|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์สนทนากับพ่อของสามเณร "เลี้ยงลูกต้องฝึกให้ลูกเอาตัวรอดให้ได้ เราอายุมากอย่างไรก็ไปก่อนเขาแน่ คิดกันง่าย ๆ ว่า ถ้าเราเป็นอะไรไป ลูกอยู่ไม่ได้ก็อนาถสุดชีวิต เพราะฉะนั้น...ต้องให้เขาทำอะไรได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด
คนไหนที่มีจิตสำนึก รู้จักเก็บไปนี่จะได้อะไรจากการบวชเยอะมาก ถ้าพวกประเภทไปถึงก็บ่น “ทำไมพ่อแม่ทิ้งมาให้เราลำบากลำบนขนาดนี้” พวกนั้นไม่ค่อยได้อะไรหรอก มัวแต่ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาอยู่ ไปนึกถึงนายอาร์ตพี่ของลูกจ๊ะเอ๋ สมัยก่อนร้องห่มร้องไห้ในบึงลับแล เพราะว่าโดนท่านกอล์ฟหลอก “หลวงน้า ในบึงมีเสือไหม?” "มีสิ” “แล้วถ้าเสือมาจะทำอย่างไร ?” “ก็วิ่งหนีสิ” “แล้วหลวงน้าไม่กลัวเสือหรือ ?” “จะไปกลัวอะไร หลวงน้าขายาวกว่า วิ่งหนีทัน เอ็งวิ่งช้ากว่ามีหวังโดนกินแน่” เณรอาร์ตนั่งร้องไห้เลย ถ้าเด็กฉลาดหน่อยก็น่าจะรู้จักคิด ว่าถ้าไปแล้วตายหลวงพ่อคงไม่พาไปหรอก คราวนี้เขาไม่รู้จักคิด คิดแต่ในด้านว่าป่านั้นน่ากลัว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-04-2017 เมื่อ 13:59 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เดี๋ยวพอไปบอกคนอื่นต่อ ก็ไม่เชื่อต่อไป คนยืนอยู่ในห้อง แต่ดันคิดว่าตัวเองยังเดินอยู่บนบันได พอคนอื่นบอกว่าอยู่ในห้องแล้วก็ไม่เชื่อสักที เออ...ก็เรื่องของมึงเถอะ..! อ๋อขึ้นมาวันไหนก็คงจะสงสัยว่า นี่กูรู้มานานขนาดนี้แล้วทำไมไม่ก้าวหน้าสักที ไปเถอะ....จริง ๆ ยังอาศัยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากความมั่นใจว่านรกมีจริงสวรรค์มีจริง จนกว่าเราจะใช้ตัดกิเลสได้นั่นถึงจะของจริง ไม่อย่างนั้นอย่างเก่งก็รู้มากกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเดียว ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ท้ายสุดเมื่อพอแล้วก็ไม่เอาอะไร เลิกอยากรู้อยากเห็น เหลืออย่างเดียวคือทำอย่างไรตัดกิเลสให้ได้ ทำอย่างไรที่จิตของเราไม่ให้เอียงไปในเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 20:44 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่จำเป็น ไม่ได้อยู่ที่ใจ อยู่ที่มือ ตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ค่อยมีอะไรห้ามปรามหรอก ท่านถือว่าบารมีพระไม่มีอะไรลบล้างได้ ขอให้ไม่ปรามาสเท่านั้น ปรามาสเมื่อไรก็ไม่มีใครลบล้างบารมีพระได้ เพียงแต่พระท่านไม่คุ้มครองเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 20:45 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : น้ำมันยางผสมน้ำผึ้งอย่างละเท่า ๆ กัน แก้ข้อเข่าเสื่อม ?
