|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : คนที่ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไปบวช โดยที่ปล่อยพ่อแม่ไว้ข้างหลัง และท่านไม่เต็มใจด้วย ท่านชราภาพเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้ การตัดสินใจแบบนี้จะเป็นการอกตัญญูไหมครับ ? หรือการสร้างบุญให้ท่านหลังความตายเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากกว่า ?
ตอบ : ไม่น่าจะบวชได้นะ เพราะว่าการบวชพ่อแม่ต้องอนุญาต เพราะฉะนั้น..ประเด็นอื่นจึงไม่ต้องตอบ ตอนจะบวชพระคู่สวดท่านถามว่า อนุญาโตสิ มาตาปิตูหิ มารดาบิดาอนุญาตแล้วหรือ ? แล้วเราจะไป "อามะ ภัณเต" อนุญาตแล้วครับได้อย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:07 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
ถาม : คนที่ปรารถนาพุทธภูมิ เวลาเห็นคนอื่นทำงาน รู้สึกขัดตา ขัดหู ไม่ได้ดั่งใจ เลยลงมือทำเสียเองให้หมดเรื่อง ถ้ามีความคิดแบบนี้สมควรจะปรารถนาพุทธภูมิต่อไปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำถูกแล้ว เพราะพุทธภูมิต้องสงเคราะห์คนหมู่มาก ในเมื่อเขาทำไม่ไหว เราทำเองแทนเขาก็ถูกต้องทุกประการ เพียงแต่ต้องทนขี้รำคาญหน่อย และงานก็มากขึ้น ถาม : ถ้าจะบอกว่านิสัยแบบนี้เป็นนิสัยละเอียด ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ? ตอบ : ทนเห็นคนโง่ไม่ได้..! ไม่ใช่ทำงานร่วมกับเขาไม่ได้ ในเมื่อทนเห็นคนโง่ไม่ได้ ก็ต้องสงเคราะห์คนโง่ด้วยการทำแทน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
ถาม : มีวิธีปิดหูปิดตา ไม่ให้รับรู้หรือมองเห็นพวกผีไหมครับ ผมรำคาญมากเลย ?
ตอบ : มี ถาม : ทำอย่างไรครับ ? ตอบ : ไปเป็นผีเสียเอง..! ถาม : ผมช่วยแล้วรู้สึกหนัก ๆ ? ตอบ : ก็หัดปฏิเสธไปบ้างสิ ไม่ใช่ช่วยไปหมด รู้ว่าตัวเองไม่ไหวแล้วยังช่วย นี่เป็นนิสัยพุทธภูมิแท้ ๆ เลย เชื่อเถอะ..เดี๋ยวก็ต้องกลับไปช่วยอีกจนได้ เพราะรู้สึกผิดว่าเราช่วยได้แต่ทำไมไม่ช่วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
ถาม : สัมภเวสีที่มาเกาะตามร่างกาย ?
ตอบ : พวกที่มาเกาะมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วพวกที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร ขี่คอเรามาแบบในโทรทัศน์นั้นมีน้อย พวกนี้จะเป็นพวกที่โดนบังคับใช้มา เพื่อที่จะครอบงำเราอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกที่เขาเกาะติดตามเรามาเพราะต้องการทวงถาม หรือมีกรรมบางอย่างที่เนื่องกันมา ซึ่งมีน้อยมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเรามีเทวดาประจำตัว มีกุศลผลบุญที่ทำเอาไว้ มีครูบาอาจารย์คุ้มครองอยู่ ถ้าไม่ใช่ประเภทดวงตก สมาธิตก จิตตก หรือเคราะห์หนักจริง ๆ พวกนี้เกาะไม่ได้หรอก ถาม : พวกที่เข้ามาแทรกแซง ? ตอบ : ยาก...อย่างดีก็แค่กลั่นแกล้งให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือทำอะไรให้ลำบากเท่านั้น เรื่องของการที่เราจะโดนครอบงำ ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือสภาพจิตเศร้าหมองอ่อนแอจริง ๆ แล้วแทบจะทำอะไรเราไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
ถาม : คนในสมัยพุทธกาลที่ทรงกำลังใจดี อยากทราบว่าปัจจุบันนี้ถ้าทรงกำลังใจอย่างนั้นแล้ว ถ้ามีภาระหน้าที่ ท่านต่าง ๆ จะออกบวชเลยหรือรอจนกว่าพระพุทธเจ้าจะเอ่ย ?
