|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ต้องการถวายพระไตรปิฎก ?
ตอบ : ที่วัดมีเยอะมากเลย ขนาดให้คนอื่นเขาไปแต่ละปี ๆ แล้ว ยังเหลืออยู่ที่วัดอีก ๕-๖ ตู้ ยังดีว่าที่วัดพระเรียน มจร.เยอะ ซึ่งท่านต้องใช้ ก็เลยทำให้ไม่เสียเปล่า ถ้าเป็นที่อื่นก็คงตั้งให้ฝุ่นจับอยู่อย่างนั้นแหละ ลองหาวัดที่เขาต้องการจริง ๆ ดูก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:44 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงท้าวเวหน “ไม่ว่าใครก็จะใช้คำว่า ท้าวเวหน แต่จริง ๆ คือ ท้าววาหน วาหนะที่แปลว่าพาหนะ เครื่องอาศัย คราวนี้ก็อย่างว่า...ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด จดก็ไม่จด จำก็ไม่จำ จึงมั่วกันไปหมด น่าจะมีการสังคายนาให้เหมือน ๆ กันเสียที ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาก็มาสงสัยอีก ว่าที่อาตมาจำมานั้นผิดหรือเปล่า ?”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:45 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงไม้เท้าเวสสุวรรณที่ลูกศิษย์ทำ “ส่วนใหญ่แล้วเหมือนกับเป็นอาญาสิทธิ์ ได้ดูแฮร์รี่ พอตเตอร์ไหม ? ที่โวลเดอมอร์ทำฮอร์ครักซ์ นั่นแหละ...ลักษณะอย่างนี้เลย แบ่งพลังไปใส่ คนเขียนเขาคงพอรู้เรื่องนี้เหมือนกัน คราวนี้ของใช้ทุกอย่างปกติก็มีพลังอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำอันไหนมากก็จะมีพลังมากเป็นพิเศษ และมีผลกระทบถึงตัวเราเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:46 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : นักบวชที่รู้จัก ท่านประกาศมาว่าจะปิดวาจาหรือจะเข้ากรรมฐานหลายวัน แต่ท่านเล่นเฟซบุ๊กโต้ตอบอยู่ ถือว่าท่านได้ปิดวาจาไหมคะ ?
ตอบ : เรื่องปิดวาจานี่พระพุทธเจ้าทรงห้าม เพราะว่ามีพระสงฆ์อยู่หมู่หนึ่งไปจำพรรษาอยู่ด้วยกัน ด้วยความที่ก่อนนี้ท่านถือศาสนาอื่นมาก่อน ศาสนานั้นเขาประพฤติมูควัตร ก็คือการไม่พูดกันเหมือนกับคนใบ้ พระทั้งหลายเหล่านี้มาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วก็ยังถืออย่างนี้อยู่ จึงต่างคนต่างไม่พูดต่อกัน พอถึงเวลาออกพรรษาไปกราบพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านถามสารทุกข์สุขดิบและแนวการปฏิบัติ พวกท่านก็กราบทูลว่า ท่านประพฤติมูควัตร ก็คือการไม่พูดจาต่อกัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนจึงทำอย่างพวกสัตว์ประเภทแพะ แกะ วัว ควาย กระทำต่อกัน ? การสำรวมในวาจา ประกอบด้วยสติ จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:47 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
![]()
คราวนี้เรื่องการปิดวาจา ถ้าโยมได้ฟังหลวงปู่บุดดาจะชัดมาก หลวงปู่บุดดาถามว่า “ไม่พูดแล้วมันคิดไหมเล่า ?” ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น..ประเภทไม่พูดกับคนอื่นแต่กลายไปเป็นนักเลงคีย์บอร์ดนี่แย่กว่าพูดอีก