ตอบ : นั่นแหละ จะเอาแน่ ๆ ไปหาที่เขาเจาะเอาน้ำมัน ซื้อจากชาวบ้านเขามาสักขวดหนึ่ง ตอนที่ไปอยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ชาวบ้านรอบ ๆ เขายังเจาะน้ำมันยางกันอยู่แทบทุกบ้าน ถาม : ขวดขนาดเท่าไรครับ ? ตอบ : ขวดมาตรฐานขวดกลม ประมาณลิตรหนึ่ง ก็ผสมกับน้ำผึ้งหนึ่งลิตร รวมเป็นสองลิตร เขย่าให้เข้ากันดี กินยากมาก ลองดู...ตัวจะเหม็นไปเป็นปี ๆ เลย กลิ่นน้ำมันยางแรงมาก ถาม : กินแค่ไหน ? ตอบ : กินแค่หมด ถาม : ตัวจะเหม็นมาก ? ตอบ : ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่ายาถูกขับออกทางรูขุมขน จนกว่าฤทธิ์จะหมด ถาม : สรรพคุณ ? ตอบ : คนแก่สามารถเดินได้เหมือนคนหนุ่ม ถาม : ไขข้อล่ะครับ ? ตอบ : ต้องคนไขข้อเสื่อมปกติถึงจะช่วยได้ ไม่ใช่เกิดด้วยอุบัติเหตุ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 20:48 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายวัตถุมงคลที่สะสมมาว่า “ถ้าหากว่าเริ่มสละของหวงได้ ต่อไปก็ไม่มีอะไรให้อาลัยแล้ว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2017 เมื่อ 19:55 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาบอกกับพระที่วัดว่า ยาจินดามณีกินวันพระจะดีกว่า ปรากฏว่าพอขึ้นแปดค่ำก็กินกันกระจาย แต่ที่กินก่อนเพื่อนเลยคือใครรู้ไหม ? แม็กซีมเล่นกินเสาร์ห้าวันนั้นเลย พระที่ทำยังไม่แข็งตัวดี เล่นหั่นเป็นขนมเค้กเลย ๕ ชิ้น แล้วไม่รู้ว่าจะหั่นไปทำไม ? หั่นแล้วก็กินหมดทั้ง ๕ ชิ้น แบบนั้นกลืนไปทั้งองค์ก็หมดเรื่อง...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2017 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันทำบุญบ้านเติมบุญ อาตมาจะนิมนต์พระอาจารย์พิจารย์ วัดโพธิ์ผักไห่มาด้วย นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาให้ทำบุญกัน วัดโพธิ์ผักไห่แสดงว่ามีต้นโพธิ์ขึ้นแล้วมีผักไห่เลื้อยอยู่ด้วย รู้จักผักไห่ไหม ? ผักไห่เป็นภาษาโบราณ คือมะระขี้นก”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2017 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายสังฆทานว่า “ให้วางพระพุทธรูปไว้บนกล่อง อย่าวางไว้บนพื้น วางพระต่ำเดี๋ยวเราจะตกต่ำเสียเอง เห็นแล้วก็ต้องคอยเตือน เพราะกว่าจะรอให้เขาตระหนักรู้เองบางทีก็นานมาก ความเคารพในพระรัตนตรัยต้องขึ้นไปถึงในระดับหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าควรไม่ควรอย่างไร”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2017 เมื่อ 19:58 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันงานเป่ายันต์ฯ แม่ชีชื่นสั่งน้ำมาเข้าพิธีเป็นน้ำมนต์เสาร์ ๕ หนึ่งตู้คอนเทนเนอร์ ๘,๔๐๐ ขวด หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย อาจเป็นเพราะหน้าร้อน คนจึงอยากได้น้ำ พระท่านก็เมตตาสงเคราะห์มาก กราบเรียนถามว่าเป็นเพราะอะไร ท่านบอกว่าภาวะสงครามหรือการก่อการร้าย จะแผ่กระจายกว้างออกไป ไม่กี่วันเท่านั้นเองสหรัฐอเมริกาก็ล่อซีเรียเข้าให้