ตอบ : ใครจะไปตัดสินใจแทนได้เล่า ? ถาม : สมัยปัจจุบันมีไหมครับ ? ตอบ : มีทุกรูปแบบ ที่วัดท่าขนุนเมื่อสองสามวันก่อน อาตมาเพิ่งไล่กลับบ้านไป เขาหนีจากบ้านจะมาอยู่วัด อาตมาขี้เกียจมีปัญหา พวกที่หนีพ่อแม่ไปบวช ถึงเวลาเขาไม่ได้ด่าลูก แต่เขาด่าพระ..! ปัญหาที่คุณถามต้องดูตัวอย่างพระเจ้ามหานามะ พระเจ้ามหานามะเป็นกษัตริย์ของตระกูลศากยะเหมือนกัน ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าแล้วบรรลุอนาคามี ปกติพระอนาคามีเป็นผู้ไม่ครองบ้านเรือน ก็คือออกบวช แต่คราวนี้ในตระกูลของตัวเอง มีน้องชายก็คือพระอนุรุทธ ท่านบอกกับพระอนุรุทธว่า ใคร ๆ ในตระกูลศากยะของเราออกบวชตามพระพุทธเจ้ากันมาก เจ้าจะบวชหรือจะให้พี่บวช ? พระอนุรุทธบอกว่า "การเป็นนักบวชนั้นลำบาก น้องทนไม่ได้หรอก พี่ไปบวชเถอะ" พระเจ้ามหานามะตรัสว่า "ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงเป็นกษัตริย์แทนเรา" แล้วก็บรรยายให้ฟังว่ากษัตริย์ต้องทำอะไรบ้าง แค่พูดถึงการทำนาอย่างเดียว พระอนุรุทธบอกว่า " พี่อยู่ครองราชย์ไปเถอะ ผมไปบวชดีกว่า.." สรุปลงตรงที่ว่า พระเจ้ามหานามะท่านเป็นถึงพระอนาคามีแล้ว ยังต้องทนครองราชย์ต่อไปเพื่อเสียสละให้น้องไปบวช ฉะนั้น..ถ้าเราเองไม่ถึงขนาดนั้นก็ทนอยู่ไปเถอะ หาจังหวะดี ๆ แล้วค่อยไป ไปแบบที่แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ใครก็นินทาเราไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:12 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
ถาม : พระท่านจะมาบิณฑบาตตอน ๑๐-๑๑ โมง หนูควรใส่บาตรไหมคะ ?
ตอบ : ควรไหม ? ถ้ามีโอกาสก็ใส่ แสดงว่าท่านไม่รู้ระเบียบ เจ้าคณะกรุงเทพมหานครออกคำสั่งมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ว่าห้ามพระบิณฑบาตเกิน ๘ โมงครึ่ง งานนั้นถ้าพระวินยาธิการเจอก็โดนคว้าไปเลย พระวินยาธิการคือตำรวจพระ ถาม : แล้วหนูควรทำไหมคะ ? ตอบ : มีโอกาสก็ทำจ้ะ ของเรา..เราฉวยเอาโอกาสตรงหน้า ถาม : แล้วไม่เป็นการสนับสนุนให้ท่านทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือคะ ตอบ : มีโอกาสก็กระซิบบอกท่านว่า ระเบียบของทางเจ้าคณะ กทม. ห้ามบิณฑบาตเกิน ๘ โมงครึ่ง หลวงพ่อระวังเจอพระวินยาธิการเขาจับไปสอบสวนหรือจับสึก บางทีท่านก็ไม่รู้จริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรมต้องอยู่ในลักษณะโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ถ้าคิดจะทิ้งเรื่องทางโลกไป ก็ให้ดูความเหมาะสมหน่อย
มีอยู่คู่หนึ่ง ไปวัดทีไรไปแบบฟ้าถล่มดินทลายทุกที อาตมาก็ต้องมาตามล้างตามเช็ดให้เขาทุกงาน แต่ก็ยังดี..อย่างน้อย ๆ เขาก็เข้าวัด คนล่าสุดอาตมาเพิ่งบอกกับพ่อเขาไปว่า ยังดีที่ลูกยังเข้าวัด ทางวัดจำเป็นต้องให้พักก่อน เพราะว่าพ้นจากนี้ไป ถ้าเขาไม่โทรกลับบ้าน แล้วโยมจะไปหาเขาที่ไหน ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:14 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
ถาม : เราจะดูจากไหนว่ากรรมฐานกองนั้นเหมาะกับเรา ทำแล้วได้ดี ?
