ท่านบอก “โน่น ๆ ไปกราบหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนโน่น” อ้าว...แล้วกัน ตอนแรกไม่พูด ตูก็นึกว่ารอดแล้ว อุตส่าห์ไม่บอกไม่กล่าวแล้ว ยังรู้จักอีกนะ ไปนึกถึงสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีหลวงปู่ธรรมชัยคอยรักษาโรค ตอนนี้คาดว่าใครป่วยมาอาตมาก็ส่งให้ท่านอาจารย์บ๊ะหมด ถึงเวลาก็ไปกวนกันเองแล้วกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 19:46 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
||||
|
||||
ถาม : ผมมาขอขมาด้วยกาย วาจา ใจ ที่ไม่สมกับเป็นนักปฏิบัติวัดท่าขนุน ?
ตอบ : เดี๋ยวก็ได้ขออีกเยอะ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เอาเป็นว่าจบแค่นี้ก่อน เขาเรียกว่าของขึ้นง่าย ในเมื่อของขึ้นง่าย ใครแหย่ไม่ได้ ก็กลายเป็นว่าคนฉลาดกว่าก็แหย่เราเล่นเป็นของสนุก ถาม : ผมพยายามจะลดโทสะลง แต่กลายเป็นมากขึ้น ? ตอบ : เลยกลายเป็นเก็บกด แล้วไประเบิดทีหลัง ถาม : ผมต้องภาวนาให้มากขึ้น หรือทำอย่างไรดีครับ ? ตอบ : ภาวนาแล้วแผ่เมตตา พิจารณาให้เท่าทันว่า สิ่งที่เขาทำสมควรแก่การโกรธหรือไม่ ? เราจะโกรธเขาหรือไม่โกรธเขา เขาตายไหม ? เราจะโกรธเขาหรือไม่โกรธเขา เราตายไหม ? ถ้าเราตายตอนเราโกรธเราจะไปไหน ? สมควรที่จะโกรธอย่างนั้นอีกไหม ? คิดให้เป็นแล้วเราจะทิ้งไปได้เยอะเลย ขอขมาถูกแล้ว ไม่สมควรแก่การเป็นลูกศิษย์สถาบันวัดท่าขนุน สถาบันวัดท่าขนุนต้องฉลาดกว่านี้ เจ้าอาวาสท่านฉลาดจะตายไป..! ...(หัวเราะ)... ถาม : เรื่องความผิดพลาดต่าง ๆ จะพิจารณาอย่างไร ? ตอบ : ก็บทเรียนอย่างไรเล่า ถึงเวลาผิดเป็นบทเรียน ต่อไปเราก็จะผิดน้อยลง รู้ว่าไอ้ที่ผิดไปแล้วเราจะผิดอีกไม่ได้ ถาม : แต่ในระหว่างบทเรียน เราต้องจำตลอดชีวิตใช่ไหมครับ ? ตอบ : จะได้รู้ว่าต่อไปอย่าได้โง่อย่างนั้นอีก ถาม : ที่เขาแหย่มาผม บางทีผมรู้ว่าเป็นกรรมเก่าของเรา แต่ผมก็รับเข้ามา ทำใจอย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุดครับ ? ตอบ : ก็แค่ไม่รับ ถ้าไปรับทุกข์มาก็ช่วยไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 19:48 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
ถาม : คุณแม่ป่วยหนักอยู่โรงพยาบาล จะหายไหมครับ ?
ตอบ : อันนี้ต้องถามหมอ ไม่ใช่ถามพระ ไปเถอะ...ทำหน้าที่ของลูกให้ดี ถ้าท่านอยู่ก็ดูแลรักษาท่านไป ถ้าหากว่าท่านไม่อยู่แล้วเราก็ไม่มีโอกาสอย่างนี้อีก สอนแม่ให้รู้จักภาวนา บอกแม่ว่าถ้าจับลมหายใจอยู่ จะไม่เจ็บไม่ปวด ถาม : ภาวนา "นัมเมียว" ได้ไหมครับ ? ตอบ : อย่างไรก็ได้ แต่ว่าให้อยู่กับลมหายใจให้ได้แล้วกัน จะภาวนานัมเมียวหรือพุทโธก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2016 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#129
|
||||
|
||||
ถาม : หลานสาวเกิดมาขาโก่ง ต้องทำบุญอะไรจึงจะดีครับ ?