กลัวอยู่อย่างเดียวว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนจุดเดือดต่ำ ดีไม่ดีจะล่อด้วยนิวเคลียร์ แต่ถ้ามุสลิมลุกฮือเมื่อไร สหรัฐอเมริกาตาย...เพราะในสหรัฐอเมริกามีมุสลิมเกินครึ่งไปแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เมตตาให้คำสอนญาติโยมที่เดินทางไกลมาจากภูเก็ต "ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำความดีต้องฝืนกระแสโลก คราวนี้พอเราฝืนกระแสโลก เราจะทนคำคนอื่นได้ไหม ? ถึงเวลาคนโน้นก็ว่าบ้า คนนี้ก็ว่าบ้า จนหมดอารมณ์ที่จะทำ เราต้องสู้กระแสได้ เพราะของบางอย่างต้องพิสูจน์กันนาน ๆ ถึงจะรู้ว่าของพวกนี้จริงหรือไม่จริง
คราวนี้ระยะเวลา ถ้าเรายืนระยะไม่ได้ บางทีก็เสียประโยชน์เอง คนที่เขายืนระยะได้ สร้างบุญเก่ามาดี เขาเข้าก่อนเราไม่รู้นานเท่าไร เรารอจนอายุมากแล้วยังไม่ได้เข้า โดยเฉพาะเรื่องของศีล ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด ศีลคือพื้นฐานสมาธิ เราตั้งใจระวังไม่ให้ศีลขาดนั่นก็เป็นการสร้างสมาธิให้เกิด เพราะสติต้องระวังอยู่ตลอดเวลา คราวนี้ถ้าศีลทรงตัว สมาธิก็ง่ายแล้ว หลังจากที่สมาธิทรงตัว จิตจะนิ่งเหมือนกับน้ำ ถ้าน้ำกระเพื่อมอยู่ก็มองอะไรไม่เห็น แต่ถ้าน้ำนิ่งจะสะท้อนเงาลงไปทุกอย่าง ประเภทเห็นผี เห็นเทวดาอะไรทำนองนี้ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรก ๆ แล้วหลายคนก็เสียหมาไปเลย พอสภาพจิตเริ่มนิ่ง ก็เสียหมาทุกที บางคนเขาสงสัยว่า ให้หวยถูก ๓ งวด ๔ งวด งวดถัดไปคนไปกันเต็มวัดดันไม่ถูก ก็เพราะว่าพังไปแล้ว สภาพจิตไม่นิ่งแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง เริ่มเข้ามาแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 16:58 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมรุวัดท่าขนุนหลังนี้กิจการดีมาก ทันทีที่ตั้งโครงกับเตาเผาเสร็จ ศพก็เข้าแล้ว เผาแล้วเผาอีก ปรากฏว่าญาติโยมที่ไปงานศพวัดอื่น พอเห็นเมรุก็สั่งลูกหลานไว้เลยว่า ถ้าตายให้เอามาเผาที่วัดท่าขนุน บอกเขาไปแล้วว่าเผาฟรีไม่คิดอะไร ถ้าเกรงใจวัดก็ซื้อน้ำมันดีเซลมา ๖๐ ลิตร ๒ ชั่วโมงครึ่งเก็บกระดูกได้ เพราะว่าเผาเสร็จแล้วมีการเป่าให้เย็นด้วย ไม่ต้องรอกันข้ามวันข้ามคืน ไปเก็บกระดูกวันรุ่งขึ้นเหมือนกับที่อื่น