ตอบ : ดูความชอบ ถ้าชอบแล้วตั้งใจทำจะได้ดี ง่ายนิดเดียว แค่นั่งอ่านไปเรื่อย ถาม : ถ้าเราขอบารมีพระท่าน ? ตอบ : ชอบหัวข้อไหนขึ้นมาก็คว้าไปทำแล้วจะได้ดี ถ้ามีความชอบแสดงว่าของเก่ามีอยู่ ทำก็จะได้ผลเร็วกว่า แต่ถ้าทำไปเรื่อยเปื่อย บางอย่างเท่ากับเริ่มต้นใหม่ ก็ช้าหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
ถาม : การสร้างพระองค์โตไปไว้ที่วัด จำเป็นไหมคะ ?
ตอบ : ถามว่าจำเป็นไหม ? ถ้าคนตายลำบากนี่จำเป็นมาก แต่ต่อให้สบายแล้วเขาก็ยังอยากได้บุญส่วนนี้ เพราะว่าเรื่องของพระพุทธรูปสร้างไป ถ้าใครได้บุญกุศลส่วนนั้นจะมีรัศมีกายสว่างมาก ในภพอื่น โลกอื่น เขาวัดกันที่รัศมีกายว่าใครมีศักดานุภาพมากกว่า ยิ่งสว่างมากก็ยิ่งมีอานุภาพมาก ถาม : เราสามารถที่จะทำได้ไหมคะ ? ตอบ : ถ้าทำได้โดยไม่ลำบากก็ทำ ไม่ต้องเยอะหรอก ใหญ่สุดสักขนาดหน้าตักประมาณสามสิบนิ้วก็พอ ขืนสร้างมากกว่านี้เดี๋ยวหมดเงินมาก พระพุทธเจ้าไม่มีประมาณอยู่แล้ว พุทโธ อัปปมาโณ จะองค์เล็กองค์ใหญ่อานิสงส์ก็มหาศาล ถาม : จำเป็นไหมคะที่ต้องตั้งเจตนาวัดใดวัดหนึ่ง ? ตอบ : ไม่ต้อง...ไว้ที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ไปบอกทางวัดก่อนว่าจะถวายพระพุทธรูป ให้ท่านเตรียมสถานที่ ๆ เหมาะสมไว้ให้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : ไทยรบกับพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า ไทยหลอกพม่าหรือเปล่า ?