การสำรวมวาจา ประกอบด้วยสติ ที่เขาเรียกว่าสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็อย่าไปตำหนิเขา อย่าไปตอบโต้กับเขา เพราะว่าโอกาสที่เราขาดทุนมีเยอะมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรจะรักษาใจเราให้ดี คนอื่นถ้ายังไม่เห็นทุกข์เห็นโทษตรงนั้น เขาคิดว่าดีเขาก็จะทำ แบบที่อาตมายกตัวอย่างว่า ที่ทุกคนเขาว่าดีทั้งนั้นแหละ ปล้นเขากินก็ดี..สบายดี ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:48 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในสมัยพุทธกาล ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้านี่จะปวดหัวเป็นพิเศษ เพราะว่านักบวชสารพัดลัทธิ พอถึงเวลาเลื่อมใสก็ขอบวชในพระพุทธศาสนา แต่บางท่านก็ติดความเคยชินเก่า ๆ มา ถ้าไม่ใช่เป็นพระอริยเจ้าไปเลย บางทีก็ทำตัวตามแบบของตัวเอง เพราะคิดว่าทำได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงตั้งพระพุทธศาสนามา ๒๐ ปี จึงค่อยมีการละเมิดศีล แล้วท่านค่อยบัญญัติข้อห้ามขึ้นมา
ปฐมอาบัติปาราชิกที่พระสุทินนกลันทบุตรล่วงนั่นคือ ๒๐ ปีไปแล้วนะ เพราะว่ายุคแรก ๆ มีแต่พระอรหันต์ มีแต่พระอริยเจ้า ทั้งพระทั้งฆราวาสเยอะมาก ทุกคนรู้โดยอัตโนมัติว่าต้องประพฤติปฏิบัติ กาย วาจา ใจ อย่างไร พระพุทธเจ้าจึงไม่ต้องบัญญัติศีล ปรากฏว่า ๒๐ ปีผ่านไป เริ่มมีความด่างพร้อยเกิดขึ้น ปะฐะมัง ปาราชิกัง กัตถะ ปัญญัตตันติ ถามว่าปฐมอาบัติปาราชิกบัญญัติขึ้นที่ไหน ? เวสาลิยัง ปัญญัตตันติ บัญญัติขึ้นที่เมืองเวสาลี กัง อารัพภาติ ด้วยปรารภเรื่องอะไร ? สุทินนัง กะลันทะปุตตัง อารัพภาติ ปรารภเรื่องของพระสุทินนกลันทบุตร ปุราณะทุติยิกายะ เมถุนัง ธัมมัง เสพเมถุนกับภรรยาเก่า ปุราณะ โบราณหรือเก่า ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2020 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : สุดท้ายท่านก็เป็นพระอริยเจ้าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ท่านก็เป็นพระอรหันต์ของท่าน เพราะว่าท่านเป็นอาทิกัมมิกะ คือต้นบัญญัติ ไม่ถือว่าเป็นอาบัติ เพราะว่ากฎหมายยังไม่มี แต่หลังจากบัญญัติมาแล้ว ใครทำต่อนี่โดนทุกคน แล้วโทษท่านก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นลูกเศรษฐี กติกาของสมัยโน้นก็คือ ลูกชายเป็นคนสืบสมบัติ ถ้าไม่มีลูกชายคอยดูแลสมบัติ เขาจะยึดเข้าเป็นของหลวงหมด ทางด้านนี้ในเมื่อไม่มีลูกก็ต้องหาหลาน จึงไปขอร้องพระสุทินนกลันทบุตรให้ไปนอนกับเมียหน่อย ให้มีหลานสักคนเถอะ ตอนนั้นไม่มีข้อห้ามอะไร ท่านก็คิดว่าได้ แต่พอทำไปแล้วก็มากังวลว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้ประพฤติพรหมจรรย์จะทำกัน ท่านก็เครียดเสียจนกระทั่งเพื่อนพระสงสัย พอถามท่านก็เล่าให้ฟัง เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปตามโซเชียล พวกตามกดไลก์ กดแชร์กันกระจาย..! เรื่องถึงพระพุทธเจ้าจึงต้องเรียกมาถาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2020 เมื่อ 20:14 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แสดงว่าตอนนั้นท่านยังไม่เป็นพระอริยเจ้าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ยังไม่เป็น พระพุทธเจ้าเรียกท่านมาสอบถาม ท่านก็ยอมรับว่าท่านทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติข้อห้ามขึ้นมา คราวนี้ในอนาปัตติวาร คือเหตุที่ไม่ต้องอาบัติ ท่านก็จะบอกไว้ด้วยว่าอย่างไรถึงไม่ต้อง ส่วนหนึ่งก็คืออาทิกัมมิกะบุคคลไม่ต้องอาบัติ พระภิกษุที่เพ้อคลั่งเพราะป่วยไข้ไม่ต้องอาบัติ เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตอนที่อยู่ที่หน้ามณฑปหลวงพ่อกวย เห็นว่ามีอักขระลงมา แล้วก็เหมือนว่ากำลังใจของแต่ละคนก็เข้าไปถึงจุด ๆ หนึ่ง ไปถึงจุดที่เบาสบายมาก ๆ เหมือนไม่ใช่สมถะ และไม่ใช่วิปัสสนา ผมเห็นแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ผมเข้าไปถึงตรงนั้นได้บ้างครับ ?