ตอบ : ต้องไปหาหมอ ไม่ใช่เข้าวัดทำบุญ หลานอายุเท่าไร ? ถาม : อายุถึงปีแล้วครับ หาหมอแล้วหมอจะผ่าอย่างเดียว ? ตอบ : พาไปวัดโพธิ์ลังกาที่อินทร์บุรี ก่อนจะเข้าชัยนาท ไปหาหลวงพ่อบ๊ะ ถามท่านว่ารักษาได้ไหม ? เข้าไปถึงวัดโพธิ์ลังกาแล้ว ถามว่ากุฏิพระอาจารย์บ๊ะอยู่ตรงไหน ? ปกติแล้วกุฏิท่านมีแต่คนนั่งเต็มไปหมด หมอสมัยใหม่จะผ่าอย่างเดียว ก็แบบเดียวกับพวกประเภทกระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังทรุด หมอจะผ่าอย่างเดียว ไปหาพระอาจารย์บ๊ะ ท่านเคาะ ๆ ทุบ ๆ ไม่กี่ทีก็หายแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2016 เมื่อ 17:48 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#130
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อกวยความจริงเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นไล่ ๆ กับหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วท่านอยู่ที่สรรคบุรี แต่หลวงพ่อของเราดังในด้านปฏิบัติ หลวงพ่อกวยท่านดังในเรื่องของเวทมนตร์คาถา รักษาโรคไสยศาสตร์ ฯลฯ ก็เลยกลายเป็นว่าใครอยู่ฝั่งไหนก็จะหูดับไปเลย เพราะได้ยินแค่ฝั่งเดียว บังเอิญว่าอาตมาไปสรรคบุรีบ่อย เพราะว่าไปกราบหลวงปู่บุดดา ก็เลยรู้จักท่านด้วย ถือว่าโชคดีไป
จริง ๆ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป็นคนแนะนำให้ไปหาเอง แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจกัน แบบเดียวกับที่ท่านแนะนำหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จนกระทั่งหลวงพ่อจวนมรณภาพ หลวงพ่อค่อยบอกชัด ๆ ว่านั่นคือพระอรหันต์ แต่ตอนที่บอกพวกเราก็ไม่อยากไปไหน อยากจะอยู่แต่กับหลวงพ่อเท่านั้น มีพระของหลวงพ่อกวยอยู่รุ่นหนึ่งที่อาตมาพกแล้วรู้สึกแปลกมาก ๆ เลย เป็นพระสมเด็จที่ข้างหลังมียันต์ ๔ แถว ปกติแล้ววัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยจะต้องพร้อมลุยกับชาวบ้าน ต่อให้ไม่ลุยชาวบ้านเขา ก็ต้องอยู่ในลักษณะที่ไม่ยอมให้ใครรังแก แต่พระสมเด็จรุ่นนั้นอาตมาแขวนติดตัวแล้วทำชั่วไม่ได้ เป็นอะไรที่ประหลาดที่สุดเลย มาตอนหลังพออ่านหนังสือขอมออก ก็ไปอ่านอักขระข้างหลัง โอ้...พระเจ้า อักขระเขียนว่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง อาตมาก็ว่าทำไมตั้งใจจะทำชั่วแต่ทำไม่ได้ เพราะแปลชัด ๆ เลยว่า เว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง ลองดูนะ...เผื่อว่าจะมีใครหาได้ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ท่านเก่งครบเครื่อง ปกติพระเราจะชำนาญด้านในด้านหนึ่ง มหาลาภ เมตตา ค้าขาย หรือว่าอยู่คงกระพัน ฯลฯ หลวงพ่อกวยท่านได้ทุกเรื่องเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-10-2016 เมื่อ 19:10 |
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#131
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าจิตใจสงบ จะเห็น รัก โลภ โกรธ หลง เป็นของตลกฉากหนึ่งที่คนอื่นเขาเล่นให้ดู แล้วก็ผ่านไปแค่นั้น ดู ๆ แล้วก็ขำดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2016 เมื่อ 17:53 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#132