ตอบ : พม่าเขาเจตนาจะตีไทยให้ได้ ไทยเราก็ได้รับบทเรียนแล้วว่า ที่อยุธยาแตกเพราะมัวแต่ตั้งรับอยู่ในเมือง จึงต้องออกไปรบกันข้างนอก ต่อให้แพ้ก็แปลว่ายังไม่เสียเมือง ท้ายที่สุดตรงจุดที่เห็นว่าเหมาะที่สุดก็คือที่ทุ่งลาดหญ้า ถาม : ที่ทุ่งลาดหญ้ามี...(ไม่ชัด).. ตอบ : จำไม่ได้แล้วเพราะนาน จำได้แต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยไปช่วยเขาอยู่ประมาณ ๒๐๐ กว่าคน เจ้าของบ้านเขาเดือดร้อนจนอยู่แถวนั้นไม่ได้ เขาไปขอให้ช่วยหน่อยก็เลยไปดู ปรากฏว่าเป็นกองทัพจากศึกทุ่งลาดหญ้า ทั้ง ๒๐๐ กว่าคนนี้ได้รับคำสั่งว่าให้ไปตาย จะยอมอาสาไหม ? เขาก็ยอม คำว่าให้ไปตาย ก็คือไปรบเพื่อยั่วให้ทหารพม่าไล่ตาม จนกระทั่งถลำเข้ามาในวงล้อม ก็แปลว่าทั้งหมดนั้นตั้งใจไปตายตั้งแต่แรก เขาก็เลยรบลักษณะที่เรียกว่าถวายชีวิต ในเมื่อเจอกำลังรบในลักษณะอย่างนั้นทหารพม่าจึงสูญเสียมาก กองทัพใหญ่เกิดโทสะก็ไล่เข้ามาเรื่อย กระทั่งถลำเข้ามาในวงล้อมของไทย อาตมาก็เลยให้เขาไปเลี้ยงพระ ๙ รูป ถวายสังฆทานมีพระพุทธรูป อุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้โดยเฉพาะ เรื่องถึงได้สงบ ไม่อย่างนั้นบ้านนั้นไม่มีใครอยู่ได้ วันดีคืนดีเขาก็ออกมารบกันอีโหล่งโฉ่งเฉ่งอยู่ตรงนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:18 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมเขายังไม่ไปเกิด ?
ตอบ : เวลาของเขาแค่ ๓ - ๔ วันเอง เพราะ ๕๐ ปีของเราเท่ากับ ๑ วันของเขา สองร้อยกว่าปีเพิ่งจะไม่กี่วัน ถาม : เขาอยู่ในสภาพผีหรือเทวดา ? ตอบ : ก็ผีนั่นแหละ เป็นสัมภเวสีอยู่ตรงนั้นแหละ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าแรงกรรมฉุดอยู่ เนื่องจากจิตที่มุ่งต่อหน้าที่ ไม่ยอมปลดตัวเองออกมา ก็เลยไปไหนไม่ได้ จึงติดอยู่แค่นั้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้เสียสละมาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไปตายยังเต็มใจไป ถาม : ไม่เท่ากับฆ่าตัวตายหรือครับ ? ตอบ :คนละอย่างกัน..นี่เขาตายเพื่อรักษาหน้าที่ รักษาชาติบ้านเมืองให้เรา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ :ถ้าใครอยู่ที่สูงกว่าจะสอนที่ต่ำกว่าได้ทั้งหมด ในเมื่อสอนที่ต่ำกว่าได้ทั้งหมด ถ้าท่านไปถึงระดับนั้นแล้วก็สอนได้ทั้งนั้น แม้แต่ท่านปู่พระอินทร์หรือว่าท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมก็ถามได้ยันอารมณ์พระอรหันต์เลย เพราะถ้านับแล้วก็คือท่านเป็นพระอรหัตมรรค แต่ที่ท่านยั้งเอาไว้เพราะว่าต้องรอให้พ้นวาระหน้าที่แล้วถึงไป ถ้าไม่รอท่านไปนานแล้ว รอให้หมดวาระการอยู่ในตำแหน่ง เหมือนอย่างเรียนจบแล้ว รอวันรับปริญญาบัตรเท่านั้น ฉะนั้น..ท่านอยู่ลักษณะของพระอรหัตมรรคก็จริง แต่ท่านบอกว่าถามได้ยันพระอรหัตผลเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:31 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
ถาม : พอดีย้ายบ้านแล้วมีคนทำของเข้า ?