ตอบ : จุดนั้นจะอยู่ตรงกลางพอดี ก็คือพอถึงเวลาของคุณถ้าเข้าสมาธิเต็มที่แล้ว ให้ถอยออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้วเข้าใหม่อีกรอบ อันนี้ก็คือการฝึกนะ แต่ตอนนั้นคือการใช้ ถาม : ตอนนั้นเหมือนว่าเราเข้าได้เลย ไม่ต้องถอยเข้าถอยออก ? ตอบ : ก็คุณถามนี่หว่า..ถ้าหากว่าจะฝึกก็ต้องฝึกอย่างที่ว่ามา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:02 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “อะไรที่พูดไปแล้วอย่าเปลี่ยน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งเดี๋ยวคนเขาเลิกคบ ถึงไม่ใช่กษัตริย์ก็ต้องตรัสแล้วไม่คืนคำ ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:03 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ในเรื่องของไวรัส COVID-๑๙ ก็คือปี ๒๐๑๙ คนที่ไม่กลัวมีสองประเภท ประเภทที่หนึ่งก็คือคนที่ไม่กลัวตายเป็นปกติ ประเภทนี้จะหายาก กำลังใจไม่ถึงจริง ๆ ทำไม่ได้ ส่วนประเภทที่สองคือผู้ประมาท
บุคคลที่เข้าถึงธรรมแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นความดีในร่างกายนี้ ในเมื่อไม่เห็นความดีในร่างกายนี้ ก็พร้อมที่จะไปจากร่างกายนี้ ฟังดี ๆ นะ ไม่ได้อยากตายนะ แต่พร้อมเสมอที่จะตาย บุคคลที่อยากตาย จะว่าไปแล้วกำลังใจนั้นเศร้าหมอง บุคคลเหล่านี้กำลังใจของท่านจะอยู่ในลักษณะว่า อยู่ก็ได้ตายก็ดี ถ้ายังอยู่เราก็ได้สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าตายเราก็ไปพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะไม่มีการเกรงกลัวต่อภัยอันตรายใด ๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ป้องกันอะไรเลย ด้วยความไม่ประมาทท่านก็ป้องกันเป็นปกติ เพียงแต่ว่าถ้าทำหน้าที่จนสุดความสามารถแล้วป้องกันไม่ได้ ก็ยอมรับว่านี่เป็นกฎของกรรม เพราะว่าเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าเป็นขึ้นมาแล้วตาย..ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ตายแล้วทรมานนาน ลำบากทั้งตัวเองและผู้ที่คอยดูแล"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:04 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
![]()
"ดังนั้น..ประเภทที่สองที่ไม่กลัวไวรัสเพราะว่าประมาท อันนั้นต้องบอกว่าน่าตำหนิ เพราะฉะนั้น..เราต้องดูว่าตัวเราเองอยู่ในประเภทไหน แม้แต่พระอริยเจ้าที่คติของท่านมั่นคงแล้ว ท่านก็ยังระมัดระวังด้วยความไม่ประมาท แล้วเราเป็นใคร ? ถามตัวเองดู ถ้าถามตัวเองแล้วไม่รู้ ก็ไปถามตามผับตามบาร์ว่า “มึงรู้ไหมกูลูกใคร ?” เดี๋ยวจะมีคนช่วยบอกให้..!
เราอาศัยธาตุขันธ์ร่างกายนี้อยู่ เพื่อปฏิบัติให้พ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน สังขารนี้เป็นเพียงธาตุสี่ คือดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เรายืมโลกนี้มาใช้ชั่วคราว โดยมารยาทของผู้ยืมที่ดี ก็ต้องดูแลสิ่งของที่ยืมมาให้ดีที่สุด ถึงเวลาจะได้ส่งคืนไปในสภาพที่ดีที่สุด ไม่ใช่ถลุงใช้แบบไม่บันยะบันยัง เพื่อนพระสังฆาธิการตลอดจนผู้บังคับบัญชาหลายท่านถามอาตมาว่า “อาจารย์เล็ก..วัน ๆ หนึ่งทำงานเยอะแยะขนาดนั้นได้อย่างไร ท่านไหวหรือ ?” เรียนท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปว่า “ผมทำเพราะว่าผมมีวันนี้วันเดียว ผมไม่หวังว่าจะมีวันพรุ่งนี้อีก เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างผมต้องทำให้เต็มที่”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:05 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
![]()
"แต่ส่วนที่ไม่ได้บอกกับท่านก็คือ อาตมาทำด้วยความไม่ประมาท ขึ้นรถเมื่อไรก็ภาวนาส่งใจไปหาพระไว้ก่อน พลาดพลั้งเป็นอะไรไปอย่างน้อยคติของเราจะได้มั่นคง แล้วขณะเดียวกันงานทุกอย่างก็ทำเพื่อพระพุทธศาสนา ทำเพื่อมรรคผลนิพพาน ในเมื่อเป้าหมายชัดเจน ทำโดยไม่ประมาท อยากจะทำเท่าไรก็ทำไป แต่ถ้าเป้าหมายไม่ชัดเจน คิดว่าตัวเองมีเวลามาก จะรอไปทำวันอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้ามีอันเป็นไปเสียก่อนก็จะไม่ได้ทำ พูดไปพูดมาเหมือนเชียร์ตัวเอง พอดีกว่า..!