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ เรามีหน้าที่ก็ภาวนาไป ถ้ามัวแต่ไปหาความหมายของนิมิตอยู่ ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องไปหวังความก้าวหน้า อะไรจะเกิดขึ้นก็แค่รับรู้ไว้ ไม่ต้องไปใส่ใจ สิ่งที่เราต้องสนใจก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้ใจของเราใสสะอาด ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าใจเรามี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ ก็ขับไล่ออกไป ระมัดระวังไว้อย่าให้เข้ามาอีก ถ้าใจไม่มีความดี ก็สร้างความดีขึ้นมา แล้วทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็คือความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2016 เมื่อ 17:54 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#133
|
||||
|
||||
ถาม : มีข่าวว่าพระท่านทำขนมปัง เพื่อหาเงินสร้างศาลา แล้วเปรียบเทียบว่าพระที่สร้างวัตถุมงคล ก็สร้างศาลาเหมือนกัน แตกต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : แตกต่างตรงที่ว่า ฝ่ายหนึ่งได้วัตถุมงคล ฝ่ายหนึ่งได้ขนม ที่พูดนี่คือ "ขนมปังรสพระทำ" ใช่ไหม ? ถ้าว่ากันตามพระวินัยจริง ๆ แล้ว พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ทำ แต่สิ่งที่ท่านห้ามไม่ให้ทำนั้น เพราะว่าคนสมัยก่อนเขานินทาเอา อย่างเช่น ถ้าเราตัดต้นไม้ ดึงต้นหญ้า ศาสนาอื่นเขาถือว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีชีวิต เขาจะว่าเราไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น จะทำให้เขาขาดความศรัทธาเลื่อมใส พระพุทธเจ้าจึงต้องห้าม แต่ถ้าเราไปปล่อยให้วัดรกไปหมด โดยอ้างว่าพระพุทธเจ้าห้ามตัดหญ้า ห้ามตัดแต่งต้นไม้ แล้วถ้าวัดรก ใครจะเกิดศรัทธาเลื่อมใส ? ก็ต้องมีคนที่ทำหน้าที่ ถ้าไม่มีลูกศิษย์ทำ พระก็ต้องลงมือเอง การที่เราทำความสะอาดวัดวาอาราม แม้จะต้องพรากของเขียว เป็นการผิดพระวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ แต่พอเราทำไปแล้ว คนเห็นวัดวาอารามสะอาดสะอ้าน เกิดความศรัทธาเลื่อมใส เข้าวัดมาทำบุญ ส่วนที่เป็นกุศลจึงมีมากกว่า พระหลายรูปที่ท่านหาลูกศิษย์ยาก ท่านก็ลงมือทำเสียเอง ถือว่าความผิดและสิ่งที่ได้รับนั้นพอที่จะทดแทนกันได้ เรื่องที่พระท่านทำขนมปังก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าสั่งไม่ให้พระทำอาหารเอง เพราะกลัวท่านที่มีฝีมือในการทำจะไปติดในรส ก็แปลว่าทำแล้วผิด แต่คราวนี้พระท่านทำเพื่อที่จะเอาเงินมาสร้างศาลา อานิสงส์ที่ได้มากกว่า เพราะท่านปรับพระที่ทำอาหารเองด้วยอาบัติทุกกฎ ซึ่งปรับเท่ากับการจับเงิน ในเมื่อบุญได้มากกว่า ท่านลงมือทำไป เราก็ต้องเข้าใจเจตนาท่านด้วย คนที่ไม่เข้าใจพระวินัยของพระ หรือเข้าใจงู ๆ ปลา ๆ โดยเฉพาะไม่รู้เจตนาที่พระท่านทำ แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์ โอกาสที่จะขาดทุนมีเยอะมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2016 เมื่อ 03:06 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#134
|
||||
|
||||
ถาม : มีข่าวดาราไปบวชแล้วอุ้มลูกสาว อาบัติไหมคะ ?