ที่สร้างเมรุขึ้นมาเกิดจากแนวคิดที่ว่า ทองผาภูมิของเราแขกผู้ใหญ่ขึ้นไปเยอะมากเลย พวกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ส.ส. ส.จ. นายพล นายพัน เต็มไปหมดเวลาไปงาน ประกาศเชิญขึ้นไปทอดผ้า แต่ว่าเมรุแต่ละหลังโทรมจนดูไม่ได้เลย ไม่สมเกียรติของคนตาย ในเมื่อไม่มีใครทำ อาตมาก็ทำเสียเอง แต่ทุกวันนี้เขาหาเมรุกันไม่เจอ คิดว่าเป็นพระเจดีย์ ขนาดมีประตูเมรุอยู่ เขายังคิดว่าเป็นประตูเข้าพระเจดีย์ บอกด้วยความภูมิใจว่า เมรุหลังนี้อาตมาออกแบบเอง เสียดายว่าไม่ใช่วิศวกร แล้วก็ไม่ได้จบสถาปนิกแบบไทยมา เลยออกแบบเป็นทรงแข็ง ๆ ไปหน่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 17:00 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาจะไปทิเบต ๑ อาทิตย์ ถามว่าทำไมไป ๑ อาทิตย์ ? เพราะว่ารัฐบาลจีนให้ไปได้แค่นั้น รัฐบาลจีนประกาศห้ามพระไทยเข้าประเทศเลย ต้องซิกแซ็กจนสุดชีวิตกว่าที่จะได้วีซ่ามา
จำได้ว่าโดยปกติวีซ่าประเทศจีนเขาให้เดือนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนไปเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เขาตัดเหลือ ๑๕ วัน งวดนี้ซิกแซ็กสุดชีวิตได้มาแค่ ๗ วัน ได้ตามตารางเวลาที่ไปเลย ถ้าหากว่าผิดพลาดแม้แต่ชั่วโมงเดียว ก็ติดคุกอยู่ที่ประเทศจีนนั่นแหละ ส่วนที่ต้องการเลยก็คือพระราชวังโปตาลา วัดโจคัง ทะเลสาบยัมดร๊อกโซ ที่เหลือแล้วแต่เขาจัดให้ ตั้งใจจะไปดูว่าตัวเองยังอยู่ไหม ? ...(หัวเราะ)... เขาทำพระเจดีย์บรรจุสังขารเอาไว้ แหม...ประเภทขอยากขอเย็น เรียกเอกสารรับรองตัวเอง เรียกแล้วเรียกอีก ๘ ครั้ง ๑๐ ครั้ง เรียกจนหมดอารมณ์ กูไม่ไปแล้วโว้ย..! วีซ่าพระจ่ายตั้ง ๕,๙๐๐ บาทเขายังไม่รับรองเลยว่าจะผ่านหรือเปล่า ? ท่านเจ้าคุณปิงไปได้เพราะเป็นผู้ช่วยเลขานุการประธานผู้ดูแลพระธรรมทูตในต่างประเทศอยู่แล้ว ท่านจะไปเมื่อไรก็ได้ แต่ของอาตมาไม่มีสิทธิ์ มีญาติโยมที่เขาอยากไป บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าไปได้ก็บอกเขาด้วย มีเวลาเตรียมตัวกันคนละวันสองวันเท่านั้นเอง เพราะต้องจองตั๋วเครื่องบิน งวดนี้ไปแพงด้วยเพราะต้องนั่งเครื่องบินภายใน คุนหมิง-ลาซา แล้วนั่งรถไฟจากลาซามาซีหนิง จากนั้นนั่งเครื่องบินซีหนิง-คุนหมิงอีกที"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 17:03 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งเตือนญาติโยมว่า เวลาทำบุญอย่าห่วงถ่ายรูป ไม่ว่าจะฝากคนอื่นถ่าย หรือว่าเซลฟี่เองก็ตาม เพราะว่ากำลังใจของเราไม่ได้มุ่งมั่นกับทานตรงหน้า ทำให้อานิสงส์น้อยลงยังไม่พอ อาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยอีกด้วย
อาตมาเคยแกล้งพูดไว้ว่า สมัยก่อนทำบุญเขาบรรลุมรรคผลกันเร็วเพราะว่าไม่ห่วงถ่ายรูป สมัยนี้ห่วงถ่ายรูป จิตใจเป็นกังวล แทนที่จะทำแล้วได้มรรคได้ผล ก็เลยไม่ได้อะไรสักที ได้แต่รูปลงเฟซบุ๊ก ต้องบอกว่าเป็นไปตามยุคสมัย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแล้วแย่ลง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 18:03 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
![]()