ตอบ : ถ้าหาธงมหาพิชัยสงครามหรือยันต์เกราะเพชรของวัดท่าซุงรุ่นเก่าได้ ก็เอานั่นแหละไปใช้ ถ้าไม่ได้ก็เอายันต์เกราะเพชรของตรงนี้แหละไปติดไว้ แล้วอาราธนาทุกวัน พวกนี้เราอยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรเขาหรอก เขาทำอะไรมาเดี๋ยวก็ย้อนกลับไปเอง ดูของเก่าวัดท่าซุงก่อนนะจ๊ะ เอาครูบาอาจารย์ของอาตมาก่อน ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ แล้วค่อยเอาที่นี่ไป ถาม : ต้องแก้ไขอย่างไรคะ ? ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ เพราะถ้ามียันต์เกราะเพชรหรือธงมหาพิชัยสงคราม แล้วอาราธนาทุกวัน เขาทำอะไรเราจะย้อนคืนไปหลายเท่า วัตถุมงคลเหล่านี้เป็นศัตรูกับเรื่องของไสยศาสตร์โดยตรงเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:33 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อภัยให้เขาเถอะ คนที่เขาทำลักษณะอย่างนั้นเขาต้องลงที่ต่ำแน่ ๆ แทนที่จะโกรธเขาก็สงสารเขาเถอะ ถ้าหาทางช่วยเขาได้ก็ช่วย อาตมาไปอยู่ที่อื่น รูปหล่อหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อวัดท่าซุงจะเก็บไว้ในห้องตัวเอง เพราะถ้าไว้ข้างนอก พวกปากเสียจะเดือดร้อนอีกเยอะ เนื่องจากหลวงพ่อวัดท่าซุงมีอะไรท่านก็ว่าตรง ๆ คนที่เขาเชื่อก็ได้กำไร คนที่ไม่เชื่อแค่เสมอตัว แต่คนไม่เชื่อแล้วปรามาสด้วยจะขาดทุนเยอะ ฉะนั้น...ตัวเราไม่ควรจะเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นเขาด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็เลยต้องหาทางช่วยเขาด้วยการเก็บไว้ในห้องของตัวเอง อย่าให้คนอื่นเห็น คุณลองดูซิว่าไปวัดท่าขนุนเห็นรูปหลวงปู่ปานหรือหลวงพ่อวัดท่าซุงไหมเล่า ? ไม่มีหรอก..ขืนเอาไปเดี๋ยวพวกนั้นซวยกันอีกเยอะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:35 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
หลังจากมีเด็กมาขอพรวันเกิด พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กอยู่ในช่วงเจริญขึ้น คนแก่อยู่ในช่วงเสื่อมลง คราวนี้การเจริญขึ้น คนที่มีปัญญาเขาเห็นว่าจริง ๆ กำลังก้าวไปหาความเสื่อม เพราะฉะนั้น..บางทีแล้วการปฏิบัติดูจะสวนทางกับคนทั่ว ๆ ไป เขาเห็นว่าเป็นความดี ความงาม ความเจริญ แต่เราเห็นว่ากำลังก้าวไปสู่ความเสื่อม
ฝรั่งเขาถึงบอกว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เน้นในเรื่องของความทุกข์ ทำให้คนไม่อยากจะมาปฏิบัติ อะไร ๆ ก็ทุกข์ ได้ยินแล้วเศร้าหมอง เขาว่าเป็นศาสนาที่มองโลกในแง่ร้าย..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:35 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