ตอบ : ท่านปรับเท่ากับจับเงินเหมือนกัน พระพุทธเจ้าห้ามจับต้องกายหญิงด้วยจิตกำหนัด จิตกำหนัดคือมีอารมณ์ทางเพศ ถ้าจับต้องกายหญิงด้วยจิตกำหนัด ท่านปรับต้องสังฆาทิเสส แต่ถึงไม่มีจิตกำหนัด ท่านปรับอาบัติทุกกฎ ก็คือ ปรับเท่ากับจับเงิน แต่ก็อย่างว่าแหละ สิ่งที่ท่านทำก็คือความผูกพันระหว่างพ่อกับลูก แต่เป็นการฝืนพระวินัย โดยเฉพาะว่าออกสื่อ ถ้าออกสื่อเถียงกันเมื่อไรก็เละเมื่อนั้นแหละ เพราะคนรู้นั้นมีมาก แต่ที่รู้จริงนั้นหายาก ท่านอุ้มลูกไม่กี่เดือน โอกาสที่จะเกิดจิตกำหนัดอารมณ์ระหว่างเพศคงหาไม่ได้หรอก แต่ก็โดนอาบัติอยู่ดี ไปแสดงอาบัติคืนได้ เพราะปรับเท่ากับจับเงิน อย่าลืมนะ จับเงินกับรับเงิน อาบัติคนละอย่างนะ อาตมารับเงินนี่โดนหนักกว่าอีก ...(หัวเราะ).... พระพุทธเจ้าห้ามพระจับเงิน จับทอง จับแก้วมณี หรือสิ่งที่ใช้แทนเงินทอง เพราะเกรงว่าจะเกิดความโลภ ถ้าไม่จับแล้วให้ลูกศิษย์เก็บไว้ แล้วเราไปคิดว่าเรามีเงินเท่านั้นเท่านี้ กูรวยแล้วเท่านั้นเท่านี้ บรรลัยยิ่งกว่าจับเองอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2016 เมื่อ 03:07 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#135
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาจารย์บ๊ะท่านห้ามอาตมาฉันใบชะพลู ท่านว่าทำให้สายตาเสียหมด ไปหาท่านครั้งหนึ่ง ก็ได้ข้อห้ามมาอย่างหนึ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2016 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#136
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าลงรับสังฆทานก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงไม่มีใครว่า ช่วงบ่ายลงช้าไปสองนาทีมีคนนินทา ต้องบอกว่าไม่รู้จักพอกันจริง ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:18 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#137
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยที่อาตมาภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวใหม่ ๆ รู้สึกเย็นอกเย็นใจจนบอกไม่ถูก ตากแดดก็ไม่ร้อน ตากฝนก็ไม่หนาว บางทีฝนตกก็เดินภาวนาตากฝนไปเรื่อย อยากรู้ว่าฝนกับเราใครจะเก่งกว่ากัน มารู้ทีหลังที่หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่า พอสมาธิทรงตัว จิตกับประสาทจะแยกออกจากกัน ไม่ค่อยรับรู้อาการทางร่างกาย ขอเตือนว่าใครจะเลียนแบบก็ได้นะ แต่อย่านาน ถ้านานเกินไปพอเราถอนสมาธิออกมาบางทีก็ไข้จับไปเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:20 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#138
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าผมจะใช้วิธีเอาพระหกกษัตริย์ของหลวงปู่ปานมาทำน้ำมนต์แล้วพรมเงิน เงินจะงอกไหมครับ ?