เพราะฉะนั้น..ญาติโยมพอถึงเวลาให้ทำงานแบบคนมีวันนี้วันเดียว นิสัยนี้คล้าย ๆ คนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นทุ่มเทให้กับงานด้วยตัวและหัวใจ ดังนั้น..บ้านเมืองเขาเจริญเร็วมาก ส่วนของเรานี่มักจะหาความสุขใส่ตัวไปวัน ๆ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:06 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์ดูภาพงานที่ทางวัดส่งมาแล้วกล่าวว่า “ด้วยความเคยชิน คุณป้ากะเหรี่ยงทาทานาคามาหน้าลายพร้อยเลย เดี๋ยวท่านผู้ตรวจฯ เห็นได้หัวเราะตาย จะมาทอด้ายกี่เอวให้ดู
ถึงเวลาเขาขายผ้าราคาถูกแล้วคนก็แย่งกันซื้อหมด พออาตมาไปถามว่าทำไมขายถูกแท้ เพราะว่าปกติชิ้นหนึ่งสองพันกว่าถึงสามพันบาท นี่ขายแค่ ๔๐๐-๕๐๐ บาท ? เขาบอกว่าได้ค่าแรงก็พอแล้ว ได้ยินแล้วน้ำตาจะเล็ด..! เพราะว่าด้ายทั้งหมดนั่นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนซื้อให้ เขาเลยไม่คิด มิน่าว่าทำไมถึงขายหมดภายใน ๑๕ นาที..! วันนี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมไปวัดท่าขนุนอยู่ ก็เลยต้องตามข่าวใกล้ชิดหน่อย เนื่องจากว่าโดยปกติแล้วตัวอาตมาเป็นประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบ คำว่าต้นแบบก็คือ ที่เหลืออีก ๗-๘ พันแห่งทั่วประเทศเขาต้องเลียนแบบ แทนที่จะอยู่เพื่อที่จะนำเสนอเรื่องราวเองกลับไม่อยู่ มาอยู่ที่บ้านเติมบุญนี่แทน”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:08 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หลวงพ่อมีเคล็ดลับในการละกามราคะไหมครับ ?
ตอบ : อันดับแรก...อย่าหลุดจากการภาวนา หลุดเมื่อไรเป็นเรื่องเมื่อนั้น อันดับที่สอง...ต้องสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทุกอย่างระมัดระวังอย่างสูงสุด อันดับสาม...จับกายคตานุสติกรรมฐาน ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสภาพร่างกายนี้ไม่ใช่แท่งทึบ ใต้ผิวหนังลงไปก็คือ เลือด เนื้อ กระดูก เส้นเอ็น อวัยวะภายในภายนอกเกลื่อนกลาดไปหมด ไม่มีอะไรน่ารักน่าใคร่ อันดับสุดท้าย...พิจารณาให้เห็นชัดว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ประกอบไปด้วยความทุกข์ มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้กับเราอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ ควรที่จะเบื่อควรที่จะหน่ายหรือยัง ? ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ตลอดโดยที่ไม่หลุดไปไหนก็สบายมาก แต่อันดับแรกอย่าให้หลุดจากสมาธิก่อน ถ้าหลุดจากสมาธิเมื่อไร สี่ข้อข้างหลังไม่ได้ทำหรอก..พังก่อน ตื่นเช้าขึ้นมาตี ๒ ตี ๓ รีบโกยกำลังใจให้สมาธิสูงที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณตายแน่..! เพราะว่าเผลอนิดเดียวก็จะฟุ้งไปแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:08 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก..พ่อไปดีแล้ว เหลือแต่พวกเราที่ยังลำบากกันอยู่