ถาม : อานาปานสติเป็นพื้นฐานกรรมฐาน ถ้าเป็นกสิณจะต้องมีอานาปานสติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีแล้วคุณจะทรงกสิณได้อย่างไร ? คำภาวนา "ปฐวีกสิณัง อาโปกสิณัง" ทุกอย่างต้องควบลมหายใจเข้าออกหมด ถ้าไม่ควบลมหายใจเข้าออก สมาธิจะไม่ทรงตัว ภาพกสิณก็ตั้งมั่นไม่ได้ พูดง่าย ๆ ว่ากรรมฐานอะไรก็ตาม ถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออกอย่างเก่งก็ทรงตัวได้พักเดียว ถ้าไม่มีตัวสมาธิคอยช่วย การจะเข้าถึงที่สุดของกรรมฐานกองนั้นก็ไม่มี สมาธิจะเกิดได้ด้วยการดูลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ถาม : ในอานาปานสติ ภายในคืออะไร ภายนอกคืออะไร ? ตอบ : ภายในคือลมหายใจของเราเอง ภายนอกก็คือร่างกายนี้ หรือถ้ามีปัญญามากพอก็ดูเกินร่างกายนี้ไปที่ร่างกายคนอื่นก็ได้ แต่การที่เราจะไปดูร่างกายคนอื่น ส่วนใหญ่เป็นการส่งจิตออกนอก แล้วฟุ้งซ่านได้ง่าย เขาก็เลยเน้นว่ากายในคือลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก แล้วกายภายนอกก็คือกายตัวเอง ถาม : เป็นกายอย่างอื่นไม่ได้ ? ตอบ :เป็นกายอย่างอื่นได้ แต่ส่งไกลไปเดี๋ยวคุมไม่อยู่ ถาม : อิริยาบถภายในคืออะไร ภายนอกคืออะไร ? ตอบ : อิริยาบถภายในก็คือตัวสติที่ควบคุม แล้วภายนอกก็คืออาการเคลื่อนไหวของร่างกาย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:37 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
ถาม : คุณพ่อคงอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน จิตสุดท้ายก่อนที่เขาจะตาย เราจะช่วยเขาได้อย่างไรบ้างให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี ?
ตอบ : เปิดพวกเสียงสวดมนต์หรือเสียงเทศน์ให้ฟังทุกวัน เขาจะได้ชิน ถ้าไม่ใช้เสียงสวดมนต์ก็ใช้เสียงเทศน์หลวงปู่หลวงพ่อท่านไหนก็ได้ ให้ใจเกาะอยู่กับพระ ถ้ามีเสียงพวกนี้แล้วใจเขาจะเกาะพระเอง บอกให้เขาตั้งใจฟังหรือถ้าสวดตามได้ก็สวดไปเลย ถาม : เขานั่งสมาธิเป็นปกติ ตอบ : ถ้าอย่างนั้นไม่น่าห่วงหรอก ที่น่าห่วงคือพวกเราเอง ถาม : หมอบอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน ๖ เดือน ตอบ : ไม่จริงหรอก มีแต่อยู่นานกว่านั้น เมื่อครู่คุณน้าคนหนึ่งเขามาบอกว่า หมอเขาบอกว่าน้าอีกคนหนึ่งจะอยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน อาตมาเถียงว่าเกิน หมอเขาคำนวณตามหลักวิชาการ แต่พระเราว่าไปตามกรรม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:38 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
ถาม : ปฏิกูลบรรพภายในคืออะไร ?
ตอบ : ความสกปรกที่เราเห็นอยู่ มีทั้งข้างในร่างกายและข้างนอกร่างกาย ที่ไหลออกมาก็คือข้างนอก ที่ยังไม่ได้ออกมาก็คือข้างใน อย่างพวกเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง กระทั่งอุจจาระปัสสาวะที่อยู่ข้างในก็ได้ ถาม : ถ้าเป็นอสุภะ ภายในคืออะไร ? ตอบ : พวกนั้นจะเห็นว่าสภาพของศพคนอื่น กับสภาพของตัวเราไม่ช้าก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นภายในก็คือตัวเราเอง ภายนอกก็คือศพนั้นแหละ ถาม : แต่ละอย่างคนละแบบเลย ตอบ : ต้องทำเอง ถ้าไม่ทำแล้วจะไม่เข้าใจ สิ่งที่ท่านบอก พอถึงเวลาทำไป ๆ แล้วจะอ๋อ...ที่แท้อย่างนี้ ถ้าขาดตรงจุดนี้บางทีว่าไปก็ไม่ใช่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:39 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
ถาม : เวทนาภายในกับภายนอกเล่าครับ ?