ตอบ : เขาให้ภาวนาพระคาถาเงินล้านหรือว่าพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ถ้าเอาไปพรมแล้วเงินงอก ตูพรมไปก่อนหน้านั้นแล้ว แหม...คิดแบบมักง่ายมาก ไม่คิดจะลงทุนลงแรงทำเองเลย...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:22 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#139
|
||||
|
||||
ถาม : ผมจะปิดทองพระพุทธรูป แต่ต้องมีการขัดผิวก่อน ?
ตอบ : ขัดเนื้อเก่าให้เรียบก่อนแล้วค่อยลงสีรองพื้น ถ้าจะปิดทองก็ลงด้วยสีแห้งช้าสีเหลือง ทิ้งไว้ ๖ ชั่วโมงแล้วปิดทอง ถ้าทำแล้วสวยขึ้นจะขัดแต่งอย่างไรก็ทำไปเถอะ ไม่ใช่ว่าไปขัดแล้วกระดำกระด่างสวยสู้ของเก่าไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:22 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#140
|
||||
|
||||
ถาม : ผมใช้บุญจากการบวช อธิษฐานขอ ปรากฏว่าขอแล้วไม่ได้ ?
ตอบ : ยังทำมาไม่พอ ถาม : ขอบเขตในการขอ มีระยะ ปริมาณ อย่างไรครับ ? ตอบ : แล้วแต่บุญเก่าของตัว ถ้าทำของเก่าไว้มาก ของใหม่เสริมเข้าไปเพียงพอแล้วขอไม่เกินวิสัยก็ได้ อย่าลืมคำว่า "ไม่เกินวิสัย" ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าของเก่าทำไม่พอ ของใหม่ถมลงไปแล้วก็ยังขาด ขอไปก็ไม่ได้ เราจะสังเกตง่าย ๆ จากการบน คนอื่นบนได้กันเยอะแยะ ทำไมเราบนแล้วไม่ได้ การบนนั้นส่วนใหญ่เราต้องทำความดีตอบแทน อย่างเช่น การบนหลวงพ่อ ๕ พระองค์ที่วัดท่าซุง เขามีทั้งบวชเณร มีทั้งถวายสังฆทาน มีทั้งถวายผ้าห่มพระ ก็คือการสร้างบุญ คราวนี้การที่เราไปบนท่าน ก็คือ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จเราจะทำบุญอย่างนี้ ท่านเองเห็นว่าไม่เกินวิสัย ถ้าบุญที่เราทำเสริมลงไปเพียงพอที่จะได้ในสิ่งนั้น ท่านก็ให้เราได้ คราวนี้ถ้าหากว่าไม่พอ ถมเท่าไรไม่รู้จักเต็มเพราะของเก่าทำไว้น้อย ของใหม่ถึงทำมาก รวมกันแล้วก็ไม่ถึงระดับที่ควรจะได้ก็ไม่ได้อยู่ดี เอาเถอะ...ถ้าบวชครั้งนี้อธิษฐานขอจากบุญบวชไม่ได้ก็ครั้งหน้าบวชใหม่ ที่วัดมีบวชปีละ ๔ ครั้ง จะไปกลัวอะไรวะ ? บวชไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เต็มไปเอง ถาม : ตอนที่ไปกฐินนราธิวาส พรรคพวกเขาไปอธิษฐานตักไข่ในน้ำ ยังได้จักรยานมา ? ตอบ : ไอ้นั่นโง่ชัด ๆ...! บุญบวชราคาเป็นล้านเอาไปขอจักรยานคันเดียว จะไม่ได้อย่างไรวะ ? ทิดที่วัดบวชแล้วสึกไปงานกฐินด้วยกัน ไปตักไข่อธิษฐานขอรางวัลใหญ่ แต่รางวัลใหญ่ที่สุดแค่จักรยาน เอ็งบวชปฏิบัติมาทั้งพรรษา ถ้าไม่ได้จักรยานคันหนึ่งก็ไปตายเสียเถอะ...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2016 เมื่อ 00:26 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|