คือพ่อเขาตายก่อนหมดอายุ โดนรถชน คราวนี้ลูกหลานรู้จักทำบุญให้ก็สบาย พวกเราเองไปคิดว่าคนโดนรถชนตาย คนตายโหงน่าจะไปไม่ดี จะว่าไปแล้วเป็นความโชคดีเสียด้วยซ้ำไป ส่วนพวกที่หมดอายุแล้วตายนี่บางทีลงตรงไปเลย โอกาสแก้ตัวไม่มี”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:09 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “จะว่าไปแล้วหน้ากากที่ทางรัฐบาลเขาให้ทำกันเอง การใช้ผ้าทั่ว ๆ ไปแทบจะกรองเชื้อโรคไม่ได้เลยนะ ยกเว้นอย่างเดียวว่าใครสั่งขี้มูกก็ลอดช้าหน่อย..! แล้วที่สมควรใช้งานที่สุดคือผ้าอ้อมเด็ก คราวนี้ผ้าอ้อมเด็กมียี่ห้อก็แพง ถึงเวลาเราจะไปเอามาทำหน้ากาก เกิดแห่ไปซื้อกันหลาย ๆ คน เดี๋ยวก็ขึ้นราคาอีก บ้านเรานี่ทำอะไรก็ลำบากไปหมด”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:09 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้คุณกนกโดนถล่มจมดินไปเลย เรื่องผู้พิพากษายิงตัวตายนี่แหละ ดันไปวิจารณ์ในทางไม่ดี ต้องบอกว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วเป็นเรื่องที่เหมือนกับโครงกระดูกในตู้ คือวงในเขาไม่อยากให้ดังออกมาข้างนอก ในวงการจะเละเทะขนาดไหนก็ปล่อยให้เละไป..!
โครงกระดูกในตู้เป็นนิยายต่างประเทศ ที่เขาซ่อนเรื่องในวงศ์ตระกูลของตัวเองเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2020 เมื่อ 10:50 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเดือนก่อน มีท่านหนึ่งส่งมีดหมอชาตรีปี ๒๕๓๕ หนึ่งเล่มไปให้อาตมาที่วัดท่าขนุน บอกว่าช่วยดูให้ทีว่าของแท้หรือเปล่า ? ถ้าหากว่าไม่แท้ หลวงพ่อโยนทิ้งไปได้เลยครับ..ไม่รับคืน แต่ถ้าหากว่าแท้ให้ใส่ซองที่สอดมาข้างในนี้ส่งคืนด้วย อาตมาดูเสร็จก็เก็บขึ้นหิ้ง ...(หัวเราะ)... เพราะว่าที่ส่งมานั้นไม่ใช่ของแท้ เป็นของทำเลียนแบบ
ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นของทำเลียนแบบ ? มีดหมอชาตรีรุ่นสุดท้ายมีแค่ ๘๕๐ เล่ม สร้างปี ๒๕๓๕ มาถึงบัดนี้ก็ ๒๗ ปีเต็มขึ้น ๒๘ ปีแล้ว ประเภทมดไม่ไต่ ไรไม่ตอมแบบนี้ก็ปลอมแน่ ๆ อันดับแรก...ถ้าใช้ติดตัว งาจะต้องเก่า อันดับที่สอง...ถ้าไม่ใช้ติดตัว ใบมีดจะต้องเก่า อันนี้ทุกอย่างใหม่เอี่ยมหมดเลย แล้วอักขระที่ตีเป็นคนละลายมือกัน แต่อาตมาไม่ทิ้งหรอก..เสียดายของ ติดตัวไว้เสกสัก ๓ - ๔ ปี เดี๋ยวขายได้แพงพอ ๆ กันนั่นแหละ ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:11 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ไม่ทราบว่ามีดเล่มนี้เป็นของที่ไหนครับ ?
ตอบ : ดูแนวแล้วของหลวงพ่อรุ่ง ไปได้จากไหนมา ? ถาม : ทำบุญจากในวัดครับ ตอบ : ให้ดูที่ใบมีด ถ้าหากว่าของเก่า สนิมขุมจะกินแบบนี้ คือจะกินเข้าเนื้อเลย ทำอย่างไรก็เอาไม่ออก ยกเว้นอย่างเดียวคือคุณต้องขัดเนื้อทิ้งไปเลย เขาขายแพงไหม ? ถาม : ตอนนั้นบูชามา ๗,๐๐๐ บาทครับ ตอบ : คุ้มมากเลย ...(หัวเราะ)... ถาม : ใช้น้ำมันจันทน์ทาได้ไหมครับ ? ตอบ : ทาแล้วต้องเช็ดแห้ง ถ้าไม่เช็ด สนิมเขียวจะขึ้น มีดทุกประเภทภาษาอังกฤษเขาว่า Clean and dry ก็คือทำความสะอาดแล้วต้องเช็ดแห้งทั้งหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2020 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|