ตอบ : เวทนาภายในจริง ๆ ก็เอาความรู้สึกคืออารมณ์ของเรา เวทนาภายนอกก็คืออาการที่เกิดกับร่างกาย อาการที่เกิดกับร่างกายเป็นส่วนหนึ่ง ความรู้สึกภายในใจเราเป็นอีกส่วนหนึ่ง ถ้าความรู้สึกไปเสพเสวยเมื่อไรจะเป็นเวทนาภายใน ถ้าความรู้สึกไม่เสพเสวย อาการนั้นจะเป็นเวทนาภายนอก คือสักแต่ว่าเกิดกับร่างกายเท่านั้น ถาม : อย่างนี้สิ่งที่มากระทบกับผิวหนัง ? ตอบ : ไม่ต้องอย่างนั้นก็ได้ ความเจ็บปวดในร่างกายก็ได้ ถ้าใจเรายังไม่ไปรับก็ยังเป็นภายนอก ถ้ารับเข้ามาเมื่อไรเป็นภายใน ถาม : ส่วนใหญ่เป็นภายในทั้งนั้น ตอบ : แทบทั้งนั้น รับไปเต็ม ๆ ถาม : มิน่าล่ะ ขั้นตอนในมหาสติจึงยาก ตอบ : ถึงได้บอกว่าหลักการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา มหาสติปัฏฐานสูตรกับอภิธรรมยากมาก เพราะไม่ได้สอนบุคคลทั่วไป สอนเฉพาะคน เพราะว่าชาวกัมมาสะธัมมะสมัยนั้นปัญญาสูงมาก ขนาดนกที่เลี้ยงไว้ยังฝึกกรรมฐานเลย แล้วคนจะขนาดไหน ? ถาม : ถ้าแบ่งเป็นปัญจทวารกับปฐมทวาร ? ตอบ : จะแบ่งอย่างนั้นก็ได้ แต่คราวนี้ว่าในแต่อย่างที่แตกต่างไม่เหมือนกัน ความเป็นภายในกับภายนอกก็ไม่เหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:40 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
ถาม : แล้วจิตในจิต แยกภายนอกภายในอย่างไรครับ ?
ตอบ : อันหนึ่งก็คือสภาพจิตแท้จริงของเราที่เป็นภายใน อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต ภาษานักธรรมเขาเรียกว่าชวนะ เป็นภายนอก ถ้าเอาตามสายหลวงปู่มั่นท่านใช้คำว่าจิตกับใจ ก็คือตัวผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรับรู้ คราวนี้ท่านใช้คำเดียวกัน เป็นอาการของจิตที่เคลื่อนไปรับรู้ในสิ่งต่าง ๆ กับสภาพตัวจิตที่แท้จริง ถึงได้บอกว่าตัวเรา ตัวผู้รู้ กับสิ่งที่รับรู้เวลามาสัมผัส เขาเรียกว่าชวนะ การเคลื่อนไปของจิต มีภายในภายนอก ถาม : จิตที่รับรู้ภายในคือธรรมารมณ์ ? ตอบ : สภาพจิตที่เป็นตัวตนจริง ๆ ก็คือภายใน ธรรมารมณ์ต่าง ๆ เป็นภายนอก ถาม : หมายถึงภวังคจิต ? ตอบ : จะเรียกว่าภวังคจิตก็ไม่ใช่ หากแต่คือตัวรับรู้ ตัวรับรู้เป็นภายใน สิ่งที่เข้ามาให้รู้เป็นภายนอก ถาม : จิตไปรับรู้อารมณ์ตลอด ? ตอบ : รับไปตลอด ถ้าเราไม่ได้ฝึกให้มั่นคงพอ กำลังของจิตก็จะหมดไปเพราะว่าเสพเสวยสิ่งต่าง ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ ก็เลยทำให้เราไม่มีกำลังพอที่จะสู้กับกิเลส ก็เลยจำเป็นที่เราจะต้องรู้จักยับยั้ง หยุดสภาพจิตของเรา เพื่อที่จะรักษากำลังของเราไว้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2013 เมื่อ 15:41 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|