"โดยปกติแล้วหลักธรรมของพระพุทธเจ้าช่วยให้บรรลุมรรคผลได้ทุกลำดับ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า การให้ทานบรรลุมรรคผลได้อย่างไร ? หลวงพ่อวัดท่าซุงกราบทูลว่า การให้ทานต้องมีกำลังใจในการเสียสละ พอเสียสละบ่อย ๆ ไม่รู้สึกว่า "เสีย" ก็ "สละ" อย่างเดียว พอสละไปบ่อย ๆ ส.เสือหายไปเหลือแต่ "ละ" คำเดียว
เรื่องของการให้ทานมีหลายระดับ ญาติโยมส่วนหนึ่ง ให้ทานแล้ววางอุเบกขาไม่เป็น ก็เลยมีอานิสงส์น้อย คำว่า วางอุเบกขาไม่เป็น คือให้ไปแล้วยังไปตามเช็คว่า ได้กิน ได้ใช้ของเราหรือเปล่า ? ให้แล้วก็เป็นสิทธิ์ของท่านไปแล้ว จะไปยุ่งอะไรกับท่านมากมาย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 18:04 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
![]()
"ตอนที่หลวงพ่อสิงห์ทองท่านยังอยู่ มีคุณนายท่านหนึ่งเอาลิ้นจี่ไปถวาย คราวนี้ถ้าเอาไปถวายทั้งพวงพระธรรมยุตท่านฉันไม่ได้ ท่านถือว่ายังงอกเป็นต้นได้ ก็ต้องมีการปอกเสียก่อน คราวนี้มีคนใจเดียวกันเอาลิ้นจี่ไปถวายหลายคน คุณนายท่านก็ปอกของคนอื่นกองขึ้นมาเรื่อย แล้วเอาของตัวเองโปะหน้าไว้ อย่างไรหลวงพ่อก็ต้องฉันของเราแน่ ๆ
ปรากฏหลวงพ่อสิงห์ทองรับมา ท่านใช้นิ้วล้วงเข้าไปข้างใน หยิบจากข้างใน สั่งสอนให้เห็นซึ่ง ๆ หน้าเลย คือพระธรรมยุตเวลาท่านฉัน หัวแถวรับแล้ว หยิบหรือตักในส่วนที่ตัวเองพอใจ จากนั้นส่งให้ท่านที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ไปจนท้ายแถว สมัยหลังใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ใช้ถาดไม้ลักษณะเหมือนกับตั่งเล็ก ๆ แล้วมีล้อเข็น ถึงเวลาโยมเขาวาง ท่านตักเสร็จก็เลื่อนต่อไปเรื่อย ๆ แต่สมัยอาตมาวิ่งรับใช้ครูบาอาจารย์รุ่นนั้นอยู่ อย่างดีก็ส่งถาดส่งจานต่อ ๆ กันไป คุณนายทำอยู่ในครัว หลวงพ่อไม่ได้ไปเห็นด้วยหรอก แต่ท่านรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ก็เลยสอนให้รู้ว่าให้ทานแล้วต้องรู้จักอุเบกขา พอถึงเวลาส่งจานมาประเคน ท่านก็ล้วงเอาตรงกลาง รับประกันคุณนายคิดไม่ได้หรอก นอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์อย่างแน่นอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 18:06 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามว่าการที่พระอาจารย์ท่านสามารถรู้แม้กระทั่งความคิดของเรา เป็นเรื่องที่ฝึกยากไหม ? ส่วนใหญ่ไม่ต้องฝึก เหตุที่ไม่ต้องฝึกเพราะถ้าเราสามารถตามความคิดตัวเองทัน ตามจิตตัวเองทัน เห็น รัก โลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้นแล้วระงับได้ทัน ก็สามารถรู้ใจคนอื่นได้เหมือนกัน ก็แปลว่าเริ่มที่ตัวเองก่อน เมื่อตัวเองทำได้ ของคนอื่นที่เท่ากันหรือต่ำกว่านี้ก็เป็นเรื่องเล็ก สามารถรู้ได้
แต่ส่วนใหญ่แล้วก็น่ารำคาญ เพราะเขาก็ช่างคิด ช่างปรุง ช่างแต่ง ไปตามสภาพของเขา แม้กระทั่งอาตมาก็รำคาญ คนอยู่รอบข้างคิดอย่างนั้นคิดอย่างนี้ "เดี๋ยวคนโน้นมา คนนี้มา เดี๋ยวจะมาแย่งความรักจากหลวงพ่อไปจากเรา" อยากจะฝากรักให้สักพลั่ก...! อาตมาถนัดในการทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมานานแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 18:07 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
![]()
มีโยมเอาหมอนมาถวาย "หมอนที่โยมถวายมา ความจริงผิดพระวินัย พูดง่าย ๆ ก็คือพระใช้ไม่ได้ พระวินัยท่านห้ามพระหนุนหมอนกึ่งกาย หมอนที่จะหนุนได้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกประเภทหมอนขิด หมอนไม้ อะไรประมาณนั้น พูดง่าย ๆ คือเอาหัวแตะได้ แต่ตัวห้ามโดน อาตมาแก้ปัญหาโดยการเอาผ้าม้วน ๆ แล้วหนุนไปเลย...หมดเรื่อง ไม่ต้องไปหนุนหมอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2017 เมื่อ 18:30 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ที่บอกว่าใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน ผมยกตัวอย่าง คือ เราชอบของสองอย่างเหมือนกัน ในของที่เราชอบมากกว่า เราใช้กำลังตัดได้ยากกว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน หมายถึงว่า กำลังใจในการตัดของที่คุณชอบ เท่ากับกำลังใจที่คุณตัดคนเกลียดออกจากใจ ไม่ได้แปลว่าตัดของอย่างเดียวกันที่เป็นตัวโลภเหมือนกัน พูดง่าย ๆ ว่าจะตัดรัก ตัดโลภ ตัดโกรธ ตัดหลง ใช้กำลังใจเท่ากัน ไม่ใช่โลภในของ แต่ว่าของที่เราไม่ชอบ เราสามารถให้คนอื่นได้ง่ายกว่า นั่นเป็นการตัดโลภเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2017 เมื่อ 18:31 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์พูดถึงทิเบต "ไปครั้งนี้คณะของอาตมาต้องนั่งรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ นานถึง ๒๕ ชม. ผ่านอุทยานเขอเข่อซีหลี่ และผ่านทุ่งหญ้า อากาศปกติช่วงนี้ของเขาอยู่ที่ ๖ – ๑๕ องศาเซลเซียส ถ้าหน้าหนาวก็ติดลบ
ลาซานี่บ้านของอาตมาเอง ไปแล้วคงไม่กล้าเรียกร้องอะไร เดี๋ยวจะมีคนสนองความต้องการบานเบิก อาตมาเคยเกิดอยู่ที่นั่นบ่อยมากเลย สมัยนั้นมักจะเกิดร่วมกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ จะไปดูว่าศพของตัวเองยังอยู่ไหม ? (เกิดเป็นพระหรือคะ ?) เป็นพระลามะ คือธรรมเนียมของทิเบต ถ้าครอบครัวไหนมีลูกชาย อย่างน้อยต้องส่งไปบวช ๑ คน ถ้าครอบครัวนั้นมีแต่ลูกสาว พอลูกสาวแต่งงานแล้วพ่อต้องไปบวช ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะเท่ากับว่าแทบจะต้องเป็นพระกันทั้งประเทศ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2017 เมื่อ 18:33 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ลำบากตัวช่างมัน ให้ใจสบาย ลำบากกาย ให้ใจเป็นสุข ลำบากกายด้วย ลำบากใจด้วยเครียดตายชัก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2017 เมื่อ 02:02 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|